นายท่านห้าเฉิงมีความคิดจะทดสอบ จึงตั้งใจบอกเล่าสถานการณ์อย่างคลุมเครือ
เฉิงชิงจึงได้แต่เพียงวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งสามหนึ่งรอบ
สถานการณ์แรกคือความรัก ความโปรดปรานของโอรส์คือดาบสองคม ไม่ว่าจะเป็สนมคนโปรดหรือบุตรแห่งครอบครัว์ ยามปกติผู้ที่ได้รับความโปรดปรานมักจะประสบความอิจฉาไม่มากก็น้อย แม้กระทั่งคดีใหญ่อย่างการยักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ โอรส์ยังต้องปกป้องให้รอดพ้นจากแรงกดดัน ผู้ที่อยู่รอบนอกเกรงว่าจะอิจฉาจนเป็บ้าไปจริงๆ!
คือความอิจฉาและก็เกี่ยวกับผลประโยชน์ โอรส์มีเพียงหนึ่งเดียว ผู้ที่ได้รับความโปรดปรานเพียงจำนวนน้อยนิดก็อาจจะร่วงหล่นไปอยู่ในคนจำนวนมากได้
“หากโอรส์ปกป้องผู้ที่พระองค์โปรดปราน วังหลังและราชสำนักล้วนยากที่จะมั่นคงสงบสุขได้ ท่านปู่หกไม่จำเป็ต้องลงมืออยู่เบื้องหน้า สามารถรอโอกาสที่เหมาะสมเพื่อลงมือ”
เฉิงชิงกล่าวอย่างอ้อมค้อม ความหมายแสดงถึงความเข้าใจอย่างชัดเจน หากให้ผู้อื่นลงมืออยู่เบื้องหน้า ท่านปู่หกแห่งเมืองหลวงคอยเก็บกวาดอยู่เื้ั ไม่ว่าโอรส์คิดจะเอนเอียงเข้าข้างผู้ใด ขุนนางใหญ่ผู้มีอิทธิพลในราชสำนักจะตั้งตนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับโอรส์อย่างไร นายท่านหกเฉิงไม่จำเป็ต้องไปล่วงเกินใคร เพียงหาโอกาสชำระล้างมลทินบนตัวของเฉิงจือหย่วนจนสะอาดก็เป็ใช้ได้แล้ว
เคราแพะของนายท่านห้าเฉิงสั่นเบาๆ
นี่คือบุตรชายของเฉิงจือหย่วนจริงหรือ?
“หากเป็เพราะความเคารพ เ้าจะทำอย่างไร!”
“หากเป็เพราะความเคารพ… ท่านปู่ ความคิดของข้าก็เป็เช่นเดียวกับความรัก คนในตระกูลเฉิงของพวกเรามีไม่น้อยเลยที่เข้าราชสำนักเป็ขุนนาง แต่กลับไม่ผู้ใดเข้าเน่ยเก๋อ เลยไม่อาจช่วยเหลือท่านปู่หกให้คืบหน้าและฉุดท่านปู่หกให้ถอยหลัง ไม่อาจนำบิดาข้าและคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติมารวมกันได้ ตระกูลเฉิงของพวกเราไม่ต้องถึงกับไปขัดแย้งกับผู้อื่นด้วยเหตุผลนี้”
นาท่านหกเฉิงคิดที่จะเข้าเน่ยเก๋อหรือไม่?
ย่อมต้องคิดอยู่แล้ว
ราชวงศ์เว่ยก็เหมือนกับราชวงศ์ิ ไม่มีอัครเสนาบดีที่ทำหน้าที่ทั้งหมดเพียงผู้เดียว อำนาจของอัครเสนาบดีถูกเน่ยเก๋อแบ่งไป เน่ยเก๋อคือหน่วยงานที่ช่วยเหลือโอรส์ดูแลราชการแผ่นดิน และยังเป็หน่วยงานที่แบ่งอำนาจของโอรส์ไป โอรส์พึ่งพาขุนนางใหญ่ในเน่ยเก๋อเป็อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็ป้องกันการใช้อำนาจเด็ดขาดของเน่ยเก๋อ ราชวงศ์เว่ยก่อตั้งมาร้อยกว่าปี โอรส์ในประวัติศาสตร์และเน่ยเก๋อมักจะปะทะกันบ่อยครั้ง…
สามารถกล่าวได้ว่า ขุนนางทั้งราชวงศ์เว่ยต่างถือว่าการเข้าเน่ยเก๋อคือเป้าหมายในการ่ชิง อำนาจมากมายเกียรติยศสูงส่ง ยามนี้นายท่านหกเฉิงเป็ขุนนางขั้นสองในเมืองหลวง หากไม่คิดจะเข้าเน่ยเก๋อนั่นสิแปลก!
เฉิงชิงเชื่อมั่นว่าคนในตระกูลจะสามารถช่วยให้เฉิงจือหย่วนพ้นโทษได้ เฉิงจือหย่วนคือหลานชายของท่านปู่หก หลานชายถูกกล่าวหาด้วยความผิดเช่นนี้ ศักดิ์ศรีของท่านปู่หกย่อมมัวหมอง ไม่อาจแน่ใจว่าวันใดจะถูกฝ่ายตรงข้ามขุดเื่นี้มาเล่นงานและฉุดท่านปู่หกให้ถอยหลัง
แต่หากการชำระล้างมลทินให้เฉิงจือหย่วนทำให้ท่านปู่หกต้องขัดแย้งกับขุนนางใหญ่ผู้มีอิทธิพลท่านอื่นๆ เฉิงชิงก็รู้สึกว่าท่านปู่หกต้องไม่ยินยอมเป็แน่
เป็หลานชายไม่ใช่บุตรชาย เมื่อชั่งน้ำหนักดู หากราคาที่ต้องจ่ายสูงเกินไป แล้วจะเสี่ยงไปทำไมกัน?
หากเป็บุตรชายแท้ๆ ก็ไม่แน่ว่าจะสำคัญกว่าอนาคตของตัวท่านปู่หกเอง
ไม่มีบุตรชายแล้วก็ค่อยให้กำเนิดใหม่ได้ แต่หากอนาคตของตัวท่านปู่หกเองถูกขัดขวาง การเติบโตของทั้งตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ก็จะได้รับความเสียหายอย่างหนักด้วยเช่นกัน!
สิ่งสำคัญที่สุดของคนเราคือเห็นแจ้งถึงคุณค่าของตนเอง เฉิงจือหย่วนสำคัญต่อครอบครัวของเฉิงชิงมาก แต่ไม่นับว่าเป็อันใดต่อตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ทั้งหมด
เฉิงชิงไม่มีความรู้สึกพอใจ ปีนั้นเฉิงจือหย่วนดื้อรั้นจะไปจากหนานอี๋ ละทิ้งการสอบจิ้นซื่อต่อ หายไปหลายปีก็เป็นายอำเภอขั้นเจ็ด เดิมหลายปีนี้ก็ไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ ไยตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋จะต้องเทหมดหน้าตักเพื่อเฉิงจือหย่วนด้วย?
เฉิงชิงสมองปลอดโปร่งพอแล้วถึงค่อยคิดจะพูดคุยเปิดอกกับนายท่านห้าเฉิงสักครั้ง
นางไม่กลัวตระกูลเฉิงจะรู้สึกว่าราคาที่ต้องจ่ายมากเกินไปจึงหยุดระหว่างทางที่จะพลิกคดีให้เฉิงจือหย่วน แต่กลัวว่าเมื่อนายท่านหกเฉิงแห่งเมืองหลวงเห็นว่าหมดหวังที่จะพลิกคดีให้เฉิงจือหย่วนแล้ว จะเห็นคุณธรรมก่อนคนในครอบครัวอย่างตรงไปตรงมา ทั้งยังซ้ำเติมเฉิงจือหย่วนด้วยตนเอง
หากเป็เช่นนั้นก็คงสายเกินไปแล้ว ราชสำนักเห็นว่าเขาเป็ขุนนางต้องโทษที่ยักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ อาในตระกูลเดียวกันก็จะอับอายที่ไปข้องเกี่ยวด้วย ไม่แน่ว่าตระกูลเฉิงจะขับไล่เฉิงจือหย่วนออกจากตระกูลอย่างตรงไปตรงมา… เฉิงชิงเองก็ต้องโดนด้วย นี่สิถึงจะถือเป็นรกจำลองอย่างแท้จริง!
นายท่านห้าเฉิงมองเฉิงชิงแล้วมองอีก “เ้าสามารถแยกแยะหนักเบาได้อย่างชัดเจน”
เฉิงชิงหัวเราะ “ท่านปู่หกต่างหากถึงจะเป็ความหวังของวงศ์ตระกูลขอรับ เป็แกนกลางของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋อย่างแท้จริง มีท่านปู่หกอยู่ บุตรหลานตระกูลเฉิงที่เข้าไปเป็ขุนนางในราชสำนักก็จะมีผู้ดูแล สถานศึกษาหนานอี๋ถึงจะเป็ของตระกูลเฉิง ภายใต้รังที่พลิกคว่ำไม่มีไข่ที่สมบูรณ์[1] ทั้งหมดล้วนให้ความสำคัญกับท่านปู่หก เหตุผลนี้ข้าก็ยังคงเข้าใจขอรับ”
นายท่านห้าเฉิงทอดถอนหายใจอยู่นาน
คำพูดนี้ของเฉิงชิงตรงไปถึงส่วนลึกภายในจิตใจของเขา ผู้นำตระกูลย่อมชมชอบที่ได้เห็นบุตรหลานภายในตระกูลมองภาพรวม ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตระกูล หากไม่มีตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ บุตรหลานตระกูลเฉิงที่เป็ขุนนางในราชสำนักก็ยากที่จะก้าวหน้าได้
เด็กหนุ่มวัยสิบสามปีผู้หนึ่งรู้เื่รู้ราวถึงเพียงนี้ ผู้ใหญ่ในบ้านรองทั้งหมดกลับไม่เข้าใจ
บุญคุณความแค้นในวันวานควรจะตายไปพร้อมกับเฉิงจือหย่วน นี่เป็โอกาสอันดีในการคลี่คลาย แต่นางจูสตรีใจคอคับแคบวิสัยทัศน์สั้นผู้นั้นกลับ้าจะตัดอนาคตของเฉิงชิง ช่างสมดั่งคำโบราณที่ว่า ผมยาวแต่ความรู้และประสบการณ์สั้น[2]เสียจริง!
ชั่วขณะหนึ่งนายท่านห้าเฉิงรู้สึกว่าตนเองดูเหมือนจะให้ของชดเชยจากนางจูน้อยเกินไป เฉิงชิงคือต้นกล้าที่ควรค่าแก่การเลี้ยงดูสั่งสอน
ใบหน้าของเขาแสดงถึงความเมตตา สนับสนุนให้เฉิงชิงกล่าวต่อ
“หากคนผู้นั้นเป็ผู้ที่โอรส์เกรงกลัวเล่า?”
ผู้ที่โอรส์เกรงกลัว? นั่นก็ยุ่งยากแล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉิงชิงค่อยๆเปลี่ยนไปเป็ขมขื่น
“หากเป็ผู้ที่แม้แต่โอรส์ยังเกรงกลัว เฉิงชิงจะไปยั่วโทสะได้อย่างไร? ในฐานะบุตรหากไม่ขจัดโทษให้บิดาถือว่าอกตัญญู ในฐานะราษฎรของแคว้นเว่ยย่อมต้องแบ่งเบาความเหนื่อยยากของโอรส์ หากมีผู้ที่โอรส์เกรงกลัวขัดขวางคดีนี้ ข้ายินดีจะเป็หอกให้โอรส์บุกฝ่าดงศัตรู! แน่นอนว่าก่อนที่จะปะทะกับขุนนางใหญ่เ่าั้ ข้าก็จะออกจากตระกูลด้วยตนเอง ไม่มีทางที่จะให้มาเกี่ยวพันถึงตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋!”
สีหน้าของนายท่านห้าเฉิงแข็งทื่อ
ไม่ลังเลที่จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อ้าจะพลิกคดีให้เฉิงจือหย่วน หากผู้ใดมาขวางหน้า ผู้นั้นย่อมถูกเฉิงชิงมองเป็ศัตรู!
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเฉิงชิงสามารถทำได้จริงหรือไม่ เพียงแค่ปณิธานนี้ก็นับว่าสูงส่งแล้ว
เมื่อมองดูแล้ว บุคลิกก็ยังพอมีส่วนคล้ายคลึงกับเฉิงจือหย่วนอยู่บ้าง
นายท่านห้าเฉิงส่ายศีรษะ “เ้านี่นะ ช่างมีความชอบธรรมแบบเด็กหนุ่ม ราษฎรของโอรส์มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ไม่ใช่ว่าผู้ใดก็มีคุณสมบัติที่จะแสดงความภักดีต่อโอรส์ หากเ้ามิอาจยืนอยู่ในท้องพระโรง โอรส์ไหนเลยจะรู้ว่าเ้าคือผู้ใด?”
“ท่านปู่ ข้า…”
ดังนั้นหากเป็แบบสถานการณ์สุดท้ายจริง คดีนี้ก็เกี่ยวพันถึงบุคคลที่ทำให้โอรส์เกรงกลัว?
เฉิงชิงยังคง้าสอบถามอย่างละเอียด แต่นายท่านห้าเฉิงกลับยกชาส่งแขก “ข้าเหนื่อยแล้ว เ้ากลับไปก่อนเถิด เื่ในท้องพระโรงไม่ใช่เื่ที่เ้าจะสามารถสอดมือเข้าไปยุ่งได้ คดีนี้หากมีความคืบหน้า ข้าค่อยบอกเ้า สิ่งที่เ้าสามารถทำในยามนี้คือการตั้งใจกับการเรียน!”
เฉิงชิงแม้ไม่เต็มใจแต่ก็ทำได้เพียงจากไป
นายท่านห้าเฉิงปฏิเสธที่จะพูดคุยต่อแล้ว นางไม่อาจถามข้อมูลที่เป็ประโยชน์จากปากของอีกฝ่ายได้ ไม่สิ นายท่านห้าเฉิงแสดงชัดเจนแล้วว่าได้เอ่ยไปทั้งหมดแล้ว ยามเฉิงชิงพาบุตรสาวคนโตไปจากบ้านห้าก็คล้ายกับยังคงครุ่นคิดอยู่
ผู้ใดกันที่ทำให้โอรส์เกรงกลัวจนเตะถ่วงการสืบสวนของคดีนี้?
แล้วจุดยืนของนายท่านหกเฉิงเป็เช่นไรกันนะ
บุตรสาวคนโตประหลาดใจ “น้องชาย เ้าสอบผ่านเข้าสถานศึกษาแล้ว ไยถึงยังไม่ดีใจเล่า?”
เฉิงชิงอดกลั้นความหงุดหงิดภายในใจไว้ แล้วเปลี่ยนมาเป็ใบหน้ายิ้มแย้ม “ผู้ใดกล่าวว่าข้าไม่ดีใจ พวกเรารีบกลับบ้านเถิด พอพบท่านแม่แล้วข้ายังมีข่าวดีอีกข่าวจะประกาศ!”
เฉิงชิงปิดปากเงียบตลอดทางไม่ยอมตอบคำถาม ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้ของบุตรสาวคนโต
นางได้เคหาสน์พร้อมที่นาเล็กๆ หนึ่งแปลงย่อมดีใจมาก แต่ทางฝั่งของบ้านรองนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าจูกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด
ั้แ่นางหลี่แห่งบ้านห้ามาเมื่อหลายวันก่อน บรรยากาศกดดันในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าจูก็มากขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าที่มักจะชอบดูแลดอกไม้ใบหญ้าก็ตกแต่งดอกไม้เสียไปหลายกระถาง ผู้คนที่รับใช้ข้างกายล้วนพบกับหายนะ ทุกคนต่างเดินกันอย่างรวดเร็วราวหางจุกตูด ด้วยกลัวว่าจะไปกระตุ้นโทสะฮูหยินผู้เฒ่าเข้า
แม้แต่ผู้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าพึ่งพาอย่างมากในยามปกติอย่างแม่นมโจวก็… ไม่ต้องพูดถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าสั่งสอนแม่นมโจวต่อหน้าผู้คน ทั้งยังลงโทษด้วยการหักเบี้ยหวัดรายเดือนเป็เวลาหนึ่งปี
วันนี้ได้ข่าวว่าสถานศึกษาหนานอี๋ประกาศรายชื่อแล้ว มีรายชื่อของเฉิงชิงอยู่ในนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าจูอดไม่ได้ที่จะยิ้มหยัน
“ไอ้แก่บ้านห้ารู้จักห่วงใยคนในตระกูลเช่นนี้ั้แ่เมื่อไรกัน ยังมาทำให้ข้าเสียหน้าเพื่อไอ้มารผจญที่ยังไม่ได้เป็แม้กระทั่งบัณฑิตซิ่วไฉ ดี ดีมาก!”
[1] ภายใต้รังที่พลิกคว่ำไม่มีไข่ที่สมบูรณ์ หมายถึงครอบครัวที่ถูกทำลายไปแล้ว คนในครอบครัวไหนเลยจะสามารถอยู่อย่างมีความสุขสมบูรณ์ได้
[2] ผมยาวแต่ความรู้และประสบการณ์สั้น หมายถึงสตรีที่มีวิสัยทัศน์แคบ ความคิดเรียบง่าย มีความเข้าใจผิวเผิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้