“ไปเอามา!” เมื่อไม่เห็นใครตอบรับ หลินฟู่อินก็หันไปมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่พอใจ “นี่คืออำนาจสั่งการที่ท่านบอกหรือ?”
หวงฝู่จินลังเล ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าอำนาจสั่งการคืออะไร แต่ก็ทราบได้ว่าอีกฝ่ายกำลังตวาดตนเองอยู่ น้ำเสียงจึงได้เย็นเยือกขึ้นมา “ไม่ได้ยินคำสั่งของแม่นางหลินหรือ?”
“ขอรับ!” ทุกคนต่างก็รีบรับคำวิ่งออกไปคนละทิศละทางทันที
ตอนนี้ไม่มีใครเสียเวลาตอบคำถาม ล้วนแต่เกรงผลที่จะออกมา ตอนนี้นายท่านโกรธจริงๆ แล้ว!
แม่นางหลินช่างกล้าหาญจริงๆ ถึงกับกล้าตวาดใส่นายท่าน!
“แม่นางหลินอธิบายได้หรือไม่? เหตุใดจึงต้องป้อนไข่ดิบให้ม้าด้วย?”
แม้หวงฝู่จินจะส่งคนไปทำตามคำสั่งแต่ก็ยัง้าคำอธิบาย อาจด้วยเพราะยังไม่ไว้วางใจในตัวนางอย่างเต็มที่
ตอนนี้หลินฟู่อินกำลังนวดท้องม้าอยู่ ภายในหนึ่งชั่วโมงนี้หากยังไม่คลอดก็ไม่ถือว่าอันตราย นางจึงตั้งใจเต็มที่เพื่อให้เ้าม้าราคาแพงนี่คลอดได้อย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าเป็การผ่าคลอด นางไม่มั่นใจว่าจะรักษาชีวิตของม้าตัวแม่เอาไว้ได้
สิ่งมีชีวิตทรงคุณค่าหายากเช่นนี้ตายไปหนึ่งตัวก็เข้าใกล้การสูญพันธุ์ไปหนึ่งก้าว นางไม่อยากเห็นเื่แบบนั้น
แต่เมื่อได้ยินคำถามของชายหนุ่ม ในใจนางก็หัวเราะหยันเสียงเย็น คนๆ นี้บีบบังคับนาง ทว่ากลับไม่ไว้วางใจนางอย่างเต็มที่ น่ารังเกียจเสียจริง!
แต่อย่างไรนางก็ย่อมมีคำตอบให้อยู่แล้ว
“ทั้งคนทั้งสัตว์ย่อมไม่ต่างกัน มนุษย์ต้องกินก๋วยเตี๋ยวไก่ กินไข่ หรือกินโสมแผ่นเพื่อเพิ่มแรง…ม้าก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?” นางตอบเสียงเรียบ
“เช่นนี้เอง…” ยามนี้ดวงตาของหวงฝู่จินทอแววเสียใจขึ้นมา เหตุใดเขาจึงไม่ทันคิดว่าทนเจ็บท้องมาหนึ่งวันเต็มๆ ไม่ได้แตะน้ำสักหยดเช่นนี้ต้าเสวี่ยจะหิวขึ้นมาได้
“ให้กินไข่ดิบก่อน แล้วไปเตรียมน้ำต้มน้ำตาลมาแขวนไว้ตรงนั้น”
“้าโสมให้ต้าเสวี่ยด้วยหรือไม่?” เมื่อได้ยินหลินฟู่อินเอ่ยถึงโสม ชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ถามขึ้นมาด้วยหวังจะได้ความดีความชอบสักหน่อย
หวงฝู่จินหันไปมองหลินฟู่อิน
เด็กหญิงแตะหน้าผากต้าเสวี่ย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงได้คลอดยากนัก ที่แท้ก็เป็คลอดท้องแรกที่เอง…
นางสูดลมหายใจเข้า ไม่ใส่ใจคำถามงี่เง่าของบุรุษตัวโตๆ แล้วโบกมือพยายามออกคำสั่งกับม้า “เ้าม้าน้อย เ้าตัวหมุนตัวนะ หัวออกมาก่อน หาไม่แล้วเ้ากับแม่จะเป็อันตรายเอาได้…”
เ้าม้ากินไข่ดิบเข้าไปราวสองโหลก็คล้ายกับจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมา ที่ท้องของมันเริ่มมีความเคลื่อนไหว ลูกม้าดูคล้ายจะเริ่มมีชีวิตชีวาจนตัวแม่ส่งเสียงแ่ๆ อย่างยินดี
เ้าลูกม้าดูคล้ายจะััได้ถึงความปรารถนาดีของหลินฟู่อิน จึงค่อยๆ ทำตามคำสั่งมือของนาง
ขั้นตอนนี้เรียบง่ายทว่ายากในการลงมือ ทั้งยังต้องอาศัยโชคเป็อย่างมาก หาไม่แล้วต่อให้นางมีฝีมือในการผดุงครรภ์มากเพียงใดก็ไม่ได้ผล
“ป้อนน้ำตาลแล้วปล่อยมันไว้!” ยามนี้ดวงตาของหลินฟู่อินทอประกายขึ้นมาอีกครั้ง
คราวนี้มีคนหนึ่งรีบป้อนน้ำต้มน้ำตาลให้แม่ม้าในทันที
ต้าเสวี่ยดูเหมือนจะรู้ว่าเป็ของดีจึงรีบดื่มน้ำต้มน้ำตาลลงไปถ้วยใหญ่
หลินฟู่อินกล่าวต่อไปอีกหลายคำ
แม่ม้าส่งเสียงร้องออกมา
ทันใดนั้นบรรยากาศก็ดูราวกับถูกแช่แข็ง
หวงฝู่จินจ้องมองต้าเสวี่ยของตนอย่างกังวล กำมือแน่นจัดจนเล็บแทบทะลุฝ่ามือ
การเบ่งครั้งแรกต้าเสวี่ยทำไม่สำเร็จ ทว่ามีเืไหลออกมามากว่าเดิมเล็กน้อย
หลายคนกังวลจนเริ่มส่งเสียงข่มขู่หลินฟู่อิน
“หุบปาก! ถ้ายังจะมาขวางการคลอดอีกก็ไสหัวออกไปจากกระโจมนี้เสีย!” หลินฟู่อินตวาดกลับทันทีโดยไม่ไว้หน้า
ครั้งนี้รัศมีของนางเฉียบคม ประสบการ์ณระหว่างการผดุงครรภ์ในห้องคลอดนั้นนางเคยเจอแม่อายุน้อยที่เอาแต่ะโว่าคลอดไม่ไหวมาก่อนนั่นเอง
ทันใดนั้นหลินฟู่อินก็เกิดสั่นกลัวขึ้นมาในใจ เพราะเมื่อกี้นางลืมเื่ผู้ชายลึกลับคนนั้นไปเสียสนิท ทำให้นางลืมอันตรายไปชั่วขณะจนเผลอใช้อารมณ์ออกมา
แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจคือชายหนุ่มไม่ได้กล่าวอะไร
แต่บุรุษร่างสูงใหญ่แปดฉื่อกลับตัวสั่นเพราะเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่ง
หลินฟู่อินโล่งอก ลูบท้องต้าเสวี่ยเบาๆ “ไม่ต้องกังวลนะ ลองอีกทีหนึ่ง”
เสียงฮี้ๆ ของม้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทว่าลูกม้ายังไม่คลอดออกมา
ยามนี้หวงฝู่จินมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาบ้างแล้ว
“ทำได้หรือไม่?” เขาถามเด็กหญิงอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลามีแววหมดความอดทน
“คิดว่าคลอดลูกง่ายนักหรืออย่างไร?” หลินฟู่อินคิดอยากจะอธิบายอย่างสุภาพ ทว่าสายตากลับฉายแววรังเกียจ
เมื่อเห็นดวงตาเ็าของอีกฝ่ายนางก็หันหน้าหนีทันที ก่อนจะหันไปให้กำลังใจต้าเสวี่ยอีกครั้ง “เ้าทำได้แน่ หัวลูกใกล้ออกมาแล้วนะ เ้าต้องพยายามอีกหน่อย”
เวลาผ่านไปพร้อมเสียงม้าร้องโหยหวนยาวนาน ในที่สุดลูกม้าตัวเปียกๆ ก็คลอดออกมาได้
หลินฟู่อินถึงกับปิดบังความตื่นเต้นเอาไว้ไม่มิด
ใช่แล้ว! ชีวิตน้อยๆ ของนางปลอดภัยแล้ว!
ที่จริงนางไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อยด้วยไม่เคยทำคลอดม้ามาก่อน ในใจเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าคลอดให้ม้าตัวนี้แล้ว…
โชคดีเหลือเกินที่แม่ม้ายังมีแรงสู้ ลูกม้าเองก็ใจสู้ รวมไปถึงโชคของนางก็นับว่าดีมาก
หวงฝู่จินเห็นหลินฟู่อินเหงื่อออกเต็มตัวก็รู้สึกของคุณนางเหลือเกิน
ที่นี่มีทาสที่คอยดูแลม้าอยู่ เขาสั่งการให้คนมาจัดการดูแลต้าเสวี่ยแม่ลูกต่อไป
หลินฟู่อินได้รับเชิญออกจากกระโจมหลังนี้ไปยังอีกหลังหนึ่ง
“ขาและเท้าเ้าเล่า?” เขามองนาง น้ำเสียงยังคงกระจ่างชัดเ็า ใบหน้าหล่อเหลายังคงห่างเหิน ทว่าในดวงตากลับมีแววเป็ห่วงเป็ใยที่กระทั่งตนเองยังรู้สึกได้ “้าให้ข้าเรียกหมอมารักษาหรือไม่?”
หลินฟู่อินส่ายหน้า “ข้าดูแลตัวเองได้เ้าค่ะ ภารกิจข้าสำเร็จแล้ว ท่านให้คนไปส่งข้าที่บ้านได้หรือไม่?”
นางรู้จักเวลาทั้งยังไม่ขออะไรมากมาย
“เ้าช่วยม้าที่มีค่าที่สุดของข้าเอาไว้ จะไม่้าค่าตอบแทนหรืออย่างไร?” หวงฝู่จินมองนาง ในดวงตาทอแววสงสัยเฉียบคม
อีกฝ่ายเป็เพียงเด็กหญิงอายุสิบสองสิบสาม เหตุใดจึงรู้สึกราวกับไม่อาจอ่านใจนางได้เล่า?
ผิดปกติเกินไปแล้ว
กระทั่งคนที่เ้าเล่ห์ที่สุดในอาณาจักรก็ยังต้องเผยตัวตนที่แท้จริงใต้สายตาเขา
อีกฝ่ายอายุเพียงแค่นี้ ทว่ากลับให้ความรู้สึกคล้ายเป็ศัตรู
หลินฟู่อินรู้ว่าอีกฝ่ายมีจิตใจคดเคี้ยว จึงกล่าวออกไปตามตรง “ข้าไม่กล้าขอเ้าค่ะ เกรงว่าท่านจะฆ่าข้า”
นางซื่อตรงเพียงนี้เชียว? หวงฝู่จินมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย ความซื่อสัตย์ของนางทำให้ผู้อื่นเกิดอับอายขึ้นมา
เขาไม่เคยปฏิบัติต่อผู้ที่ทำให้งานเขาไม่ดี
“เช่นนั้นก็ถือเสียว่าเป็การตอบแทนพระคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้าไว้เป็อย่างไรเ้าคะ?” น้ำเสียงของหลินฟู่อินจริงจัง
หวงฝู่จินคิดอยากพยักหน้า ทว่าท้ายสุดกลับเปลี่ยนใจเป็ส่ายศีรษะแทน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้