บทที่ 81 ซูเสี่ยวพั่ง
“นี่ สหายข้างหน้าท่านนั้น รอก่อน... ” ลั่วถูวิ่งตามไปหลายลี้ ทว่ากลับได้ยินเสียงหอบเหนื่อยดังขึ้นจากข้างหลัง เขาใเล็กน้อยและหันหน้ากลับไปมอง เห็นเป็คนอ้วนดูราวกับลูกหินกลิ้งตามมาจากที่ไกลๆ อย่างรวดเร็ว
ไม่สิ จะเรียกกลิ้งก็ไม่ถูกนัก ร่างอ้วนท้วนซวนเซอยู่กลางอากาศ ราวกับอาจจะล้มได้ทุกเมื่อ แต่ลั่วถูก็เข้าใจทันทีเมื่อได้เห็นว่าใต้ฝ่าเท้าของคนอ้วนผู้นี้มีไม้กระดานยาวสองฉื่ออยู่แผ่นหนึ่งที่ดูราวกระบี่บินแบกร่างแสนสมบูรณ์ของเขาพุ่งทะลุป่าไม้ได้อย่างฉับไว เพียงแต่ด้วยรูปร่างของคนอ้วนที่ไม่สมส่วนมากเกินไป ทำให้ควบคุมสมดุลไม่ได้ ร่างเหนือกระดานบินถึงได้เซไปเซมา ยกมือยกขาราวเต้นรำเพื่อรักษาสมดุลร่างกายของตัวเองเอาไว้
ในสายตาของลั่วถูปรากฏแววตาแห่งความงุนงง เ้าอ้วนนี่สูสีกับถังเฝยเฝยได้เลยทีเดียว และของใต้ฝ่าเท้าที่ช่วยให้บินได้ ลั่วถูก็ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน เ้าอ้วนผู้นี้อย่างน้อยคงน้ำหนักหลายร้อยจิน กระดานยาวสองฉื่อที่สามารถแบกเขาให้ลอยได้ หรือว่านี่คือกระบี่บินในตำนาน ทว่ากระบี่บินอันเป็ของที่ยอดฝีมือระดับขุนพลขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีความสามารถพอใช้งานมันได้ อีกทั้งต่อให้เป็ระดับขุนพลเกรงว่าคงไม่อาจขับเคลื่อนกระบี่บินเป็เวลานานได้อยู่ดี
“ไอ๊หยา... ” คนอ้วนเมื่อเข้าใกล้ลั่วถู คงคิดอยากหยุดกระดานลง ทว่าเพราะควบคุมไม่ค่อยได้ดั่งใจนัก ร่างแสนอวบอ้วนจึงเสียสมดุลในทันที และกลิ้งตกลงมาจากกระดานทั้งอย่างนั้น กระแทกเข้ากับท่อนไม้จนหักมาตลอดทาง และสุดท้ายร่างกายก็ติดอยู่ระหว่างต้นไม้สองต้นก่อนถึงพ้น
“แม่เ้า เกือบร่วงมาตายแล้ว!” เ้าอ้วนดิ้นรนลุกขึ้น ปัดเศษฝุ่นดินบนร่างออกไป จากนั้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นถือแผ่นกระดานไว้ในมืออย่างไม่รีบร้อน เดินเข้าหาลั่วถูพลางกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พี่ท่านนี้ ข้าน้อยซูเสี่ยวพั่ง ขอถามหน่อยว่าสหายเ้าเมื่อครู่เห็นวัวเพลิงตัวหนึ่งผ่านมาแถวนี้หรือไม่?”
“ซูเสี่ยวพั่ง... ” ลั่วถูอยากจะหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้หัวเราะออกมา ทำเพียงถามกลับไปอย่างสงสัย “มิผิด เมื่อครู่วัวเพลิงตัวนั้นหนีไปทางนี้ มีคนไล่ตามไปตั้งมากมาย ไม่ทราบว่าสหายซูพอจะบอกได้หรือไม่ว่าวัวเพลิงตัวนั้นคือสิ่งใดกันแน่?” ลั่วถูเองก็สงสัยในตัวตนของเ้าอ้วนตรงหน้านี้ไม่น้อย เห็นก็แต่ร่างของเ้าอ้วนมีแต่ไขมัน ไม่น่าใช่ผู้ที่มีระดับพลังสูงส่งสักเท่าไรนัก ทว่าคนอ้วนเช่นนี้กลับเข้ามาในมิติลับเพลิงต้นกำเนิดได้ มิหนำซ้ำของของฝ่ายตรงข้ามที่ดูคล้ายแผ่นกระดาน มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็สมบัติ เล่นถือสมบัติเด่นหราเสียขนาดนี้ ช่างไม่รอบคอบนัก ทำให้ในใจลั่วถูได้แต่ทวีความระมัดระวังเพิ่มขึ้นหลายส่วน
“ไอ๊หยา สหายนี่เ้าไม่รู้หรือ วัวเพลิงตัวนั้นเป็สมบัติเชียวนะ เ้าดูสิ พวกเราเข้ามาในมิติลับเพลิงต้นกำเนิดก็เพื่อเพลิงประหลาดมิใช่หรือ? ที่เ้าวัวเพลิงรูปร่างเป็เช่นนั้นก็เป็เพราะมันเพิ่งกินิญญาเพลิงเข้าไป ถึงได้กลายเป็วัวเพลิง จากการคาดเดาของข้า ิญญาเพลิงที่ถูกกินเข้าไปถ้าไม่ใช่เพลิงภูตก็ต้องเป็เพลิงอสูรแน่ สมบัติเช่นนี้ไปเสียท่าให้สัตว์อสูรธรรมดาๆ ตัวหนึ่งได้อย่างไรกัน... ” ซูเสี่ยวพั่งกล่าวด้วยสีหน้าเสียดาย
“โอ้... ” ครั้งนี้ลั่วถูเองก็ตะลึงไปเช่นกัน ความตื่นเต้นในใจปะทุขึ้นทันที เขาถึงกับเชื่อคำพูดของซูเสี่ยวพั่งไปเกือบทั้งหมดเลยทีเดียว ไม่เช่นนั้นจะมีคนตามล่าวัวเพลิงมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร ทว่าเหตุใดวัวเพลิงที่กลืนิญญาเพลิงเข้าไปกลับยังมีชีวิตรอดได้...
“เฮ้อ พ่อของข้าเอาแต่บอกให้ข้าลดน้ำหนัก ข้าก็ไม่เห็นด้วยมาตลอด ข้าว่าต้องอ้วนต่างหากถึงจะรวย แต่ดูท่าตอนนี้คงอ้วนเกินไปหน่อย ขนาดปีก์ยังแบกร่างข้าแทบไม่ไหว ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกทิ้งให้รั้งท้ายไกลขนาดนี้... ไม่มีเวลาคุยกับเ้าแล้ว เพลิงภูตตัวนั้นข้าจะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด!” เ้าอ้วนถึงกับร้องทุกข์ออกมา จากนั้นท่องคาถาบทหนึ่ง อักขระอาคมบนกระดานพลันส่องแสงขึ้น และในตอนนั้นเองที่ลั่วถูพบว่าบนกระดานฝังหินสมบัติสีเทาเขียวไว้สามก้อน ดูไปแล้วช่างงดงามและหรูหราไม่หยอก
“หินิญญาลม... ” ความตื่นเต้นปะทุขึ้นในใจของลั่วถูอีกแล้ว ต่อให้ระดับพลังจะต่ำ ทว่าอย่างไรเสียเขาก็มาจากโลกชั้นสูง ได้พบได้เห็นเื่ไม่ธรรมดามามาก มองปราดเดียวก็รู้ว่าหินสมบัติทั้งสามคือหินิญญาลมที่หาได้ยากยิ่ง ในที่สุดก็พอจะเข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดกระดานนี้ถึงบินได้ดั่งกระบี่บิน แท้จริงเป็แรงขับเคลื่อนจากหินิญญาลม ผู้ที่ใช้แรงขับเคลื่อนจากหินิญญาลมสร้างเป็กระดานแผ่นนี้ขึ้นมาได้ต้องเป็อัจฉริยะแน่ จากการหมุนเวียนอาคมต่างๆ และพลังิญญาจากหินอันทำหน้าที่ส่งแรงขับเคลื่อน ช่างเป็ขั้นตอนที่ซับซ้อนยิ่งนัก
“สหายสายตาเฉียบแหลมยิ่งนัก ถูกดังเ้าว่า ของสิ่งนี้ใช้หินิญญาลมเป็ตัวขับเคลื่อน เสียดายก็แต่ท่านพ่อใช้หินิญญาลมระดับต่ำไม่กี่ก้อน ถ้าใช้หินิญญาลมระดับกลาง ข้าไม่ต้องลดน้ำหนักก็บินได้สบายไปแล้วแท้ๆ ... ครั้งหน้าข้าจะเอาหินิญญาลมของท่านพ่อมาให้หมดเลย” ซูเสี่ยวพั่งกล่าวอย่างเสียมิได้
“พวกลูกคนรวยสินะ...” ลั่วถูลอบถอนใจ หินิญญาหายากเช่นนี้ถึงกลับปล่อยให้บุตรชายเอาไปเล่นเสียได้ ความเป็มาของเ้านี่ไม่ธรรมดา เื่นี้หยุดความคิดที่จะปล้นของลั่วถูทันที ลองดูท่าทีไปก่อนค่อยว่ากัน คนคนนี้ดูไปท่าทางไร้พิษภัย ทว่าเมื่อครู่กลุ่มคนที่ไล่ตามวัวเพลิงไม่ได้ลงมือกับเขา แสดงว่าต้องมีบางอย่างที่ไม่ธรรมดากว่าคนอื่นแน่ หรืออาจมีไพ่ตายที่แข็งแกร่ง ในเมื่อยังไม่รู้เบื้องลึกเื้ัของอีกฝ่าย เขาจึงไม่คิดรีบร้อนลงมือ จึงได้แต่กล่าวออกไป “พี่ซู พวกเราจะตามไปดูพร้อมกันเถอะ!”
“โอ้ เ้าจะวิ่งตามปีก์ของข้าทันหรือ?” ซูเสี่ยวพั่งถามกลับอย่างแปลกใจ
“ขอแค่เ้าเพียงบินนำหน้า ข้าวิ่งตามไปก็พอแล้ว!” ลั่วถูกล่าวพลางส่งยิ้มแห้ง
“เช่นนั้นก็ดี ข้าไม่อาจรอเ้าได้ สิ่งนั้นเป็ถึงิญญาเพลิง อาจเป็เพลิงภูตก็ได้... ขืนชักช้าอาจถูกคนอื่นแย่งไป ข้าได้ร้องไห้จริงๆ แน่”
“โดนชิงไปก่อนแล้วอย่างไรกัน ใครปล้นไป พวกเราก็ปล้นคืนจากมือคนนั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือ? ขอแค่ยังอยู่ในมิติลับก็พอ”
“อื้ม ถูกของเ้า ใครแย่งไป พวกเราก็แย่งคืน ข้าจะดูสิว่าใครมันจะกล้าแตะต้องเพลิงภูตของข้าซูเสี่ยวพั่ง... ” สายตาของซูเสี่ยวพั่งส่องประกายแห่งความเ้าเล่ห์ออกมา แต่เพียงครู่เดียวก็ราวกับได้สติกลับคืน ทำสีหน้าระมัดระวังจ้องไปยังลั่วถูแล้วเอ่ยถามว่า “เ้าคงไม่ได้คิดแย่งเพลิงภูตของข้าอยู่หรอกนะ!”
“เวรเอ๊ย... ” ลั่วถูถึงกับสบถออกมา แค่เพลิงภูตอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้ ก็กลัวโดนคนแย่งแล้ว จึงได้แต่กล่าวออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครจะไปรู้ เอาไว้เ้าแย่งเพลิงภูตมาได้ก่อนค่อยว่ากัน”
“ถูกของเ้า ไอ้โง่เง่าพวกนั้นเมื่อครู่ก็เป็แบบนี้เหมือนกัน เ้าได้ข้าแย่งชิง สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง ทั้งที่ยังไม่ได้ิญญาเพลิงมาอยู่ในมือแท้ๆ สุดท้ายก็ถูกวัวตัวหนึ่งพุ่งมากลืนเข้าไปทั้งอย่างนั้น... พวกคนโง่เง่า แม้แต่สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งก็สู้ไม่ได้!”
ลั่วถูถึงกับยิ้มไม่ออกไปแล้ว พอคิดดู การที่คนกลุ่มหนึ่งเข้าโรมรันกันสุดชีวิตเพื่อแย่งชิงิญญาเพลิง และขณะที่ผู้คนกำลังตัดสินแพ้ชนะ กลับมีวัวตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา กลืนิญญาเพลิงในคำเดียวแล้ววิ่งหนีออกไป จากนั้นคนกลุ่มนั้นก็ไล่ล่าวัวที่กำลังลุกเป็ไฟ คิดดูแล้วช่างเป็ภาพที่งดงามเสียเหลือเกิน...
กระดานของซูเสี่ยวพั่งไม่ได้ช้า แม้ซูเสี่ยวพั่งจะแก้ไขวิธีเรียกของลั่วถูเสียใหม่ให้มันเรียกว่าปีก์ ทว่าจากที่ลั่วถูดูมันก็แค่กระดานแผ่นหนึ่งที่เพิ่มวิชาบางอย่างให้มันลอยได้ก็เท่านั้น ใช้หินิญญาลมเป็แรงขับเคลื่อน เทียบกับกระบี่บินที่แท้จริงแล้ว ของสิ่งนี้ทำได้เพียงบินในเหนือพื้นดินเล็กน้อยแทนการเดินเท่านั้น แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ กระดานนี้ก็ยังทำให้ลั่วถูอยากได้มากอยู่ดี แต่ลั่วถูก็รู้ดีว่า ต่อให้เขาปล้นของสิ่งนี้มาได้ ทว่าหากไม่มีหินิญญาลม กระดานแผ่นนี้ก็เป็เพียงขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น คิดจะหาหินิญญาธรรมดาบนแผ่นดินต้นกำเนิดไม่ใช่เื่ง่าย ไม่ต้องพูดถึงหินิญญากลายพันธุ์เลย มิหนำซ้ำครั้งหนึ่งยังต้องใช้ตั้งสามก้อน...
ถึงในตอนแรกซูเสี่ยวพั่งจะถูกทิ้งรั้งท้าย แต่เหตุผลไม่ได้เป็เพราะกระดานไม่เร็วพอแต่อย่างใด ทว่าเป็เพราะเขายังไม่คุ้นชินจังหวะการบินเท่าไรนัก ยังรักษาสมดุลไม่ได้ จึงเซไปเซมา จนช้าขึ้นเรื่อยๆ แต่หากให้เขาทิ้งกระดานไป ดูจากรูปร่างของเขา ตอนลงเนินมีหวังได้กลิ้งเร็วกว่าเดิมแน่ ส่วนพื้นราบหรือ่ขึ้นเนินยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย!
เป็เช่นที่ลั่วถูคาดการณ์ไว้ ซูเสี่ยวพั่งไม่ใช่คนของแผ่นดินต้นกำเนิด แต่มาจากแผ่นดินเทียนหนิง ในสายตาของซูเสี่ยวพั่งแล้ว ลั่วถูที่มาจากแผ่นดินต้นกำเนิดช่างน่าดูแคลนเสียเหลือเกิน จากมุมมองของซูเสี่ยวพั่ง แผ่นดินต้นกำเนิดคือแผ่นดินแสนแร้นแค้นจนแม้แต่นกยังไม่ขี้[1] พลังิญญาฟ้าดินขาดแคลนอย่างหนัก ผู้ฝึกตนก็อ่อนแอ ทั้งยังเป็โลกที่เผ่าต่างๆ อยู่ร่วมกัน ไม่เหมือนแผ่นดินเทียนหนิง ที่แห่งนั้นเผ่ามนุษย์เป็ผู้ปกครองทั้งหมด ถึงจะเป็โลกชั้นล่างเช่นกัน ทว่าพลังิญญาค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ กระทั่งบางพื้นที่ยังนับได้ว่าแทบจะทัดเทียมโลกชั้นสูงแล้วด้วยซ้ำ ทิวเขานับแสนที่อุดมไปด้วยสมุนไพรหยูกยา สัตว์อสูร หรือกระทั่งมีเส้นิญญาอันเบาบางเสียด้วยซ้ำ
“วิธีหนีเอาชีวิตรอดของเ้าไม่เลว วิ่งมาได้นานขนาดนี้ไม่เห็นหอบเหนื่อย... ” ซูเสี่ยวพั่งสนใจในตัวลั่วถูมากขึ้นหลายส่วน ั้แ่เริ่มต้นก็เดินหน้าด้วยความเร็วคงที่ ถ้าเปลี่ยนเป็เขา เกรงว่าตอนนี้คงหอบจนก้าวขาไม่ออกแล้ว ทำเอาเขาลอบอิจฉาอยู่ในใจเล็กน้อย
“ข้าโตมาในูเาั้แ่เด็ก เดินในป่าชิน เลยวิ่งได้สบาย... ” ลั่วถูตอบกลับอย่างแ่เบา ตอนนี้เขาได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรจากที่ไกลๆ ฟังดูโหยหวนไม่น้อย เขาััได้กระทั่งว่าลมปราณเริ่มของมันเริ่มอ่อนแอลงแล้ว เกรงว่าวัวเพลิงตัวนั้นคงถูกจับได้แล้ว
ทั้งสองเห็นคนกลุ่มหนึ่งสกัดกั้นสัตว์อสูรวัวเพลิงตัวนั้นไว้อย่างรวดเร็ว ส่วนเื่ที่ว่าใช่วัวจริงหรือไม่นั้น ยังไม่อาจบอกได้ จากที่ซูเสี่ยวพั่งดู คงไม่มีวัวตัวไหนจะที่แข็งแกร่งได้ขนาดนี้ แต่ถึงจะแข็งแกร่งสักเท่าไร ก่อนหน้านี้ก็ได้รับาเ็มา ภายใต้การร่วมมือกันของยอดฝีมือต่างเผ่า ไหนจะยังหนีด้วยอาการสาหัสอีก หากไม่ใช่เพราะเหตุผลข้างต้น เกรงว่าคนเหล่านี้คงตามวัวเพลิงไม่ทันไปแล้ว
“ค่อยยังชั่ว เพลิงภูตยังไม่ถูกพวกนั้นเอาไป ฮะฮ่า ท่านซูเสี่ยวพั่งของพวกเ้ามาแล้ว กลัวจนตัวสั่นเลยล่ะสิ... ” ไขมันของซูเสี่ยวพั่งกระเพื่อม กระดานหรือเ้าสิ่งที่เรียกว่าปีก์เพิ่มความเร็วพุ่งไปที่คนกลุ่มนั้นทันที
ในใจของลั่วถูรู้สึกประหลาดอย่างสุดแสน เ้าอ้วนนี่ช่างขี้โอ่หลงตัวเสียจริง ถ้าแข่งกันว่าใครมีเนื้อเยอะกว่า ยอดฝีมือเผ่าต่างๆ คงมีเสียวสันหลังกันบ้าง แต่แค่คนอ้วนอย่างเขาคนหนึ่ง จะไปเอาอะไรมาทำให้คนกลุ่มนี้สั่นกลัวได้ ทว่าเขาก็เข้าใจได้ในทันที เ้าอ้วนนี่ลงมือโจมตีทั้งที่ตัวเองไม่ออกจากแผ่นกระดานบินแม้แต่ก้าวเดียว แถมยังไม่เข้าไปในระยะสู้รบอีกต่างหาก เพียงยกมืออ้วนๆ ขึ้น จุดสีดำหลายสิบจุดก็ทะยานออกไปปิดล้อมทางหนีของทั้งวัวเพลิงตัวนั้นและกลุ่มคนทันที
“ซูเสี่ยวพั่ง... ” ราวกับมีคนรู้จักเ้าอ้วนที่กำลังบินตรงดิ่งเข้าหา พอมีคนเห็นจุดดำที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ ก็ถึงกับร้องออกมาอย่างใ เผ่นหนีไปด้านนอกอย่างเสียสติราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
[1] นกยังไม่ขี้ (鸟不拉屎) เป็สำนวนจีนที่หมายถึงพื้นที่ที่แร้นแค้นอย่างมากเสียจนนกยังไม่บินผ่านมาหากินจึงไม่มีมูลนกอยู่ในพื้นที่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้