ทันใดนั้น เสียงหัวเราะเย้ยหยันพลันดังขึ้นท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่แผดเผา พาให้จิตใจของผู้คนสั่นไหว
คำขอโทษของอีกฝ่ายยังมาไม่ถึง ใบหน้าของฉู่หลิวซวงกลับมืดครึ้มขึ้นเสียแล้ว แม่ลูกคู่นี้ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าเสียจริง บังอาจมองข้ามนางไปได้
ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
นางไม่ได้เห็นคนที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าเช่นนี้มานานแล้ว
ฉู่หลิวซวงหมุนตัวเพื่อลงจากหลังม้า พวกที่ตามมาด้านหลังก็รีบะโลงจากหลังม้าเช่นเดียวกัน และเดินมาสมทบกับนาง
บรรยากาศพลันเย็นเฉียบทันที ราวกับว่าผู้คนที่อยู่โดยรอบมองออกว่าโทสะที่ถูกกดเอาไว้ของฉู่หลิวซวงใกล้จะปะทุออกมาแล้ว
ทุกคนล้วนปาดเหงื่อแทนฮวาเหยียนกับหยวนเป่า
ฉู่หลิวซวงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย การแสดงออกของนางทั้งเ็าและหยิ่งยโส นางมองเหยียดจากที่สูง ในที่สุดหญิงสาวก็ยืนอยู่ต่อหน้าลาของฮวาเหยียนและหยวนเป่า เมื่อเห็นลาตัวลายสีขาวดำ ดวงตาของนางพลันฉายแววรังเกียจวาบผ่าน ทว่าสีหน้ายังคงราบเรียบไร้อารมณ์
“คำพูดของข้า เ้าไม่ได้ยินหรืออย่างไร?”
ฉู่หลิวซวงหรี่ตาลง เอ่ยถามเสียงเ็า
“หือ? ”
ฮวาเหยียนมองดูมือของตนเอง ไม่เห็นาแเลยสักนิด ฝีมือของบุตรชายนางสมบูรณ์แบบเป็อย่างยิ่ง
“ได้ยินแล้วอย่างไร? ”
ฮวาเหยียนไม่ได้เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ หญิงสาวย้อนถามนางกลับ
มีเสียงดังฮือฮาดังขึ้นจากผู้ชมโดยรอบ ทุกคนล้วนสะดุ้งใกับความกล้าหาญของฮวาเหยียน
“บังอาจ ในเมื่อเ้ากล้าที่จะพูดกับจวิ๋นจู่เช่นนี้ แสดงว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้วหรือ? ”
คนที่อยู่เื้ัฉู่หลิวซวงเอ่ยเสียงเข้ม จ้องมองที่ฮวาเหยียนด้วยดวงตาที่ลุกโชนเป็ไฟ เขากำลังจะพุ่งไปข้างหน้าแต่กลับถูกฉู่หลิวซวงยกมือหยุดเอาไว้
"ถอยไป"
นางสั่งให้บุรุษผู้นั้นถอยหลังกลับไป ทว่าสายตาของเขายังคงจดจ้องไปที่ฮวาเหยียน ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะพุ่งเข้าโจมตีนางทุกเมื่อ นี่เป็การแสดงความจงรักภักดีของเขาในฐานะผู้ติดตาม
“จงเงยหน้าขึ้น จวิ๋นจู่ผู้นี้อยากรู้ว่าเ้าเป็ใคร พวกเ้ามีฐานะอันใด ถึงกล้าหาญชาญชัยพูดจาเช่นนี้กับข้า”
ฉู่หลิวซวงเปิดปากกล่าวอย่างเ็า
นางอยู่ในเมืองหลวงมานานหลายปีแล้ว ไม่เคยมีใครกล้าแสดงสีหน้าเช่นนี้กับนางมาก่อน วันนี้การกระทำของสองแม่ลูกเหมือนตบหน้านางในที่สาธารณะ ทว่านางไม่ได้เป็คนหุนหันพลันแล่น ดังนั้นจึงมิได้สั่งคนจัดการทันที กลับถามรายละเอียดของฝ่ายตรงข้ามให้แน่ใจก่อน
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่หลิวซวง ฮวาเหยียนพลันถอนหายใจ ในใจคิดว่าคนขับรถม้าจะส่งจดหมายมาถึงจวนตระกูลมู่หรือยังนะ หากคนตระกูลมู่ได้รับจดหมายแล้วจะรีบมาใช่หรือไม่?
ต้องรู้ก่อนว่า บุตรสาวของท่านอ๋องหลู่หนานกับบุตรสาวของอ๋องคัง มีฐานะเป็หญิงสาวสูงศักดิ์เช่นเดียวกัน ทว่าคนหนึ่งเป็บุตรสาวของพระอนุชาแห่งองค์ฮ่องเต้ ส่วนอีกคนเป็บุตรสาวของท่านอ๋องที่ได้รับพระราชทานนามอ๋อง หากตระกูลใดสร้างคุณูปการให้แว่นแคว้นก็จะได้รับพระราชทานนามอ๋อง ดังนั้นแล้วบุตรสาวของพวกเขาก็ล้วนเป็ชนชั้นสูงทั้งหมดเช่นกัน
ฉู๋หลิวซวงที่อยู่ตรงหน้านางแผ่รังสีสังหารพลุ่งพล่าน ทว่ากลับมิได้แสดงออกทางสีหน้า นั่นแสดงให้เห็นว่าสตรีผู้นี้เสแสร้งเก่งยิ่งนัก อีกทั้งยังมีความอดทนที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย
เสียงหัวเราะแ่เบาดังขึ้น ฮวาเหยียนค่อยๆ เงยหน้าก่อนกล่าว “จวิ๋นจู่ มีอะไรจะสั่งสอนหรือเพคะ? ”
สีหน้าของนางเกียจคร้าน คิ้วตาของนางเป็ประกาย มุมปากหยักโค้งขึ้น นางยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ริมฝีปากสีแดงเปล่งปลั่งราวกับดอกฟูหรงแย้มบานในต้นฤดร้อน งดงามจนพาให้คนตกตะลึง
“ว้าว แม่นางผู้นี้เลอโฉมยิ่งนัก”
“ไอ๊หยา หัวใจของข้าเต้นดังรุนแรงเหลือเกิน”
“จวิ๋นจู่หลิวซวงเป็หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรต้าโจวของเรา ทว่ากลับเทียบความงามของแม่นางผู้นี้ไม่ได้เลย”
ฮวาเหยียนเลิกคิ้วขึ้น เรือนร่างกายของนางมีเสน่ห์เย้ายวนล่อลวงผู้คน ขอเพียงแค่นางไม่คิดที่จะสะกดมันไว้ เสน่ห์ของนางสามารถล่อลวงผู้คนให้มึนเมาได้จริงๆ
“เบาเสียงลงหน่อย หากโดนจวิ๋นจู่ได้ยินเข้า เ้าจะโดนจับไปถลกหนัง แม้สตรีนางนี้จะงดงาม ทว่าบุตรชายของนางโตขนาดนี้แล้วเชียวนะ”
“อาจจะเป็น้องชายก็ได้กระมัง?”
“เอ๋ สตรีผู้นี้เป็ชาวต้าโจวใช่หรือไม่? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตานางเหลือเกิน?”
เสียงตื่นตะลึงของผู้คนยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาล้วนรู้สึกตะลึงงันกับรูปลักษณ์ของฮวาเหยียน นางเอามือลูบไล้ใบหน้าตนเอง และนางก็พอใจกับผลลัพธ์ของความงามนี้เป็อย่างยิ่ง
ใบหน้าของฉู่หลิวซวงในยามนั้น ช่างดูอัปลักษณ์ยิ่งนัก
สตรีมักเป็ปฏิปักษ์ต่อสตรีที่งามกว่าเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสตรีงามผู้นี้ไม่เห็นนางในสายตา
รังสีฆ่าฟันฉายวาบผ่านสายตาของนาง
ฉู่หลิวซวงจ้องเขม็งไปที่ฮวาเหยียนอย่างไม่วางตา ยิ่งนางมองใบหน้านี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกไม่เข้าตามากเท่านั้น อย่างไรก็ตามนางมีความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่สายหนึ่ง หญิงสาวหรี่ตาลงครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดนางก็คิดออก ภาพของสตรีตรงหน้าซ้อนทับกับภาพของสตรีที่นางเกลียดชังที่สุด...
นางก็คือ--
มู่ อัน เหยียน
ฉู่หลิวซวงสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด ดวงตาเบิกกว้างอย่างมิอาจควบคุมได้ เท้าก้าวถอยหลัง แม้แต่ลมหายใจก็พลันหนักอึ้งขึ้นมาทันที
มู่อันเหยียน นางคือมู่อันเหยียน
ไม่ผิดแน่ นางจะผิดได้อย่างไร สตรีผู้นี้คือคนที่นางเกลียดมาั้แ่เด็กจนโต หญิงสาวที่สวยสง่า สูงส่ง งดงามและมีความสามารถ เห็นได้ชัดว่านางเป็สตรีชนชั้นสูงที่แท้จริง เป็ตัวนางเองที่อยู่ใต้เงามืดของคนคนนี้มาตลอด
ไม่ว่าจะไปที่ใด ก็มักจะถูกคนเปรียบเทียบอยู่เสมอ
สตรีสูงศักดิ์อันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรต้าโจวก็คือมู่อันเหยียน
สตรีงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรต้าโจวก็คือมู่อันเหยียน
สตรีที่มีพร์โดดเด่นที่สุดแห่งอาณาจักรต้าโจวก็ยังคงเป็มู่อันเหยียน และนางก็เป็ที่สองตลอดกาล
นางใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของผู้หญิงคนนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน วาดฝันให้ชื่อเสียงของสตรีผู้นี้ป่นปี้เสื่อมเสีย ร่วงหล่นลงมาจากบัลลังก์ จนกระทั่งเมื่อสี่ปีที่แล้ว...
นางคิดว่าสตรีผู้นี้ตายไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านางจะหวนกลับคืนมาอีกครั้ง อีกทั้งยังจำตนั้แ่แรกเห็นไม่ได้!
มู่อันเหยียน มู่อันเหยียน
ดวงตาของฉู่หลิวซวงแดงก่ำและมุมปากของนางสั่นกระตุกอย่างไม่อาจควบคุมได้ หลังจากเกิดเื่เช่นนั้นขึ้น สตรีผู้นี้ยังมีหน้ากลับมาอีกหรือ? ยอดเยี่ยมยิ่งนัก นางกลับมาเพื่อให้ตนฟาดนางให้ตายแท้ๆ
หลังจากตกตะลึงไปชั่วครู่ หน้าอกของฉู่หลิวซวงพลันเอ่อท้นไปด้วยความยินดีและความตื่นเต้น
มู่อันเหยียน เ้ายังมีหน้ากลับมาอีกหรือ? เ้าคิดว่าตนเองยังคงเป็บุตรสาวผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลมู่เหมือนเมื่อสี่ปีที่แล้วหรือ?
...
ฮวาเหยียนเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของฉู่หลิวซวง ความเกลียดชังรังเกียจฉายชัด หลังจากนั้นพลันเปลี่ยนเป็ความใ ก่อนจะกลับกลายเป็ความตื่นเต้นยินดี?
ดังนั้นฮวาเหยียนจึงมั่นใจว่า ฉู่หลิวซวงคนนี้รู้จักนางในฐานะมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ แต่การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์นี้เหมือนกับการแสดงงิ้วเปลี่ยนหน้าของปักกิ่ง [1] ก็ไม่ปาน ระหว่างฉู่หลิวซวงกับมู่อันเหยียนดูเหมือนจะมีความขุ่นเคืองครั้งเก่ากันอยู่กระมัง!
วินาทีต่อมาฉู่หลิวซวงพลันยกมุมปากขึ้น แววตาของนางซ่อนความรู้สึกตื่นเต้นยินดีเอาไว้ กล่าวว่า “แม่นางผู้นี้เป็ใครน่ะหรือ? ที่แท้แล้วก็คืออดีตสตรีผู้สูงศักดิ์อันดับหนึ่งแห่งต้าโจวของเรา บุตรสาวที่หายตัวไปจากตระกูลมู่ถึงสี่ปี”
ทันทีที่สิ้นเสียงของฉู่หลิวซวง ผู้คนโดยรอบยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ กลับมา
“อดีตสตรีผู้สูงศักดิ์อันดับหนึ่งแห่งต้าโจว หมายถึงผู้ใดกัน?”
“บุตรสาวที่หายตัวไปจากตระกูลมู่ถึงสี่ปี? หมายถึงผู้ใดหรือ?”
“ตระกูลมู่นี่หมายถึงมู่ไหนหรือ?”
“ต้าโจวของพวกเรามีตระกูลมู่อยู่ตระกูลเดียว คือท่านอ๋องหลู่หนาน มู่เอ้าเทียน..."
“อะไรนะ? เช่นนั้นนางก็คือ...”
ในที่สุดก็มีคนตอบสนองกลับมา เขาเปล่งเสียงอุทาน “นางก็คือมู่อันเหยียน แห่งตระกูลมู่”
เสียงอุทานนี้ดึงดูดความสนใจจากทุกคนและฝูงชนก็ะเิเสียงดังขึ้นในทันที มู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ฮวาเหยียน มีทั้งเยาะเย้ย ดูถูก เสียดาย มากมายหลากหลายจนมิอาจบรรยายได้หมด
ฮวาเหยียนขมวดคิ้ว นี่มันเื่อะไรกัน?
“อะไรกัน? นางคือมู่อันเหยียน สตรีสูงศักดิ์จากตระกูลมู่ที่มั่วโลกีย์ในหอนางโลมจนถูกถอนหมั้นคนนั้นหรือ?”
เชิงอรรถ
[1] งิ้วเปลี่ยนหน้าของปักกิ่ง เป็การแสดงงิ้วเปลี่ยนหน้าของจีน โดยผู้แสดงจะเปลี่ยนหน้ากากไปเรื่อยๆ และหลากหลาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้