เมื่อเห็นท่าทางของถานจงิแล้ว เจียงไป๋ก็ฉีกยิ้มเล็กน้อย เขาพุ่งตัวตั้งท่าพีกว้าจ่างไปที่หน้าของถานจงิ ท่วงท่ามีความแข็งแกร่งปนอ่อนโยนและเต็มไปด้วยพลัง
คำโบราณกล่าวไว้ว่า “ปาจี๋มีพีกว้า ผีสางเทวดาต่างก็เกรงกลัว”
เจียงไป๋ออกท่าพีกว้าจ่าง เมื่อเริ่มออกท่าก็ยิ่งรุนแรงเหมือนฟ้าผ่า ดุเดือดเหมือนทะเลพิโรธ
“อืม?” สีหน้าของถานจงิแปรเปลี่ยนทันที
ถึงจะเป็กึ่งปรมาจารย์ที่มีประสบการณ์การต่อสู้มามากมาย แต่เมื่อเห็นเจียงไป๋ลงมือก็ต้องรีบออกท่าอย่างไม่รอช้า ซึ่งถานจงิก็ไม่ได้ทำท่าทางราวกับเป็ผู้ที่เก่งกล้าอะไรอีก เขาก้าวเท้ามาด้านหน้าเพื่อเตรียมตั้งรับเจียงไป๋
ท่วงท่าสับเท้าของเขารวดเร็วและรุนแรงเหมือนพายุฝนกระหน่ำ
ทั้งสองคนเหมือนกับเทพวานรสองตัวปะทะกัน เพียงพริบตาเดียวก็ออกท่านับครั้งไม่ถ้วน ทำให้คนอื่นๆ ที่เห็นถึงกับตาลาย
ไม่ว่าจะเป็หม่าฉางหยางหรือว่าชายกำยำอีกเจ็ดแปดคนที่ติดตามอยู่ข้างกายถานจงิต่างก็ตกตะลึงจนตาค้าง
สำหรับฉวีเจี๋ยถึงจะเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว แต่ก็มองดูอย่างตื่นตระหนกใเช่นกัน เขารู้ั้แ่แรกแล้วว่าสองคนนี้เก่งกาจกว่าตนเองมาก ก่อนหน้านี้เจียงไป๋ก็แค่ประมือกับเขาอย่างไม่จริงจังนัก เพียงแวบเดียวก็ทำให้เขากลับตัวไม่ทัน ตอนนั้นยังไม่เข้าใจนัก แต่ตอนนี้เพิ่งจะเข้าใจอย่างแท้จริง และยิ่งทำให้เขาดีอกดีใจกับการเลือกของตนก่อนหน้านี้เป็อย่างมาก เจียงไป๋อายุน้อยแถมยังเก่งกาจ อนาคตจะเก่งขึ้นอีกแค่ไหน? หากรู้ว่าวิธีการแบบนี้คือผู้ไร้เทียมทานที่แท้จริง คนทั่วไปหากไม่ถือปืน ต่อให้มาเป็ร้อยคนก็ต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต
“ตุบๆ !”
ทั้งสองคนปะทะกันไปมา เจียงไป๋กุมกำปั้นซัดไปที่เท้าของถานจงิทีหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างก็ล่าถอย เจียงไป๋ลงถึงพื้นอย่างมั่นคง แต่ถานจงิกลับล่าถอยไปหลายก้าว สีหน้าก็แย่พอสมควร หากมองอย่างละเอียดก็รู้ได้ไม่ยากว่าส้นเท้าของอีกฝ่ายยกขึ้น และขาทั้งสองก็กำลังสั่นเทาเล็กน้อย
วูซูจีนฝึกิจิ้นก็มีพลังหนักเป็ร้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองฝ่ายคนหนึ่งคือกึ่งปรมาจารย์ อีกคนหนึ่งคือปรมาจารย์ พลังของทั้งสองมีมากเท่าไร คนนอกก็ไม่อาจจะรู้ได้
“มวยปาจี๋? เป็พีกว้าจ่างที่งดงาม! เป็มวยปาจี๋ที่ยอดเยี่ยม อายุยังน้อยแต่บรรลุถึงขั้นนี้แล้วไม่ง่ายเลยจริงๆ !”
ถานจงิเอ่ยชมเจียงไป๋ ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาลงมืออีกครั้ง
เมื่อครู่ตอนที่ถานจงิลงมือก็เสียเปรียบอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอให้เห็น เขากลับพุ่งเข้ามาอย่างองอาจและจะให้ถอยกลับไปอย่างกระเซอะกระเซิงได้อย่างไร? หากถานจงิฉีกหน้าตัวเองที่นี่ มันก็ไม่ใช่ขายหน้าแค่เขาเท่านั้น!
ถึงจะต้องกัดฟันสู้ตายก็จะแพ้ไม่ได้!
“เหอะๆ” เจียงไป๋หัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาพุ่งตามไปทันที พลังในการะโพุ่งหมุนรอบตัวของเจียงไป๋แหวกร่างออกมา ก่อนที่หมัดของเขาจะปะทะกับขาซ้ายของถานจงิโดยตรง
“อะไร! ปรมาจารย์ฮั่วจิ้น[1]!”
สีหน้าของถานจงิซีดเป็ไก่ต้ม เขายังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกเจียงไป๋เข้าปะทะจนตัวปลิวออกไปแล้ว
วินาทีต่อมาเจียงไป๋ออกท่าเทียชานเกาตามมา เป้าหมายไม่ใช่ถานจงิ แต่เป็ต้นไม้ใหญ่ที่หนาประมาณสามสิบถึงสี่สิบเิเ ซึ่งอยู่ข้างๆ ตำแหน่งที่ถานจงิพยายามตั้งหลักอยู่
“แขวะ!”
เสียงแตกหักดังตามมา ต้นไม้ใหญ่ที่หนาประมาณสามสิบถึงสี่สิบเิเถูกเจียงไป๋ชนจนหักอย่างรวดเร็ว ตอนที่ถานจงิลงถึงพื้น ต้นไม้ใหญ่ก็ล้มตามลงมา ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน
ฉวีเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะหดคอกลับ และมองเจียงไป๋ด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว พลางบ่นพึมพำว่า “แม่เ้า นี่หากตอนนั้นใช้กับฉัน ก็ไม่ใช่ว่าจะแหลกไปแล้วหรือ”
“ลูกพี่ … ลูกพี่ … ”
คนที่ถานจงิพามาสองสามคนรีบเข้ามาประคองเขา สองคนในนี้รีบยื่นมือไปที่เอวของเขาทันที พอเจียงไป๋เห็นก็มีคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาแล้ว แต่เพียงแค่สองทีคนทั้งคู่ก็ถูกซัดจนปลิวออกไปแล้ว
“ไสหัวไป!”
ถานจงิที่เพิ่งจะยืนขึ้นและไม่ได้เป็อะไรมากรีบกระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า พุ่งมาเตะลูกสมุนทั้งสองคนอย่างไม่สนใจไยดี เขาลงมือได้โเี้สุดๆ จนทำให้ผู้คนโดยรอบได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก ไม่ต้องดูเจียงไป๋ก็รู้ว่ามือทั้งคู่ของสองคนนั้นคงใช้การไม่ได้ไปตลอดชีวิต
“พวกขายหน้า! ฉันสู้เขาไม่ได้ พวกแกก็จะใช้ปืนหรือ? พวกแกไม่ได้ขายแค่หน้าฉัน แต่ยังขายหน้าท่านชายด้วย! ต่อไปจะให้เขาพูดกันว่าลูกสมุนของท่านชายพอสู้ไม่ได้ก็ใช้ปืนอย่างนั้นหรือ? นี่มันเื่น่าขำชัดๆ!” ถานจงิพูดอย่างโกรธจัด
และต่อมาก็คิดอะไรได้ เขาทำท่าคารวะเจียงไป๋ “สหายท่านนี้ขอโทษด้วย ฉันดูแลพวกเขาไม่ดีพอ วันนี้คนของฉันทำผิด นาย้าอะไรก็ขอให้บอก ฉันขอยอมรับ พวกเขาติดตามฉันมานานหลายปีแล้ว แต่หากนายไม่พอใจ ฉันยินดีจะรับผิดแทนพวกเขา!”
“ไม่เป็ไร … เื่เมื่อครู่ก็แค่เข้าใจผิดกัน ไม่ต้องจริงจังอะไร และวันนี้ผมมาเพื่อจัดการเื่นั้น จะไปก่อเื่อื่นอีกทำไม? ผมชื่อเจียงไป๋ ถือว่าเราเป็เพื่อนกันก็แล้วกัน”
เจียงไป๋หัวเราะอย่างไม่สนใจ และเขาคงจะไม่อยากสร้างศัตรูเพราะเื่เมื่อครู่เป็แน่ ถึงแม้จริงๆ แล้วเจียงไป๋จะรู้สึกไม่พอใจมาก แต่สิ่งที่ถานจงิทำก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว หากยังไม่เลิกราก็คงจะถูกกล่าวหาว่าใจแคบ
“ได้ วันนี้ฉันก็จะยอมรับสหายเจียงเป็เพื่อน ต่อไปหากมาเยือนทางเหนือแล้วมีเื่อะไรก็มาหาฉันได้ ส่วนเื่ของฉันกับหม่าฉางหยางก็ถือว่าจบแค่นี้! ขอตัวก่อน!”
เมื่อได้ฟังเจียงไป๋พูดอย่างนี้แล้ว ถานจงิก็ทำมือคารวะ โดยมีลูกสมุนคอยช่วยประคองสองสามคน และเขาได้ให้นามบัตรไว้หนึ่งใบก่อนที่จะจากไป!
เื่นี้ก็ถือว่าบอกลาไปแล้ว่หนึ่ง
จริงๆ แล้วความพ่ายแพ้เมื่อครู่ เขารู้ว่าเจียงไป๋ออมมือให้ ถานจงิที่ถูกฝีมือของเจียงไป๋ทำให้ใมีความคิดแรกคืออยากเป็เพื่อนกับเจียงไป๋
ปรมาจารย์วูซูจีนอายุน้อยและฝีมือน่ากลัวอย่างนี้ บวกกับอนาคตที่ไม่มีขีดจำกัด หากมีโอกาสแนะนำให้ท่านชายน่าหลานได้รู้จักก็คงจะดีไม่น้อย
แต่เื่ที่ลูกสมุนของเขาทำลงไปก็ทำให้รู้สึกเสียหน้า และยิ่งเขายังไม่ได้จัดการตามระเบียบ แค่ทำลายมือของทั้งคู่เท่านั้น ถึงแม้เจียงไป๋จะไม่ติดใจเอาความ แต่เขาก็รู้สึกละอายใจ ดังนั้นจึงพูดเพียงเท่านี้แล้วรีบหันหลังจากไป
แน่นอนว่าสัญญาที่ให้มีค่าราวกับทองคำพันชั่ง คำพูดที่เขาพูดไม่ใช่แค่ลมปาก หากเจียงไป๋อยู่ทางเหนือแล้วมีเื่อะไรจริงๆ เขาก็จะไม่ปฏิเสธโดยเด็ดขาด
“คุณเจียงวางใจได้ พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเตรียมเอกสาร และในตอนเช้าพวกเราก็ไปทำเื่โอนกัน ต่อไปต้าชื่อเจี้ยก็เป็ของคุณแล้ว”
หลังจากถานจงิกลับไป หม่าฉางหยางก็ได้สติกลับมา และรีบเข้ามาพูดเอาอกเอาใจเจียงไป๋
เขาถือว่ารู้แจ้งเห็นชัดแล้ว คนอย่างเจียงไป๋หากเขาจะเข้าไปตีสนิทด้วย ก็คงจะไม่ผิดหวังแน่
การต่อสู้เมื่อครู่ทำให้เขาตื่นตระหนกใ คนอย่างถานจงิมีประสบการณ์การต่อสู้มามากมาย เมื่อเทียบกันแล้วถึงเขาจะมีเงิน มีลูกสมุน แต่ก็เทียบไม่ติด กับคนแบบนี้ไม่อาจจะเอารัดเอาเปรียบได้เด็ดขาด หากบีบให้อีกฝ่ายต้องโเี้ใส่แล้วล่ะก็ ต่อไปเขาจะหาใครมาเจรจาได้อีก?
นอกจากว่าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว และคงมีเพียงแค่คนโง่ที่จะทำแบบนั้น
“ติงตัง! ยินดีด้วย หนุ่มน้อย เ้าเอาชนะฉวีเจี๋ยกับกึ่งปรมาจารย์อย่างถางจงิได้ ทำให้เศรษฐีอย่างหม่าฉางหยางหวาดกลัวบวกกับพวกลูกสมุนคนอื่นๆ มีชื่อเสียงเพิ่มเป็เท่าตัว ได้รับแต้มบารมีหนึ่งร้อยแต้ม สามร้อยแต้ม หนึ่งร้อยห้าสิบแต้ม รวมเป็ห้าร้อยห้าสิบแต้ม รวมแต้มบารมีทั้งหมดจะมีหนึ่งพันห้าร้อยห้าสิบแต้ม ตามสถานะที่แตกต่างของเ้า และการทำให้พวกเขาหวาดกลัวจำนวนแต้มบารมีก็จะแตกต่างกันไปด้วย ในตอนนี้ทุกวันฉวีเจี๋ยจะเพิ่มแต้มบารมีให้เ้าหนึ่งแต้ม พวกลิ่วล้ออีกยี่สิบสามคน จะเพิ่มให้วันละศูนย์จุดสองสามแต้ม และมีผลระยะยาว”
ข่าวนี้เห็นได้ชัดว่าเป็ข่าวดีอย่างที่คาดไม่ถึง
เจียงไป๋ได้ผลพวงมากมาย คิดไม่ถึงว่าแค่คืนเดียวจะเทียบได้กับผลพวงของการเขียนหนังสือถึงหนึ่งเดือน ยิ่งมีคูปองอาหารระยะยาวอย่างฉวีเจี๋ยด้วยแล้ว นี่ก็ทำให้เจียงไป๋ดีใจเป็อย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าทุกวันจะมีแต้มบารมีเพิ่มขึ้นเพียงหนึ่งแต้ม แต่ก็ยังดีที่มีผลระยะยาว!
สำหรับลูกน้องกลุ่มนั้น
อ้อ ช่างเถอะ จริงๆ จะไม่นับพวกเขาก็ได้
......
[1] ฮั่วจิ้น คือขั้นที่สามารถปล่อยพลังออกไปได้ดังใจปรารถนา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้