เฉิงชิงทำข้อสอบแผ่นที่สามไปครึ่งหนึ่งแล้ว ถึงเข้าใจว่าเมิ่งไหวจิ่นคิดที่จะทำอะไร
อีกทั้งนางก็ไม่ใช่เด็กอายุแค่สิบสามปีจริงๆ ก่อนหน้าที่จะทะลุมิติก็เคยได้พบเห็นเหตุการณ์มากมาย การทำข้อสอบทั้งๆ ที่ดวงอาทิตย์ส่องเหนือหัวเช่นนี้ทำให้รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
ปากบอกว่าตรวจสอบการทุจริต อีกทั้งไม่เพียงแค่สอบถาม แต่กลับให้ทุกคนทำข้อสอบต่อจนเสร็จแล้วก็ให้หลายคนจากไปได้
เมิ่งไหวจิ่นตัดสินอย่างไรกันนะ?
ไม่เพียงแค่เฉิงชิงจะคิดออกเท่านั้น คนอื่นๆ ก็คิดออกเช่นกัน รวมถึงผู้ที่โยนก้อนกระดาษด้วย
เมิ่งไหวจิ่นกำลังเล่นาประสาท ไม่ตีไม่ด่า เพียงแค่เรียกให้ทุกคนทำข้อสอบต่อเท่านั้น เฉิงชิงเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาหน่อยแล้ว ผู้ที่ทุจริตจริงย่อมต้องรู้สึกร้อนตัวยิ่งกว่านี้แน่ ผู้ใดข่มอารมณ์ไม่ได้ก่อน ผู้นั้นก็จะถูกสงสัย ที่เหลือก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเมิ่งไหวจิ่นจะตัดสินในขั้นสุดท้ายอย่างไร… หลังจากเฉิงชิงเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว จิตใจก็พลันสงบลง
แสงอาทิตย์โหดร้ายแล้วอย่างไรเล่า ถ้าหากสามารถล้างข้อสงสัยเื่ทุจริตได้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
เริ่มแรกนางสงสัยว่าอาจารย์ผู้คุมสอบหวงถูกซื้อตัวไป ร่วมมือกับผู้อื่นใส่ร้ายนาง พอเมิ่งไหวจิ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เฉิงชิงจึงปัดความกังวลนี้ทิ้งไป
อนาคตของเมิ่งเจี้ยหยวนไร้ขีดจำกัด ผู้อื่นอาจจะสามารถซื้อตัวอาจารย์ของสถานศึกษาได้ แต่ซื้อตัวเมิ่งไหวจิ่นไม่ได้แน่
แน่นอนว่าหากผลประโยชน์มากเพียงพอ ฮ่องเต้ของราชวงศ์เว่ยก็ยอมสามารถถูกซื้อตัวได้ด้วย แล้วนับประสาอะไรกับเจี้ยหยวนผู้หนึ่งเล่า
แต่พอนางคิดกลับไปกลับมาแล้ว นางในยามนี้มีมูลค่าน้อยเกินไป ไม่มากพอที่จะให้ผู้อื่นจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อใส่ความ!
เมิ่งไหวจิ่นทำให้แม่นมโจวและพวกอวี๋ซานถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ไป เฉิงชิงลอบดีใจจนถึงขนาดประทับตรา ‘คนดี’ ให้ศิษย์พี่เมิ่งในทันที มองว่าศิษย์พี่เมิ่งไม่มีทางเป็คนเลวชั่วคราว
ทำข้อสอบตั้งมากมายก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี เฉิงชิงเพียงแค่กระจ่างถึงข้อเท็จจริงของการสอบเข้าแล้ว ไม่ใช่ว่านางสามารถทำได้ถูกต้องทุกข้อ หากอาจารย์ของสถานศึกษาได้เห็นกระดาษข้อสอบของนางแล้ว ก็คงจะช่วยสรุปในส่วนของพื้นฐานที่ยังอ่อนอยู่ นั่นก็ถือว่าเป็ลาภลอยแล้ว!
พอเขียนมาถึงข้อสอบแผ่นที่หก หลายคนก็อดทนไม่ไหวแล้ว พอเฉิงชิงได้ยินว่านายท่านห้าเฉิงมาที่สถานศึกษาด้วยตนเอง จิตใจก็พลันเบิกบาน
อีกเดี๋ยวแผนการของเมิ่งไหวจิ่นก็จะสัมฤทธิผลแล้ว
เป็จริงดั่งที่คาดไว้ นางเพิ่งเขียนข้อสอบแผ่นที่หกได้ยังไม่ถึงครึ่งทาง ภายในสนามสอบก็มีบางคนทนไม่ไหว วางพู่กันลงแสดงถึงการประท้วง
บางคนะโส่งเสียงโหวกเหวกว่าไม่สอบแล้ว บางคนกล่าวว่าสถานศึกษาทรมานคน ทั้งยังด่าว่าเมิ่งไหวจิ่น
ผู้ดูแลสถานศึกษาหลายคนที่เมิ่งไหวจิ่นและนายท่านห้าเฉิงพาเข้ามาตรงไปควบคุมตัวคนทันที
มีผู้เข้าสอบผู้หนึ่งที่รู้สึกว่าอย่างไรก็ไม่มีความหวังที่จะสอบผ่านแล้ว จึงทำให้สถานการณ์แย่ลงด้วยการตั้งข้อสงสัยว่าเมิ่งไหวจิ่นไม่มีคุณสมบัติในการจับคน
เมิ่งไหวจิ่นยืนนิ่งไม่ขยับ
“เมื่อถูกจับได้ว่าทุจริตในการสอบเข้ารับราชการทางราชสำนักก็มีสิทธิ์ลงโทษ พวกเ้ามาเข้าร่วมการสอบเข้าของสถานศึกษา หากมีคนผู้ทุจริต ทางสถานศึกษาเองก็มีคุณสมบัติที่จะสอบสวนจนกระจ่าง”
ไม่พอใจหรือ?
ถึงไม่พอใจก็ต้องข่มเอาไว้!
ในยามนี้เมิ่งไหวจิ่นมิได้เป็เพียงเจี้ยหยวน เื้ัของเขายังมีสถานศึกษาหนานอี๋อีกด้วย
ใบหน้าของผู้เข้าสอบที่เห็นต่างก็พลันขึ้นสีเพราะข่มอารมณ์ไว้ เมื่อสลัดตัวไม่หลุดจากการจับกุมของผู้ดูแลสถานศึกษา จึงด่าทอเมิ่งไหวจิ่นไม่ยั้ง
เมิ่งไหวจิ่นทำทีเป็ไม่ได้ยิน พลิกกองกระดาษข้อสอบกลับไปกลับมา แล้วก็ประกาศให้คนบางส่วนลงจากเขาไปได้อีกครั้ง เป็ที่น่าใว่าในจำนวนนี้มีเฉิงชิงรวมอยู่ด้วย… วิธีการของเมิ่งไหวจิ่นถือเป็การสาดน้ำในน้ำมันเดือด ทำให้ความร้อนใจแต่เดิมของเหล่าผู้เข้าสอบที่ต้องทำข้อสอบแผ่นแล้วแผ่นเล่าะเิออกมาทั้งหมด!
เมิ่งไหวจิ่นจะประกาศให้ผู้ใดลงเข้าก็ได้ มีเพียงผู้เดียวที่ไม่ได้คือเฉิงชิง
เป็เพราะเฉิงชิงทำให้เกิดเื่ราวนี้ขึ้นมา ทำร้ายทุกคนกลับไปกลับมามานานขนาดนี้ เฉิงชิงกลับหนีรอดไปอย่างง่ายดาย?
“เ้ามันลำเอียง!”
“ใช่ ลำเอียง เพราะผู้ที่ทุจริตเป็บุตรหลานตระกูลเฉิง”
“เป็เจี้ยหยวนอยู่ดีๆ กลับอยากประจบตระกูลเฉิง ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี!”
นายท่านห้าเฉิงลูบเคราแพะไม่เอ่ยคำ มีความสามารถในการเล่าเรียน มีความสามารถในการสอบก็ย่อมถือเป็ทักษะ แต่การมีความสามารถในการเล่าเรียนก็ใช่ว่าจะสามารถจัดการเื่ราวได้เสมอไป โอกาสนี้ถือเป็การดีที่นายท่านห้าเฉิงจะได้สังเกตเมิ่งไหวจิ่นอีกครั้งหนึ่ง
นายท่านห้าเฉิงมาเพื่อเฉิงชิง ยามนี้ความหนักใจจางหายไปจนหมดสิ้น ขอเพียงแค่ยืนยันว่าเฉิงชิงไม่ได้ทุจริต นายท่านห้าเฉิงก็สามารถดูละครได้อย่างไม่รีบร้อน
เฉิงชิงทำตัวเป็นกกระทาเรียบร้อย ตอนนี้นางไม่เหมาะที่จะทำตัวเป็จุดสนใจ ให้เมิ่งไหวจิ่นแสดงความสามารถให้เต็มที่เถิด!
เมื่อเผชิญหน้ากับการตั้งข้อสงสัยของผู้เข้าสอบ เมิ่งไหวจิ่นก็ขมวดคิ้ว
“ประจบตระกูลเฉิง?”
เขาชี้นิ้วไปรอบด้าน
“หากไม่มีตระกูลเฉิงขยายต่อเติมโรงศึกษาประจำตระกูลเป็สถานศึกษาหนานอี๋และเชิญอาจารย์มีชื่อมาสั่งสอน ผู้แซ่เมิ่งก็คงไม่มีวุฒิในวันนี้ ข้าซาบซึ้งตระกูลเฉิงแล้วมีอันใดไม่ถูก! พวกเ้าดีนักนี่ พื้นดินที่เหยียบย่ำอยู่คือพื้นดินที่ตระกูลเฉิงบริจาคมาเพื่อสร้างสถานศึกษา เพียงเพราะทำข้อสอบเยอะแผ่นหน่อยเลยตั้งข้อสงสัยกับจารีตของตระกูลเฉิง พอข้าบอกว่าเฉิงชิงไม่ได้ทุจริต พวกเ้าก็จะบอกว่าเขาทุจริตให้ได้ เพียงเพราะเขามีสถานะเป็ ‘คนตระกูลเฉิง’ ด้วยเหตุนี้จริงหรือที่ทำให้พวกเ้ามีอคติ?”
รับบุญคุณคนแล้วยังแกล้งโง่ หลังจากนี้จะมีผู้ใดกล้าสร้างบุญคุณอีก?
เมิ่งไหวจิ่นถือว่าแม้จะประจบ ‘ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋’ จริง ก็ไม่ใช่เื่ที่เสียหน้าแต่อย่างใด ยังคงยืนหยัดเพื่อคุณธรรมประจำตัวอย่างเต็มที่
มิหนำซ้ำ เฉิงชิงก็ไม่ได้ทุจริต เมิ่งไหวจิ่นยิ่งมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
เมิ่งไหวจิ่นกางกระดาษข้อสอบที่เฉิงชิงทำออกมา แล้วถามเฉิงชิง “เ้ารู้หรือไม่ว่า ข้าตัดสินได้อย่างไรว่าเ้าไม่ได้ทุจริต?”
พอเฉิงชิงคิดแล้วก็ตอบเขาอย่างกระตือรือร้นว่า
“น่าจะเป็เพราะข้าทำข้อสอบได้ดีใช่หรือไม่ขอรับ?”
เ้าเด็กนี่ช่างหน้าหนานัก!
นายท่านห้าเฉิงถูกหยอกล้อจนหัวเราะออกมาก
สหายร่วมเรียนที่อวี๋ซานพามาพอแอบฟังตรงประตูทางเข้าลาน ได้ฟังสีหน้าก็พลันเหยเก บนโลกนี้มีเด็กหน้าหนาไม่รู้จักอายเช่นนี้ด้วย!
เมิ่งไหวจิ่นก็หัวเราะด้วย รอยยิ้มค่อนข้างผ่อนคลาย “ไม่ผิด เพราะเ้าทำข้อสอบได้ดี”
นี่นับว่าเป็คำตอบอะไรกัน
เมิ่งเจี้ยหยวนจะขายผ้าเอาหน้ารอดต่อหน้าทุกคนเกินไปแล้ว!
เฉิงชิงมองไปยังสีหน้าของฝูงชนแล้วก็รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่พอใจ เมิ่งไหวจิ่นเองก็มองออก
“อย่างน้อยผู้แซ่เมิ่งก็พอถือว่ามีความรู้เกี่ยวกับการสอบเข้ารับราชการอยู่บ้าง ทุกท่านทำข้อสอบเสร็จแล้วหลายแผ่น ความทุ่มเทของเฉิงชิงก็ยังคงมั่นคง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่พวกท่าน แต่เขาก็ถือว่าอยู่ระดับกลางขึ้นไป เพียงแค่เขาทุ่มเทอย่างสม่ำเสมอ เดิมทีก็มีความสามารถพอที่จะสอบเข้าสถานศึกษาหนานอี๋ได้ แล้วไยต้องเสี่ยงทุจริตด้วยเล่า?”
นายท่านห้าเฉิงลูบเคราแพะพลางพยักหน้า
ยามเฉิงชิงเพิ่งกลับมายังอำเภอหนานอี๋แม้แต่สี่ตำรา ห้าคัมภีร์ก็ล้วนไม่เคยศึกษา ศึกษาอย่างขยันอย่างพากเพียรและยากลำบากมาสองสามเดือน ก็มีความสามารถที่จะสอบเข้าสถานศึกษาหนานอี๋ได้แล้ว
การสอบเข้าศึกษาของสถานศึกษาหนานอี๋จะกล่าวว่ายากก็ไม่ยาก แต่จะกล่าวว่าง่ายก็ไม่ง่ายเช่นกัน ระดับความยากส่วนใหญ่เทียบเท่ากับการสอบถงเซิง
โดยปกติแล้วศิษย์ที่สามารถสอบผ่านเข้ามายังสถานศึกษาหนานอี๋ได้ ย่อมมีพื้นฐานสี่ตำราห้าคัมภีร์อยู่แล้ว ยิ่งพอได้ผ่านการขัดเกลาจนพัฒนาขึ้นก้าวหนึ่งและเคล็ดลับการทำข้อสอบของการสอบเข้ารับราชการที่สืบต่อกันมาจากสถานศึกษาแล้ว การสอบผ่านได้รับวุฒิถงเซิงก็จะไม่ใช่เื่ยากอีกต่อไป
ตระกูลเฉิงขยายต่อเติมโรงศึกษาประจำตระกูลเพราะความเห็นแก่ตัวส่วนตน สถานศึกษาหนานอี๋ดำรงอยู่ได้เพื่อการสอบเข้ารับราชการ ศิษย์ที่โง่เกินไป สถานศึกษาย่อมไม่รับเข้ามา
นายท่านห้าเฉิงพึงพอใจกับผลลัพธ์จากการเล่าเรียนอย่างยากลำบากของเฉิงชิง เด็กคนนี้แม้จะหน้าหนาไปหน่อย แต่ก็สืบทอดพร์ด้านการเรียนของเฉิงจือหย่วนมาบ้างจริงๆ !
เมื่อเมิ่งไหวจิ่นกล่าวเช่นนี้แล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่อาจโต้แย้งอะไรได้
คนเขาเป็ถึงเจี้ยหยวน เป็อันดับหนึ่งจากบัณฑิตจวี่เหรินทั่วทั้งมณฑล ผู้เข้าสอบเหล่านี้ไม่ได้เป็แม้กระทั่งบัณฑิตซิ่วไฉ กล้าตั้งข้อสงสัยถึงคุณธรรมของเมิ่งไหวจิ่น แต่กลับไม่มีคุณสมบัติที่จะตั้งข้อสงสัยกับความรู้ของเมิ่งไหวจิ่น!
แรงกดดันจากบัณฑิตหัวกะทิทำให้ฝูงชนไม่อาจต่อต้านใดๆ เ้าอ้วนน้อยที่แต่งกายหรูหราจึงเช็ดเหงื่อพลางเอ่ยประจบ
“ศิษย์พี่เมิ่งมีความรู้ ข้าเชื่อในการตัดสินของศิษย์พี่เมิ่ง เมื่อคิดดูแล้วนี่ก็เป็เพียงความเข้าใจผิดเท่านั้น!”
เฉิงชิงเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าวแล้วประสานมือ “ขอบคุณศิษย์พี่ที่ล้างมลทินเื่ทุจริตแทนข้า”
เมิ่งไหวจิ่นโบกมือ
“อย่าเพิ่งขอบคุณ รอข้าเปิดโปงตัวผู้ที่ทุจริตก่อน”
กล่าวเสร็จก็เดินไปยังเหล่าผู้เข้าสอบที่ถูกควบคุมตัวอยู่ พวกเขาคือผู้ที่ข่มอารมณ์ไม่อยู่เป็คนแรกๆ และทิ้งพู่กันประท้วง
คนเหล่านี้ถูกเมิ่งไหวจิ่นจ้องจนอกสั่นขวัญแขวน หากเมิ่งเจี้ยหยวนประณามพวกเขาว่าทุจริต อนาคตของพวกเขาก็ล้วนจบเห่แล้ว ไม่มีผู้ใดฟังพวกเขาแก้ตัวเป็แน่… คนทั้งหมดต่างเสียใจที่ต่อไปปากต่อคำกับเมิ่งไหวจิ่น ผู้อื่นยังทนได้ หากพวกเขาเองก็อดทนเสียหน่อยไม่ดีไปแล้วหรือ?
เมิ่งไหวจิ่นหยุดฝีเท้าที่ตรงหน้าผู้เข้าสอบคนหนึ่ง ถามเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า
“เหตุใดเ้าถึงต้องใส่ร้ายเฉิงชิง?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้