“ผิดไปแล้ว? ผิดไปแล้วก็ไม่ได้”
สำหรับการยอมรับความผิดของเมิงหวงเฉา เจียงไป๋กลับยิ้มอย่างน่าสนใจ และสังเกตเขาั้แ่หัวจดเท้า
พูดจริงๆ เ้านี่ก็หล่อไม่เลว โดยเฉพาะพอยิ้มก็ดูไม่มีพิษไม่มีภัย ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เจียงไป๋เคยัักับลูกไม้ของเ้านี่มาแล้วล่ะก็ ไม่แน่ว่าเขายังจะมีความรู้สึกดี
แต่ตอนนี้ก็ไม่เด็ดขาด และยิ่งเป็ไปไม่ได้ที่จะจบแบบนี้ เพราะแค่อีกฝ่ายมาขอร้องง่ายๆ อย่างนี้
“แบบนั้นจะเอาอย่างไร?” สีหน้าเมิงหวงเฉายิ่งขมขื่น
ตอนนี้เขาไม่มีทางร้องขอความเป็ธรรมได้แล้ว หากเป็คนอื่น ถึงจะเป็ปรมาจารย์ใหญ่วูซูจีนคนหนึ่ง กล้าทำอย่างนี้กับคุณชายเมิง เขาจะต้องคิดหาทางเอาเกียรติคืนมา
การรับมือกับคนที่เก่งกาจ เป็ธรรมดาที่จะมีวิธีการที่เก่งกาจ ถึงนายจะเป็คนเก่งกาจแค่ไหน เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธของประเทศ นายก็ต้องยอมให้จับแต่โดยดี
คุณชายเมิงเป็คนที่ชำนาญในการใช้ประโยชน์จากกฎกติกาคนหนึ่ง ลูกไม้ที่ใช้ก็แพรวพราวจนทำให้คุณตาลายได้
แต่ปัญหาคือ ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ ของเขานั้น ในตอนนี้ก็ใช้ไม่ได้แล้ว
จริงๆ แล้ว ถึงจะเรียกทหารมาช่วยแปดนาย ก็แค่หลอกให้มา แต่ไม่นาน ทางนั้นก็สามารถโต้กลับได้ และถูกเรียกตัวกลับได้เหมือนกัน
คนอื่นๆ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เมิงหวงเฉาเชื่อว่าสถานการณ์ของที่นี่ในตอนนี้ถูกรายงานไปทางคุณปู่แล้ว ความสัมพันธ์ในทุกๆ ระดับของรัฐบาล เขาก็เรียกใช้ไม่ได้สักคน
พอสูญเสียสิ่งเหล่านี้ และต้องเผชิญหน้ากับเจียงไป๋ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานอีก เมิงหวงเฉาพบว่าตนเองกลายเป็เนื้อที่วางอยู่บนเขียง ทำได้แค่ยอมให้ผู้อื่นจัดการแล้ว
เจียงไป๋ไม่ได้ตอบคำถามของเมิงหวงเฉา ก็แค่ชี้หน้าของอีกฝ่าย หลังจากนั้นก็งอนิ้วมือเรียก
เมิงหวงเฉาก็เข้าใจความหมายของเจียงไป๋ทันที บนใบหน้าล้วนมีหยดน้ำไหลออกมา สีหน้าเดี๋ยวใสเดี๋ยวซีด ในที่สุดก็กัดฟัน ปิดตา และยื่นหน้าไปให้
เขายื่นหน้าออกไปให้คนอื่นตบ นี่ก็เป็ครั้งแรกในชีวิตของคุณชายเมิง
แต่ตอนนี้เขาไม่มีวิธีการอื่น และก็ไม่กล้าต่อต้าน
แค่ต่อต้าน เขาก็มีเหตุผลที่น่าเชื่อ แต่เจียงไป๋ก็จะให้การสั่งสอนที่ลืมไม่ลงไปตลอดชีวิตแก่เขา
“คนฉลาดย่อมเลี่ยงที่จะเสียเปรียบ” เมิงหวงเฉาเข้าใจหลักการนี้อย่างลึกซึ้ง
ดังนั้น ถึงเื่นี้จะน่าอายมากจริงๆ โดยเฉพาะที่นี่ยังมีคนรู้จักอีกมากมายดูอยู่ เป็ไปได้มากว่าพรุ่งนี้ เขาเมิงหวงเฉาก็จะกลายเป็ตัวตลกไปทั้งวงการรัฐบาลของทางเหนือ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าศักดิ์ศรีและสิ่งที่อยู่ภายใน เมิงหวงเฉาที่ฉลาดยังคงเลือกสิ่งที่อยู่ภายใน
“เพียะ!”
ฝ่ามือของเจียงไป๋ตบลงมาบนหน้าของเมิงหวงเฉาอย่างเฉียบขาด แต่เบามากๆ เหมือนกับว่าไม่ได้ตบ แต่ลูบคลำ ก็แค่ทีเดียว ไม่มีครั้งที่สอง
นี่ก็ทำให้เมิงหวงเฉาที่ลืมตาแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยอาการมึนงง และมองเจียงไป๋อย่างไม่เข้าใจ
“จู่ๆ ฉันก็เปลี่ยนใจ เมื่อครู่ก็แค่ให้การสั่งสอนนาย ฉันคิดว่าต่อไปก็คงจะคิดแผนการอะไรมาต่อกรกับฉันไม่ออกแล้ว ให้คุณชายเมิงอย่างนายยื่นหน้าออกมาและตีนาย ก็เกินไปหน่อยจริงๆ ถึงแม้ฉันจะไม่กลัวว่านายจะขายหน้า แต่คิดๆ ดูแล้ว การตบนายแบบนี้ ฉันก็จะดูไม่ดีไปหน่อย ดังนั้นครั้งนี้ให้นายจำไว้ว่า ครั้งหน้าถ้านายมาแหย่ฉันอีก ฉันก็จะเอาคืนเป็สองเท่า ไม่ใช่แค่ตบนาย แต่ฉันจะหักแขนหักขานายซะ”
เจียงไป๋มองเมิงหวงเฉาแวบหนึ่ง และพูดให้อภัยได้ก็ให้อภัย เจียงไป๋เข้าใจอย่างลึกซึ้ง และไม่อยากจะทำให้แตกหัก เขาตัดสินใจให้โอกาสเมิงหวงเฉาอีกครั้ง
หากเขาไม่รู้ดีชั่ว และยั่วยุอีก เช่นนั้นเจียงไป๋ก็ไม่ติดที่จะให้ความทรงจำที่ลืมไม่ลงไปตลอดชีวิตแก่เขา
“พี่วางใจเถอะ พี่ชาย ต่อไปพี่ก็คือพี่แท้ๆ ของฉัน ฉันจะไม่โง่ไปหาเื่พี่อีก หากเล่นลูกไม้กับพี่อีก ไม่ต้องให้พี่พูด ฉันจะจัดการตัวเอง”
เมื่อเมิงหวงเฉาฟังคำนี้แล้ว บนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มที่สดใสออกมาทันที และเดินเข้ามาที่ข้างกายของเจียงไป๋ ทั้งยังพูดอย่างกระตือรือร้น และแทบจะรับเจียงไป๋เป็ญาติสนิท
ครั้งนี้ดูจริงใจกว่าก่อนหน้านี้มาก ทำให้เจียงไป๋ต้องมองเขาใหม่
มิน่าล่ะ ซุนเจิ้งถึงบอกว่าเ้านี่เ้าเล่ห์ คิดรอบคอบ ปรับตัวตามสถานการณ์ได้เร็ว ยืดหยุ่นได้ โดยเฉพาะฐานะทางครอบครัวก็น่าใ ลูกไม้ก็อำมหิตพอ มิน่าล่ะ ถึงได้เป็ใหญ่ในกลุ่มลูกผู้ลากมากดีของตี้ตูได้ คนปกติก็สู้เขาไม่ได้จริงๆ
เมื่อพูดจบ สีหน้าเมิงหวงเฉาก็แปรเปลี่ยน และมองพวกผู้ชายผู้หญิงที่ตามอยู่ข้างกายตนเอง และพูดเสียงดังว่า “ครั้งนี้ฉันพูดจริงๆ ต่อไปใครจะก่อกวนพี่ชายฉัน ฉันจะฆ่ามันซะ ต่อไปพี่เจียงไป๋ก็เป็พี่ชายแท้ๆ ของฉัน พี่ชายแท้ๆ จริงๆ! พวกนายก็จำไว้ ต่อไปเรียกพี่ ยังมีอีกเื่วันนี้ … อะไรควรจะพูด อะไรไม่ควรจะพูด พวกนายก็น่าจะชัดเจน ถ้าใครปากสว่าง และออกไปพูดอะไรมั่วๆ ถึงเวลานั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
“คุณชายเมิงวางใจได้ พวกเราล้วนเป็เพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน และก็ติดตามนายมาั้แ่เด็กๆ เื่เล็กแค่นี้พวกเราก็รู้ดี ฉันรับประกันได้จะไม่พูดมั่วซั่วแม้แต่คำเดียว คนอื่นๆ นายก็วางใจได้ หากใครกล้าพูด ฉันจะฆ่ามันทันที!”
หนุ่มน้อยที่ไว้ผมยาวแค่นิ้วเดียว อายุสิบเจ็ดสิบแปดปีคนหนึ่ง ะโออกมา และรีบรับปากทันที
เ้านี่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือซุนหยวนลูกชายคนเดียวของหัวหน้าซุนคนนั้น เมื่อครู่เมิงหวงเฉาก็ได้แนะนำให้กับเจียงไป๋แล้ว
คนอื่นๆ ที่ซุนหยวนพูด แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อนๆ ของเขา แต่เป็คนพวกนั้นที่ถูกเจียงไป๋ซัดจนหมอบ
คนนำทีมคนนั้นเมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว ก็หดหัวทันที และรีบพยักหน้าอย่างลนลาน ทั้งยังพูดว่าเข้าใจครับติดๆ กัน
“พวกคุณจะลงมือกับผมไหม?”
เมื่อจัดการเื่ของเมิงหวงเฉาเสร็จแล้ว เจียงไป๋ก็เล็งสายตาไปที่นายทหารที่ยืนตัวตรงสองสามคน
คนพวกนี้ล้วนเป็ยอดฝีมือ เจียงไป๋ก็มีใจอยากจะลองดูสักหน่อย
“อย่า … พวกเราก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ ปรมาจารย์ใหญ่คนหนึ่งอย่างคุณจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับทหารสองสามนายอย่างพวกเราทำไม พวกเราก็ถูกเมิงหวงเฉาใช้ลูกไม้หลอกมา พวกเราก็ไม่ได้เป็อะไรกับเขา ในเมื่อเื่ระหว่างพวกคุณจบแล้ว เป็ธรรมดาที่พวกเราจะกลับกันแล้ว”
ล้อเล่นน่า พวกเขาสองสามคนก็เก่งกาจ แต่จะให้ท้าทายเจียงไป๋ ก็รู้ตัวดีว่าไม่มีคุณสมบัติพอ
คนโง่เท่านั้นที่จะลงมือกับปรมาจารย์ใหญ่วูซูจีน
สำหรับเื่นี้ เจียงไป๋หัวเราะเบาๆ และยักไหล่ เขาไม่ฝืนใจใคร และก็มองพวกเขาขึ้นรถไป
ระหว่างเตรียมที่จะไป ทันใดนั้นพันตรีที่นำทีมคนนั้นก็ลงมาจากรถ และมองเจียงไป๋แวบหนึ่ง เขายื่นมือออกมาหนึ่งข้าง “ขอแนะนำตัวหน่อย หยางหยาง ยศพันตรี อ้อ ส่วนหน่วยน่ะ เดิมทีเป็ความลับ แต่เมื่อครู่เมิงหวงเฉาก็พูดแล้ว แบบนั้นผมก็จะไม่ปกปิด หน่วยคมดาบแดง”
“คุณคือผู้กอง?” เจียงไป๋ถามอย่างแปลกใจ
สำหรับเื่ในกองทหาร เจียงไป๋เข้าใจไม่ลึกซึ้ง แต่ส่วนใหญ่ก็เคยได้ยินจากคำเล่าลือ และรู้ว่ามีหน่วยลับหน่วยนี้อยู่
ตามความเข้าใจของเจียงไป๋ ฉวีเจี๋ยกับเสี่ยวเทียนทั้งสองน่าจะอยู่ในนี้ ก็แค่ไม่รู้ว่าทำไมถึงปลดออกมา และมาอยู่ที่เทียนตู สาเหตุในนี้ เจียงไป๋ก็ไม่เคยถาม ดังนั้นจึงไม่ชัดเจน
“ผู้กองเล็กๆ น่ะครับ แต่ผู้กองใหญ่ผมก็เป็ไม่ได้หรอก” เมื่อหยางหยางได้ยินคำนี้แล้ว ก็รีบทำไม้ทำมือ และทั้งพูดทั้งยิ้มอย่างถ่อมตัว
“เจียงไป๋ ศาสตราจารย์รับเชิญของสถาบันเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเทียนตู”
ในเมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัวแล้ว เจียงไป๋ก็ไม่ลังเล และพูดถึงฐานะของตนเองไปตรงๆ
แต่คิดไปคิดมา อันที่พอพูดออกหน้าออกตาได้ก็มีแค่ตำแหน่งศาสตราจารย์แล้ว ส่วนอื่นๆ ก็พูดไม่ออกอยู่บ้าง
“หา ศาสตราจารย์?”
คราวนี้ไม่ใช่แค่หยางหยาง แต่ยังรวมถึงเมิงหวงเฉา และยังมีเพื่อนๆ ของเขา กับเพื่อนร่วมทีมอีกสองสามคนของหยางหยางทั้งหมดล้วนตะลึงงันไปเลยทีเดียว และมองเจียงไป๋ด้วยใบหน้าที่ใและไม่อยากจะเชื่อ
ศาสตราจารย์ที่หนุ่มขนาดนี้ พวกเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยิน แต่ศาสตราจารย์ที่หนุ่มขนาดนี้ และยังสู้เก่งอย่างนี้ ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
เจียงไป๋เหมือนจะมองอาการแปลกใจของอีกฝ่ายออกแล้ว เขาเกาหัวอย่างเขินอาย ทั้งหัวเราะทั้งพูดว่า “ผมก็เป็คนมีการศึกษา เมื่อครู่ที่ลงมือไป นั่นก็เพราะถูกบีบบังคับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้