“พี่สะใภ้เก่งมากเลยเ้าค่ะ” ทันใดนั้นเด็กๆ ทั้งสามก็เข้ามากอดเวินซี
เมื่อครู่พี่สะใภ้ “หวดๆๆ” คนพวกนั้นออกไป แม้แต่ท่านย่าที่ดูน่ากลัวอยู่เสมอก็ยังเทียบมิได้
พี่สะใภ้เก่งมากจริงๆ!
เวินซียิ้มแล้วตบหลังซันซานอย่างอ่อนโยน
ผู้คนในชนบทนั้นดื้อรั้น การจะรับมือกับคนอย่างท่านย่าจ้าวจะต้องมีความเด็ดขาด เวินซีเพิ่งจะให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ กับท่านย่าจ้าวไป เครื่องหอมเ่าั้คงจะทำให้ท่านย่าสนุกไปได้่หนึ่ง
ในคืนนั้นเอง ท่านย่าจ้าวพลิกตัวนอนบนเตียงด้วยความเ็ป รู้สึกเหมือนมีมดกำลังเดินไต่อยู่รอบตัว ทั้งเจ็บทั้งคัน
ฟึบ——
นางจึงยกผ้าห่มขึ้นและมองดูภายในเสื้อ
“กรี๊ด!”
บนผิวของนางมีมดไต่ยั้วเยี้ยอยู่จริงๆ ด้วย!
...
เพราะว่าเด็กๆ ที่บ้านมีเวินซีคอยดูแล นับวันจ้าวต้านจึงมีเวลาออกล่าสัตว์ได้มากขึ้น ชีวิตของพวกเขาจึงดีขึ้นมาก
วันนี้เขากลับมาเร็ว จึงมานั่งจัดการกับเครื่องมือที่อยู่ในลานบ้าน เด็กทั้งสามคนก็กำลังยุ่งอยู่เช่นกัน
เป็ในตอนนั้นเอง เวินซีเดินเข้ามา
“จ้าวต้าน อีกเดี๋ยวเราไปซื้อของกันเถิด ข้าจะไปซื้อยา”
“ได้สิ” จ้าวต้านกวาดสายตามองไปที่นาง
นาง... ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมาก่นี้
ทั้งผิวขาวขึ้น เต่งตึง ร่างกายเพรียวบาง และมีใบหน้าที่งดงามขึ้น หว่างคิ้วและแววตาก็ยิ่งมีเสน่ห์ดึงดูดใจคน
ไฉนเลยที่เขาจะรู้ว่า่นี้นางยังคงถอนพิษยาอยู่ แต่ยิ่งใกล้จะสำเร็จเท่าใด เวินซีก็ยิ่งรู้สึกว่าพิษยานั้นดื้อนัก ยากที่จะถอนพิษออกไปได้หมด
เมื่อทั้งสองไปตลาดก็ขายสัตว์ที่ล่ามาได้ก่อน จากนั้นจึงไปซื้อยา
แต่ทันทีที่ก้าวออกมาจากร้านขายยา ก็เห็นคนจำนวนมากวิ่งไปในทางเดียวกัน
ดูเหมือนว่าจะไปยังร้านเครื่องหอมของตระกูลเวิน
เวินซีเห็นเช่นนั้นก็รีบคว้าตัวสตรีนางหนึ่งไว้แล้วเอ่ยถาม “แม่หญิง ด้านหน้ามีเื่อันใดหรือ?”
“ตระกูลเวินออกเครื่องหอมใหม่น่ะสิ ข้าจะรีบไปแย่งซื้อ!”
แม่หญิงผู้นั้นสะบัดมือแล้วรีบวิ่งออกไป
เวินซีกับจ้าวต้านมองหน้ากัน
แม้ว่าเวินอวิ๋นโปจะสามารถกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลเวินในคราวก่อนได้ แต่ธุรกิจก็มิน่าจะกลับมาดีเช่นนี้
เื่นี้ดูผิดปกติ จะต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่
เวินซีเดินตามผู้คนไปที่ประตูร้านของตระกูลเวินกับจ้าวต้านโดยไม่ลังเล
นางเห็นเวินอวิ๋นโปซึ่งแต่งตัวดูดีอยู่ที่นั่น
“ทุกคน มิต้องรีบร้อนขอรับ 'เนี่ยนเซียงอวิ๋น' ที่ออกใหม่จากจวนของเรา จะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังแน่ เราได้เตรียมสินค้าไว้อย่างเพียงพอ ทุกคนล้วนได้ทั้งสิ้น มิต้องเบียดเสียดกันนะขอรับ”
หลังจากที่เวินอวิ๋นโปพูดจบ ผู้คนก็กรูเข้าไปทันที
เนี่ยนเซียงอวิ๋น...
ชื่อนี้คุ้นหูเหลือเกิน เวินซีกำหมัดแน่น
ที่แท้ก็เป็เครื่องหอมของเวินอี๋เหนียงอีกเช่นเคย
กระบวนการทำเนี่ยนเซียงอวิ๋นนั้นซับซ้อน เมื่อทำออกมาสำเร็จก็จะพบพานกับความหอมที่ยากจะหาได้ในใต้หล้า หากนำไปทาหน้าจะทำให้ผิวเรียบเนียนราวกับหยก อีกทั้งกลิ่นหอมนั้นยังทำให้บุรุษต้องหันมาเชยชม
ตระกูลเวิน้าใช้สูตรเครื่องหอมของเวินอี๋เหนียงสร้างรายได้เพื่อปกปิดเื่ที่น่าอับอาย นางจะยอมให้พวกเขาทำสำเร็จได้อย่างไร
เวินซีมิได้กลับไปทันที แต่ไปที่ร้านใกล้ๆ เพื่อยืมพู่กันกับกระดาษ แล้วเขียนจดหมายส่งไปให้ขอทานที่หน้าประตู
ต่อไปก็แค่รอดูการแสดงสนุกๆ
“ไปกันเถิด”
“อื้ม”
จ้าวต้านรู้ว่านางคิดอย่างไร จึงมิได้ถามอันใดให้มากความ
ทั้งสองได้ซื้อปลากลับไปเพื่อบำรุงร่างกายให้เด็กๆ
บนโต๊ะอาหาร เด็กๆ ทั้งสามทานมื้อเย็นอย่างมีความสุข เวินซีวางตะเกียบลงแล้วมองไปที่จ้าวต้าน “จ้าวต้าน นี่เป็เงินสองตำลึงที่เ้าขายสัตว์ไปคราที่แล้ว รวมกับที่ข้าขายยาไป เอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน”
เมื่อจ้าวต้านได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง
“เงินที่ได้จากการขายยา เ้าเก็บไว้เองเถิด เื่ในบ้านเ้ามิต้องกังวลหรอก มีข้าอยู่”
เขาจะพยายามใช้่เวลาสุดท้ายของชีวิตล่าสัตว์ให้ได้มากขึ้น เพื่อหาเงินมาจัดการเื่ต่างๆ หลังจากที่ตนเองตายไป
เวินซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “การหาเลี้ยงครอบครัวมิใช่งานของบุรุษเท่านั้น ครอบครัวเราบุรุษสตรีเท่าเทียมกัน จงรับไว้เถิด”
บุรุษสตรีเท่าเทียมกัน
จ้าวต้านยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้ยินสตรีพูดเช่นนี้
สตรีในยุคนี้เป็เพียงเครื่องประดับของบุรุษ แต่เวินซีมิได้เป็เช่นนั้น
“ย่อมได้”
“อีกอย่าง ยียีก็หกขวบแล้ว ถึงเวลาจะต้องไปเรียนแล้ว ข้าอยากจะส่งเขาไปเรียนหนังสือ”
ครืด...
ตะเกียบของยียีกลิ้งลงบนโต๊ะ และมีแววตาเหลือเชื่อ
“พี่สะใภ้...” เขาอิจฉาเด็กวัยเดียวกันที่ได้ไปสำนักศึกษา แต่เพราะบ้านยากจน ทำให้เขามิกล้ามีความคิดเช่นนั้น...
เมื่อจ้าวต้านได้ยินก็อึ้งไปเช่นกัน แต่มิได้ตอบตกลงในทันที
หลังมื้ออาหารเย็น เด็กๆ ทยอยกันออกไป จ้าวต้านกลับเข้าไปในห้องเห็นเวินซีกำลังปูเตียงอยู่ ในที่สุดเขาก็เอ่ยปาก
“หากให้ยียีไปสำนักศึกษา เ้าจะมีภาระหนักเกินไป” ในฐานะพี่ชาย มิใช่ว่าจ้าวต้านจะไม่อยากให้ยียีไป แต่เพราะตระหนักได้ถึงสภาพร่างกายของตน
หากเป็เช่นนั้น เวินซีซึ่งเป็สตรีเพียงคนเดียวจะต้องดูแลเด็กทั้งสามคน ทั้งยังต้องหาเงินมาให้ยียีเรียน ภาระคงจะหนักเกินไป
“ในเมื่อข้าพูดแล้ว ข้าย่อมมีทาง” นางตอบอย่างมั่นใจ
“เหตุใดเ้าถึงทำเช่นนี้?” จ้าวต้านมองไปที่นาง ขยับปากเอ่ยอย่างเนิบช้า
เท่าที่รู้จักกันมา ด้วยความสามารถของเวินซีนั้น หากไม่มีเขาและเด็กๆ นางคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้
เวินซีเงยหน้าขึ้น “แม้เราจะเป็สามีภรรยากันปลอมๆ แต่ใน่ที่เหลือนี้ ข้าย่อมวางแผนอนาคตของเด็กๆ ให้ดี มันก็ไม่ใช่เื่แปลกมิใช่หรือ?”
แววตาของจ้าวต้านทอประกายไหววูบ มันเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย “ขอบคุณ”
เวินซีเลิกคิ้วแล้วนอนพักผ่อนบนเตียง ส่วนจ้าวต้านก็นอนลงบนพื้นอย่างเช่นเคย
ไม่นานจ้าวต้านก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของสตรีบนเตียง เขาจึงหลับตาลงด้วยความวางใจ
ทว่าในตอนกลางดึกนั่นเอง
มีลมแรงปะทะเข้ามา เวินซีลืมตาขึ้นทันทีแล้วยกมือสกัดอีกมือหนึ่งที่กำลังเข้าจู่โจม
นางมีประสบการณ์จากคราที่แล้ว จึงรีบคว้าผ้าห่มมารัดมือเขาไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ฝังเข็มเงินเข้าไปบนร่างของเขาอย่างชำนาญ ในไม่ช้าจ้าวต้านที่บ้าคลั่งก็สงบลง แต่ดวงตาแดงก่ำที่จ้องมองนางนั้นยังคงมีความระแวดระวังยิ่งกว่าสิ่งใด
“เนี่ยนหานกู่แผลงฤทธิ์รุนแรงอีกแล้ว”
เวินซีถอนหายใจ แต่ยังคงใช้เข็มเงินแทงเข้าไปในแต่ละจุดฝังเข็มอย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนจะต้องใช้ยาระงับแล้วสินะ จะปล่อยให้เขาทรมานเช่นนี้ต่อไปไม่ได้” เวินซีพึมพำกับตนเอง ลากเขากลับไปที่พื้นและวางร่างนั้นลง
เมื่อยามรุ่งอรุณมาถึง
“พี่สะใภ้ ทานข้าวเ้าค่ะ” เวินซีลืมตาขึ้นก็เห็นเอ้อเอ้อร์พิงเตียงอยู่ ในมือมีโจ๊กผักหนึ่งชาม
“อื้ม” นางลุกขึ้นนั่ง ยืดเอวแล้วมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ก่อนจะพบว่าดวงอาทิตย์ขึ้นมาสักพักใหญ่แล้ว
เมื่อคืนนางเหนื่อยมาก กระทั่งเผลอหลับไปจนลืมเวลา
นางรับโจ๊กจากมือของเอ้อเอ้อร์ เมื่อทานเสร็จและดื่มยาก็ส่งถ้วยคืนไป แต่ในตอนที่ตนเองกำลังจะลุกขึ้น เอ้อเอ้อร์ก็กดนางลง
“พี่สะใภ้ นอนเยอะๆ เถิดเ้าค่ะ!” เด็กน้อยพูดพลางดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมร่างให้เวินซีอย่างรีบร้อน “นอนลงเร็วเ้าค่ะ”
เวินซีไม่เข้าใจ “ทำไมหรือ?”
“ข้าได้ยินพี่หงข้างบ้านบอกว่า คนสองคนนอนด้วยกันจะเหนื่อย เหนื่อยแล้วถึงจะมีลูกน่ะเ้าค่ะ”
ใบหน้าของเวินซีเผยร่องรอยแห่งความใทันใด
เอ้อเอ้อร์ไปฟังสิ่งใดมากันแน่!
ซันซานฟังไม่เข้าใจและมองเวินซีอย่างไร้เดียงสา พร้อมทั้งพยักหน้าปรบมือ
เวินซีมองดวงตาที่ร้อนแรงของเด็กทั้งสอง จู่ๆ ใบหูก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย
นางจะยังทนนอนราบอยู่ต่อได้อย่างไร หญิงสาวสลัดผ้าห่มออก รีบขึ้นจากเตียง สวมรองเท้า สุดท้ายก็เผ่นแน่บออกจากห้อง
ขณะนั้นจ้าวต้านกำลังผ่าฟืนอยู่ที่กลางลานบ้าน เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่นั้นเปียกโชกและแนบกับร่างกาย ทำให้มองเห็นกล้ามเนื้อชัดเจน ด้วยใบหน้าของเขา คิ้วที่เรียวราวกับดาบและดวงตาที่เฉียบคม ไม่ว่าจะมองอย่างไร รูปลักษณ์นั้นก็ฉายเพียงความสง่างาม
ไม่เหมือนชาวบ้านชาวเขาเลยสักนิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้