เสี่ยวเอ้อร์ของภัตตาคารหลิวจี้ยกน้ำชาขึ้นโต๊ะอย่างรวดเร็ว
ตอนอยู่ภัตตาคารเยว่เค่อนางไม่ได้ดื่มชา ยามนี้จึงได้กระหายเป็อย่างยิ่ง ยังไม่ทันนั่งก็ยกน้ำชาขึ้นกระดกแล้ว เมื่อเห็นนางดื่ม พี่ๆ ทั้งสามก็พากันดื่มชาด้วยเช่นกัน
“ไอ้หยา มีแขกตัวน้อยมาเยี่ยมแล้ว!”
คนยังไม่ทันมา เสียงก็ลอยมาก่อนแล้ว
หลินฟู่อินและคนอื่นๆ พากันเงยหน้ามอง ที่บันไดไม้มีชายวัยกลางคนรูปร่างลงพุง ใบหน้าใจดีสวมชุดฤดูร้อนสีน้ำตาลเดินลงบันไดมา
ที่เดินตามหลังมาคือคุณชายใหญ่หลิว
เมื่อหลินฟู่อินได้ยินเสียงเขาก็วางถ้วยชาลงแล้วลุกขึ้นยืน อีกสามคนพากันลุกตามนาง
หลินฟู่อินรู้ว่าบุรุษที่มาท่านนี้ย่อมเป็เ้าของภัตตาคารหลิวจี้
“นั่งๆ ไม่ต้องมากพิธี ข้าเป็เ้าของภัตตาคารหลิวจี้ แขกตัวน้อยทั้งสี่เรียกข้าว่าลุงหลิวก็ได้” เหล่าหลิวยิ้ม รอยยิ้มของเขาดูจริงใจยิ่งนัก จากนั้นเขาจึงร้องบอกผู้ดูแลร้าน “เหล่าว่านเอ้ย ให้ครัวยกติ่มซำที่ดีที่สุดของร้านเราขึ้นโต๊ะ”
“ขอรับเถ้าแก่!” ผู้ดูแลร้านยิ้มรับ
ไม่เพียงหลินฟู่อิน ทว่าพวกหลินเฟินสามคนต่างก็รู้สึกว่าเถ้าแก่หลิวผู้นี้เป็คนดีมาก
“ขอบคุณความใจกว้างของท่านลุงหลิวเ้าค่ะ!” คำพูดของหลินฟู่อินจริงใจมากขึ้น เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่สุภาพกว่าเดิม ใครที่ดีต่อพวกนาง นางย่อมยินดีตอบแทนด้วยความดี
“ด้วยความยินดีๆ” เหล่าหลิวโบกมือไปมา จากนั้นจึงตรงเข้าเื่ทันที “แม่นางหลินใช่หรือไม่? ได้ยินจากเ้าลูกชายไม่ได้ความของข้าว่าเ้ามีข้อเสนอดีๆ ให้ภัตตาคารเรา ข้าขอถามก็แล้วกันว่าเป็ข้อเสนออะไร?”
คนตรงไปตรงมาเช่นนี้นับว่าถูกจริตของหลินฟู่อินมาก นางจึงไม่เสียเวลาอีก “ท่านลุงหลิว ทางนี้คือยำไข่ดอกสนและไข่ดอกสนเ้าค่ะ ท่านลองชิมดูก่อน”
หลินฟู่อินนำถ้วยกระเบื้องใส่ยำไข่ดอกสนและยำไข่เยี่ยวม้าออกมาจากตะกร้าบนหลังหลินฟาง แล้วจึงขอให้เสี่ยวเอ้อร์ช่วยนำจานและตะเกียบมาให้
สองพ่อลูกสกุลหลิวมีท่าทีประหลาดใจ เด็กสาวค่อยๆ จัดยำไข่ทั้งสองลงบนจาน
“ลองชิมดูเ้าค่ะ” หลินฟู่อินยิ้ม ส่งตะเกียบให้กับเหล่าหลิว
“นี่มัน?” ทันทีที่เห็นไข่เยี่ยวม้าที่ใสจะมองทะลุได้ และไข่ดอกสนที่มีลวดลายงดงาม เหล่าหลิวก็อดไม่ได้ อุทานออกมาอย่างประหลาดใจ
“ที่มีสีเหลืองใสคือไข่เยี่ยวม้า ส่วนสีดำมีลวดลายคือไข่ดอกสน เท่าที่ข้าทดลองดู ไข่เยี่ยวม้ามีรสชาติดีกว่า แต่ไข่ดอกสนให้ผลดีกว่าในเื่การลดธาตุไฟและบำรุงร่างกายเ้าค่ะ” หลินฟู่อินชี้ไปยังยำทั้งสองจานแล้วแนะนำอย่างตั้งใจ
การปฏิบัติเช่นนี้คือสิ่งที่ผู้ดูแลฮวาไม่ได้รับ
ทันทีที่เหล่าหลิวเห็นอาหารจานใหม่นี้ ดวงตาก็ทอประกายแวววาว และเมื่อได้ยินคำอธิบายจากหลินฟู่อิน เขาก็พยักหน้าทันที “อืม! ดี! ดูดีมาก มีกลิ่นหอมทั้งยังช่วยขับร้อน ข้าอยากลองชิมดู!”
เหล่าหลิวลองชิมหลายชิ้นติดๆ กัน ทั้งไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนต่างก็มีรสชาติเอร็ดอร่อยเสียจนแทบวางตะเกียบไม่ลง แม้แต่คุณชายหลิวก็ยังกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มไม่สนว่ายังมีพวกหลินฟู่อินสี่คนอยู่ เขากลืนน้ำลาย มองหน้าบิดา “ท่านพ่อ สิ่งนี้อร่อยจริงๆ หรือ?”
เหล่าหลิวหยุดตะเกียบก่อนจะพูดโดยไม่กะพริบตา “แน่นอนว่าต้องอร่อยสิ หาไม่เหตุใดข้าจึงกินไม่หยุดเล่า?”
“เหล่าว่าน เอาตะเกียบมาให้ข้าอีกคู่ด้วย!” คุณชายหลิวหันไปสั่งทันที แล้วจึงกล่าวงึมงำ “ข้าว่าท่านพ่อเป็ร้อนในแล้ว แม่นางน้อยสกุลหลินบอกว่าสิ่งนี้ช่วยลดธาตุไฟ ดูสิ ท่านหยุดกินไม่ได้สักที”
“ไร้สาระ! หากข้าจะลดธาตุไฟ แม่เ้าก็ชงชาเก๊กฮวยให้ข้าอยู่ทุกวัน!” เหล่าหลิวยังไม่หยุดปาก
ไม่นึกว่าสองพ่อลูกจะเป็เช่นนี้ คนสกุลหลินทั้งสี่ได้แต่อึ้งงัน เ้ามองหน้าข้า ข้ามองหน้าเ้ากันไปมา
ผู้ดูแลว่านนำตะเกียบมาส่งให้คุณชายอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะยิ้มแล้วพูดกับหลินฟู่อิน “แม่นางหลินอย่าได้ใเลยขอรับ เถ้าแก่ของเราชอบไข่ที่พวกท่านทำมาก”
หลินฟู่อินยิ้มขอบคุณเขา
พอสองพ่อลูกกินยำไข่ทั้งสองจานจนเสร็จ ผู้เป็พ่อก็ใช้ผ้าเช็ดปากก่อนจะมองหน้าหลินฟู่อิน “ทำให้แม่นางหลินขบขันแล้ว อันที่จริงข้าอยู่มานานจนป่านนี้ แต่กลับเป็ครั้งแรกที่ได้ลองชิมอาหารทั้งสองอย่างนี่ อร่อยมากจริงๆ!”
หลินฟู่อินเห็นว่าอีกฝ่ายกล่าวอย่างจริงใจจึงส่ายหน้า “ไม่เป็ไรเ้าค่ะท่านลุงหลิว นับเป็เกียรติของพวกข้าที่ท่านและคุณชายใหญ่ชอบ”
เหล่าหลิวเองก็ชอบความช่างเจรจา ไม่ทำให้ผู้คนอับอายของหลินฟู่อินเช่นกัน
“เช่นนั้นแม่นางหลินมีไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนเหลืออีกเท่าไร? พวกเราก็้าเท่านั้น!” เหล่าหลิวตัดสินใจทันที
หลินฟู่อินยกยิ้ม สบตาหลินเฟินด้วยอารามยินดี
ทำการค้าขายกับภัตตาคารหลิวจี้นี่ดีจริงๆ
“ท่านพ่อ ลูกคิดว่าไม่เพียงซื้อไข่ที่เหลืออยู่ทั้งหมดของแม่นางหลิน แต่ยังต้องจองเอาไว้ล่วงหน้าด้วย” คุณชายหลินครุ่นคิด “แม่นางหลินร่วมมือกับภัตตาคารหลิวจี้ของพวกเราย่อมดีที่สุด!”
หลินฟู่อินได้ยินก็ซาบซึ้งใจ คำพูดของคุณชายใหญ่ผู้นี้ไม่มีวี่แววล้อเล่นเลย
ไม่เพียงไม่ล้อเล่น แต่ยังร้ายกาจเสียด้วย! เพียงพริบตาก็คิดจะครองตลาดแล้ว
เหล่าหลิวมองหน้าลูกชายแล้วหัวเราะ
จากนั้นจึงกล่าวเสียงทุ้ม “ฮ่าๆ วันนี้แม่นางหลินยังต้องพักผ่อน แน่นอนว่าพวกเราย่อมซื้อทั้งหมด ส่วนแม่นางหลินจะอยากค้าขายกับบ้านเราหรือไม่ เื่นี้แม่นางหลินย่อมต้องปรึกษากับครอบครัวก่อนจึงจะตัดสินใจได้”
หลินฟู่อินนึกขอบคุณอีกฝ่ายในใจที่ไม่บีบบังคับพวกนางด้วยฐานะเ้าถิ่นของตน รอยยิ้มบนใบหน้าจึงจริงใจมากยิ่งขึ้น
“ท่านลุงหลิว กล่าวตามตรง ก่อนที่เราจะมาภัตตาคารของพวกท่าน ข้าได้ไปที่ภัตตาคารเยว่เค่อมาก่อนแล้ว ทางนั้นเองก็ซื้อไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนไปอย่างละหนึ่งร้อยฟอง ข้ายังคิดว่าขอเพียงทางนั้น้าเราก็จะขายให้ เรายังให้ทางนั้นได้ลองชิมยำไข่ดอกสนและยำไข่เยี่ยวม้าเช่นกัน” ความจริงอันตรงไปตรงมาที่เด็กสาวกล่าวทำให้เหล่าหลิวพอใจมาก
“เื่นี้ไม่สำคัญ ใช่ว่าเราจะเลือกค้าขายกับทุกคนได้ดั่งใจ แม่นางหลินเลือกภัตตาคารเยว่เค่อก็เป็เื่ปกติ ข้าเข้าใจได้” เหล่าหลิวยิ้มปลอบโยน จากนั้นจึงกล่าวต่อด้วยท่าทีภาคภูมิ “แต่ข้ายังรู้สึกได้เช่นกันว่าแม่นางหลินชอบทำการค้ากับพวกเราที่ซื่อสัตย์มากกว่า!”
ในถ้อยคำที่กล่าวมีข้อมูลอยู่ไม่น้อย หลินฟู่อินอยู่ในฐานะที่ไม่สะดวกจะกล่าว จึงได้ยิ้ม “ขอบคุณท่านลุงหลิวที่เชื่อใจเ้าค่ะ เรายังเหลือไข่เยี่ยวม้าสามร้อยฟอง ไข่ดอกสนสามร้อ…”
“เอามาให้หมดเลย ข้าซื้อทั้งหมด” ไม่ทันสิ้นคำ เหล่าหลิวก็โบกมือไปมาแล้วถาม “บอกราคามาเถอะแม่นางหลิน”
หลินฟู่อินพยักหน้า “ไข่เยี่ยวม้าฟองละสองอีแปะ ไข่ดอกสนฟองละสามอีแปะเ้าค่ะ”
“ดี คุ้มค่ามาก!” เหล่าหลิวพยักหน้าโล่งอก คิดว่าราคานี้ไม่แพงเลย
เขาเป็เ้าของภัตตาคาร ย่อมต้องใส่ใจเื่อาหารเป็อย่างยิ่ง อาหารแปลกใหม่ที่วางขายในตลาดย่อมต้องมีราคาสูง เลี่ยงไม่ได้ที่บางคนจะฉวยโอกาสนี้ขึ้นราคาสินค้าจนสูงลิ่ว
ทว่าแม่นางหลินผู้นี้กลับไม่คิดจะทำเช่นนั้น ช่างหายากจริงๆ…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้