พูดถึงเครื่องเพชรที่ฉู่ซื่อทิ้งไว้ให้แล้ว ตอนนั้นมันก็มีเื่ตลกอยู่เื่หนึ่ง
ในตอนนั้นจ้าวซื่อและอู๋ซื่อพยายามจะแย่งเครื่องประดับที่อยู่กับฉู่ซื่อมาแต่ไม่สำเร็จ เพราะของเ่าั้ต้องถูกฝังไปพร้อมกับร่างนาง
เป็ผลให้จ้าวซื่อและอู๋ซื่อโกรธมากจนแทบจะโดดมากัดคอนางเลยทีเดียว
เมื่อฟู่อินนึกย้อนไปเช่นนี้แล้ว หากตอนนั้นย่าหลี่ไม่ทันเห็นแหวนนี้แล้วละก็ ไม่ว่าสุดท้ายใครจะเป็คนพบ มันก็คงไม่มีวันกลับมาถึงมือนางเป็แน่
เพราะขอเพียงมีใครสักคนที่ไปเก็บของเ่าั้มา อู๋ซื่อและจ้าวซื่อก็จะมีข้ออ้างในการเก็บของเ่าั้มาเป็ของตน
วันถัดมา หลินฟู่อินได้บอกอาเฟินและอาฟางให้ไปดูที่ของบ้านนาง และเมื่อเห็นว่าที่เ่าั้ถูกหว่านเมล็ดถั่วปากอ้าไว้แล้ว ก็ทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ ออกมา
เมล็ดนั้นมันทั้งเก่า และผลผลิตก็ยังแย่
อย่างไรก็ต้องเก็บเมล็ดพวกนี้ออก ไม่อย่างนั้นมันก็จะแค่กินที่ไปเรื่อยๆ โดยไม่ทำเงินเท่านั้น ถึงมันจะดีกว่าไม่มีอะไรเลยก็ตาม
“ฟู่อิน แดดวันนี้ร้อนมาก เ้ากลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวอาฟางกับข้าจะไปเก็บผักป่า และจัดการเก็บเมล็ดพวกนี้ออกให้เอง” อาเฟินมองหลินฟู่อินแล้วจึงกล่าว
หลินฟู่อินยกมือขึ้นมาป้องแสงอาทิตย์ มันจ้าจริงๆ และนางยังไม่ได้เอาหมวกฟางมาด้วย
ไอร้อนจากแดดทำให้แก้มของนางร้อนราวกับถูกไฟเผา เหงื่อกาฬเม็ดโตไหลไม่หยุด
หลังจากยื่นมือไปปาดเหงื่อแล้ว สายตาของนางก็เลิกขึ้นพร้อมกับแสงไฟในหัวที่ส่องสว่าง
“ไม่เป็ไร เดี๋ยวข้าจะขอให้ท่านป้ากับลุงสองมาจัดการเื่เมล็ดให้วันพรุ่งนี้” หลินฟู่อินกล่าวกับสองพี่น้องสั้นๆ
“ได้” อาเฟินพยักหน้า “บ้านข้ามีที่ไม่มาก แล้วพ่อของข้าคงจัดการเื่เมล็ดได้ในวันเดียว ข้าจะขอให้มาช่วยดูที่ของเ้าให้เมื่อมีเวลานะ”
“ใช่ อาสามดูแลที่ไม่เป็เลย ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าเองก็เห็นว่าที่มันไม่ได้รับการดูแลที่ดีนัก” อาฟางเสริม
ดูเหมือนสองพี่น้องเองก็เข้าใจสถานการณ์ของที่นาบ้านหลินฟู่อินเช่นกัน
“ไม่ได้สิ ข้าแค่จะขอให้ลุงสองมาช่วยปลูกผักกาดเท่านั้นเ้าค่ะ” หลินฟู่อินหัวเราะ “ข้าจะให้วันละห้าอีแปะ สำหรับป้าสองด้วยหากนางมาช่วย”
อาเฟินและอาฟางดูไม่พอใจเท่าไร ทั้งยังดูกังวล
จะฝากให้หลินฟู่อินที่ช่วยบ้านของพวกนางไว้มาจัดการอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
เพราะนางเองก็ยังเป็เด็กเหมือนกัน
ท่านอาสามเองก็ยังไม่รู้ว่ามีเื่อะไรเกิดขึ้นบ้าง…
หลินฟู่อินคิดเพียงเล็กน้อยก็เดาได้แล้วว่าพวกนางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงกล่าวว่า “ชีวิตมันเป็สิ่งที่มนุษย์สร้าง ขอเพียงสองมือทำงานแล้วใช้สมองคิดไม่หยุด ก็ไม่มีทางที่จะไม่มีชีวิตที่ดีหรอก”
แต่อาเฟินก็กล่าวขึ้นมา “พวกข้าแค่เป็ห่วงอาสาม เขาไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว หากเขาเป็อะไรไป… แล้วเ้ากับพวกเสี่ยวเป่าเสี่ยวเป้ยจะเป็ยังไงต่อไปกัน…”
หลินฟู่อินตะลึงไป นางไม่คิดว่าสองพี่น้องจะเป็ห่วงนางและน้องๆ ทั้งสองด้วย
ที่จริงแล้วนางยังไม่เคยพบกับผู้เป็พ่อตัวเป็ๆ เลย และเพราะิญญาของนางเป็คนที่เติบโตแล้ว นางจึงพยายามพึ่งพาตัวเองเสียมากกว่า การที่ไม่มีพ่ออยู่ด้วยหรือไม่นั้นจึงไม่ใช่เื่ที่นางกังวลมากนัก
กลับกัน หากเขาไม่อยู่ด้วยแล้วจะยิ่งดีเสียมากกว่า
แต่ความเป็ห่วงของอาเฟินและอาฟางก็เป็สิ่งที่ควรรับไว้
นางจึงมองอาเฟินและอาฟางแล้วกระซิบ “พ่อของข้าตอนนี้ไม่ทราบชะตากรรม พ่อแม่ของพวกท่านเองก็ถูกกดขี่มาตลอด ผู้ใหญ่ในบ้านน่ะพึ่งพาไม่ได้แล้ว พวกเรามีแต่ต้องพึ่งตัวเอง เพื่อให้พวกเรามีชีวิตที่ดี”
อาเฟินและอาฟางไม่คิดว่านางจะพูดเช่นนี้ จึงนิ่งอึ้งไป
แต่เมื่อคิดตามแล้วก็เห็นว่านางมีเหตุผล ทั้งสองจึงเริ่มคิดอะไรขึ้นมาได้
หลินฟู่อินขุดอวี๋ซิงเฉ่า [1] มากองใหญ่ แล้วจึงกลับบ้าน ส่วนอาเฟินและอาฟางยังอยู่ขุดต่อ
เมื่อหลินฟู่อินกลับถึงบ้าน ก็นำหญ้าเชอเฉียน [2] พั๊วกิไน้ [3] และอวี๋ซิงเฉ่า ที่เก็บมาไปล้างแล้วตากไว้ที่สวนด้านหลัง
ก่อนจะไปเก็บกระเทียมสดใหม่ ล้างแล้วตากไว้ ก่อนนำมาต้มในน้ำ ใส่อวี๋ซิงเฉ่าลงไป สับเป็ชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปใส่ถ้วยใหญ่ เทกระเทียมบดลงไป ราดน้ำส้มสายชู หั่นต้นหอมแล้วผสมมันลงไป ได้ออกมาเป็อวี๋ซิงเฉ่าสดเย็นๆ ถ้วยหนึ่ง
จากนั้นนางก็ไปยังห้องเก็บวัตถุดิบ เจอถั่วเขียวและถั่วแดง จึงนำมาล้างพร้อมเมล็ดข้าวโพดบดจำนวนหนึ่ง ใส่ลงหม้อใหญ่ คิดทำโจ๊กธัญพืช
เมื่อนางจุดไฟเตาถ่านแล้ว นางก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
เมื่อเปิดประตูออกไปดู ก็พบกับต้ายาที่เป็คนข้างบ้าน
ต้ายาเป็สาวน้อยที่มีใบหน้ายาว ผิวคล้ำดูแข็งแรง ดวงตากลมดำ สวมชุดหน้าร้อนปุปะสีม่วง
เมื่อนางเห็นหลินฟู่อิน ั์ตาสีดำจึงหรี่ลงพร้อมปรากฏรอยยิ้มเอียงอาย ก่อนจะเบียดตัวเข้ามาในบ้านของหลินฟู่อิน
“ฟู่อิน ข้าแอบมาบ้านเ้าละตอนนี้” ทันทีที่ต้ายาเข้าประตูมาแล้ว นางก็กล่าวกับหลินฟู่อินด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองไปยังสวนของหลินฟู่อินที่เต็มไปด้วยผักและสมุนไพรตากแห้ง นางกล่าวอย่างสงสาร “ฟู่อิน ที่ว่าบ้านของเ้าแทบไม่มีกินแล้วคือเื่จริงหรือ?”
“ได้ยินมาจากใครล่ะนั่น?” หลินฟู่อินกลอกตา ประกายในดวงตาจางหายไป
ต้ายาทำสีหน้าราวกับจะถามว่าไม่คิดจะปิดบังหน่อยหรือ แล้วจึงตอบ “พวกชาวบ้านบอกว่าเ้าใช้เงินกับค่างานศพของแม่เ้าไปมาก ทั้งยังใช้เงินก้อนใหญ่กับการตามหาพ่ออีก ไม่พอ ยังมีค่าเลี้ยงดูให้ปู่ย่าทุกเดือนด้วย”
หลินฟู่อินกะพริบตาฟัง แต่ไม่ได้ปฏิเสธ “ใช่ ที่บ้านข้าไม่มีเงินเหลือแล้ว”
ต้ายาจึงถามต่อทันที “แล้วน้องชายกับน้องสาว เ้าจะยังจ้างป้าสองกับป้าใหญ่ของข้าให้นมอยู่หรือเปล่า?”
เป็เื่นี้นี่เอง
ที่จริงแล้ว ก็เป็ย่าของนางเองที่บอกให้นางมาถามเื่นี้กับหลินฟู่อิน
เพราะเงินที่ป้าสองได้จากค่านมทำให้อาหารการกินของบ้านในเดือนนี้ดีขึ้นมากจนไม่อยากกลับไปลำบากอีก
พวกนางจึงหวังอยากให้ฟู่อินจ่ายค่าให้นมเด็กๆ ต่อ
“แน่นอนว่าข้าจะยังจ่ายค่าให้นมน้องๆ ของข้าอยู่ ตอนนั้นข้าได้ตกลงกับป้าสองของเ้าไว้แล้ว และข้าไม่เคยผิดคำพูด ข้ากลับกลัวเสียอีกว่าพวกเ้าจะเป็ฝ่ายไม่รักษาสัญญาเสียเอง”
แม้น้ำเสียงจะอ่อนนุ่ม แต่ต้ายากลับรู้สึกเหมือนถูกกดดันจนหายใจไม่ออก
หลินฟู่อินไม่คิดจะทำให้นางต้องลำบากใจ แต่นางเข้าใจดีว่าเมื่อต้ายากลับบ้านไปแล้ว พวกผู้เฒ่าผู้แก่จะต้องถามนางแน่ว่าฟู่อินบอกว่าอะไรบ้าง
--------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] อวี๋ซิงเฉ่า หมายถึง ผักคาวตอง
[2] หญ้าเชอเฉียน หมายถึง ผักกาดน้ำเล็ก
[3] พั๊วกิไน้ หมายถึง ปัวกิน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้