ที่แท้ก็เห็นนางเป็ตัวตลก เพื่อให้บรรดานางสนมในวังหลังชมเพื่อความบันเทิงเริงใจ เนื่องจากคนเหล่านี้มีชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายเกินไป ในใจหนิงมู่ฉือคิดเช่นนี้
นางฟังขันทีผู้รับผิดชอบการแข่งขันกล่าวต่อว่า “การแข่งขันในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อความบันเทิง รอบแรกจะแข่งกันโดยนำมะระมาทำเป็อาหารหนึ่งอย่าง แล้วให้ฝ่ายตรงข้ามเดาว่าใช้วัตถุดิบใดบ้าง”
นางได้ฟังก็ลดความกังวลลง เื่นี้คือจุดแข็งของนาง ความจริงแล้ว นางอยากจะชนะการแข่งขันในครานี้ ทว่ามันคงจะไม่ได้
เมื่อพูดถึงมะระ นางสนมไม่น้อยยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก ทำหน้าเหยเก นางมองบรรดาพระสนมผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายพร้อมกับยิ้มดูแคลน
นางมองมะระสดใหม่สี่ห้าลูกที่อยู่บนเขียง ผิวตะปุ่มตะป่ำของมันทำให้นางนึกถึงใบหน้าของไซพานอัน ใบหน้าของไซพานอันยังไม่น่ามองเท่ามะระเหล่านี้ด้วยซ้ำ
นางคิดแล้วยิ้มออกมา หากไซพานอันรู้ว่าฉู่เมิ่งเอ๋อร์ถูกซื่อจื่อไถ่ตัวพากลับมายังตำหนักอ๋องแล้ว ในใจจะรวดร้าวสักเพียงใดกันนะ
คิดถึงตรงนี้ สีหน้านางก็เศร้าสร้อย ทว่าไม่นานนางก็สลักความคิดนี้ทิ้งไป เปลี่ยนมาพยายามเค้นสมองคิดหาวิธีการนำมะระมาปรุงเป็อาหาร ในที่สุดนางคิดออกหนึ่งอย่าง ซึ่งมีวิธีการปรุงที่ซับซ้อน จำต้องใช้วัตถุดิบมากมายหลายอย่าง
อาหารชนิดนี้มีชื่อว่าน้ำตาจระเข้ เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้เพราะเมื่อทานเข้าไปแล้ว ให้รสชาตินุ่มละมุนลิ้น ทั้งยังไม่มีความขมของมะระหลงเหลืออยู่ แต่ถ้าตัดสิ่งภายนอกเหล่านี้ทิ้งไป อาหารชนิดนี้ทำให้มะระได้แสดงความพิเศษของมันออกมา นั้นก็คือความขมนั่นเอง
หนิงมู่ฉือยิ้มขณะหยิบมีดขึ้นมาลงมือกรีดลงไปบนมะระ ผู้ชมซึ่งนั่งอยู่บนเวทียกสูงต่างไม่ละสายตาไปจากหนิงมู่ฉือและขันทีหัวหน้าพ่อครัว
หนิงมู่ฉือแกะสลักมะระเป็รูปจระเข้ ขันทีหัวหน้าพ่อครัวเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะเย้ย ก่อนจะหั่นมะระของตัวเองเป็ชิ้นบางๆ
หนิงมู่ฉือรู้ทันทีว่าขันทีหัวหน้าพ่อครัวจะทำอาหารใด มุมปากนางยกขึ้นเป็รอยยิ้มมั่นอกมั่นใจ นางใส่เครื่องปรุงรสที่นางผสมเอาไว้แล้วลงไป ก่อนจะแอบใส่อีกหลายสิ่งตามลงไปด้วย การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นี้ทำให้คนที่นั่งดูอยู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ
บางคนห้ามความอยากรู้เอาไว้ไม่ไหว เอ่ยถามจ้าวซีเหอ “ซื่อจื่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าแม่นางหนิงใส่สิ่งใดลงไปในอาหารขอรับ”
จ้าวซีเหอมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะส่ายศีรษะให้ผู้ถามซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง ก่อนที่สายตาจะกลับไปมองดูการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของหนิงมู่ฉือต่อ
การทำให้แพ้มันง่ายมาก ทว่าที่หนิงมู่ฉือกำลังทำอยู่ตอนนี้คือการทำให้เกือบชนะ
หนิงมู่ฉือยกจานอาหารของตัวเองไปวางไว้บนเวที มะระที่ถูกแกะสลักเป็รูปจระเข้ดั่งกำลังจ้องมองผู้ชมทุกคนอยู่ก็ไม่ปาน แววตาคล้ายสามารถขยับได้ ราวกับมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
นางยิ้มมองขันทีหัวหน้าพ่อครัวด้วยความมั่นใจ ขณะมองอีกฝ่ายนำจานใส่มะระซึ่งถูกหั่นเป็ชิ้นบางๆ มาวางไว้ยังฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายผายมือเชิญ ใช้เสียงเล็กแหลมของตัวเองเอ่ยออกมา “ไอโยว แม่นางหนิง อาหารของท่านช่างประณีตเสียจริง ทว่าน้ำตาจระเข้เป็อาหารที่น้อยคนนักจะทำออกมาได้ ข้าคงต้องลองชิมอาหารของท่านดูสักหน่อยแล้ว”
นางผายมือเชิญเช่นกัน “เชิญท่านกงกง”
นางใช้ตะเกียบคีบมะระชิ้นบางซึ่งทำเป็ยำเข้าปาก ก่อนจะส่งยิ้มให้ขันทีหัวหน้าพ่อครัวอย่างเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม “ยำมะระที่ท่านกงกงทำรสชาติดีทีเดียว กลบความขมของมะระเอาไว้ได้หมด”
ขันทีหัวหน้าพ่อครัวใช้ตะเกียบคีบอาหารของหนิงมู่ฉือเข้าปากเช่นกัน ทันใดนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไป มองหนิงมู่ฉืออย่างไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา ยกนิ้วโป้งพลางเอ่ย “สุดยอด!”
ขันทีผู้จัดงานมองขันทีหัวหน้าพ่อครัวที่มีปฏิกิริยาแปลกไปพร้อมกับเอ่ยว่า “เช่นนั้นขอเชิญทั้งสองคนบอกวัตถุดิบ”
ครั้นเห็นว่าขันทีหัวหน้าพ่อครัวยังปรับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จึงเบนสายตาไปยังหนิงมู่ฉือแทน “แม่นางหนิงเชิญก่อนก็แล้วกัน”
หนิงมู่ฉือผงกศีรษะอย่างมีมารยาทให้ขันทีหัวหน้าพ่อครัว จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสกังวาน “อาหารที่กงกงท่านนี้ทำมีชื่อว่า หอมยวนใจ ส่วนที่มะระไม่มีรสขมเลยนั้น หนึ่งเพราะหั่นเป็ชิ้นบาง สองคือท่านกงกงใช้ซีอิ๊วขาวสูตรลับของวังหลวง น้ำส้มสายชู และน้ำตาลมากลบความขมของมะระ ท่านกงกงยังใส่น้ำมันหอย น้ำมันงา ยี่หร่าจากทางเหนือ พริกฮวาเจียวจากหมู่บ้านหนานหลี่ และเครื่องปรุงรสซึ่งมีต้นหอมเป็ส่วนประกอบจากหมู่บ้านหนานหลี่เช่นกัน”
นางเอ่ยจบ มองขันทีหัวหน้าพ่อครัวซึ่งมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ นางส่งยิ้มไปให้พลางเอ่ย “ท่านกงกงอ่อนข้อให้แล้ว วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารของท่านง่ายมาก”
ขันทีหัวหน้าพ่อครัวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเอ่ยบอกวัตถุดิบในอาหารจานของหนิงมู่ฉืออย่างติดๆ ขัดๆ “อาหาร…ที่แม่นางหนิงทำเป็อาหารขึ้นชื่ออย่างหนึ่ง พวกเราเรียกอาหารจานนี้ว่า น้ำตาจระเข้ วัตถุดิบที่แม่นางหนิงใส่ลงไปในมะระชั้นแรกคือซีอิ๊วสูตรลับ ซีอิ๊วสูตรลับนี้ประกอบด้วยน้ำตาล ซีอิ๊วหวาน และเกลืออีกเล็กน้อย ทว่ามีวัตถุดิบอีกอย่างหนึ่งที่ข้านึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าคือสิ่งใด”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินขมวดคิ้ว มองหนิงมู่ฉืออย่างชื่นชม ขณะกวักมือเรียกขันทีหัวหน้าพ่อครัว “เมื่อสักครู่เราเห็นว่า พอเ้าทานเข้าไปแล้ว เ้าร้องไห้ออกมา บอกเราได้หรือไม่ว่าเป็เพราะเหตุใด”
ขันทีหัวหน้าพ่อครัวคุกเข่าลงตรงหน้าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะเอ่ยอย่างยอมแพ้ “ทูลฝ่าา บ่าวไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกอย่างไรออกมาดีพ่ะย่ะค่ะ เอาเป็ว่าในใจบ่าวรู้สึกเศร้าเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ”
“นำมาให้เราสิ” ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเอ่ยสั่ง ก่อนจะนึกถึงวันที่หนิงมู่ฉือทำน้ำแกงลืมทุกข์ให้เขาทาน ยิ่งรู้สึกประหลาดใจในอาหารจานนี้มากขึ้นไปอีก
“พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีผู้รับผิดชอบรีบยกจานน้ำตาจระเข้ไปวางไว้ตรงหน้าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินอย่างกล้าๆ กลัวๆ ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินใช้ตะเกียบคีบมะระชิ้นหนึ่งเข้าปากเพื่อชิมรสชาติ
ไม่นานสีหน้าของฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินก็พลันเปลี่ยนไป พระสนมซูเฟยซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเปลี่ยนไปเช่นนั้นจึงอยากจะลองชิมดูบ้าง เมื่อได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน จึงใช้ตะเกียบคีบมะระขึ้นมาหนึ่งชิ้น แล้วค่อยๆ นำเข้าปาก ต่อมาน้ำตาจระเข้จานนี้ก็ได้ถูกส่งต่อมาถึงจ้าวซีเหอ
จ้าวซีเหอมองทุกคนที่หลั่งน้ำตาอย่างแปลกใจ เขายกยิ้มมุมปากหัวเราะคนเหล่านี้ จากนั้นใช้ตะเกียบคีบมะระหนึ่งชิ้นเข้าปาก เมื่อเคี้ยวและกลืนลงไป น้ำตาพลันไหลออกมาเช่นกัน
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินอดที่จะถามอย่างสงสัยออกมาไม่ได้ “มีเครื่องปรุงรสอย่างหนึ่งที่ชิมแล้วเราคิดไม่ออกว่าคือสิ่งใด เช่นนั้นเ้าพอบอกเราได้หรือไม่ว่าเครื่องปรุงรสนี้คือสิ่งใด”
หนิงมู่ฉือเดินไปตรงหน้าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน ก่อนจะคุกเข่าลง แล้วกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ที่ฝ่าาไม่ทรงทราบ เพราะมันเป็ความลับของบ่าวเองเพคะ ในอาหารจานนี้ยังมี…”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้