เห็นชิ้นขนมเปี๊ยะงดงามถูกเนี่ยหลี ตู้เจ๋อกับลู่เพียวจัดการไปจนหมดเกลี้ยง พวกเด็กจากครอบครัวชั้นสูงพากันหดหู่อกหักแล้ว เหตุใดพวกมันจึงได้รับการปรนนิบัติถึงเพียงนี้ ?
เซียวหนิงเอ๋อร์ก็กินขนมเปี๊ยะไปหลายชิ้น ขณะกัดกินแลดูผ่อนคลายและพอใจยิ่ง
อยู่คุยกับเนี่ยหลีอีกครู่หนึ่ง เซียวหนิงเอ๋อร์จึงกลับไปยังที่นั่งของตน
ลู่เพียวตบบ่าของเนี่ยหลี ขยิบตาถาม “เ้าไปเกี่ยวเทพธิดาหนิงเอ๋อร์ของพวกเราได้ั้แ่เมื่อไหร่กัน? บอกข้ามาตามตรงเสียดีๆ”
เนี่ยหลียักไหล่ “พวกเราเป็แค่เพื่อนกัน!”
“หึ ใครจะเชื่อเ้า!” ไม่ว่าจะเป็ตู้เจ๋อหรือลู่เพียว พวกเขาชำเลืองมองเนี่ยหลีด้วยสายตาหยามเหยียด
“หากเป็แค่เพื่อนกันธรรมดา เหตุใดเทพธิดาหนิงเอ๋อร์จึงทำอาหารเช้ามาให้เ้า?”
ไม่ว่าเนี่ยหลีจะอธิบายอย่างไร ตู้เจ๋อและลู่เพียวต่างไม่ยอมเชื่อ เด็กนักเรียนหลายคนในชั้นหันมองเนี่ยหลีเป็ตาเดียว ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยความเป็ปรปักษ์ เนี่ยหลีขโมยเทพธิดาคนหนึ่งในห้องของพวกเขาไป ไหนเลยพวกเขาจะปั้นหน้าดีๆ ให้ได้?
“นางอาจ้าความช่วยเหลือจากข้า?” เนี่ยหลีตอบเงียบๆ
เนี่ยหลี เ้าคนปากหนัก ไม่ว่าตู้เจ๋อกับลู่เพียวจะพยายามแค่ไหน พวกเขาก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม จึงได้แต่ยอมรามือ พวกเขาตัดสินใจที่จะเฝ้าสังเกตและติดตามความสัมพันธ์ระหว่างเนี่ยหลีกับเทพธิดาหนิงเอ๋อร์
เสียงระฆังเริ่มเรียนดังขึ้น เสิ่นซิ่วบิดเอวเดินดีดเด้งเข้ามา ดูไม่เย่อหยิ่งจองหองดังเคย และใบหน้าก็ยิ้มแย้มราวกับดอกเบญจมาศ
“พวกเ้าสามคนกลับไปนั่งที่ได้!” เสิ่นซิ่วเอ่ยพูด จ้องมองไปทางทั้งสามคน วันนี้จะมีบุคคลสำคัญมาร่วมสังเกตการเรียนการสอน นางย่อมไม่กล้าทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด
“วันนี้ข้าจะสอนพวกเ้าเกี่ยวกับยันต์ ไม่ว่าจะเป็นักสู้หรือผู้ควบคุมจิตอสูร ยันต์ถือเป็สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ยันต์แบ่งเป็สองหมวดหลัก กล่าวคือยันต์อุปกรณ์และยันต์ต่อสู้ ยันต์อุปกรณ์สามารถสักลงบนชุดเกราะหรืออาวุธ ซึ่งจะช่วยทำให้ชุดเกราะและอาวุธมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากผู้ควบคุมจิตอสูรเป็ผู้ใช้ พวกเขาจะสามารถปลดปล่อยพลังของชุดเกราะหรืออาวุธที่ลงยันต์ไว้ออกมาได้อย่างมากมาย ส่วนยันต์ต่อสู้ก็คือม้วนยันต์ โดยการจารึกยันต์ลงบนม้วนกระดาษ ยามที่มันออกฤทธิ์ มันสามารถะเิพลังต่อสู้ออกไปได้!” ช่างน่าแปลก วันนี้เสิ่นซิ่วเริ่มพูดถึงเื่ที่มีสาระบ้างแล้ว
“รูปแบบยันต์มีความลึกลับและลึกซึ้งยิ่ง พวกมันปรากฏขึ้นั้แ่ยุคอาณาจักรวายุเหมันต์ พวกมันถูกพัฒนาปรับปรุงต่อๆ กันมานับพันๆ ปี ทว่าระหว่างยุคมืด แผ่นดินใหญ่ถูกโจมตีจากสัตว์อสูรอย่างหนัก เมืองกวงฮุยของเราจึงสืบทอดยันต์ไว้ได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยมีสามรูปแบบหลักคือ รูปแบบวายุเหมันต์ รูปแบบอัคคี์ รูปแบบนำทัพ ซึ่งมีคุณลักษณะเป็ธาตุวายุเหมันต์ ธาตุไฟ และไร้ธาตุ”
“วันนี้เราจะพูดถึงยันต์อุปกรณ์” เสิ่นซิ่วกล่าวด้วยท่วงท่าสุภาพงดงามกว่าปกติ
นอกห้องเรียน มีชายสูงวัยสามคนนั่งฟังอยู่
“ความรู้จากตระกูลเสินเซิ่งลึกซึ้งไม่น้อยเลยทีเดียว สอนสั่งนักเรียนกลุ่มนี้นับว่าเกินพอแล้ว!” หนึ่งในสามผู้เฒ่าเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม เขาชื่อเยี่ยเซิ่ง เป็รองอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเซิ่งหลัน
“นักเรียนหลายคนในชั้นนี้ใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็เยี่ยจื่ออวิ๋น เสิ่นเยวี่ย หรือเซียวหนิงเอ๋อร์” ผู้เฒ่าคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความพอใจยิ่ง เขาคืออาจารย์คนหนึ่งของโรงเรียนเซิ่งหลัน มีชื่อว่าหลีว์เย่
นอกจากเยี่ยเซิ่งแล้วยังมีผู้เฒ่าสวมชุดสีเทาอีกท่านหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ พวกเขา หลีว์เย่ไม่ทราบฐานะของเขา ผู้เฒ่าชุดเทาผู้นี้เพียงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่วงท่าสบายๆ แต่มีบรรยากาศกดดันสูงส่ง เป็เหตุให้หลีว์เย่ต้องระมัดระวังคำพูดขณะกล่าว ไม่กล้าผิดพลาดแม้เพียงน้อย
“ท่านคิดว่าอย่างไร?” เยี่ยเซิ่งมองผู้เฒ่าชุดเทา
“อืม” ผู้เฒ่าชุดเทาไม่แสดงความคิดเห็นอันใด
หลีว์เย่กังวลใจยิ่งนัก ไม่ทราบผู้เฒ่าชุดเทาท่านนี้เป็ใครจึงปฏิบัติต่อเยี่ยเซิ่งด้วยท่าทีเฉยเมยถึงปานนี้ ฐานะของเขาต้องไม่ธรรมดา เกรงว่าจะยังเหนือกว่าท่านรองอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนเซิ่งหลันเสียอีก ดังนั้นหลีว์เย่จึงไม่พูดมาก
นักเรียนในชั้นไม่รู้ว่ามีคนมาร่วมสังเกตการสอนอยู่นอกห้อง ยากจะคิดถึงได้ว่าวันนี้เสิ่นซิ่วจู่ๆ มาสอนเื่ที่มีสาระอยู่บ้าง แต่ละคนจึงตั้งใจฟังเป็อย่างดี
เสิ่นซิ่วยืดอกเล็กน้อย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ นางกล่าว “วันนี้ข้าจะพูดถึงรูปแบบยันต์อัคคี์! ในการศึกษาร่องรอยอัคคี์ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เสินเซิ่งย่อมสมควรจะเป็ผู้นำในการนี้!”
“รูปแบบอัคคี์มีทั้งหมดหกสิบหกรูปแบบ ตัวอย่างเช่นรูปแบบนี้...” เสิ่นซิ่ววาดสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ประกอบขึ้นจากลายเส้นหลากหลายรูปแบบรวมกันบนกระดานดำ “นี่คือยันต์ะเิเพลิงสีแดง ยันต์ะเิเพลิงสีแดงนี้สร้างสรรค์ขึ้นโดยท่านประมุขรุ่นแรกของตระกูลเสินเซิ่ง มันเป็ยันต์ทรงอานุภาพระดับทองแดง! ยันต์นี้มีทั้งหมดสามสิบหกลายเส้นพื้นฐาน ส่วนประกอบก็ซับซ้อนที่สุดในบรรดายันต์ระดับทองแดง ถัดไปพวกเราจะพูดถึงลายเส้นทั้งสามสิบหกรอย”
เสิ่นซิ่วเริ่มพูดไม่หยุด
นักเรียนคนอื่นในชั้นตั้งใจฟังอย่างยิ่ง มีเพียงเนี่ยหลีที่ค่อนข้างไม่กังวล เขาไม่สนใจยันต์พื้นฐานเหล่านี้ และความจริงมียันต์อัคคีรูปแบบพื้นฐานมากกว่าหกร้อยแบบ มิใช่แค่หกสิบหกแบบ
หากมิใช่เพื่อเยี่ยจื่ออวิ๋น เพื่อของวิเศษบางอย่างในโรงเรียนเซิ่งหลัน เนี่ยหลีคงไม่มาอยู่ในชั้นเรียนนั่งฟังการสอนไร้สาระของเสิ่นซิ่ว ในสายตาของเขา ความรู้ของนางมีข้อผิดพลาดมากมาย บทเรียนของนางก็ไม่สมควรฟังเอาเสียเลย ยันต์ะเิเพลิงสีแดงก็ยังกล้าบอกว่าเป็ยันต์ที่ทรงอานุภาพที่สุดในระดับทองแดง ก็แค่พวกไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
สายตาของเสิ่นซิ่วกวาดมองพวกนักเรียนในชั้น ในที่สุดก็หยุดลงที่เนี่ยหลี ก่อนหน้านี้ เนี่ยหลีเคยโต้เถียงกับนาง ไม่เห็นนางอยู่ในสายตา ยังท้าพนันกับนางอีก นางจึงเกลียดมันนัก เวลานี้เห็นเนี่ยหลีไม่สนใจฟังการสอนสักนิด ในใจหัวเราะเยาะ ในที่สุดก็มีโอกาสแล้ว!
เสิ่นซิ่วพร่ำอธิบายเื่ยันต์สามสิบหกลายเส้นต่อไป เนี่ยหลีหามีความสนใจแม้แต่น้อยไม่ กระทั่งยังเอนตัวลงนอนแนบโต๊ะ
เวลานี้ เยี่ยเซิ่ง รองอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเซิ่งหลันที่นั่งอยู่ด้านนอกไม่ชอบใจนักเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาหันไปมองผู้เฒ่าชุดเทาข้างกาย วันนี้มีบุคคลสำคัญมาร่วมฟังการบรรยาย เนี่ยหลีกลับมานั่งงีบหลับอยู่ในชั้น ทำเช่นนี้ช่างเป็ที่ขายหน้าแก่โรงเรียนเซิ่งหลันนัก ไม่รู้ว่านักเรียนคนนี้ชื่ออะไร หากรู้เมื่อไหร่จะต้องขับไล่นักเรียนผู้นี้ออกจากโรงเรียนทันที ไม่อนุญาตให้มันกลับมาอีก!
เห็นผู้เฒ่าชุดเทาไม่มีปฏิกิริยาอันใดกับการกระทำของเนี่ยหลี ท่านรองอาจารย์ใหญ่เยี่ยเซิ่งก็ค่อยแอบโล่งใจ
หลีว์เย่นั่งอยู่ข้างคนทั้งสอง เขาพูดขึ้นว่า “ชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้น เลี่ยงไม่พ้นต้องมีทั้งนักเรียนที่ดีและนักเรียนที่ไม่เอาไหน เมื่อกลับไป ข้าต้องสั่งสอนนักเรียนคนนี้ให้ดี! บิดามารดามันอุตส่าห์เสียเงินมากมายส่งพวกมันมาเรียนที่โรงเรียนเซิ่งหลันแห่งนี้ มิใช่ให้มันมานอนเล่นเช่นนี้!”
เยี่ยเซิ่งพยักหน้าหงึกๆ หลีว์เย่รู้หน้าที่ของตนดีจริง
เนี่ยหลีงีบหลับไปแล้ว สีหน้าของเสิ่นซิ่วก็ยิ่งบูดบึ้ง พวกนักเรียนด้านล่างกำลังง่วงนอน หรือว่าการบรรยายของนางจะน่าเบื่อเกินไป?
“เนี่ยหลี!” เสิ่นซิ่วเดินถึงข้างกายเนี่ยหลี เรียกเสียงดังชัดเจน
เนี่ยหลีกำลังหลับสบาย ไม่ได้นอนมาอาทิตย์กว่าแล้ว ยังมีความง่วงนอนอยู่จึงทำได้เพียงเผยอตาขึ้นถาม “มีอะไรรึ?”
เห็นเสิ่นซิ่วปลุกเนี่ยหลีตื่น พวกนักเรียนจากครอบครัวชั้นสูงแอบหัวเราะคิกคัก พวกเขาอยากเห็นเนี่ยหลีถูกสั่งสอนเป็ที่สุด ใครใช้ให้มันมาฉกเทพธิดาในดวงใจของพวกเขาไปเล่า?
“เ้าเนี่ยหลีเจอเื่ยุ่งยากเสียแล้ว!”
ตู้เจ๋อกับลู่เพียวฝืนยิ้มให้แก่กัน ไม่ว่าอย่างไร การแอบงีบหลับในห้องเรียนเช่นนี้ก็เป็สิ่งที่พวกเขาไม่กล้ากระทำจริงๆ
ท่าทางของเนี่ยหลียิ่งทำให้เสิ่นซิ่วโกรธยิ่งขึ้น เสิ่นซิ่วพูด “กล้านอนในชั้นเรียนของข้า เ้าเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว” เนี่ยหลีตอบอย่างสงบยิ่ง
“เ้า...” เสิ่นซิ่วถูกเนี่ยหลีตอบจนแทบพูดไม่ออก ั้แ่เริ่มเรียน เนี่ยหลีก็งีบหลับมาตลอด กลับกล้าพูดว่าเข้าใจบทเรียนทั้งหมดแล้ว คำพูดนี้ผีที่ไหนจะเชื่อ?
เสิ่นซิ่วยิ้มเยาะเ็า “ในเมื่อเ้ารู้เื่หมดแล้ว เหตุใดไม่ลองอธิบายรูปแบบยันต์บนกระดานให้พวกเราฟังสักหน่อยเล่า?”
เนี่ยหลีชำเลืองมองยันต์นั้นและพูด “นี่เป็ยันต์อัคคีระดับต่ำอย่างหนึ่ง นับเป็แค่ระดับทองแดง ประกอบด้วยลายเส้นสามสิบแปดขีดในโครงสร้างของมัน มีอานุภาพต่ำ แต่ถ้าจะใช้ต้มน้ำให้เดือดก็ยังพอไหว”
ได้ยินสิ่งที่เนี่ยหลีพูด ทั้งห้องเรียนก็ะเิเสียงหัวเราะขึ้นมา
“ฮ่าๆ ข้าหัวเราะจนแทบใจจะขาดเแล้ว มันไม่ได้ฟังเลย ยังบอกว่ายันต์อัคคีประกอบด้วยสามสิบแปดลายเส้นพื้นฐาน เมื่อครู่ที่ อาจารย์เสิ่นซิ่วเพิ่งอธิบายว่ามันมีส่วนประกอบทั้งหมดสามสิบหกลายเส้น!”
“ข้าหัวเราะจนน้ำตาไหล มันกล้าพูดว่ายันต์ชุดนี้ใช้ต้มน้ำได้!” นักเรียนจากครอบครัวชั้นสูงคนหนึ่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง
เยี่ยจื่ออวิ๋นอดยิ้มไม่ได้ เสิ่นซิ่วเริ่มโมโห เพราะเนี่ยหลีพูดว่ายันต์ระดับทองแดงที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษตระกูลเสินเซิ่งของนางสามารถใช้ต้มน้ำได้ ช่างรับไม่ได้เสียจริงๆ! ในบรรดาคนทั้งหมด คนที่นิ่งเงียบที่สุดก็คือเซียวหนิงเอ๋อร์ เซียวหนิงเอ๋อร์คิดว่าเนี่ยหลีไม่เพียงแค่ไม่ไว้หน้าผู้อื่น คนเหล่านี้ต่างไม่รู้ถึงพร์ที่แท้จริงของเนี่ยหลี
นอกห้องเรียน หลีว์เย่ก็หัวเราะฮ่าๆ และพูด “นักเรียนคนนี้ตลกยิ่งนัก คิดว่าตัวเองฉลาด กล้าพูดว่าโครงสร้างของยันต์ะเิเพลิงสีแดงมีพื้นฐานสามสิบแปดลายเส้น กระทั่งยังพูดว่ามันสามารถใช้ต้มน้ำได้เท่านั้น!”
ขณะหลีว์เย่อดหัวเราะไม่ได้ เขาพลันสังเกตเห็นว่าท่านรองอาจารย์ใหญ่เยี่ยเซิ่งและผู้เฒ่าชุดเทามิได้หัวเราะด้วย เสียงหัวเราะของเขาจึงต้องรีบหยุดลง รีบกลืนมันลงท้องไป
“มีอันใดน่าหัวเราะรึ? ยันต์ะเิเพลิงสีแดงมีสามสิบแปดลายเส้นจริงๆ” ท่านรองประธานเยี่ยเซิ่งกล่าวอย่างสงบ พวกเขาศึกษาค้นคว้ามาจนถึงระดับนี้แล้ว ย่อมรู้ดีว่ายันต์ะเิเพลิงสีแดงนี้ไม่ใช่ยันต์พื้นฐาน แต่ประกอบด้วยยันต์พื้นฐานสองรูปแบบผสานกัน และอันที่จริงก็มิได้เกิดจากยันต์พื้นฐานแค่สองรูปแบบ หากแต่เกิดจากสี่รูปแบบ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกใก็คือข้อมูลนี้กลับออกมาจากปากของนักเรียนคนหนึ่ง หรือนักเรียนคนนี้เพียงเดาสุ่มอย่างนั้นหรือ?
และสำหรับบุคคลผู้เก่งกาจระดับพวกเขา ยันต์ะเิเพลิงสีแดงถือเป็ยันต์ขยะที่ใช้ต้มน้ำได้เท่านั้นจริงๆ มีผลในการต่อสู้น้อยมาก
ดวงตาของผู้เฒ่าชุดเทาทอประกายวูบหนึ่ง ทว่ามิได้พูดอันใด
“สามหาวยิ่งนัก!” เสิ่นซิ่วคำรามเสียงโกรธเกรี้ยวเ็า สีหน้าเคร่งเครียด ในฐานะที่เป็คนของตระกูลเสินเซิ่ง นางย่อมไม่อาจทนให้ใครมากล่าวหาว่ายันต์ะเิเพลิงสีแดงนั้นต่ำต้อยด้อยค่าต่อหน้าต่อตา
เนี่ยหลีไม่สนใจพวกนักเรียนที่กำลังหัวเราะเยาะเย้ยหยันเขาและกล่าวต่อ “รูปแบบยันต์ชุดนี้ประดิษฐ์มาจากยันต์ในชุดหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์บทที่เจ็ด ชื่อเดิมของยันต์ชุดนี้เรียกว่ายันต์ะเิอัคคีสายฟ้า ประกอบด้วยรูปแบบพื้นฐานหกสิบรูปแบบ นับว่ามีความซับซ้อนเล็กน้อย ภายหลังไม่ทราบว่าเ้าโง่คนไหนตัดทอนรูปแบบยันต์ชุดนี้ ดัดแปลงเล็กน้อย แล้วก็กล่าวอ้างว่ามันเป็ยันต์ะเิเพลิงสีแดงรูปแบบใหม่ แต่มันกลับไม่สามารถใช้ร่วมในการต่อสู้จริงได้ จึงเพียงสามารถให้พวกนักเรียนฝึกเขียนยันต์อัคคีศักดิ์สิทธิ์ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น”
ชุดหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ มันคือสิ่งใด? นักเรียนกลุ่มหนึ่งมองหน้ากันไปมา
เนี่ยหลีกล้าพูดว่าผู้ประดิษฐ์ยันต์ของตระกูลเสินเซิ่งเป็เ้าโง่อย่างนั้นรึ? เสิ่นซิ่วโกรธจัดแล้ว เสิ่นซิ่วไม่รู้จักชุดหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ทั้งไม่รู้จักว่าชุดหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์บทที่เจ็ดคืออะไร
“เหลวไหล! โลกนี้เคยมีหนังสืออย่างนั้นที่ไหนกัน!” เสิ่นซิ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบโต้ทันที ชุดหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์บทที่เจ็ดคือสิ่งใด คาดว่าเนี่ยหลีคงพูดจาไร้สาระเสียแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้