เวินซีพบว่าเขาเป็คนที่มีหน้าตาคล้ายกับจ้าวต้าน ทันใดนั้นนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เหตุใดเ้าถึงรู้จักข้า? เหตุใดเ้าถึงมาที่นี่? ผู้ที่ตามฆ่าเ้าคือผู้ใดกัน?” นางเอ่ยถามรัวเป็ชุด
ภายใต้สถานการณ์ที่บีบบังคับ บุรุษผู้นั้นขยับริมฝีปากเล็กน้อย
“คุณหนูเวินซี ข้าชื่อจ้าวซานขอรับ ส่วนสองคนนั้นเป็คนที่มาจากเมืองหลวง ข้าถูกเขาตามฆ่า จนกระทั่งจับพลัดจับผลูเข้ามาที่นี่ รบกวนท่านจริงๆ อย่าได้โกรธข้าน้อยนะขอรับ”
“คุณหนูเวินซีมีชื่อเสียงในเมือง ข้าย่อมเคยเห็นท่านมาก่อน”
“ข้าน้อยขอให้ท่านช่วยชีวิตข้าด้วยเถิดนะขอรับ ต่อไปข้าจะเป็โคเป็กระบือรับใช้คุณหนูขอรับ”
าแของจ้าวซานมีเืไหลไม่หยุด เส้นเืแดงของเขาน่าจะถูกตัดจึงเต็มไปด้วยเื หากจะช่วยชีวิตคงจะยากสักหน่อย
เวินซีขมวดคิ้ว เพราะนางมิใช่คนที่ชอบยุ่งเื่ของผู้อื่น
“คุณหนูเวินซี สองคนนั้นมีรหัสประจำตัว หากพวกเขากลับไปรายงานมิได้ เ้านายของพวกเขาย่อมส่งคนมาตามหา หากว่าข้าตายไป พวกเขาจะมาหาท่านนะขอรับ” จ้าวซานพูด
เวินซีจึงหยิบป้ายโองการขึ้นมาดูอีกครั้งและเห็นเลขศูนย์สาม หากไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่เห็นเลขที่อยู่ตรงมุมขวา
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตัดสินใจรักษาบุรุษผู้นั้น ส่วนศพทั้งสอง หากนำออกไปข้างนอกจะต้องดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็แน่ นางจึงนำผงสลายศพเทใส่ ก่อนที่ศพนั้นจะค่อยๆ สลายและเน่าไปช้าๆ สุดท้ายก็เหลือเพียงแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น
เวินซีแทบไม่ได้นอนทั้งคืน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว บุรุษผู้นั้นก็ปีนออกจากหน้าต่างไป จากนั้นนางจึงหมอบลงบนโต๊ะด้วยความหวังที่จะนอนสักตื่น แต่ใครบางคนก็ออกแรงเปิดประตูห้อง
จ้าวต้านกลับมาแล้วด้วยสภาพร่างกายที่บอบช้ำมาก มีโคลนเกาะอยู่เต็มร่าง ทั้งยังมีใบไม้เขียวๆ ติดมาด้วย เขาเม้มริมฝีปาก จับแขนตัวเองแล้วเดินโซเซเข้าไปในห้อง
ขณะนั้นเวินซีก็จ้องมอง
“ใกล้จะเข้าเหมันต์แล้ว เมื่อคืนข้าว่างมาก จึงอยากจะขึ้นเขาไปจับจิ้งจอกมาทำผ้าพันคอให้เ้า แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะมืดจนมองทางไม่เห็น ข้าตกไปอยู่ในกับดักของนายพราน ติดอยู่ในนั้นทั้งคืน มีคนมาพบข้าตอนเช้าจึงช่วยข้าไว้”
คำอธิบายของเขายังทำให้คนฟังไม่หายสงสัย เมื่อเห็นว่าเวินซียังมีสีหน้าไม่ดี เขาจึงขยับเข้าไปใกล้ “ทำให้เ้ากังวลจนได้”
“ถอดเสื้อออก”
“อันใดนะ?”
“ถอดออก”
น้ำเสียงของนางจริงจัง ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่นางสั่ง
ร่างกายท่อนบนของจ้าวต้าน นอกจากาแที่ถูกเถาวัลย์บาดเล็กน้อย บริเวณอื่นก็มีเพียงรอยแผลเก่าๆ ที่ไม่มีความผิดปกติใด
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเวินซียังคงไม่หายไป บุรุษในตอนกลางคืนผู้นั้นมิใช่เขาจริงหรือ? หรือว่าาแจะซ่อนกันได้? นางจึงเอื้อมมือไปแตะไหล่ของเขา ก่อนจะพบว่ามันเรียบเนียน
ไม่มีจริงๆ
“เป็อันใดไป?” จ้าวต้านรู้สึกแปลกๆ
“ไม่มีอันใด สวมเสื้อเถิด” สีหน้าของเวินซีกลับมาเป็ปกติ ส่วนจ้าวต้านก็ใส่เสื้อผ้ากลับเข้าไปใหม่
“นี่เป็ยารักษารอยฟกช้ำ ทายาเถิด” เวินซีหยิบขวดยาออกมาจากใต้เสื้อผ้า
จ้าวต้านรับไว้และเดินไปทายาด้านหลังฉากกั้น จากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่แล้วเดินออกมานั่งข้างๆ นาง
“ต่อไปไม่ต้องออกไปล่าสัตว์แล้ว ข้าเลี้ยงเ้าได้” ขณะที่พูด นางก็รู้สึกง่วงมาก พอพูดจบก็ผล็อยหลับไปทันที
จ้าวต้านจึงอุ้มนางไปที่เตียงเมื่อแน่ใจว่านางหลับไปแล้ว เขาเองก็มิได้นอนมาทั้งคืน จึงเอามือรองศีรษะให้นางแล้วหลับตาลง
หนึ่งชั่วยามต่อมา
“ปัง”
เสียงดังสนั่นทำให้เวินซีขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ กว่าจะนอนหลับสบายๆ ได้ ยังต้องมีเสียงรบกวนอีก
“ปัง ปัง”
มีเสียงดังขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน นางลืมตาขึ้นด้วยความโกรธ ลุกขึ้นนั่งและมองหาที่มาของเสียง
ไม่ไกลนัก จ้าวต้านกำลังยืนค้ำโต๊ะอยู่ ข้างๆ เท้ามีแจกันดอกไม้ที่ตกแตกและเก้าอี้ไม้ เขากำลังตัวสั่นและมีดวงตาที่แดงก่ำ
หนอนกู่แผลงฤทธิ์อีกแล้วหรือ? เพิ่งจะวันเดียวเองนะ
เวินซีก้าวลงมาที่พื้นและเข้าหาเขาอย่างตั้งรับ
“อย่าเข้ามา เ้าออกไปเร็ว เร็วเข้า ข้าจะบังคับตนเองไม่อยู่แล้ว”
ในเวลานั้นจ้าวต้านยังมีสติ เขากลัวว่าจะพลั้งมือไปทำร้ายเวินซี จึงพยายามอดทนอย่างยิ่ง แต่พิษหนอนกู่ตอนนี้แข็งแกร่งเป็พิเศษ มันคอยกัดกินภายในร่างกาย
แต่ถึงกระนั้นเวินซีก็ยังใกล้เข้ามา จ้าวต้านหยิบแจกันทุบหัวตนเองเพราะ้าทำให้สลบไป แต่ยิ่งเขาเ็ปมากเท่าใด ก็ยิ่งมีสติมากขึ้นเท่านั้น
“เวินซี ฟังข้า!”
เวินซีขมวดคิ้วพลางเคลื่อนตัวเร็วขึ้น ในตอนที่จ้าวต้านกำลังจะเสียสติก็วิ่งเข้าไปหานางด้วยท่าทีของศัตรู แม้จะมิได้ใช้อาวุธ แต่การเคลื่อนไหวนั้นก็รวดเร็วราวกับสายลม จากนั้นเขาก็สับมือลงบนร่างของนาง
เวินซีรู้สึกเจ็บมาก แม้จะโปรยผงกระดูกอ่อนออกไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะรับมือได้ทันและหลบได้ทั้งหมด
เวลานี้นางกำลังเผชิญหน้ากับชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่ พลังมหาศาล ความว่องไวเป็เลิศ ซึ่งเป็ความแข็งแกร่งของทุกอย่าง
เมื่อต่อสู้กันไปมา เวินซีก็ได้รับาเ็ไม่น้อยจนเหนื่อยหอบ มือที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กของเขาพลันใกล้เข้ามาอีกครา นางจึงเงยหน้าขึ้น โปรยผงยากล่อมประสาททั้งหมดที่มีใส่หน้าในตอนที่เขาเข้ามาคว้าคอ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอันใดผิดพลาด
ในที่สุดจ้าวต้านก็ล้มลงบนพื้น ตัวนางเองก็เช่นกันโดยที่คอมีรอยแดงฟกช้ำ
“คุณหนูเวินซี เป็อันใดหรือขอรับ? ข้าได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องของท่านน่ะขอรับ”
ขณะนั้นเองจ่างกุ้ยที่ได้ยินเสียงจากด้านนอกก็เคาะประตูอยู่เรื่อยๆ
“ไม่เป็ไร” เวินซีรีบตอบรับ
แม้ว่าจ่างกุ้ยจะเป็กังวล แต่เขาพังประตูเข้าไปมิได้ “คุณหนูเวินซี หากมีเื่ใดอย่าลืมเรียกข้าได้เลยนะขอรับ”
“ได้สิ”
เมื่อจ่างกุ้ยจากไป เวินซีจึงพักครู่หนึ่ง หลังจากที่รู้สึกดีขึ้นบ้างจึงค่อยลุกขึ้นจากพื้นแล้วมองดูจ้าวต้านที่ยังคงนอนอยู่ที่เดิม จากนั้นก็วางมือไปจับชีพจรของเขา
ไม่รู้ว่าเหตุใดหนอนกู่ถึงแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ร่างกายของเขาแทบจะถูกทำลายจนหมดสิ้น แม้กระทั่งยาอาบพวกนั้นก็ใช้มิได้ผลอีก
สามเดือน...ทุกครั้งที่มันแผลงฤทธิ์จะลดทอนอายุขัยของเขาไป หากโชคดีหน่อยก็คงอยู่ได้อีกเดือนครึ่งกระมัง ในตอนนี้แววตาของนางเต็มไปด้วยความสับสนยุ่งเหยิง ลังเลว่าจะช่วยเขาดีหรือไม่?
หญ้าหิ่งห้อยร้อนมีเฉพาะในวังหลวงเท่านั้น ทั้งยังเปรียบดั่งสมบัติล้ำค่าอีกด้วย มันอาจทำให้เกิดความบาดหมางถึงขั้นเป็ศัตรูกับราชวงศ์...
ชาติที่แล้วนางมีชีวิตอยู่กับการรบราฆ่าฟันและคมดาบมามาก ชาตินี้นางจึงปรารถนาเพียงชีวิตที่สงบสุข ซึ่งชีวิตในตอนนี้ก็เป็อย่างที่นาง้าแล้ว
เมื่อรู้ว่าพิษหนอนกู่ในร่างกำลังปั่นป่วนอีกครา เวินซีจึงกรีดฝ่ามือ หยดเืใส่ปากจ้าวต้าน โชคดีที่มันยังช่วยระงับอาการไว้ได้ จากนั้นนางก็นำเขาไปพักผ่อนบนเตียง สวมเสื้อผ้าให้พลันออกจากห้องไป
“พี่สะใภ้ มาดูสิเ้าคะ”
ขณะนั้นเอ้อเอ้อร์ถือโคมกระดาษอยู่ในมือ โดยมีซันซานตามวอแวอยู่ด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าเขาอยากได้
“ไปเอามาจากที่ใด?” เวินซีพูดอย่างเอ็นดู
“พี่ใหญ่ทำเ้าค่ะ พี่ใหญ่เก่งมาก ของเล่นของพวกเรา เขาทำเองหมดเลยเ้าค่ะ”
เอ้อเอ้อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ เมื่อเห็นท่าทีของนางดังนั้น เวินซีก็ครุ่นคิด
“เ้าเล่นกับซันซานนะ ข้าจะไปทำงานที่ด้านหน้าแล้ว” นางหาข้ออ้างแล้วตัดสินใจเดินออกไป
วันนี้ลูกค้าที่แวะเวียนกันเข้ามาในร้านมีไม่น้อยเลย จ่างกุ้ยพูดคุยและดูแลพวกเขาเป็อย่างดี ส่วนเวินซีเอาแต่กอดอกมองดูผู้คนผ่านไปมาอย่างเหม่อลอย
ในเวลาเดียวกันก็มีเกี้ยวคันหนึ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู เมื่อคนรับใช้เปิดม่านเกี้ยวก็ปรากฏเป็ฮูหยินซ่งที่โผล่หน้าออกมา นางยิ้มให้เวินซีพลันลงมาจากเกี้ยว
“คุณหนูเวินซี” เมื่อเข้ามาในร้าน ฮูหยินซ่งมิได้มองหาเครื่องหอมใด แต่เดินมาหาเ้าของร้านโดยตรง
“ฮูหยินซ่ง”
เวินซีทำความเคารพ แต่ฮูหยินซ่งห้ามไว้ เมื่อเห็นว่าปิ่นปักผมของนางหลวม จึงยกมือขึ้นอย่างสง่างามแล้วช่วยเสียบมันให้แน่น “เหมาะกับเ้ามาก งามจริงๆ”
“ฮูหยินซ่งชมเกินไปแล้วเ้าค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านมาหาข้ามีเื่อันใดหรือเ้าคะ?”
“ข้ามาที่นี่ก็เพราะเื่การแข่งขันเครื่องหอมน่ะ ไม่รู้ว่าเ้าคิดอย่างไร แต่ข้าอยากให้เ้าเข้าร่วมนะ”
ฮูหยินซ่งหยิบกระดาษออกมาจากแขนเสื้อ เมื่อคลี่ออกก็เผยให้เห็นตารางรายชื่อผู้ที่ลงแข่งขันทำเครื่องหอม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้