เล่มที่ 1 บทที่ 3 วารีลืมเลือน
ในขณะที่ระลึกความหลังเมื่อหมื่นปีก่อน หลินเฟยก็เดินมาถึงชั้นแรกของหอดาบ เขาไม่ได้เดินออกไปทันที แต่กลับเลี้ยวไปทางสายหนึ่งอย่างคุ้นเคย ก่อนหยุดลงที่ห้องเล็กที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ
ใช่จริงๆ ที่แห่งนี้ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้มีเฉพาะคัมภีร์ แต่กลับเป็แหล่งรวมบันทึกมากมายที่วางกองอยู่ด้วยกัน
หลินเฟยเหลือบตามอง แต่ก็ไม่พบสิ่งที่คิด อาจเพราะภัยพิบัติเมื่อหมื่นปีก่อน สิ่งที่ตกทอดมาจึงมีไม่มาก เหมือนเมื่อตอนอยู่ชั้นสาม วิชาพื้นฐานอย่างกระบี่พิฆาตเซียนมาร ยังถูกยกขึ้นเป็สามกระบี่ห้าเคล็ดวิชาได้
เกิดเื่แบบนี้ขึ้นก็หมายความว่า คัมภีร์ดาบชั้นสูงที่แท้จริงสูญหายไปพร้อมกับภัยพิบัติหมดแล้ว สิ่งที่ตกทอดมา จึงเหลือเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้ หลินเฟยก็สงสัยว่าในอดีต หลังจากที่เขาตายไปพร้อมกับเ้าแห่งเหวทมิฬแล้ว พิภพหลัวฝูเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ภัยพิบัตินั่นสงบลงได้อย่างไร และใครเป็ผู้สืบทอดสำนักเวิ่นเจี้ยน ข้อสงสัยมากมายเหล่านี้ บางทีอาจจะหาคำตอบได้จากที่นี่
เริ่มจากชั้นวางแรก หลินเฟยค่อยๆมองไล่ไป ไม่นานก็เลือกตำราออกมาได้ส่วนหนึ่ง มีทั้งพงศาวดาร บันทึกการเดินทาง ตำนานเื่ลี้ลับ รวมทั้งเื่เล่าอิงประวัติศาสตร์ ตำราพวกนี้ไม่เป็ที่สนใจเท่าไรนัก แค่ดูจากปกที่ใหม่เอี่ยมก็รู้แล้วว่าวางทิ้งไว้หลายปี กคงไม่มีใครหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน
สองชั่วยามถัดมา หลินเฟยปิดบันทึกการเดินทางเล่มสุดท้ายลง สีหน้าย่ำแย่ลง สถานการณ์ดูเหมือนจะเลวร้ายกว่าที่คิด หลายหมื่นปีที่ผ่านมา สรรพสิ่งได้สูญสิ้น แตในขณะเดียวกันก็มีสิ่งใหม่กำเนิดขึ้น
สิ่งแรก เหมือนว่าพิภพหลัวฝูจะเล็กลง ตามบันทึกเล่มนี้ตอนที่กล่าวถึงทะเลน้ำแข็งฝูปิง ผู้เขียนใช้คำว่า “ สุดเขตแดนเหนือ ” แต่ความจริงแล้ว หลินเฟยรู้ว่าทะเลน้ำแข็งฝูปิงยังไม่ใช่สถานที่สุดเขตแดนเหนือ โดยถัดจากทะเลน้ำแข็งฝูปิงจะเจอทุ่งหญ้าหย่งเย่ที่กว้างใหญ่ ซึ่งเป็ที่อยู่อาศัยของเผ่าเย่
หลายหมื่นปีก่อน มีธรรมเนียมว่าทุกร้อยปีเผ่าเย่จะส่งคนที่มีพร์ที่สุด มาฝากตัวเป็ศิษย์สำนักเวิ่นเจี้ยน สิบปีให้หลังค่อยกลับคืนเผ่า ในอดีต ตอนที่หลินเฟยอาศัยอยู่ที่หอดาบ ก็เคยมีเื่กระทบกระทั่งกับชาวเผ่าเย่เช่นกัน ได้ยินว่าคนคนนี้หากกลับเผ่าไปจะได้ครองตำแหน่งผู้นำ กลายเป็าาเผ่าเย่คนใหม่
ถัดขึ้นไปทางเหนือของทุ่งหญ้าหย่งเย่ ยังมีเมืองอูตงที่เลื่องชื่อ ในอดีตก่อนที่สำนักเวิ่นเจี้ยนจะเผชิญกับภัยพิบัติเหวทมิฬ เมืองอูตงเคยส่งข่าวมาว่า ิจวินาเ็เพราะถูกกระบี่ของเซียนกระบี่ชิงเหลียนสะบั้นใส่
ไม่รู้ว่าตอนหลังท่านเซียนจะเป็อย่างไรบ้างนะ
สรุปก็คือเท่าที่หลินเฟยจำได้ ทางเหนือของทะเลน้ำแข็งฝูปิงยังมีพื้นที่อีกกว้างใหญ่ไพศาล แต่ในบันทึกเล่มนี้ กลับกลายเป็สุดเขตแดนเหนือเสียได้ ไม่เพียงแค่ทะเลน้ำแข็งฝูปิงเท่านั้น จากบันทึกนี้ พิภพหลัวฝูเองก็ดูจะเล็กลงเช่นกัน หลินเฟยคาดคะเนว่าประมาณสามในสองของพิภพหลัวฝูได้หายไปเสียแล้ว…
‘นี่มันอะไรกัน?’
หลินเฟยค้นบันทึกตำราเล่มแล้วเล่มเล่าไปด้วยความสงสัยมากมาย สุดท้ายก็พบสิ่งที่น่าสนใจในตำราเซียนปีศาจเล่มหนึ่ง...
เนื้อหาของตำราเล่มนี้ไม่น่าสนใจเลยสักนิด ล้วนเป็สิ่งไม่มีมูลทั้งนั้น ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจ นั่นคือข้อความที่บันทึกไว้ว่า ไม่รู้ว่ากี่หมื่นปีก่อน มีาที่ยื้อเยื้อนับพันปี โลหิตหลั่งไหลดั่งสายธาร ชีวิตมากมายล้วนดับสูญ แม้แต่เซียนเก้าชั้นฟ้าและมารขุมที่สิบจากใต้พิภพล้วนแตกดับ ท้ายสุดพิภพหลัวฝูก็แตกออกไปเป็เสี่ยงๆ พิภพหลัวฝูที่อาศัยอยู่ตอนนี้ก็แค่เสี้ยวหนึ่งของเดิมเท่านั้น…
หลังจากวางตำราลง หลินเฟยสงบนิ่งอยู่พักใหญ่
“พิภพหลัวฝูหมื่นปีให้หลังนี้ จะเป็อย่างไรกันแน่นะ...”
ตอนที่หลินเฟยออกมาจากหอดาบก็ค่อนข้างมืดแล้ว เขาเดินย่ำไปบนทางเดินหินที่เคยผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่นานก็กลับถึงหุบเขาอวี้เหิงด้วยความทรงจำของร่างเดิม ไม่นานก็มาถึงที่พักอาศัยของตนเอง หลังจากปิดประตูก็นั่งลงก่อนจะต้มชาอย่างเหม่อลอย…
จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังรู้สึกเหมือนฝันไป เื่ที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความลี้ลับ ทั้งทะลุมิติ ทั้งตายแล้วเกิดใหม่ในหมื่นปีให้หลัง แถมยังเป็ศิษย์สำนักเวิ่นเจี้ยนเหมือนเดิม ราวกับถูกลิขิตเอาไว้
‘เอาเถอะ ในเมื่อได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง เื่ที่ทำไม่สำเร็จในชาติก่อน มาจบมันในชาตินี้แล้วกัน’ หลินเฟยไม่ใช่คนคิดมาก เื่ที่ไม่เข้าใจก็ไม่คิดให้ปวดหัว ปล่อยวางความสงสัยไว้ในใจ ก่อนจะเริ่มสำรวจร่างกายใหม่ที่กำลัง อย่างไรก็แล้วแต่การได้เกิดใหม่อีกครั้งนั้น ถือเป็เื่ที่ดี
อีกอย่างคนที่มีชื่อเดียวกันนี้ที่ทิ้งร่างไว้ให้ ถึงจะเป็แค่กายเนื้อธรรมดา พร์ก็น่าจะแค่กลางค่อนสูง แต่หากเทียบกับร่างตัวเองในชาติก่อน อย่างน้อยเส้นปราณก็ไม่บกพร่อง ขอแค่เส้นปราณไม่บกพร่องก็ฝึกฝนได้ ถ้าฝึกฝนได้ ทุกอย่างก็ง่ายลงแล้ว
อีกทั้งการที่หลินเฟยไม่สามารถรวมพลังปราณเข้าร่าง ก็แก้ได้ไม่ยากอีกต่อไป
ในอดีต ก่อนที่ตาเฒ่าจะเข้าสู่เหวทมิฬ เขาได้บอกที่ตั้งขุมทรัพย์ลับทั้งเจ็ดแห่งไว้ น่าเสียดายที่หลังจากนั้นอีกสามสิบปี ทั้งที่เขาวางแผนอย่างรอบคอบแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังเป็แค่กายเนื้อทั่วไป ทำให้ตายตกไปพร้อมกับยวนหวง ผู้เป็เ้าแห่งเหวทมิฬ ด้วยแรงกายแรงใจที่ทุ่มเทไปโดยที่คนนอกอาจจะคิดไม่ถึง จนในที่สุดเขาก็ไม่มีโอกาสไปเยือนขุมทรัพย์เ่าั้ แม้จะมีเวลาถึงสามสิบปีเต็มก็ตาม
‘คิดไม่ถึงว่าชาติที่แล้วไม่มีโอกาส แต่ชาตินี้กลับมีจนได้’
หลินเฟยจำได้ว่าในขุมทรัพย์ลับที่สาม มีขวดหยกใบหนึ่งที่บรรจุวารีลืมเลือนเอาไว้ ในอดีต ตาเฒ่าได้มันมาจากแดนมรณะน้ำพุเหลือง ซึ่งไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มันมา
ถึงตาเฒ่าจะไม่พูด แต่หลินเฟยก็รู้ว่า หากคิดจะใช้วารีลืมเลือนนี้ซ่อมแซมเส้นปราณที่บกพร่องของเขา บางทีอาจจะทะลวงเส้นปราณที่อุดตันของเขาได้ ทว่าผลคือเส้นปราณอุดตันไร้วิธีเยียวยาถึงแม้จะมีวารีลืมเลือนก็ตาม ท้ายที่สุดตาเฒ่าก็เลยนำวารีลืมเลือนไปเก็บในขุมทรัพย์ลับที่สาม
ถึงแม้จะรักษาเส้นปราณที่อุดตันไม่ได้ แต่การซ่อมแซมเส้นปราณกลับมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม วารีลืมเลือนเพียงขวดเดียว สามารถเปลี่ยนสภาพกายพื้นฐาน ให้เป็ไปตามที่้าทั้งสิบแปดชนิด หากโชคดี ก็อาจจะได้หนึ่งในเก้ากายาตามตำนาน!
“ แต่ว่าตอนอยู่ในขั้นจู้จีดันเลือกเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ เ้านี้มันล้อข้าเล่นหรืออย่างไร... ” สำนักเวิ่นเจี้ยนมีการบำเพ็ญต่างจากสำนักอื่น มุ่งเน้นใช้กระบี่เอาชนะทุกสิ่ง เพราะฉะนั้นนอกจากเคล็ดวิชากระบี่แรกเริ่มที่เลือกแล้ว ส่วนมากจะไม่ฝึกเคล็ดวิชาอื่นอีก ต่อให้ประมือกับคู่ต่อสู้ที่มีกระบวนท่าแพรวพราว ศิษย์สำนักเวิ่นเจี้ยนก็ใช้แค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น
แต่เ้าของร่างเดิมไม่เหมือนคนทั่วไป ตอนอยู่ขั้นจู้จีดันเลือกเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่
‘นี่มันล้อกันเล่นชัดๆ’ หัวใจของเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่คือหนึ่งกระบี่เอาชนะหมื่นกระบี่ กระบวนท่าเดียวกลับแฝงไปด้วยหมื่นกระบวนท่า ซึ่งตรงข้ามกับหนึ่งกระบี่เอาชนะทุกสิ่งอย่างสิ้นเชิง เส้นทางบำเพ็ญทั้งสองสายนี้ต่างกันลิบลับ
ผู้บำเพ็ญขั้นจู้จีที่เลือกเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่จะต้องฝึกวิชากระบี่ทุกชนิด ยิ่งรู้วิชากระบี่มากเท่าไร พลังของเคล็ดวิชาก็ยิ่งกล้าแกร่ง จนสุดท้ายกายเนื้อก็เป็ดั่งเตาหลอม หลอมรวมหมื่นกระบี่ในร่างเดียว กลายเป็กายกระบี่ฉุนหยาง ทุกครั้งที่กระบี่ฟาดฟันออกไป จะแฝงด้วยหมื่นเคล็ดวิชา
---------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้