คำพูดนี้ของเมิงหวงเฉาไม่พูดเสียยังจะดีกว่า วัยรุ่นที่อยู่หน้าประตูพาคนมากลุ่มใหญ่สีหน้าเขาก็แย่ลงแล้ว และแทบจะมีน้ำหยดลงมา
ดวงตาคู่หนึ่งลุกเป็ไฟและพกพาความแค้น เขาจ้องเมิงหวงเฉา พลางพูดอย่างเยือกเย็นว่า “เมิงหวงเฉา นายไม่พูดเื่นั้นก็ยังพอแล้ว แต่นายดันพูด ฉันจะไม่จบกับนาย ฉันจะบอกนายให้ ครั้งนี้ฉันกลับมาจากต่างประเทศ ก็จะมาสู้กับนายต่อ เดิมทีคิดว่านายอยู่ที่ตี้ตู คิดไม่ถึงว่านายจะมาอยู่ในที่เล็กๆ อย่างหลิงเฉวียนแล้ว! นายคิดว่าฉันอยากจะมานักหรือ? ฉันมีธุระ! จะบอกนายไว้เื่ของพวกเราสองคนยังไม่จบ หากนายรู้ตัวก็รีบไสหัวไปซะ แขกคนนี้ของฉันสำคัญ นายล่วงเกินไม่ได้!”
“อ้าว ฉันล่วงเกินไม่ได้? ทั้งหัวเซี่ยนี้ฉันยังคิดว่าไม่มีใครที่ฉันล่วงเกินไม่ได้ อย่าว่าแต่นายเลยหลี่เอ่อร์ ถึงจะเป็พี่ชายของนายหลี่ชิงตี้มา ฉันก็ไม่กลัวเขา ฉันอาจจะสู้เขาไม่ได้ แต่สองวันนี้จ้าวอู๋จี๋ก็อยู่ที่หลิงเฉวียนเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นนายก็เรียกตัวเขามาจากตี้ตู และให้พวกเขาสองคนได้พบหน้ากัน?”
เมิงหวงเฉาหัวเราะอย่างดูถูก และสังเกตหลี่เอ่อร์ที่เข้ามาั้แ่หัวจดเท้า เขาพูดด้วยใบหน้าหยอกล้อ
ถึงแม้จะเข้ากับจ้าวอู๋จี๋ไม่ได้ ลับหลังก็ไม่รู้ว่าด่าทอจ้าวอู๋จี๋ไปแล้วเท่าไรต่อเท่าไร ต่อหน้าเจียงไป๋ก็ด่าทออย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้เมิงหวงเฉากลับอ้างชื่อของจ้าวอู๋จี๋อย่างไม่ลังเลและหน้าไม่อาย
ในที่สุดคำพูดนี้ก็ทำให้เจียงไป๋รู้ถึงฐานะของอีกฝ่ายแล้ว ในขณะเดียวกันก็เข้าใจอย่างฉับพลันแล้วว่า ทำไมอีกฝ่ายถึงกล้าท้าทายเมิงหวงเฉา
เป็น้องชายของหลี่ชิงตี้นี่เอง
เื้ัของหลี่ชิงตี้ ตอนนี้เจียงไป๋ก็เข้าใจบ้างแล้ว
คุณปู่แท้ๆ ของหลี่ชิงตี้เป็หนึ่งในขุนนางเก่าแก่ของหัวเซี่ยที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็คนที่มีชื่อเสียงน่าเลื่อมใสเหมือนกับผู้าุโเมิง
ที่ไม่ได้เป็หลักสำคัญเหมือนกับผู้าุโเมิงคือ คนที่ขนานนามว่าเป็สัญลักษณ์แห่งะของหัวเซี่ยคนนั้น ทางทหารอาจจะมีอำนาจน้อยกว่าผู้าุโเมิง แต่ในทางการเมืองกลับเหนือกว่าขั้นหนึ่ง มิน่าล่ะหลานของเขาถึงได้กล้าท้าทายเมิงหวงเฉา
คนคนนี้เป็ลูกผู้ดีระดับสูงสุดคนหนึ่งแน่นอน
เป็อย่างนี้จริงๆ พอพูดถึงจ้าวอู๋จี๋ สีหน้าของหลี่เอ่อร์ที่อยู่ตรงหน้าก็แปรเปลี่ยน “เมิงหวงเฉานายอย่าได้ใจไป อย่าคิดว่าจ้าวอู๋จี๋จะคุมกะลาหัวนายได้นานนัก วันเวลาของเขาก็เหลือไม่มากแล้ว เื่ที่จ้าวอู๋จี๋ใกล้จะตาย ใครบ้างไม่รู้? จ้าวอู๋จี๋พอวันไหนตายไป ฉันจะคอยดูว่านายยังจะกล้าอวดเก่งกับฉันได้อีกไหม! ตอนแรกหากไม่ใช่เพราะเขาช่วยนายไว้ นายจะเป็คู่ต่อสู้ฉันได้หรือ? แค่นายจะนับประสาอะไรได้!”
“เหอะ หลี่ชิงหวง นายพูดบ้าอะไร ยังกล้าว่าฉันหรือ? เวลานั้นหากไม่ใช่เพราะหลี่ชิงตี้ไม่สนกฎกติกา ช่วยนาย นายคิดว่านายจะบีบฉันให้ถึงขั้นนั้นได้หรือ? จ้าวอู๋จี๋ลงมือนั่นก็เป็เื่ของเขา แต่ก็แค่ทำให้พวกเราเสมอกันเท่านั้น เวลานั้นฉันก็แค่ซัดนายไปยกหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้นายพิการ ก็ไม่เลวแล้ว นายไม่สำนึกบุญคุณก็พอแล้ว ตอนนี้ยังเคียดแค้นฉันอีกหรือ? พวกนายล้วนพูดกันว่าจ้าวอู๋จี๋ใกล้ตายแล้ว ฉันเห็นว่าครั้งนี้เขาก็กระปรี้กระเปร่าดี เกรงว่าจะทำให้นายผิดหวังแล้ว และถึงเขาจะใกล้ตายจริงๆ เพียงแค่เขายังมีลมหายใจอยู่ นายยังมีพี่ชายนายแล้วจะทำอะไรได้! ฉันก็ไม่กลัว! นายเชื่อไหมถ้าครั้งนี้นายแหย่ฉันอีก ฉันก็จะทำให้นายพิการซะ”
เมิงหวงเฉาพูดอย่างไม่อาย และเหมือนจะลืมไปเลยว่าเมื่อก่อนเขาว่าจ้าวอู๋จี๋ไว้อย่างไร
“เมิงหวงเฉา แขกของฉันใกล้จะมาถึงแล้ว นายควรจะถอยไปจึงจะดี ฉันจะบอกกับนาย แขกคนนี้ของฉัน อย่าว่าแต่นาย แม้แต่จ้าวอู๋จี๋ก็ไม่กล้าล่วงเกิน นายแหย่ไม่ได้ เื่ของพวกเราสองคนต่อไปค่อยว่ากัน ห้องนี้ฉันจะเอาแน่นอน”
หลี่ชิงหวงขมวดคิ้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป หลังจากนั้นสูดลมหายใจลึก และสงบจิตสงบใจตนเองแล้ว เขามองเมิงหวงเฉาที่อยู่ตรงหน้าพลางพูด
แขกของเขาใกล้จะมาถึงแล้ว และเขาก็ไม่อยากจะเซ้าซี้กับเมิงหวงเฉาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นดูถูก
ยิ่งไปกว่านั้น จริงๆ แล้วเขาก็รู้ดีว่า หลิงเฉวียนนี้คือที่ของเมิงหวงเฉา หากสู้กับเขาที่นี่ ตนเองก็จะเสียเปรียบจริงๆ
ในขณะเดียวกันหลี่ชิงหวงก็แอบด่าลูกน้องของตนเองอยู่ในใจว่าจัดการเื่ไม่เรียบร้อย แค่ให้เขาจองห้องทำไมถึงทำไม่เรียบร้อย และตนก็บอกเวลา สถานที่กับแขกไปแล้ว ตอนนี้มาแล้ว คิดไม่ถึงว่าห้องจะถูกคนอื่นยึดเอาไป และคนที่เอาห้องไปก็ยังเป็คนที่จัดการได้ยากอย่างเมิงหวงเฉา ทำให้เขาไม่ฝืนใจพูดไม่ได้
คนคนนี้คือคนที่พี่ชายกำชับให้ตนเองรีบมารับรองก่อน หากรับรองไม่ดี กลับไปก็ไม่รู้ว่าจะบอกอย่างไรจริงๆ
“ฉันไม่สนว่านายจะเป็ใคร ในหลิงเฉวียนฉันเมิงหวงเฉาไม่กลัวใครทั้งนั้น อยู่ต่อหน้าฉัน ถึงเป็ัก็ต้องก้มหัวให้ฉัน เป็เสือก็ต้องหมอบให้ฉัน! วันนี้ฉันจะบอกนายให้ ใครมาก็ล้วนเหมือนกัน ฉันว่าไม่ให้ก็คือไม่ให้ อยากจะหาเื่เดือดร้อน ฉันก็จะให้มันซมซานกลับไป!”
ทางเมิงหวงเฉาก็ไม่ถอยให้แม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ตอนที่เสิร์ฟอาหาร เมิงหวงเฉายังคุยโวโอ้อวดกับเจียงไป๋ พูดว่านอกจากเจียงไป๋แล้วก็ไม่มีใครเคยรังแกเขา เขาอยู่ในตี้ตูเป็อย่างไร ตอนนี้หากต้องไปเพราะคำพูดแค่ประโยคเดียวของหลี่ชิงหวงแล้วล่ะก็ นั่นก็จะเป็การขายหน้าอย่างที่สุด ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ถอยให้ไม่ได้
“คุณชายเมิงช่างกล้าจริงๆ ัก็ต้องยอมให้นาย เป็เสือก็ต้องหมอบให้นายแบบนั้นหรือ แต่คนอย่างฉันก็ไม่เชื่อฟัง ผู้คนต่างก็เรียกฉันว่าพยัคฆ์แห่งหนานเจียง และฉันก็ไม่ชอบหมอบ นายจะทำอย่างไรล่ะ?”
จู่ๆ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้ใบหน้าของหลี่ชิงหวงมีอาการดีใจ และผู้ชายที่สวมชุดตำรวจสีดำคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแล้ว ด้านหลังยังมีคนตามมาอีกเจ็ดแปดคน
ผู้ชายคนนี้ดูท่าแล้วน่าจะอายุสามสิบห้าสามสิบหกปี เป็ธรรมดาที่จะแก่กว่าเจียงไป๋ไม่น้อย แต่ก็น้อยกว่าพวกจ้าวอู๋จี๋มาก
เขาสวมชุดตำรวจทั้งตัวดูองอาจผึ่งผาย เคร่งขรึม
แค่ดูดาวที่ติดบนบ่า เจียงไป๋ก็ใจนแทบจะะโจริงๆ
ดาวสามดวงบนดอกสมอสีเงิน ยศตำรวจระดับหนึ่ง
อายุแค่นี้ก็มียศตำรวจระดับหนึ่งได้แล้ว?
นั่นก็คือตำแหน่งข้าราชการระดับสูง ตำแหน่งผู้กำกับเขตหนึ่งก็คู่ควรมาก ก็คือท่านนี้คือรองข้าราชการระดับสูงของเขต แค่ทำงานอยู่ในวงการตำรวจเท่านั้น
อายุแค่นี้มียศตำรวจระดับหนึ่งได้ อนาคตข้างหน้าต้องสดใสแน่นอน ต่อไปตำแหน่งก็จะสูงส่ง ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจส่วนกลาง หากเดาไม่ผิดก็คงไม่ไปไหน
เจียงไป๋ไม่เคยเห็นตำรวจที่หนุ่มและมีตำแหน่งที่สูงขนาดนี้
คนคนนี้ก็อยู่ในขั้นเดียวกับผู้กำกับของสถานีตำรวจเทียนตู ความสูงของตำแหน่งแค่คิดก็รู้แล้ว
คนที่ตามอยู่ด้านหลังของเขามีเจ็ดแปดคน ทั้งหมดล้วนเป็วัยกลางคน ถึงแม้ไม่ได้สวมชุดตำรวจเหมือนกับเขา แต่ดูท่าแล้วก็น่าจะเป็คนมีความสามารถในวงการตำรวจ ไม่แน่ว่าอาจจะมีข้าราชการระดับสูงอยู่ในนี้สักสองสามคน และก็ยืนอยู่ด้านหลังอย่างนี้ ทั้งยังเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย
พอได้ยินเขาแนะนำตัวแล้ว เจียงไป๋ก็รู้ถึงฐานะของอีกฝ่ายทันที
พยัคฆ์แห่งหนานเจียงเฉิงเทียนกัง!
เจียงไป๋ก็เลื่อมใสในชื่อเสียงมานานแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะเป็คนมีความสามารถในวงการตำรวจ และยังมียศตำรวจระดับหนึ่งท่านหนึ่ง และนี่ก็เหนือความคาดคิดของเจียงไป๋แล้ว
เพราะเดิมที เจียงไป๋ยังคิดว่าอีกฝ่ายก็เป็จอมอหังการในวงการธุรกิจอย่างอู่เทียนซีและจ้าวอู๋จี๋ ตอนนี้ดูแล้ว เขาเข้าใจคนพวกนี้ผิดไปแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะขนานนามเหมือนจ้าวอู๋จี๋ แต่งานที่ทำก็ไม่เหมือนกัน
ในขณะเดียวกันเจียงไป๋ก็แปลกใจไม่หยุด หมาป่าแห่งซีเป่ยอย่างหยางอู๋ตี๋ที่ขนานนามว่าไร้เทียมทานในใต้หล้าคนนั้น เป็ผู้นำกลุ่มคนหนุ่มสาวสายเืใหม่ของทางทหาร อำนาจและบุคคลทางทหารในเขตซีเป่ย และพยัคฆ์แห่งหนานเจียงอย่างเฉิงเทียนกังคนนี้ก็คือตำรวจยศระดับหนึ่งที่ทำให้ผู้คนเลื่อมใสคนหนึ่ง
แบบนั้น … หลี่ชิงตี้ที่ขนานนามว่าเป็ัแห่งตี้ตูทำงานอะไรกัน?
โดยเฉพาะคนคนนี้ทำไมไม่อยู่ที่ทางเหนือ มาที่สถานที่เล็กอย่างหลิงเฉวียนทางเหนือทำไม?
หรือว่ามาพักผ่อน?
สถานที่มากมายขนาดนี้ เขาไม่ไป แต่มาที่นี่ทำไม?
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนล้วนมีเวลา มีพลังใจมานั่งครุ่นคิดอยู่ตรงนี้เหมือนกับเจียงไป๋
เมิงหวงเฉาที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา เวลานี้กลับไม่มีความคิดอย่างนี้แล้ว และอดไม่ได้ที่จะเริ่มแอบด่าอยู่ในใจ
หากรู้ั้แ่แรกว่าหลี่ชิงหวงจะเลี้ยงข้าว และยังเลี้ยงข้าวเฉิงเทียนกังที่นี่อีก เขาก็จะไม่มาเสี่ยงอยู่ที่นี่ และเปลี่ยนที่ใหม่
หลิงเฉวียนใหญ่ขนาดนี้ ที่ทานข้าวจะไม่มีเลยหรือไง?
และจะท้าทายกับพยัคฆ์แห่งหนานเจียงเพราะเื่นี้ไปทำไม?
แน่นอนว่าท้าทายกับหลี่ชิงหวงเขาไม่กลัว แต่หากท้าทายกับพยัคฆ์แห่งหนานเจียงคนนี้ เมิงหวงเฉาก็ไม่มั่นใจพอ ถึงที่นี่จะเป็หลังบ้านของเขาก็ตาม
จริงๆ แล้วทั้งสองคนก็ไม่ใช่คนระดับเดียวกัน …
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้