“อะไรของเ้าเนี่ย! จะร้องเสียงดังด้วยเหตุใด!” จ้าวซีเหอถามขณะจ้องมองหนิงมู่ฉือที่ยังคงกรีดร้องเสียงดัง อีกทั้งดวงตายังมีน้ำตาคลอ ทว่าที่คาดไม่ถึงคือ ทันทีที่เขาเอ่ยจบ นางจะยิ่งร้องไห้อย่างน้อยใจยิ่งกว่าเดิม
“เ้า…เ้า…”
เขามองนางที่ยังคงใจนร้องไห้เพราะเขา เห็นนางร้องไห้สะอึกสะอื้นเช่นนี้ เขายิ่งรู้สึกปวดใจ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจึงอ่อนลงหลายส่วน “ไม่ต้องร้องแล้ว ดื่มยาก่อน”
หนิงมู่ฉือจ้องจ้าวซีเหอเขม็ง ทำให้จ้าวซีเหอรู้สึกสงสัยยิ่งนัก เป็อะไรของนางอีกเนี่ย เขายังไม่ทันได้ทำอะไรนางเลย ก็แค่เห็นนางตอนไม่ใส่เสื้อผ้าก็เท่านั้นเอง ยังไม่ทันได้แตะเนื้อต้องตัวหรือทำสิ่งใดเลย อีกอย่างการที่ถูกเขาเห็นตอนเปลือยกายถือเป็เกียรติของนางด้วยซ้ำ!
หนิงมู่ฉือได้กลิ่นสุราหึ่งจากตัวเอง ขณะที่นางใช้จมูกดมกลิ่นสุราจากตัวของตัวเอง น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด ในใจราวกับมีบางสิ่งมาถ่วงเอาไว้ พูดไม่ออกเลยสักคำ
จ้าวซีเหอจ้องมองหนิงมู่ฉือด้วยสีหน้าขบขันขณะเอ่ย “นี่ หนิงมู่ฉือ เ้าคงไม่คิดว่าซื่อจื่ออย่างข้าจะทำอะไรเ้าหรอกใช่หรือไม่!”
หนิงมู่ฉือหันไปมองทันทีเมื่อได้ยิน กัดริมฝีปากแน่น สีหน้าไม่ยินยอมอย่างสุดกำลัง จ้าวซีเหอเห็นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ซึ่งนั่นยิ่งทำให้หนิงมู่ฉือโมโหเข้าไปใหญ่
“เ้าคิดว่าซื่อจื่ออย่างข้าชอบร่างกายที่ไม่น่าดูของเ้าหรือ เลิกคิดเถิด ก่อนหน้านี้เ้าตัวร้อน ผู้ดูแลห้องครัวเลยเช็ดตัวให้เ้า”
หนิงมู่ฉือได้ฟังก็มองจ้าวซีเหออย่างขวยเขินปนอับอาย ใบหน้าขึ้นสีเข้ม ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงมองมา นางจึงก้มหน้างุด แต่ทันใดนั้นนางพลันเงยหน้าขึ้น สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็เคืองโกรธ “อย่างไรคือร่างกายไม่น่าดูเ้าคะ”
นางออกจะรูปร่างดี อกเป็อก เอวเป็เอว!
จ้าวซีเหอเห็นท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงของหนิงมู่ฉือ อดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่ “ทำไม เ้าคิดว่าซื่อจื่ออย่างข้าคิดไม่ซื่อต่อเ้าจริงหรือ”
หนิงมู่ฉือในตอนนี้อยากจะตบหน้าจ้าวซีเหอจนกระเด็นลอยออกไปเหลือเกิน
จ้าวซีเหอยื่นถ้วยยาให้หนิงมู่ฉือพลางเอ่ย “เอาละ เลิกเถียงกันเถอะ รีบดื่มยาเร็วเข้า”
หนิงมู่ฉือพยักหน้าพลางยื่นมือไปรับถ้วยยามา นางก้มหน้าดมกลิ่นก่อนจะขมวดคิ้ว จากนั้นถึงค่อยยกขึ้นดื่มจนหมด เมื่อดื่มหมดนางก็ทำท่าจะอาเจียนออกมา
จ้าวซีเหอเห็นเช่นนั้นก็ส่ายหน้า ก่อนจะแย่งถ้วยยาไปวางไว้บนโต๊ะด้านข้าง
ก่อนออกไปไม่วายกำชับ “พักผ่อนให้เยอะๆ รู้หรือไม่”
หนิงมู่ฉือมองแผ่นหลังของจ้าวซีเหอที่กำลังเดินออกจากห้องพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “ขอบคุณมากเ้าค่ะ ซื่อจื่อ”
จ้าวซีเหอหันกลับมาส่งยิ้มให้ จากนั้นมองท้องฟ้าด้านนอกที่เริ่มเปลี่ยนเป็สีดำสนิทและมีดวงดาวประปราย เขารีบเดินกลับห้องของตัวเองไป
กลับถึงห้อง เขาล้มตัวลงนอน ทว่าอย่างไรก็นอนไม่หลับ เขานึกถึงเื่ในวันนี้ตอนที่หนิงมู่ฉือหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา ตอนนั้นในใจเขารู้สึกแตกต่างจากปกติอย่างเห็นได้ชัด
เขามองท้องฟ้าที่ค่อยๆ สว่างทีละน้อย ลุกขึ้นยืนพลางหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวตัวหนาขึ้นมาสวม เดินไปที่ห้องของบิดา ท่านอ๋องเพิ่งจะตื่นเช่นกัน หลายวันมานี้ไม่ได้ทานอาหารฝีมือหนิงมู่ฉือ สีหน้าจึงดูเศร้าสลดอย่างยิ่ง
จ้าวซีเหอเดินมาหยุดข้างกายท่านอ๋อง ก่อนจะคุกเข่าคำนับ “ท่านพ่อ อรุณสวัสดิ์ขอรับ”
ท่านอ๋องมองบุตรชายอย่างไม่เชื่อสายตา ยกมือขยี้ตาก่อนจะเอ่ย “แปลกจริง เหตุใดวันนี้ถึงตื่นมาคารวะพ่อได้”
จ้าวซีเหอยิ้ม “ท่านพ่อ ท่านพูดอะไรของท่านเนี่ย ลูกไม่สามารถมาคารวะท่านได้หรือขอรับ”
ท่านอ๋องมองหญิงรับใช้ที่กำลังยกอาหารเช้าเข้ามาพลางถอนหายใจ ในใจรู้สึกหดหู่เหลือเกิน “ั้แ่นางหนูหนิงต้องเข้าๆ ออกๆ วังทุกวัน พ่อก็ไม่ได้ทานอาหารฝีมือนางอีกเลย คิดถึงเหลือเกิน”
เอ่ยจบท่านอ๋องทำท่าเหมือนเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เอ่ยกับจ้าวซีเหอว่า “เมื่อวานได้ยินว่านางหนูหนิงไม่สบายหรือ”
จ้าวซีเหอพยักหน้าด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมลงเล็กน้อย “เมื่อวานลูกไปรอนางอยู่หน้าวังสองชั่วยามนางถึงออกมา นางต้องลมหนาวจนไม่สบายครั้งนี้ไม่ใช่เื่บังเอิญขอรับ”
ท่านอ๋องได้ฟังจึงยกชาขึ้นจิบหนึ่งคำ ก่อนจะหันไปมองบุตรชายพร้อมกับเอ่ยถาม “ทำไมหรือ หรือมีคนทำให้นางหนูหนิงต้องลำบากใจ”
“ใช่ขอรับ ทั้งพระสนมซูเฟยและพระสนมเต๋อเฟยต่างอยากได้นางเป็คนของตัวเอง” จ้าวซีเหอตอบด้วยสีหน้ากังวล
ท่านอ๋องได้ยินก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ กล่าวเสียงดังด้วยความโมโห “พ่อรู้อยู่แล้วว่าสตรีสองนางนี้ไม่ใช่คนดีอันใด โดยเฉพาะพระสนมซูเฟย นิสัยเหมือนเฉินอวี้ราวกับแกะ เฮ้อ สงสารก็แต่นางหนูหนิง”
ระหว่างจ้าวซีเหอและเฉินอวี้มีบุญคุณความแค้นกันลึกล้ำ จ้าวซีเหอมองบิดาที่ถอนหายใจออกมา พร้อมกับเอ่ยถามอย่างสงสัย “ท่านพ่อ ได้ยินว่าเื่ที่เกิดขึ้นกับแม่ทัพหนิงเกี่ยวข้องกับเฉินอวี้ด้วยหรือขอรับ”
ท่านอ๋องแค่นเสียงเฮอะ ก่อนจะวางแก้วชาลงบนโต๊ะ “พ่อรู้อยู่แล้วว่าเฉินอวี้คนนี้เห็นแม่ทัพหนิงเป็ศัตรู เื่ที่เกิดขึ้นกับแม่ทัพหนิงมากกว่าครึ่งต้องเกี่ยวข้องกับเขาเป็แน่” เอ่ยจบก็มองจ้าวซีเหออย่างไม่วางใจ “เื่นี้เ้าห้ามให้นางหนูหนิงรู้เด็ดขาด รู้หรือไม่”
จ้าวซีเหอพยักหน้า “ท่านพ่อ ท่านวางใจเถิด เื่บางเื่ลูกจะบอกนางได้อย่างไร”
ท่านอ๋องพยักหน้า จากนั้นลงมือทานอาหารเช้าด้วยความเศร้าใจ
หนิงมู่ฉือตื่นขึ้นมาในตอนเที่ยง นางมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงอาทิตย์สาดเข้ามาจนแยงตา นางรู้สึกเวียนศีรษะเหลือเกิน ลุกขึ้นมานั่งอย่างงัวเงีย นางได้กลิ่นสุราหึ่งจากตัวก็รู้สึกไม่ชอบใจยิ่ง
นางอดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปอาบน้ำ แม่ครัวผู้หนึ่งจากในห้องครัวใส่ขิงลงไปในน้ำให้นางอาบ ทำให้ร่างกายนางรู้สึกอบอุ่นขึ้น อาบน้ำเสร็จ กลิ่นสุราก็หายไปไม่มีเหลือ นางสวมเสื้อผ้า มองใบหน้าอ่อนเพลียของตัวเองหน้าคันฉ่อง ก่อนจะหยิบชาดขึ้นมาทาปาก นางในตอนนี้ถึงค่อยดูงดงามขึ้นมาหน่อย
ทันใดนั้นนางคิดถึงเื่สำคัญเื่หนึ่งขึ้นมาได้ ยาที่วางอยู่บนโต๊ะยังไม่ทันจะได้ดื่มก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกห้องเสียก่อน ระหว่างทางนางไม่ทันระวังจึงชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเข้า
นางมองชุดเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวไล่ไปจนถึงหน้าตาของคนผู้นั้น คือจ้าวซีเหอที่กำลังส่งยิ้มเ้าชู้ให้นางนั่นเอง สถานการณ์ระหว่างพวกนางทำให้นางนึกถึงเื่เมื่อคืนขึ้นมา ใบหน้าจึงขึ้นสีเข้มอย่างรวดเร็ว
จ้าวซีเหอมองริมฝีปากของหนิงมู่ฉือที่ทาชาดเอาไว้ เขาอดตกตะลึงไม่ได้ หรี่ตาขณะเอ่ย “ไอโยว คนสวย จะไปที่ใดหรือ”
หนิงมู่ฉือเอ่ยตอบทันควัน “ข้าต้องรีบเข้าวังเ้าค่ะ สายมากแล้ว”
“ในเมื่อสายแล้วเช่นนั้นก็ไม่ต้องไป”
หนิงมู่ฉือตาโตด้วยความแปลกใจ “จะได้อย่างไรเ้าคะ”
จ้าวซีเหอมองคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนประหนึ่งแสงอาทิตย์ในฤดูเหมันต์ เป็แสงอาทิตย์ที่ส่องลงไปถึงใจของหนิงมู่ฉือ “วางใจเถิด ข้าทูลกับฝ่าาแล้วว่าเ้าไม่สบายเพราะต้องลมหนาว จึงมิอาจเข้าไปสอนขันทีพ่อครัวรุ่นใหม่ได้ หากเข้าไปแล้วนำโรคไปแพร่ให้พวกขันทีในวังจะทำอย่างไร ฝ่าาจึงทรงอนุญาตให้่นี้เ้าลาหยุดได้”
หนิงมู่ฉือได้ฟังก็มองจ้าวซีเหออย่างขอบคุณ ดูท่าเขาจะไม่ได้ไร้หัวใจอย่างที่นางคิด…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้