บทที่ 67 พบหม่าทงเทียนอีกครั้ง
หลังจากแยกกับเซวี่ยหลิงเอ๋อร์ ลั่วถูก็เตรียมกลับไปยังสำนักซินตันเพื่อบอกลาอาจารย์หลัวสู้ แต่ยังไปไม่ทันถึงประตูก็ถูกกลุ่มคนเข้ามาขวางทางเสียก่อน เมื่อเห็นคนกลุ่มที่ว่า ลั่วถูก็ได้แต่ขมวดคิ้วทันที เพราะคนตรงหน้าเขาคือหม่าทงเทียน คนที่เขาไม่อยากเจอที่สุด
“ทำได้ไม่เลวนะเ้าหนุ่ม เพิ่งกลับมาถึงสำนักซินตันไม่ทันไร ก็ถึงกับกล้าลอบนัดพบกับว่าที่ภรรยาของข้า! คนเราถ้ามันไม่รนหาที่มันก็ไม่ต้องตาย เ้าเข้าใจหรือเปล่า?” สายตาของหม่าทงเทียนอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร
แม้หม่าทงเทียนยามอยู่ในสำนักจ๋าเสวียจะค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเซวี่ยหลิงเอ๋อร์กลับไม่กล้าวางท่าโอ่ตัวสักนิด เพราะว่าถ้าตระกูลหม่าเกี่ยวดองกับตระกูลเซวี่ยสำเร็จ ย่อมเป็สะพานสู่ความสำเร็จของพวกเขาเช่นกัน แม้บิดาของเขา หม่าเหยียนจี๋จะเป็ถึงหนึ่งในรองเ้าสำนักสาขาเทียนอี้แห่งสำนักจ๋าเสวีย ทว่าเมื่อเปรียบกับตระกูลเซวี่ย รองเ้าสำนักสาขาของสำนักจ๋าเสวียคนหนึ่งก็เทียบไม่ติด หากได้ดองกับตระกูลเซวี่ย ไม่แน่ว่าเขาอาจมีโอกาสก้าวหน้าอีกครั้ง และอาจได้เป็เ้าสำนักเทียนอี้ก็เป็ได้ใครเล่าจะล่วงรู้ ดังนั้นต่อให้เซวี่ยหลิงเอ๋อร์จะประพฤติตัวไม่สำรวมขนาดไหน พวกเขาก็ทำได้เพียงหลับตาข้างหนึ่งแสร้งไม่รู้เสีย ทว่าหม่าทงเทียนกลับทนไม่ได้ที่เ้าสารเลวลั่วถูบังอาจมาแย่งเซวี่ยหลิงเอ๋อร์กับเขา
ลั่วถูถึงกับลอบถอนหายใจกับตัวเอง ่นี้เขาไม่อยากมีเื่ยุ่งยาก ทว่าเป็เื่ยุ่งยากต่างหากที่มาหาเขาเอง ระหว่างเซวี่ยหลิงเอ๋อร์และเขาไม่มีความสัมพันธ์ใดใดทั้งนั้น ทว่าเขาจะบอกกับหม่าทงเทียนเช่นนี้ได้หรือ? แน่นอนว่าไม่ เพราะเขาชอบเห็นหม่าทงเทียนโมโหมากกว่า ปล่อยให้บ้าคลั่งอยู่ตรงนั้น ดังนั้นเขาจึงเพียงแค่หัวเราะและกล่าวออกมา “ว่าที่ภรรยาอะไรกัน ยังไม่ได้แต่งเข้าบ้านก็ไม่นับเป็คนของตระกูลหม่า หลิงเอ๋อร์นางไม่ได้ชอบเ้าอยู่แล้ว เ้าจะไปทำอะไรได้ ข้าว่าเ้ารีบปล่อยมือถอดใจเสียดีกว่า ข้ากับหลิงเอ๋อร์มีความรู้สึกสื่อถึงกันและกัน การยอมรับพวกเราก็เป็ควรแล้วไม่ใช่หรือ?”
“หุบปาก! จัดการมัน!” หม่าทงเทียนแทบจะคำรามออกมา พวกพ้องข้างตัวสองคนลังเลเล็กน้อย แต่ก็พุ่งตัวเข้าใส่ลั่วถู จากที่พวกเขาสังเกต ลั่วถูยังไม่เปิดิญญาด้วยซ้ำ แต่พวกเขาเป็ถึงศิษย์าขั้นหนึ่ง แค่กำจัดศิษย์รับใช้สักคนในสำนักจ๋าเสวียคงไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร คิดดูแล้วเื่ทั้งหมดนี้หม่าทงเทียนต้องเป็ผู้รับผิดชอบ พวกเขาก็โล่งใจแล้ว
“ศิษย์พี่หม่า เ้าลงมือรุนแรงเช่นนี้ ไม่กลัวหลิงเอ๋อร์รู้แล้วจะเกลียดเ้าหรือ?” ลั่วถูกลับยิ้มออกมาแต่แฝงไว้ซึ่งเจตนาหยอกล้ออยู่ไม่น้อย ทว่ามันกลับทำให้ความโกรธแค้นในใจของหม่าทงเทียนปะทุจนยากจะควบคุมเสียแล้ว
“เ้าหนุ่ม เข้าจะต้องเสียใจ... ” สายตาของหม่าทงเทียนอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร เดิมทีเขาคิดจะจัดการฝ่ายตรงข้ามอย่างโเี้ ทว่าคำพูดของลั่วถูก็ยั่วโมโหเขาสำเร็จจนได้ ตอนนี้ เขาไม่คิดปล่อยให้ลั่วถูมีชีวิตรอดต่อไปแล้ว
“พลั่ก... ” ร่างของลั่วถูขยับเพียงเล็กน้อย ร่างกายพลิ้วไหวราวต้นหลิว ปล่อยหมัดโจมตีไปยังบริเวณแขนเหนือข้อศอกของคนผู้หนึ่งอย่างรุนแรง ในเวลาเดียวกันก็ก้าวถอยหลบการโจมตีของทั้งสองมาครึ่งก้าว จากนั้นแทงเข่าสุดกำลังไปที่เป้ากางเกงของอีกคนหนึ่ง
“อ้าก... ” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น ศิษย์าที่ถูกลั่วถูเข่าใส่เป้าขดตัวตนเป็ก้อน มือทั้งสองกุมเป้าไว้แน่น จากนั้นร่วงลงไปชักกระตุกที่พื้นทันที
หม่าทงเทียนรู้สึกได้ว่าสะโพกของตนพลันเกร็งแน่น อย่างกับได้ยินเสียงไข่แตกออกมาด้วย เื่ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงลั่วถูขยับตัว ทุกอย่างก็จบลงอย่างง่ายดาย หมัดหนึ่งปัดป้องหนึ่งการโจมตี และเบี่ยงตัวหลบหมัดของคนที่สอง ในขณะเดียวกันก็ใช้เข่าสวนกลับ... กะเวลาได้แม่นยำยิ่งนัก
“สมควรตาย!” หม่าทงเทียนได้แต่สบถด่า
ลั่วถูโจมตีออกไปหนึ่งหมัด พุ่งเป้าไปที่ข้อศอกของคนหนึ่งโดยตรง ไม่ได้ขัดขวางการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม แต่การกระทำนี้ทำให้การโจมตีของฝ่ายตรงข้ามต้องเปลี่ยนทิศไปด้านข้าง และเปิดช่องว่างให้เขาสบโอกาสเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของคนที่สองได้ ด้วยเหตุนี้ภายใต้การโจมตีกลับ ต่อให้พลังของเขาด้อยกว่าฝ่ายตรงข้าม ทว่าหากโดนโจมตีถูกจุดอ่อนเข้า ถ้าไม่ใช่ว่าฝ่ายตรงข้ามมีเป้าเป็เหล็ก เขาคิดว่าการแทงเข่าเมื่อครู่คงทำให้นกน้อยของฝ่ายตรงข้ามมุดกลับเข้าท้องไปแล้ว
ลั่วถูถอยหลัง แล้วปัดมือ ราวกับเพิ่งจัดการเื่เล็กน้อยที่ไม่เพียงพอให้กล่าวถึงเสร็จ ทว่าหม่าทงเทียนกับอีกคนหนึ่งกลับตะลึงในความโเี้และเด็ดขาด พอเห็นพวกพ้องผู้ขดตัวอยู่ที่พื้น พวกเขาได้แต่หนีบขาทั้งสองข้างเข้าหากันอย่างสุดชีวิต... ช่างเป็ความเ็ปที่จินตนาการได้ชัดเจนเหลือเกิน และที่สำคัญที่สุดคือหลังจากนี้จะยังใช้การได้หรือไม่
“ตงเหอ เป็อย่างไรบ้าง?” คนผู้นั้นคิดแล้วคิดอีก จึงไม่ได้ลงมือโจมตีลั่วถูต่อในทันที แต่คิดจะพยุงพวกพ้อง ทว่าพวกพ้องที่ชื่อตงเหอก็ถึงกับเสียงสั่นไปแล้ว ไม่มีทางตอบเขาได้ เอาแต่หนีบขาทั้งสองข้างกลิ้งอยู่บนพื้น
“ฟ่านฉี่ สังหารมัน!” หม่าทงเทียนออกคำสั่งอย่างโเี้ ฟ่านฉี่ลังเลเล็กน้อย แค่ทำร้ายลั่วถูอาจไม่ใช่เื่ใหญ่ หากเกิดเื่อะไรขึ้น ตระกูลหม่ายังพอรับผิดชอบให้เขาได้ แต่ถ้าสังหารลั่วถู ใครจะรู้ว่าสำนักซินตันจะมีท่าทีอย่างไร เกรงว่าเขาคงรอดยากแน่นอน
“ฟ่านฉี่ ข้า... ข้า... ไร้ประโยชน์แล้ว... สัง... หารมัน... ” ตงเหอเจ็บจนเหงื่อไหลท่วมหน้า รู้สึกอย่างกับไข่แตกเข้าให้แล้วจริงๆ ความเ็ปราวกับเป็ตะคริวเช่นนี้เกรงว่าเขาคงไร้ประโยชน์เสียแล้ว เขาไม่กลัวการาเ็ ทว่าหากจากโจมตีครั้งนี้ทำให้เขาไม่อาจสืบสกุลได้อีก เช่นนั้นการโจมตีนี้ก็นับว่าร้ายแรงถึงชีวิต ตอนนี้เขาคิดเพียงอยากฆ่าลั่วถูให้ตายตรงนี้เสีย
“หม่าทงเทียน เ้าคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาแล้วหรือ?” ได้ยินคำพูดของหม่าทงเทียนเข้า สีหน้าของลั่วถูถึงกับดูมืดมนลงทันที ถ้าฝ่ายตรงข้ามเพียงคิดสั่งสอนเขา เช่นนั้นตัวเขาคงไม่สู้สนใจมากนัก อย่างมากก็แค่ตอบโต้กลับไป ทว่าตอนนี้หม่าทงเทียนกลับออกคำสั่งสังหารเขา เช่นนั้น ตัวเขาจะยังต้องกล่าวอะไรอีก
“ต่อให้เ้าตายไปไม่มีใครสนใจทั้งนั้น!” น้ำเสียงของหม่าทงเทียนเยือกเย็น ร่างของเขาพุ่งเข้าใส่ลั่วถู ทำเอาลั่วถูััถึงจิตสังหารอันเข้มข้นบนร่างของเขาได้
“หึ... ” สายตาฟ่านฉี่แฝงไว้ด้วยความดุร้าย ในเวลานี้เขายังคงเลือกยืนข้างหม่าทงเทียนเช่นเดิม อย่างไรเสียเขาก็เป็ศิษย์ของสำนักเทียนอี้ หลังจากนี้ยังมีเื่ต้องพึ่งพาตระกูลหม่าอีกมากมาย
“ไปตายเสีย... ” ครั้งนี้ฟ่านฉี่ระวังตัวมาก ฟันกระบี่ออกไปซึ่งๆ หน้า ยามกระบี่คมกริบฟาดฟันออกไป ก็ราวกับมีความหนาวเย็นสายหนึ่งเกิดขึ้น นี่คือรากิญญาของเขา ที่มาพร้อมรากิญญาธาตุน้ำที่ถูกดัดแปลง เพียงแต่ด้วยรากิญญาที่หลากหลาย ทำให้หลังจากเปิดิญญา กลับััถึงพลังธาตุลมได้ด้วย ราวกับสามารถรับคลื่นพลังิญญาอันเบาบางบางอย่างจากฟ้าดินได้
เขาลงมือพร้อมสังหารทันที ฟ่านฉี่ตอนนี้ไม่กล้าดูแคลนลั่วถูอีกต่อไป เมื่อครู่การโจมตีที่เฉียบคมและเรียบง่าย ถึงกับทำร้ายพวกพ้องของเขาจนาเ็สาหัสไปแล้วคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าถึงฝ่ายตรงข้ามจะยังเปิดิญญาไม่สำเร็จ แต่กลับมีพลังสู้รบสูงมาก ทำให้เขาจะเผลอไผลไม่ได้เด็ดขาด
ความเร็วของฟ่านฉี่สูงมาก แต่เมื่อกระบี่ของเขาเข้าใกล้ลั่วถูในระยะสามฉื่อ ลั่วถูก็ขยับตัว ดาบที่คาดอยู่บนเอวตวัดฟันทิ้งรอยดาบลึกลับที่คาดไม่ถึงรอยหนึ่งไว้บนซี่โครงของเขา
ฟ่านฉี่ถึงกับหน้าถอดสี เขารู้สึกตัวในทันทีว่าหากกระบี่ของเขายังคงแทงออกไปทั้งอย่างนี้ ก่อนที่เขาจะแทงโดนลั่วถู คงถูกลั่วถูชิงฟันดาบออกมาในแนวทแยงและผ่าร่างของเขาก่อนเป็แน่ ดังนั้น เขามีแต่ต้องถอยเท่านั้น!
กระบี่ของฟ่านฉี่พลิกกลับเล็กน้อย จากนั้นถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว แต่ลั่วถูไม่คิดปล่อยเขาไปง่ายๆ ราวกับคำนวณการเปลี่ยนกลยุทธ์ของฟ่านฉี่ไว้อยู่แล้ว เขาก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว ตวัดดาบยาวฟันออกไปอย่างแ่เบา เบี่ยงหลบกระบี่ในมือฟ่านฉี่ และฟันลงไป ทิ้งรอยแผลยาวไว้บนข้อมือของฟ่านฉี่
ฟ่านฉี่ส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ แม้แต่กระบี่ในมือยังแทบถือไม่ไหว ดาบเมื่อครู่ของลั่วถูช่างประหลาดนัก ทั้งยังกะเวลาได้อย่างแม่นยำ เมื่อเขาทุ่มแรงไปกับการก้าวถอยจนหมดแล้ว ก็รีบพุ่งเข้าโจมตีอย่างว่องไว จังหวะการก้าวเท้าอันพิสดารก้าวเข้าประชิดตรงหน้าทั้งเร็วทั้งแรงราวกับจิงโจ้อย่างไรอย่างนั้น เพียงดาบเดียวก็แทบตัดเส้นเอ็นของเขาขาดได้แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าเขาบิดข้อมือได้ทันเวลา ไม่ใช่เช่นนั้นแขนข้างนี้คงพิการไปแล้ว
ทางด้านหม่าทงเทียนพอได้เห็นการประมือระหว่างลั่วถูกับฟ่านฉี่ที่ถึงกับทำให้ข้อมือของฟ่านฉี่ถูกฟันเข้าเต็มๆ บนแผ่นหลังของเขาก็มีเหงื่อเย็นเฉียบผุดออกมาจนท่วม เขาพบว่าตนประมาทลั่วถูเกินไป เ้าคนที่ดูไปแล้วยังไม่ได้เปิดิญญา แต่กลับคล่องแคล่วถึงเพียงนี้ และที่น่าหวาดกลัวที่สุดไม่ใช่การโต้กลับอย่างฉับไว แต่เป็การอ่านกระบวนท่าโจมตีของศัตรูต่างหาก ความสามารถในการหาช่องโหว่ของทุกการกระบวนท่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ข้อได้เปรียบด้านพลังของศิษย์าสลายไปทันที เพราะลั่วถูไม่ได้คิดสู้แบบวัดพลังกับเขาั้แ่แรก เรียกว่าเป็สัญชาตญาณต่อสู้และทักษะการต่อสู้อันน่าพรั่นพรึงก็ไม่ผิดนัก
ลั่วถูเก็บดาบ ไม่ได้รุกไล่โจมตีต่อ อย่างไรเสียเขาก็ไม่กล้าสังหารฟ่านฉี่ เขาไม่ใช่หม่าทงเทียนที่มีบิดาคอยหนุนหลัง ต่อให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นฝ่ายตรงข้ามก็ยังต้องไว้หน้าของหม่าเหยียนจี้อยู่ดี เพียงให้บทลงโทษสักอย่าง แต่ไม่ใช่กับเขา หากเขาลงมือสังหารคนเข้าจริง เช่นนั้นสำนักจ๋าเสวียย่อมไม่ยอมให้เขาอยู่ในสำนักต่อไปแน่นอน
“บุปผาในเรือนเพาะ... คนเช่นพวกเ้า ต่อให้เป็ศิษย์าก็ไม่เห็นเท่าไร!” ลั่วถูหัวเราะอย่างดูแคลน รอยยิ้มนั้นทำเอาสีหน้าของหม่าทงเทียนบิดเบี้ยวไม่น่าดูเข้าจนได้
“สมแล้วที่หยิ่งผยองได้ถึงขนาดนี้! ดีมาก ข้าอยากจะรู้นักว่าเ้าจะมีความสามารถสักแค่ไหน?” หม่าทงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก ทว่าเพียงร่างกายของเขาเตรียมพร้อมลงมือ ก็ไม่อาจขยับตัวได้เสียแล้ว ใต้ฝ่าเท้าราวกับมีรากงอกออกมาอย่างไรอย่างนั้นไม่กล้าขยับตัวแม้แต่สักก้าว ััแห่งความอันตรายที่ยากจะอธิบายบางอย่างผุดขึ้นในใจเสียจนเขาอยากจะหันหลังเผ่นหนีให้มันรู้แล้วรู้รอด เพราะเขาเห็นในมือของลั่วถูกำลังถือหน้าไม้แกร่งคันหนึ่งอยู่
“แต่ข้าไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับเ้า ดังนั้นอย่าได้คิดทดสอบความอดทนของข้าอีก!” ลั่วถูทำเพียงถือหน้าไม้และเล็งไปทางหม่าทงเทียนอย่างไม่แยแส จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ทำเอาหม่าทงเทียนถึงกับหน้าซีดเผือดในทันที เขารู้สึกราวกับว่าบนหน้าไม้ของลั่วถูมีพลังปีศาจบางอย่างสถิตอยู่ พุ่งเป้ามาที่ร่างกายของเขา ถึงขั้นที่ว่าเล็งเข้าไปจนถึงิญญาก็ไม่ปาน เขาััได้ว่าขอแค่เขาขยับเพียงปลายนิ้ว หน้าไม้แกร่งตรงหน้าก็พร้อมทะลวงร่างของเขาแล้ว ไม่ว่าเขาจะคิดหลบไปทางไหน ก็ไม่มีทางหลบศรดอกนี้พ้น มิหนำซ้ำเมื่อเขาได้เห็นลวดลายอักขระลึกลับบนหน้าไม้และลวดลายบนลูกศรเข้าก็ถึงกับต้องหนาวสะท้านไปทั้งกายและใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้