ทว่าฮองเฮาซูมีสีหน้าโกรธจัด ฉีกแขนเสื้อของตนและะโให้หรงรั่วรีบมาพาตัวฉีซีไป ซ่งเหลี่ยนจวินและเหลียนจี๋คว้าตัวฉีซีไว้แล้วลากออกไปนอกตำหนัก หรงรั่วยังคงลังเลและร้องไห้ขอร้องฮองเฮาซู
ฉีซีเห็นราชองครักษ์ล้มลงทีละคน แต่พระราชบิดาของนางกลับถือดาบ์นั่งนิ่งเฉยบนบัลลังก์ัทอง บรรดาพระอนุชา พระขนิษฐา สนมของพระราชบิดา และขุนนางทั้งหลายต่างก็แตกตื่น
ผู้ใดไม่ยอมหนีไปจะถูกทหารต้าจิ้งฟันคอจนศีรษะขาดกระเด็นออกจากร่างกาย ผู้ใดคิดหนีก็จะถูกกองทัพต้าจิ้งขวางไว้ที่หน้าประตูตำหนัก ทุกคนต่างใจนสติแตก วิ่งหนีเตลิดไปแบบไร้ทิศทาง ญาติพี่น้องของนางต่างก็หนีเอาชีวิตรอด
“องค์หญิง พี่หรงรั่ว โปรดรีบไปกับพวกเราเถิด” เหลี่ยนจี๋ร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวและดึงแขนของฉีซีไว้แน่น
ทันใดนั้นมีเสียงะโดังว่า ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งเสด็จแล้ว! ทุกคนต่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและมองไปนอกตำหนัก
แสงแดดจ้าจากนอกตำหนักสะท้อนบนชุดเกราะของฮ่องเต้แห่งต้าจิงจนเกิดเป็ประกายสีทองราวกับแสงของเปลวไฟ เขาสวมหมวกเกราะครึ่งใบหน้าและด้วยแสงสว่างส่องจากด้านหลังทำให้เกิดเงาบดบังใบหน้าจนมองไม่ชัด เขามีรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดเกราะเงินเปื้อนเื ในมือถือดาบยาวสะท้อนประกายเย็นเยียบก้าวเท้าเข้ามา
รัศมีอันน่าเกรงขามผสานกับบรรยากาศเย็นะเืและโเี้ตามติดทุกย่างก้าวของเขา ไม่มีตัวตนแต่ไม่อาจปฏิเสธได้ และแพร่กระจายเข้าสู่ภายในตำหนัก
อำนาจอันยิ่งใหญ่ที่ไร้เสียงดังก้องราวกับหิมะไม่มีวันละลายที่ปกคลุมยอดเขาชิงหลาน ความเย็นะเืรุนแรงแช่แข็งบรรยากาศภายในตำหนักให้เงียบสงัดลงทันที ทุกคนหวาดกลัวจนกลั้นหายใจราวกับแมลงเม่าที่เจอกับไอความเย็น กลัวว่าหากหายใจแรงเกินไปจะทำให้ปีศาจจากนรกตนนี้ค้นพบการมีอยู่และมาคร่าชีวิตของตน
ปลายดาบยาวในมือของฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งยังคงมีหยดเืของใครบางคนเปรอะเปื้อนอยู่ เขาไม่กล่าวสิ่งใดและเงยหน้าขึ้นมองฮ่องเต้แห่งหยวนฉีบนบัลลังก์ั ฝีก้าวของเขาไม่หยุด เดินผ่านฝูงชนและและข้ามผ่านบรรยากาศที่หยุดนิ่งรอบตัว
ฮ่องเต้แห่งหยวนฉีค่อย ๆ ลุกขึ้นจากบัลลังก์ั เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
ทว่าหัวหน้าราชองครักษ์ที่เคยผ่านศึกมาหลายปีจะไม่รู้ถึงรัศมีของอีกฝ่ายได้อย่างไร? เขารู้ดีว่าฮ่องเต้แห่งหยวนฉีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้แห่งต้าจิ้ง หัวหน้าราชองครักษ์ไม่คำนึงถึงรอยแผลบนร่างกายของตน ยกดาบขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งเพื่อปกป้องฮ่องเต้แห่งหยวนฉีทันที
ในพริบตาฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งก็ยกปลายดาบขึ้นเบา ๆ ฟาดฟันไปข้างหน้า ก่อนที่ปลายดาบจะัักับร่างของหัวหน้าราชองครักษ์ ปราณดาบได้กวาดล้างเหล่าผู้คนลงไปกองกับพื้นและสร้างาแตื้นลึกไว้หลายระดับ ผู้ที่อยู่ใกล้ก็ถูกปราณดาบฟาดฟันจนขาดครึ่งท่อน ร่างกายส่วนบนร่วงลงสู่พื้น ดวงตายังคงเต็มไปด้วยความสับสน
ในเสี้ยววินาทีที่ดาบทั้งสองปะทะกันก็มีประกายไฟกระเด็นออกมา หัวหน้าราชองครักษ์รู้สึกชาที่ฝ่ามือ หายใจไม่สะดวก กระอักเืออกมาและกระเด็นไปด้านหลัง ทิ้งร่องรอยเืไว้ในอากาศ
ตุ้บ!
หัวหน้าราชองครักษ์ที่ร่วงลงบนพื้นเบิกตากว้างด้วยความโกรธ ทว่าเขาไร้ลมหายใจไปเสียแล้ว
“ฉีซี! ยังไม่รีบไปอีก!” เมื่อฮองเฮาซูได้เห็นเช่นนั้น ทุกคนในตำหนักต่างรู้ดีว่าชีวิตของตนตกอยู่ในอันตรายและกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
เสียงะโอันแหลมคมนี้ทำลายบรรยากาศอึดอัด อากาศจึงเริ่มไหลเวียนอีกครั้ง
ในเวลานี้ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งหันศีรษะกลับไปมองตามสายตาของฮองเฮาซู เขาเหลือบมองที่ฉีซีและหรี่ตาลง
เมื่อฉีซีััถึงสายตาที่เ็าของเขาราวกับเหยื่อที่ถูกเสือดาวจ้อง นางรู้สึกว่าว่าชีวิตตกอยู่ในอันตราย ร่างกายสั่นสะท้านจนซานเซไปข้างหลัง จากนั้นก็ถูกเหลี่ยนจวินและเหลี่ยนจี๋ประคองพาตัววิ่งออกไป
ผู้คนต่างกรีดร้องและร่ำไห้ วิ่งหนีไปทุกทิศทุกทาง ฉีซีเฝ้าดูอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งหันหน้าไปทางอื่น ยกดาบขึ้นฟาดฟันนางกำนัล ขุนนาง และสนมที่ขวางหน้า จนกระทั่งถึงหน้าบัลลังก์ของพระราชบิดา
ราวกับว่าเวลาหยุดชะงักลงชั่วครู่ การเคลื่อนไหวของทุกคนช้าลง ทำให้นางมองเห็นได้ชัดเจนว่าพระมารดารวบรวมความกล้ายืนขวางหน้าพระราชบิดา ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งยกดาบยาวขึ้นสูงและเหวี่ยงลงจากขวาไปซ้าย
ในขณะที่อาภรณ์ของฮองเฮาฉีกขาด เืก็สาดกระเซ็น ฮ่องเต้แห่งหยวนฉีถูกร่างของฮองเฮาทับลงบนบัลลังก์ั
ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งแทงดาบเข้าที่ร่างของพระมารดา แทงทะลุผ่านร่างของนางไปจนถึงร่างของพระราชบิดา
ฮ่องเต้แห่งหยวนฉีไม่มีเวลาแม้แต่จะชักดาบ์ก็ถูกฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งใช้ดาบตรึงไว้บนบัลลังก์ั
ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งเหยียบบนศพของพระมารดา ดึงดาบออกมาและหันกลับมาเพื่อสังหารผู้คนรอบข้าง
ฉีซีถูกลากออกจากตำหนักไท่จี๋มุ่งหน้าสู่ตำหนักเฉียนคุน หรงรั่วตามหลังมาด้วยน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า ทว่าก่อนที่จะไปถึงตำหนักเฉียนคุน เหล่านางกำนัลก็วิ่งสวนทางมาด้วยท่าทีหวาดกลัว
พวกนางกล่าวว่าฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งกำลังสังหารผู้คนในตำหนักเฉียนคุน
ฉีซีตัวสั่นเทา ก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกลากเข้าไปในตำหนักหานซิ่วและเข้าไปในห้องลับ
ทั้งสี่คนกลั้นหายใจซ่อนตัวอยู่ในห้องลับ ตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว ด้านนอกมีเสียงของผู้คนผสมปนเปกัน และในบางครั้งก็ได้ยินเสียงะโว่า "ค้นหาและฆ่าสมาชิกราชวงศ์หยวนฉีให้หมด! ใครก็ตามที่ขัดขวางกองทัพของเราจะถูกฆ่าอย่างไร้ปรานี!"
เมื่อเวลาผ่านไป เสียงร้องไห้คร่ำครวญและเสียงคำรามก็ค่อยๆ เงียบลง
ขณะที่ทุกคนกำลังโล่งใจ หรงรั่วก็ดึงผมของฉีซี ถอดเครื่องประดับออกจากผมของนางและพูดอย่างร้อนรน "รีบถอดเครื่องประดับของท่านมาให้ข้าเร็ว! ถอดเสื้อผ้ามาด้วยเพคะ!"
“ว้าย! เ้าจะทำอะไรน่ะ?” ฉีซีใมากจนร้องลั่นออกมา ใบหน้าเล็กของนางก็ซีดเผือด
ซ่งเหลี่ยนจวินเห็นว่าหรงรั่วเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและหยาบคายจึงยื่นมือออกมาขวางและะโด่า "พี่หรงรั่ว ท่านกำลังทำอะไรอยู่! ลืมคำสั่งของฮองเฮาเหนียงเหนียงไปแล้วหรือ?"
“พระศพของฮองเฮายังไม่ทันเย็น ท่านก็จะก่อฏแล้วหรือ?” เหลียนจี๋ก็จ้องหรงรั่วด้วยความไม่เชื่อ
“ไม่ใช่ หากเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกพบตัว รีบปล่อยให้ข้าเปลี่ยนชุดและเครื่องประดับกับองค์หญิงเถิด! ให้ข้าปลอมตัวเป็องค์หญิงแล้วถูกจับไปแทน ส่วนพวกเ้าก็ใช้โอกาสจากความวุ่นวายนี้พาองค์หญิงหลบหนีออกจากวัง!" หรงรั่วสะบัดมือของซ่งเหลี่ยนจวินออกแล้วลงมือถอดเสื้อคลุมของฉีซีออกอีกครั้ง
เมื่อฉีซีได้ยินคำพูดเ่าั้ก็อึ้งจนพูดไม่ออก หากหรงรั่วไปแทนนาง นั่นไม่ใช่การส่งหรงรั่วไปตายหรอกหรือ?
อาณาจักรของนางพังทลายไปแล้ว ยังต้องให้คนอื่นมาเสียสละเพื่อนางอีกหรือ? ฉีซีจับมือของหรงรั่วและจ้องนางด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม ขณะที่กำลังจะปฏิเสธ ซ่งเหลี่ยนจวินก็พูดขึ้น
“พี่หรงรั่ว” ซ่งเหลี่ยนจวินพูดอย่างช้าๆ “องค์หญิงกับข้ามีรูปร่างและอายุใกล้เคียงกัน ให้ข้าทำเถอะ”
“เหลี่ยนจวิน! อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ!” ฉีซีหันไปมองซ่งเหลี่ยนจวิน
ซ่งเหลี่ยนจวินเป็บุตรสาวของไท่สื่อลิ่งเจิ้งเชียน นางเข้าวังมาั้แ่วัยเยาว์เพื่อมาเป็สหายร่วมศึกษา ความสัมพันธ์ของพวกนางจึงเป็ดั่งพี่น้อง นางจะไม่มีทางให้ซ่งเหลี่ยนจวินตายเพื่อนางได้
“องค์หญิงเพคะ พระองค์ทรงเป็ธิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของฮ่องเต้แห่งหยวนฉี ไม่ว่าผู้ใดก็ตายได้ แต่พระองค์จะตายไม่ได้ นี่คือคำสั่งเสียของฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ ขณะนี้สถานการณ์วุ่นวายมาก โปรดรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าของพระองค์กับทาสและเสด็จออกจากพระราชวังไปหาเฝิงซื่อหลาง ไปเถิดเพคะ” ซ่งเหลี่ยนจวินพูดอย่างจริงจัง นางตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิตของตนแล้ว
นางมีความเฉลียวฉลาดเช่นเดียวกับท่านพี่หรงรั่ว แต่หรงรั่วอายุเกินสามสิบแล้ว ด้วยความแตกต่างของวัยเช่นนี้ นางจะปลอมตัวเป็องค์หญิงได้อย่างไร?
ทว่าเหลี่ยนจี๋มีอายุประมาณวัยปักปิ่นเท่านั้น รูปร่างก็เตี้ยกว่าพวกนางหนึ่ง่ศีรษะและอารมณ์ก็ยังไม่มั่นคง เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์คับขันคงยากจะควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ กลับกันจะยิ่งทำให้องค์หญิงตกอยู่ในอันตราย
หรงรั่วเป็นางกำนัลคนสนิทของฮองเฮาเหนียงเหนียงที่มีความสามารถมากที่สุดและมีสายสัมพันธ์กว้างขวาง แน่นอนว่าจึงสามารถรับรองความปลอดภัยขององค์หญิงได้ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะปลอมตัวเป็องค์หญิงหลิวเฟิงจึงมีเพียงตนเองเท่านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้