สีหน้าไทเฮามืดครึ้มลง ยิ้มแต่ปากทว่าตาไม่ยิ้มกล่าวขึ้น “ช่างเถิด ช่างเถิด อายเจียไม่บังคับฝืนใจเ้าแล้ว วันนี้อายเจียเองก็เหนื่อยแล้ว เด็กๆ แบกเกี้ยวกลับตำหนัก!”
ก่อนไทเฮาจากไปยังมิลืมส่งสัญญาณให้ฮองเฮา และเหลือบไปมองหมอหลวงหลิน
“น้อมส่งไทเฮา”
ไทเฮาพาคนกลุ่มหนึ่งมาจับผิดั้แ่เช้าตรู่ มิได้ความอะไร และยังกินโทสะเข้าไปเสียจนเต็มท้อง
ครั้งนี้นับว่ามู่จื่อหลิงกระตุกหางเสือเข้าแล้วจริงๆ คาดว่าวันคืนในภายภาคหน้าคงมิได้ผ่านไปอย่างสบายอกสบายใจอีก
วันข้างหน้าคงต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง มิอาจให้คนบังคับขู่เข็ญเอาได้
“เปิ่งกงก็จะกลับแล้ว หลิงเอ๋อร์เป็หวางเฟย อยู่ดูแลเซี่ยวหนานคงไม่สะดวกนัก งั้นหมอหลวงหลินก็อยู่ดูแลต่อเถิด ผู้อื่นกลับไปได้”
ฮองเฮาเข้าใจความนัยของการที่ไทเฮามองนางแล้วมองไปที่หมอหลวงหลินในเมื่อครู่นี้อยู่แล้ว ยามนี้จึงถือโอกาสเอ่ยออกมา
ไทเฮาไปแล้ว ละครก็จบลง
ฮองเอานั้นไม่มีความคิดที่จะรั้งอยู่ต่อ ครั้งนี้หลงเซี่ยวหนานไม่เป็อันใดทั้งสิ้น แล้วยังรักษาโรคทางสมองจนหาย ผู้ที่โมโหที่สุดก็ยังเป็ฮองเฮา
ฮองเฮาที่ก่อนหน้ายังเต็มไปด้วยความยินดี ยามนี้นางต้องไตร่ตรองถึงภาพรวมในระยะยาวเสียแล้ว แต่เหมือนว่าจะมีคนผู้หนึ่งไม่ยอมให้นางจากไปโดยง่าย
“เสด็จพี่ฮองเฮา เซี่ยวหนานนั้นมิเป็ไรแล้ว ไม่จำเป็ต้องให้หมอหลินเฝ้าอยู่ที่นี่ มีหมู่เฟยเช่นเปิ่นกงผู้นี้อยู่สามารถดูแลเขาด้วยตนเองได้ ไม่รบกวนให้พระองค์เปลืองน้ำพระทัยหรอกเพคะ”
ลี่เฟยเห็นฮองเฮาจะจากไป ยังมิวายให้หมอหลวงหลินอยู่ต่อ จึงรีบลุกขึ้น เช็ดคราบน้ำตา ก่อนจะเอ่ยปาก
หมอหลวงหลินเป็คนของไทเฮา นางจะปล่อยเขาอยู่โดยง่ายได้อย่างไร ไม่ง่ายนักที่หลงเซี่ยวหนานจะรักษาโรคทางสมองจนหายได้
แม้นางจะซาบซึ้งที่มู่จื่อหลิงรักษาหลงเซี่ยวหนานจนหาย ทว่าเมื่อครู่มู่จื่อหลิงต่อปากต่อคำกับไทเฮาเช่นนั้น ไทเฮาต้องไม่เลิกราโดยง่ายแน่
ยามนี้ฮองเฮาจะให้หมอหลวงหลินอยู่ต่อ ถึงเวลานั้นคนที่ได้รับโทษที่สุดคงเป็บุตรชายของนาง
แม้บุตรชายของนางผู้นี้ยามปกติจะโกรธเคืองที่นางต่อสู้กับฮองเฮาจนสะบักสะบอม จึงมักขุ่นข้องหมองใจกับนางมาโดยตลอด
ทว่านางก็หมดทางเลือก หาก้ายืนหยัดในวังหลัง ก็ต้องมีอำนาจ มิเช่นนั้นก็จะถูกเหยียบลงมา ั้แ่เริ่มจนจบบุตรชายนั้นเป็เืเนื้อที่ออกมาจากร่างกายของนาง นางมิอาจตัดใจให้เกิดเื่อันใดขึ้นกับเขาได้
ฮองเฮาได้ยินวาจานี้ก็ไม่พอใจ “น้องหญิง ดูวาจาของเ้าสิ เปิ่นกงมิใช่เพียงคิดเพื่อเซี่ยวหนานเท่านั้น ยังเป็กังวลถึงหลิงเอ๋อร์ที่เป็สตรี ทั้งนางยังเป็ฉีหวางเฟยอีกด้วย หรืออยากให้หลิงเอ๋อร์อยู่ นี่เป็ความคิดเช่นใดกัน”
“เสด็จพี่ฮองเฮากล่าวถูกต้อง เปิ่นกงมิอาจให้ฉีหวางเฟยดูแลเซี่ยวหนานได้อยู่แล้ว ทว่าหมอหลวงหลินเองก็มิได้รู้ว่าหลังการผ่ากะโหลกต้องจัดการเช่นใด ท่านให้เขาอยู่ทำอันใดกัน” กลิ่นอายของลี่เฟยหยิ่งทระนง ราวกับ้าต่อกรกับฮองเฮา
ฮองเฮาเมินเฉยต่อท่าทางเช่นนั้นของลี่เฟย กล่าวต่อไปอย่างเกียจคร้าน “น้องหญิง กล่าวอย่างไรหมอหลวงหลินก็อยู่ในวังมาหลายสิบปีแล้ว มีาแเล็กใหญ่อันใดที่ไม่เคยเห็นบ้าง ฝีมือการรักษาคงไม่ต่ำเตี้ยจนแม้แต่าแก็จัดการไม่ได้กระมัง และย่อมดีกว่าผู้ที่ไม่เข้าใจการแพทย์แต่เสแสร้งว่าเข้าใจแล้วออกมาสร้างปัญหาด้วย”
ลี่เฟยได้ยินวาจานี้ก็โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ แต่ยังคงไม่อ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย “เสด็จพี่ฮองเฮากล่าวได้ถูกต้อง เช่นนั้นก็ให้หมอหลวงหลี่อยู่เถิด ประสบการณ์ของหมอหลวงหลี่ก็คงมิได้ด้อยกว่าหมอหลวงหลิน มีเขาอยู่เปิ่นกงก็วางใจ”
ความหมายของวาจาลี่เฟยนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง นางฮองเฮาปีศาจผู้นี้อาจหาญแว้งมาด่านางว่าสร้างปัญหา บุตรชายของนางไม่ต้องลำบากผู้อื่นมายุ่งวุ่นวาย ให้หมอชั่วอยู่ต่อ คิดจะลงมือกับบุตรชายของนาง ไม่มีทางเสียหรอก
สตรีสองคนปะทะฝีปากกัน มุ่งหวังต่อชัยชนะ มู่จื่อหลิงที่อยู่ด้านข้างฟังอย่างสนอกสนใจ นี่เป็ครั้งแรกที่เห็นาวังหลังแบบเห็นเป็คนกับตา
ต้องกล่าวว่าฮองเฮาร้ายกาจกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้เสียอีก ไม่โอ้อวดไม่ใจร้อน ราวกับทุกอย่างอยู่ในการควบคุม
แล้วลี่เฟยก็เป็ผู้เฉลียวฉลาดนัก รู้ว่าให้คนของฮองเฮาอยู่มิได้ แต่ถ้าสองคนนี้ต่อสู้กันต่อไป ไม่รู้ว่าใครจะเป็ผู้ชนะ
เหมือนหลงเซี่ยวอวี่จะสนใจแค่การต่อกรไทเฮาอย่างชาญฉลาดของมู่จื่อหลิงเท่านั้น เมื่อเห็นสตรีสองคนเถียงกันฉอดๆ ไม่เลิกไม่ราก็รู้สึกหมดความอดทน สายตาเย็นเยียบชำเลืองมองสตรีที่กำลังยินดีในโชคร้ายของผู้อื่น
ขณะที่ฮองเฮากำลังจะเอ่ยปากอีกก็ถูกคนบางคนขัดขึ้นมา
“มู่จื่อหลิงเ้าเป็หมอที่รักษาคนป่วย เ้ามาตัดสิน” เสียงเ็าตามปกติของหลงเซี่ยวอวี่ ขัดจังหวะการโต้เถียงที่ไม่เลิกราของสองคนนั้น
เมื่อหลงเซี่ยวอวี่กล่าวจบ ฮองเฮาและลี่เฟยก็มองไปที่มู่จื่อหลิงพร้อมกัน
ชิ! หลงเซี่ยวอวี่มากวนนางทำไม เสียอารมณ์จริงๆ นางยังฟังไม่พอเลยนะ นางยังคิดอยู่เลยว่าท้ายที่สุดใครจะเป็ผู้คว้าชัย
แต่ว่าหมดสนุกก็คือหมดสนุก นางยังคงไม่กล้าเมินหลงเซี่ยวอวี่ จึงกล่าวตามความเป็จริง “ท่านอ๋อง ที่จริงแล้วมิจำเป็ต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้น อีกสามวันให้หลังหม่อมฉันค่อยมาเปลี่ยนยาให้ ยามปกติให้กินของจำพวกรสอ่อนจึงจะดี ยามนี้สิ่งที่ผู้ป่วย้าคือความสงบและการพักผ่อน ไม่ควรใช้สมองมากจนเกินไป และมิจำเป็ต้องให้หมอหลวงอยู่ดูแลเพคะ”
นางรู้ว่าก่อนที่หลงเซี่ยวหนานจะหายเป็ปกติ นางก็มิอาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ มิแน่ว่าไทเฮาอาจจะกำลังคิดอุบายอันใดอยู่ในภายหน้า นางยังต้องระวังไว้เสียหน่อย
ต่อให้ขาดคนดูแลหลงเซี่ยวหนาน ก็มิอาจหาคนในวังหลวงมาได้ เชื่อว่าหลงเซี่ยวอวี่คงมิชะล่าใจเสียจนให้คนของไทเฮาอยู่แน่ ไม่อย่างนั้นจะเป็การแกว่งเท้าหาเสี้ยนอย่างสมบูรณ์
วาจาของมู่จื่อหลิงนั้นกล่าวตามความจริง ฮองเฮาได้ยินก็รู้สึกเจ็บที่ทรวงอก
“เสด็จพี่ฮองเฮา ฉีหวางเฟยก็พูดแล้วว่าไม่จำเป็ต้องให้หมอหลวงอยู่ คนอยู่มากก็จะเสียงดังเกินไป พระองค์อย่าได้เป็ห่วงไปเลยเพคะ” ลี่เฟยได้ยินคำพูดของมู่จื่อหลิงก็พูดด้วยน้ำเสียงแห่งชัยชนะ
ฮองเฮานั้นผ่านการต่อสู้ในวังหลังมาเป็ร้อย! ย่อมไม่อับอายจนเกิดโทสะเพราะคำพูดของลี่เฟยอยู่แล้ว
ใบหน้าของนางยังคงเรียบเฉย นางยังยิ้มจางๆ กล่าวว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้ น้องหญิงก็ดูแลเซี่ยวหนานให้ดี เปิ่นกงขอตัวกลับก่อน”
คนกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาอย่างใหญ่โต จึงออกไปอย่างใหญ่โตเช่นนี้เอง
จากนั้นหลงเซี่ยวอวี่ก็สั่งให้กุ่ยหยิ่งกุ่ยเม่ยอยู่ที่ตำหนักหนานเหอ และเขาก็เหมือนกับมีงานเร่งด่วน จึงจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด
เห็นคนจากไปแล้ว ลี่เฟยจึงลดความโกรธเคืองและความฮึกเหิมลง กล่าวกับมู่จื่อหลิงอย่างอ่อนโยน “ฉีหวางเฟย เมื่อครู่เปิ่นกงเสียมารยาทแล้ว หวังว่าฉีหวางเฟยจะไม่ถือสา”
ต้องกล่าวว่าแม้ฉีหวางเฟยผู้นี้เมื่อครู่จะดูมิค่อยรื่นตา แต่เื่ที่นางทำ วาจาที่นางพูด ก็ทำให้ลี่เฟยค่อยๆ เปลี่ยนสายตาที่มองนาง
ฉีหวางเฟยผู้นี้ไม่ชอบการเสียเปรียบเป็ที่สุด ทั้งฉีอ๋องยังให้นางมารักษาหลงเซี่ยวหนาน นางยังกล้าต่อกรกับไทเฮาอีกด้วย คงจะไม่มีความคิดมุ่งร้ายอันใด
อีกอย่างฉีหวางเฟยช่วยบุตรชายของตนด้วยความปรารถนาดี นางจึงมิได้เอาจิตใจที่คับแคบของตนไปตัดสินคนที่มีคุณธรรมอันสูงส่งเช่นนางได้
“ไม่เป็อันใดเพคะ ลี่เฟยเป็ห่วงองค์ชายห้า เปิ่นหวางเฟยจึงมิได้นำมาใส่ใจ” มู่จื่อหลิงกล่าวอย่างใจกว้าง
การอยู่ภายในวังหลังนั้นลึกล้ำ หากไม่มีกลอุบายคงมิสามารถอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้ ลี่เฟยผู้นี้กลับนิ่งสงบนัก ยามที่ต้องต่อสู้จึงสู้ ยามที่ต้องควบคุมจึงควบคุม
ลี่เฟยยิ้มอย่างอ่อนหวาน ถามอย่างไม่วางใจว่า “ฉีหวางเฟยมิถือสาก็นับว่าดีแล้ว เพียงแต่โรคของเซี่ยวหนานไม่มีปัญหาแล้วจริงหรือ”
นางยังคงตั้งรับไม่ทัน โรคทางสมองของเซี่ยวหนานมีมาหลายปีดีดัก ยามปกติล้วนใช้ยาควบคุมเอาไว้
หากหนักข้อเข้า อาการกำเริบขึ้นมาแม้แต่ยาก็ไม่มีผลอันใด ยามนี้จู่ๆ ก็หายอย่างกะทันหัน จึงทำให้นางมิอยากจะเชื่ออยู่บ้าง
“ลี่เฟยมิต้องกังวล พี่สะใภ้สามนั้นเป็หมอเทวดาหัตถ์เทวะ แค่ลงมือโรคที่ไร้ทางรักษาก็ล้วนแต่หายเป็ปลิดทิ้ง” ยามนี้หลงเซี่ยวเจ๋อที่อดกลั้นมานานก็มิวายออกมาเลียแข้งเลียขา กล่าวชมเกินจริงไปมาก
์ทรงรู้! ตอนที่พี่สะใภ้สามกับไทเฮาปะทะฝีปากกันเมื่อครู่ เขาอดกลั้นอย่างทุกข์ทรมานเพียงใด ยามนี้มิง่ายเลยที่จะพูดสอดขึ้นมา
มู่จื่อหลิงกลอกตาใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย ไม่พูดก็ไม่มีผู้ใดว่าเ้าเป็ใบ้หรอก
นางกล่าวกับลี่เฟยเรียบๆ “ลี่เฟยมิต้องกังวล เนื้องอกถูกตัดออกไปแล้ว ไม่มีปัญหาร้ายแรงใดอีก สองสามวันนี้พักผ่อนให้ดีๆ เปิ่นหวางเฟยจะเข้ามาเปลี่ยนยาให้สามครั้ง หลังจากที่าแสมานก็จะหายเป็ปกติ”
“ดีๆ เช่นนั้นเปิ่นกงก็วางใจ ลำบากฉีหวางเฟยแล้ว” ลี่เฟยยิ้มอย่างอ่อนโยน หางตาหางคิ้วล้วนปกปิดความยินดีไว้ไม่อยู่
เซี่ยวหนานถูกอาการเจ็บป่วยทรมานมาหลายปีแล้ว ใจนางก็เจ็บตามไปด้วยมาเนิ่นนานแล้วเช่นกัน สนมชายาอื่นๆ ก็มักจะหยิบยกเื่นี้มาพูดถึงพวกนาง ภายหน้าเซี่ยวหนานจะได้ใช้ชีวิตปกติเสียที
“ลี่เฟยมิต้องเกรงใจ พี่สะใภ้สามของพวกข้านั้นใจกว้างยิ่ง ก่อนหน้านี้นางกล่าวว่าในฐานะที่เป็หมอต้องไม่เห็นแก่ตัวเสียสละตน พี่สะใภ้สามต้องทำให้พี่ห้าหายเป็ปกติได้แน่ ใช่หรือไม่พี่สะใภ้สาม” หลงเซี่ยวเจ๋อแสดงออกอย่างใจกว้างราวกับคนที่ลี่เฟยรู้สึกขอบคุณนั้นเป็เขาอย่างไรอย่างนั้น
มู่จื่อหลิงได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็อยากชกเขานัก! นางยังมิได้เอ่ยวาจาเลย สตรีพูดคุยกัน หลงเซี่ยวเจ๋อมาสอดปากอะไรด้วย
หลงเซี่ยวเจ๋อมิได้พูดมาเป็เวลานานจึงรู้สึกคันปากอีกแล้ว นางไปพูดเมื่อใดว่าคนเป็หมอต้องไม่เห็นแก่ตัวเสียสละตน นางมิได้ใจกว้างจนถึงขั้นนั้น ยังคงไร้ซึ่งความอุทิศตนด้วย
มู่จื่อหลิงยิ้มแหย กล่าว “ลี่เฟยมิต้องเกรงใจ เปิ่นหวางเฟยควรกลับได้แล้ว สามวันให้หลังค่อยมาเปลี่ยนยาให้องค์ชายห้า”
เื่ราวก็ถูกแก้ไขหมดแล้ว นางมิอยากอยู่ต่อไปอีก ยามนี้หลงเซี่ยวอวี่ไม่อยู่ นางระวังไว้หน่อยจึงจะเป็การดี
“วันนี้ลำบากแล้ว เปิ่นกงมิรั้งเ้า วันหน้าเปิ่นกงค่อยขอบคุณเ้าพร้อมเซี่ยวหนานดีๆ ” มุมปากของลี่เฟยยกขึ้นจนอยู่ในองศาที่กดเช่นใดก็กดมิลง
“พี่สะใภ้สาม ข้าก็จะไปหาท่านลุงฝูที่จวนฉีอ๋องเช่นกัน ทางเดียวกันพอดี พวกเราไปด้วยกันเถิด” หลงเซี่ยวเจ๋อเห็นมู่จื่อหลิงจะจากไป ก็เริ่มตามพันแข้งพันขาอีก
เขานั้นนับวันยิ่งเปลี่ยนมุมมองที่มองพี่สะใภ้สามไปเรื่อยๆ แม้แต่โรคที่เล่อเทียนรักษาไม่ได้ พี่สะใภ้สามยังรักษาได้ง่ายดายปานนี้
มู่จื่อหลิงไม่สนใจหลงเซี่ยวเจ๋อ หยิบล่วมยาสะพายขึ้นบนหลัง เดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว นางไม่อยากฟังบทสวดจากหลงเซี่ยวเจ๋อไปทั้งทางอีกแล้ว
“เฮ้ พี่สะใภ้สามรอข้าด้วย กล่องนั่นหนักมากเลยนะ ข้าช่วยท่านถือเอง” หลงเซี่ยวเจ๋อะโอย่างรีบร้อนอยู่ด้านหลัง
-
ตำหนักโซ่วอัน
หลังออกมาจากตำหนักหนานเหอ ไทเฮาก็มุ่งหน้ากลับมาที่ตำหนักโซ่วอันทันที
ไทเฮาพิงเบาะรองอย่างเกียจคร้าน สองตาปิดลง มือข้างหนึ่งคลึงขมับอย่างแ่เบา ราวกับถูกยั่วโทสะมาไม่เบา มิได้มองไปยังผู้มาใหม่ น้ำเสียงเย็นเยียบก็ดังขึ้น “เป็อย่างไร?”
ฮองเฮาให้นางกำนัลขันทีทั้งหมดถอยออกไป ถึงกล่าวเสียงเบา “เสด็จแม่ เดิมลี่เฟยไม่เห็นด้วย หม่อมฉันก็มีวิธีจัดการกับลี่เฟย ใครจะรู้ว่ามู่จื่อหลิงจะสอดเท้าออกมาอีก หมอหลวงหลินจึงมิอาจอยู่ดูแลได้สำเร็จ”
ไทเฮาได้ยินว่า มู่จื่อหลิง สามคำนี้ โทสะที่ถูกระงับไว้อย่างยากลำบากก็พุ่งขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาคมกริบเปิดขึ้น “มู่จื่อหลิงฝีมือดีเลยนี่”
“เสด็จแม่โปรดระวัง อย่าได้พระทัยร้อนเพคะ ฉีอ๋องต้องทิ้งหูตาไว้แน่ ให้หมอหลวงหลินอยู่นั่นก็คงลงมือมิง่าย อีกทั้งผู้ใดล้วนทราบดีว่าหมอหลวงหลินเป็คนของเสด็จแม่ ถึงเวลานั้นหากหลงเหลือร่องรอยไว้ คนที่เสียเปรียบจะเป็พวกเรานะเพคะ” ฮองเฮากระตุ้นโทสะไทเฮาแล้วยังมิวายเสแสร้งเป็คนดีกล่าวตักเตือน
เดิมทีนางก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้หมอหลินอยู่ที่นั่น นางคาดไว้แล้วว่าลี่เฟยจะต้องขัดขวาง นางจึงถือโอกาสซ้อนแผนไปเสียเลย โต้ตอบไปเช่นนั้นเองเสียสองสามประโยคแล้วจึงกลับมา
ไทเฮาถึงได้สติแจ่มชัดขึ้นมา ฮองเฮากล่าวไม่ผิด นางอยู่ที่ตำหนักหนานเหอถูกมู่จื่อหลิงยั่วโทสะไม่น้อย จึงขาดการใคร่ครวญ ้าให้หมอหลินอยู่ที่นั่นทันทีเช่นนั้น ผู้ใดก็ล้วนเดาความหมายโดยนัยได้ หากเกิดเื่ขึ้น ใครก็ต้องสงสัยมาถึงนาง ถึงเวลานั้นขโมยมิได้ ยังต้องเสียข้าวสารอีกกำมือ เช่นนั้นจะได้ไม่คุ้มเสีย
ั์ตาไทเฮาทอประกายอย่างมุ่งร้าย “มู่จื่อหลิงผู้นี้ไม่ง่ายดาย ต้องหาทางกำจัดทิ้ง!”
“เสด็จแม่วางพระทัย หม่อมฉันจะส่งคนไปจับตาดู” ฮองเฮาเห็นไทเฮาอับอายจนโกรธแค้นเช่นนี้แล้ว นางก็อารมณ์ดีขึ้นมามิได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้