เมืองจูเซียน
ข่าวล่าสุดที่ได้รับความนิยมและเป็ที่พูดถึงมากที่สุดของเมื่อวานคือแผนการลงทุนที่ตระกูลหวังเป็ผู้ขาย ชักนำผู้ฝึกฌานผู้มั่งมีจากทั่วทั้งเมืองมาแก่งแย่งชิงดีกัน และวันนี้ข่าวที่น่าลุ้นน่ารอคอยที่สุดก็ยังคงเป็ของตระกูลหวัง
รางวัลนำจับของพรรคอีกาทองคำแพร่กระจายไปทั่วสิบหมื่นมหาบรรพต ทุกคนแม้จะอิจฉา แต่ก็รู้ดีว่าเื่นี้ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร เป็เื่ที่ไม่มีใครคิดว่าเป็ไปได้ แต่ใครจะไปคาด องค์หญิงโยวเยว่ผู้ลึกลับกลับถูกหวังเค่อพาคนเข้าจับกุมได้สำเร็จ?
เื่นี้ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ขณะเดียวกันก็ไม่อาจทราบได้ว่าใครเป็คนกระจายข่าว หากผู้ฝึกฌานตลอดทั้งเมืองต่างล่วงรู้กันหมด ทำให้มีผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนแห่มามุงดู จับตามองขบวนคุมขังของตระกูลหวังที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวกลับสู่ทางเข้าตระกูลอย่างช้าๆ
ในเวลานั้นที่ปากทางเข้าตระกูลหวังต่างแออัดไปด้วยคนจากตระกูลผู้ฝึกฌานจากทั่วทั้งเมือง ทุกคนต่างมองมาที่หวังเค่อที่เนื้อตัวมีแต่เืกันเป็ตาเดียว
ไม่เพียงแต่หวังเค่อที่เืท่วม แม้แต่ศิษย์ตระกูลหวังทางด้านหลังเองก็ดูเจ็บหนักกันไม่น้อย เพิ่งกลับมาก็รีบเดินทางกลับเข้าตระกูลหวังเพื่อรักษาาแ ส่วนตรงหน้าปากทางเข้าตระกูลยามนี้มีขบวนรถคุมขังจอดแช่ไว้อยู่สองคัน
รถคุมขังปิดผนึกมิดชิด มีเพียงรูเล็กๆ ที่พอจะให้คนๆ หนึ่งลอดมองเข้าไปได้รำไรหนึ่งรู
“ทุกท่าน ทุกท่าน ครั้งนี้เพื่อที่จะจับตัวองค์หญิงโยวเยว่ ตระกูลหวังของข้าต้องบอบช้ำขนานหนัก ขอให้ทุกท่านช่วยหยุดผลักหยุดเบียดตัวกันเข้ามาด้วย แล้วก็อย่าให้โจรชั่วชิงตัวนางไปเชียว!” หวังเค่อออกมายืนอยู่หน้าฝูงชนที่ส่งเสียงอึกทึก ประสานมือกล่าวคำ
ศิษย์ตระกูลผู้ฝึกฌานในฝูงชนต่างก็ตาแดงก่ำกันเป็ทิวแถว นี่ไม่ใช่องค์หญิงโยวเยว่ แต่นี่คือบัตรผ่านเข้าฝากตัวเป็ศิษย์พรรคอีกาทองคำถึงห้าที่ต่างหาก! ชิงตัว? หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าที่นี่มีคนมากเกินไป คาดว่าคงจะมีคนยื้อแย่งตัวนางไปนานแล้ว
ชื่อเสียง? ชื่อเสียงนับเป็อะไร ขอเพียงได้เป็ศิษย์พรรคอีกาทองคำ ใครมันจะกล้าชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์?
“แน่นอน หากมีคนใจหยาบคิดชิงตัวนางไปจริง ท่านก็อย่าลืมว่านี่เท่ากับเป็การตบหน้าพรรคอีกาทองคำเข้าอย่างจัง เพราะว่าข้าได้ส่งคนไปรายงานต่อพรรคอีกาทองคำเป็ที่เรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานพรรคอีกาทองคำก็คงจะรู้ว่าข้าหวังเค่อจับตัวองค์หญิงโยวเยว่ได้สำเร็จ! ‘ชื่อ’ นี้ไม่อาจถูกใคร่ชิงไปได้ อีกอย่าง หากระหว่างการยื้อแย่งองค์หญิงโยวเยว่เกิดหนีไปได้ละก็ เช่นนั้นเท่ากับเป็การตั้งตัวเป็ศัตรูกับพรรคอีกาทองคำโดยสมบูรณ์! ข้าว่าคงจะไม่มีใครอยากตั้งตัวเป็ศัตรูกับพรรคอีกาทองคำกันหรอกกระมัง?” หวังเค่อประสานมือกล่าววาจาไปรอบๆ
วาจานี้ทำให้เหล่ายอดฝีมือเปลี่ยนสีหน้า ต่างคนต่างก็เก็บสีหน้าสงบวาจากันโดยพลัน
“แล้วก็ พรรคอีกาทองคำกำชับมาว่าจะต้องจับเป็องค์หญิงโยวเยว่เท่านั้น หากมีการยื้อแย่งวิวาทกันขึ้นมาจนนำไปสู่ความตายขององค์หญิงโยวเยว่ โฮ่ๆ พรรคอีกาทองคำย่อมไม่มีทางละเว้นแน่ เพราะนั่นเป็ความผิดร้ายแรงนัก!” หวังเค่อกล่าวสืบต่อ รอยยิ้มยังไม่เสื่อมคลาย
หวังเค่อแม้พูดจาอย่างปลอดโปร่ง แต่เหล่ายอดฝีมือที่จดๆ จ้องๆ ต่างก็ต้องเปลี่ยนสีหน้า ความกระเหี้ยนกระหือรือที่เพิ่งก่อตัวพลันถูกเหยียบกลับลงไปทันที
หากท่ามกลางความชุลมุนพวกมันเกิดยื้อแย่งจนองค์หญิงโยวเยว่มีอันเป็ไปขึ้นมาด้วยความประมาทล่ะก็ เช่นนั้นพวกมันคงได้ชะตาขาดกันหมดแน่
ทุกคนจับจ้องหวังเค่อไม่วางตา ภายในสายตานั้นคือประกายอาฆาตไม่ยินยอมพร้อมใจ เ้าหวังเค่อผู้นี้เองก็หัวไวใช่ย่อย ถึงกับให้คนไปรายงานพรรคอีกาทองคำเรียบร้อยแล้ว พอเป็เช่นนี้ ต่อให้ใช้กำลังเข้าแย่งตัวมาได้สำเร็จ ถึงตอนนั้นพรรคอีกาทองคำใช่ว่าจะยอมรับเสมอไป
“ประมุขหวัง ท่านนี่ก็ดวงดีเหลือเกินนะ ยังอุตส่าห์จับตัวองค์หญิงโยวเยว่มาจนได้!” ผู้ฝึกฌานคนหนึ่งเอ่ยด้วยความอิจฉา
“โชคดีๆ ข้าแค่โชคดีเท่านั้น ฮ่าๆๆ!” หวังเค่อดูจะไม่ระแคะระคายถึงความแดกดันของอีกฝ่ายเลยสักนิด
“ประมุขหวัง รางวัลนำจับของพรรคอีกาทองคำไม่ได้มีภาพเหมือนขององค์หญิงโยวเยว่อยู่ด้วย แล้วท่านแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่ท่านจับมาก็คือองค์หญิงโยวเยว่? แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรผิดพลาด!” คนขี้อิจฉาอีกคนะโขึ้นมา
“ฮ่าๆ ไม่หรอกๆ อีกอย่าง ข้าจะกล้าใช้ตัวปลอมมาตบตาพรรคอีกาทองคำหรือ? ข้าไม่อยากให้ตระกูลหวังของข้าต้องถูกพรรคอีกาทองคำถล่มหรอกนะ!” หวังเค่อหัวเราะกล่าว
“นั่นก็จริง ท่านประมุขหวังจะทำอะไรล้วนพิถีพิถันระมัดระวังอยู่เป็ทุนเดิม ในเมื่อกล้าไปรายงานต่อพรรคอีกาทองคำ งั้นก็ต้องไม่ผิดพลาดแน่! ข้าว่านี่จะต้องเป็องค์หญิงโยวเยว่ตัวจริง!” มีคนในฝูงชนโพล่งขึ้นมา
“ใครมันจะบ้าพอใช้ตัวปลอมไปตบตาพรรคอีกาทองคำกัน นั่นไม่เท่ากับว่ารนหาที่ตายหรอกรึ ข้าว่าคนที่อยู่ข้างในจะต้องเป็ตัวจริงแน่!”
“ข้าเคยทำการค้าร่วมกับตระกูลหวัง หากไม่มีความมั่นใจสิบส่วน ประมุขหวังไหนเลยจะยืนกรานหนักแน่นแบบนี้!”
“จริงด้วยๆ ประมุขหวัง ท่านนี่ดวงดีนัก!”
.........
......
...
ภายในฝูงชนเริ่มระงมไปด้วยเสียงเซ็งแซ่หารือ และคนที่หวังเค่อได้ทำการ ‘ฝากฝัง’ ไว้ก็ยังคงก้มหน้าก้มตา ‘ล้างสมอง’ ทุกคนต่อไป หวังเค่อมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มพึงใจ
“ท่านประมุขหวัง พวกเราต่างก็ไม่เคยเห็นองค์หญิงโยวเยว่กันมาก่อน ท่านจะให้โอกาสพวกเรายลโฉมนางสักหน่อยได้หรือไม่”
“จริงด้วย ท่านประมุขหวัง ในเมื่อวันนี้ท่านก็มีวาสนาขนาดนี้แล้ว ช่วยเปิดหูเปิดตาพวกเราทีเถอะ!”
“นั่นสิ องค์หญิงโยวเยว่ที่สามารถทำให้พรรคอีกาทองคำยอมตกลงรับปากตำแหน่งศิษย์ห้าที่ซ้ำยังสร้างความระส่ำระส่ายแก่สิบหมื่นมหาบรรพตได้จะต้องไม่ธรรมดาเด็ดขาด ให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตาทีเถอะ!”
.........
......
...
ในฝูงชนเริ่มมีเสียงเซ็งแซ่เอ็ดอึง ทุกคนต่างก็อยากยลโฉมองค์หญิงโยวเยว่ที่ถูกคุมขังกันทั้งนั้น
“เื่นี้…?” หวังเค่อทำสีหน้าลำบากใจ
แม้ว่าภายนอกจะดูลำบากใจ แต่ในใจกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง ขณะเดียวกันมันก็กำลังรอให้ ‘คน’ ของตนเริ่มเปิดปากกล่าวคำอยู่เช่นกัน
“ท่านประมุข ข้ารู้ว่ามากคนก็มากปัญหา เอาอย่างนี้เป็ไง ข้าจะจ่ายศิลาิญญาจำนวนสิบชั่ง ขอแค่ให้ข้าได้ยลโฉมนางก็พอ เป็ไง?” มีผู้ฝึกฌานจากในฝูงชนเสนอออกมา
ทุกคนต่างแค่นเสียงอย่างดูถูก เ้าคิดจะใช้ศิลาิญญาล่อซื้อประมุขหวัง? เ้าไม่รู้รึไงว่าตระกูลหวังคือตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองจูเซียน!
แต่หวังเค่อกลับมองผู้ฝึกฌานที่ทุกคนต่างก็พากันเหยียดหยามคนนั้นก่อนพยักหน้าอย่างน่าแปลกใจ “ช่างเถอะ เราต่างก็เป็ชาวเมืองจูเซียนมิใช่รึ ข้าหวังเค่อมีโชคลาภวาสนาทั้งที หากไม่ตอบสนองความอยากรู้ของทุกท่านก็ดูจะใจไม้ไส้ระกำไปหน่อย แต่ว่าพวกท่านมีกันมากเกินไป จวนของข้ารองรับไม่ไหวแน่ ข้าจะปล่อยให้มีเื่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นกับองค์หญิงโยวเยว่ไม่ได้เด็ดขาด! เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ศิลาิญญาจำนวนสิบชั่ง ดูได้จากไกลๆ เป็ระยะเวลาหนึ่งก้านธูป! และต้องทำตามกฎของตระกูลหวังอย่างเคร่งครัด ตกลงตามนี้หรือไม่?”
ผู้ฝึกฌานโดยรอบต่างชะงักกันไปหมด แบบนี้ก็ได้ด้วย? ไม่ใช่ว่านี่คือการเก็บค่าเข้าชมหรอกรึ?
“ประเสริฐ ต้องขอบคุณท่านประมุขหวังแล้ว!” ‘คน’ ของหวังเค่อในฝูงชนรีบะโขึ้นมาโดยไม่ให้เสียจังหวะ
ผู้ฝึกฌานโดยรอบแม้ว่าจะเ็ปใจที่ต้องควักเงินจ่ายถึงสิบชั่ง แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนมีกำลังทรัพย์มากพอ ในเมื่อทุกคนต่างก็นำเงินออกมาได้ พวกมันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
เพียงแต่ว่าหวังเค่อผู้นี้ออกจะหาเงินเก่งไปหน่อยหรือไม่ จับนักโทษได้ยังไม่พอ ยังจะคิดค่าเข้าชมอีกรึ?
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ทุกท่านก็คอยสักประเดี๋ยว ข้าจะจัดแจงองค์หญิงโยวเยว่ไว้หลังสวน ถึงตอนนั้นทุกท่านก็เข้าชมกันอย่างเป็ระเบียบ คอยประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น!” หวังเค่อประสานมือคารวะไปรอบๆ
เหล่าผู้ฝึกฌานรู้สึกทะแม่งๆ แต่สุดท้ายก็พยักหน้า
หวังเค่อรีบนำรถคุมขังกลับเข้าจวน จากนั้นก็ปิดประตูลงกลอน
ด้านนอก กลุ่มผู้ฝึกฌานต่างเฝ้ารอด้วยความใจร้อน
ไม่นานเกินรอ บานประตูก็ถูกผลักเปิดอีกครั้ง
ปรากฏว่ามีข้ารับใช้กลุ่มใหญ่เดินออกมาจากภายในจวนตระกูลหวัง พวกมันต่างขนรั้วออกมากั้นพื้นที่รอบปากทางเข้าออกของตระกูล เหลือทางขะยึกขะยือยาวต่อเนื่องกันไว้สายหนึ่งเพื่อให้เป็ระเบียบ จากนั้นก็นำโต๊ะออกมาตั้งเรียงกันให้กลุ่มเถ้าแก่ร้านจับจองที่นั่ง โดยมีตะกร้าสานที่เตรียมไว้สำหรับเก็บศิลาิญญาวางอยู่ด้านข้าง
“ทุกท่าน ท่านประมุขเตรียมการไว้พร้อมแล้ว ขอให้ทุกท่านมาซื้อตั๋วตรงจุดนี้ ใครเข้าก่อนชมก่อน ใครเข้าทีหลังชมทีหลัง! บริเวณสวนด้านหลังตระกูลหวังของเราได้มีการจัดเตรียมกรงขังชนิดที่มีช่องโหว่ให้สามารถมองลอดเข้าไปได้ ดังนั้นข้ารับรองได้เลยว่าเวลาหนึ่งก้านธูปที่ทุกท่านจะได้ยลโฉมองค์หญิง ท่านจะได้เห็นนางอย่างชัดเจน!” ผู้ดูแลตระกูลหวังประสานมือแจ้งกล่าวต่อคนทั้งหมด
กลุ่มผู้ฝึกฌานมองหน้ากันไปมา หวังเค่อผู้นี้นำนักโทษมาหาเงินจริงหรือนี่? ถึงกับมีวิธีทำเงินเช่นนี้อยู่? หวังเค่อคงจะไม่ได้เห็นแก่เงินจนเสียสติไปแล้วหรอกนะ?
“มาๆ นี่คือเงินจำนวนสิบชั่ง ข้าขอเข้าไปดูก่อนล่ะ!”
‘ลูกมือ’ ที่แฝงอยู่ในฝูงชนเป็คนแรกที่เดินตามทางรั้วเข้าไปถึงจุดที่เถ้าแก่ร้านนั่งอยู่ เมื่อทำการจ่ายเงินเสร็จสรรพก็ตามข้ารับใช้ของตระกูลหวังเข้าไปยังสวนด้านหลัง
เมื่อมีคนเปิด คนที่เหลือก็ย่อมทยอยตามกันไป
ตระกูลหวัง ปากทางเข้าห้องโถงใหญ่
หวังเค่ออาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก่อนเดินออกมา พอดีกับที่เห็นใบหน้าประหลาดใจของจางเจิ้งเต้า
“พี่หวัง คนของเมืองจูเซียนล้วนมีแต่พวกปัญญานิ่มหรืออย่างไร? ยอมควักเงินสิบชั่งเพียงเพื่อชมดูนักโทษสองคน? พวกมันบ้าไปกันหมดแล้ว? ทั้งที่มองไม่เห็นข้อดีตรงไหน แต่ทำไมทำไมพวกมันถึงยกโขยงกันมาตั้งมากตั้งมายอย่างนี้เล่า” จางเจิ้งเต้าถามด้วยสีหน้าสับสนงุนงง
“ที่พวกมันมองเห็นไม่ใช่นักโทษสองคน แต่เป็ที่ว่างห้าตำแหน่งของพรรคอีกาทองคำต่างหาก!” หวังเค่อส่ายหน้า
“หมายความว่ายังไง” จางเจิ้งเต้ายังคงไม่เข้าใจ
“เ้าคิดว่าตอนที่อยู่ข้างนอกนั่นพวกมันกลัวข้างั้นรึ? เปล่าเลย พวกมันไม่ได้กลัว เพียงแต่ว่าตอนนั้นมีคนเยอะเกินไปจนไม่อาจลงมือได้สะดวกต่างหาก คนที่มาซื้อตั๋วเข้าชมล้วนมีความคิดอ่านไปในทำนองเดียวกันแทบทั้งหมด!” สายตาของหวังเค่อฉายแววมั่นใจ
“ความคิดแบบไหนกัน” จางเจิ้งเต้ารำพึงอย่างงุนงง
“ยอมจ่ายเงินสิบชั่งเพื่อเข้ายลโฉมองค์หญิงโยวเยว่ เฝ้ารอคอยโอกาสฉกชิงไปจากเงื้อมมือข้า จากนั้นก็ไปขอรับรางวัลจากพรรคอีกาทองคำยังไงล่ะ!” หวังเค่อกล่าวด้วยความมั่นใจ
“พวกมันตั้งใจจะชิงตัวองค์หญิงหรือนี่” จางเจิ้งเต้าอุทาน
“มิผิด! เพราะเหตุนั้นเอง พวกมันถึงได้ยอมควักเงินจ่ายเพียงเพื่อจะยลโฉมองค์หญิงโยวเยว่!” หวังเค่อว่า
“ได้ยลโฉมนางจะๆ เลยรึ?” จางเจิ้งเต้ากลืนน้ำลายลงคอ
นั่นเป็เพราะว่า ‘องค์หญิงโยวเยว่’ ที่กำลังจัดแสดงอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็พี่หญิงใหญ่หนวดเฟิ้มนั่นเอง! มีคนมากมาย้าจะชิงตัวพี่หญิงใหญ่? หรือนี่จะเป็จุดสูงสุดในชีวิตของนางกันนะ?
“ข้ามีองค์หญิงโยวเยว่ เนี่ยเทียนป้าก็มีองค์หญิงโยวเยว่ แล้วจะทำยังไงมันจึงจะเชื่อว่าที่มันมีอยู่ในมือคือตัวปลอม?” หวังเค่อถามยิ้มๆ
“ต้องทำยังไง” จางเจิ้งเต้าไม่เข้าใจ
“เ้ารู้จักประโยคที่ว่า ‘สามคนกลายเป็เสือ[1]’ หรือไม่” หวังเค่อยิ้มถาม
“แปลว่าอะไร”
“หากมีแค่คนเดียวบอกต่อมันว่าพี่หญิงใหญ่ก็คือองค์หญิงโยวเยว่ มันย่อมไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด! แต่ถ้ามีคนสองคนบอกต่อมันล่ะ? แล้วสามคนล่ะ? หากคนทั่วทั้งเมืองบอกมันแบบนั้นล่ะ?” หวังเค่อค่อยๆ อธิบาย
“ความหมายของท่านคือ...”
“หาก้าจะให้เนี่ยเทียนป้าเชื่อว่าที่อยู่ในมือข้าคือตัวจริง ก่อนอื่นเ้าจะต้องทำให้ทุกคนในเมืองเชื่อเสียก่อนว่าที่อยู่ในมือข้าคือตัวจริง จากนั้นก็ให้ทุกคนไปบอกต่อเนี่ยเทียนป้าว่าที่ข้ามีอยู่คือตัวจริง ทำการล้างสมองมันไม่ให้ขาด่ ท้ายที่สุดก็จะบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของมันได้!” หวังเค่อให้ความกระจ่าง
“ที่ท่านลำบากลงแรงไปตั้งมาก ทั้งหมดก็เพื่อให้เนี่ยเทียนป้าได้เห็นเนี่ยน่ะหรือ”
“แล้วไม่งั้นจะให้ทำยังไง?”
“ท่าน! ท่านกำลังเล่นบ้าๆ อยู่ชัดๆ!”
“นี่ไม่ใช่การเล่นบ้าๆ แต่เป็การสร้างกระแสต่างหาก!” หวังเค่อว่า
“ตะ แต่ที่ข้าเห็นก็คือท่านกำลังหาเงินเข้ากระเป๋าอย่างหน้าไม่ด้านชัดๆ!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าพิกล
“หืม?” หวังเค่อนิ่วหน้ามองจางเจิ้งเต้า
“แค่คนเดียวก็ได้สิบชั่งแล้ว เมื่อกี้เท่าที่ข้าลองนับดูคร่าวๆ ก็ปาเข้าไปร่วมร้อยคน ท่านต้มตุ๋นกันเกินไปหรือไม่ พี่หวัง ไม่รู้ล่ะ ปฏิบัติการช่วยเหลือองค์หญิงในครั้งนี้ ข้าเองก็มีเอี่ยวด้วย เพราะงั้นเงินที่ได้จากการขายตั๋วข้าก็ต้องได้ส่วนแบ่งด้วยเหมือนกัน ข้า้าครึ่งหนึ่ง!” จางเจิ้งเต้าโพล่งออกมาอย่างหน้าไม่อาย
หวังเค่อมองหน้าจางเจิ้งเต้าแล้วอยู่ๆ ก็เปล่งเสียงหัวเราะ ‘เหอๆ’ ออกมาอย่างนิ่มนวล
แต่จางเจิ้งเต้ากลับเข้าใจความนัยนั้น พลันต้องรีบเอ่ยปาก “พี่หวัง ท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ครั้งนี้ข้าเป็คนที่คาบข่าวมาบอกท่าน หากครึ่งหนึ่งไม่ได้ งั้นก็สี่ต่อหก ข้าสี่ท่านหก เป็อย่างไร? ท่านอย่าใจดำนักซี! สามต่อเจ็ด สามต่อเจ็ดล่ะเป็ไง? ก็ได้ ข้ายอมขาดทุน สองต่อแปดไปเลย สองต่อแปด! ข้าสอง! ท่านมันใจดำจริงๆ นั่นแหละ หนึ่งต่อเก้า หนึ่งต่อเก้าก็ได้!”
“เ้าเคยเห็นใครขูดรีดข้าสำเร็จมาก่อนหรือเปล่าล่ะ” หวังเค่อยิ้มถาม
ขณะที่พูดหวังเค่อก็ก้าวเท้าฉับๆ ตรงไปทางสวนด้านหลัง ทิ้งให้จางเจิ้งเต้ายืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว
“หวังเค่อ เ้าตั้งใจจะฮุบเงินทั้งหมดไว้เองงั้นรึ? เ้ามันไร้คุณธรรมสิ้นดี! ทั้งที่พวกเรารู้จักกันมานานขนาดนี้ แม้แต่ศิลาิญญาก้อนเดียวเ้าก็ยังจะขี้เหนียวอีกรึ! เ้าไม่ควรใช้ชื่อหวังเค่อ แต่ควรใช้ชื่อหวังโควมากกว่า (แซ่หวังขี้เหนียว) ไม่สิ เ้าคือโควหวัง (าาแห่งความขี้เหนียว) ต่างหาก! เพ้ย!” จางเจิ้งเต้าถ่มน้ำลายอย่างฉุนเฉียว
ตระกูลเนี่ย!
เนี่ยเทียนป้ากำลังฟังศิษย์ของตระกูลกล่าวรายงาน
“เก็บค่าเข้าชมเนี่ยนะ?” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งอึ้ง
“ขอรับ คนจากตระกูลต่างๆ ตลอดทั้งเมืองจูเซียนต่างก็แห่แหนกันไปที่ตระกูลหวัง แต่ละคนพกเงินจำนวนสิบชั่งไปด้วย หวังเค่อผู้นั้นอำมหิตนัก!” ศิษย์คนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงอึมครึม
“ฮึ่ม สมเป็หวังเค่อ ชีวิตไม่สน ยินดีพลีชีพเพื่อเงิน!” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยเสียงดิ่งต่ำ
“ท่านประมุข ข้าไปดูมาแล้ว องค์หญิงโยวเยว่ของฝั่งนั้นหน้าตาอัปลักษณ์สุดทน มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็ตัวปลอม ข้าว่าหวังเค่อจะต้องสติฟั่นเฟือนไปแล้วแน่ๆ!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยคนนั้นเอ่ยต่อ
“อัปลักษณ์?” เนี่ยเทียนป้าอึ้งไป
“ใช่ขอรับ! องค์หญิงโยวเยว่ที่พวกเราจับตัวมาได้ผู้นั้นแม้จะมีรอยแผลเป็บนหน้า แต่ก็ดูออกได้ในทันทีว่างดงามเหนือผู้ใด แต่องค์หญิงโยวเยว่ทางฝั่งหวังเค่อนั้นอัปลักษณ์สุดจะกล่าว มันคิดอะไรอยู่กันแน่! นี่ก็ไม่รู้ว่ามันไปขุดนางมาจากรูไหน รูปโฉมอย่างนั้นก็สามารถเป็องค์หญิงได้ด้วยรึ?” ศิษย์คนนั้นยังคงขนลุกซู่ไม่หาย
แต่สีหน้าของเนี่ยเทียนป้ากลับดำดิ่ง “คนอื่นก็พูดกันแบบนี้รึ?”
“อ๋า? คนอื่นหรือขอรับ? คือว่าพวกมันเองก็ไม่เคยเห็นองค์หญิงโยวเยว่มาก่อน เพราะงั้นย่อมไม่มีใครบอกว่านางเป็ตัวปลอมหรอกขอรับ เพียงแต่ว่าพวกมันคงเห็นในเกียรติยศชื่อเสียงของ ‘องค์หญิงโยวเยว่’ จึงต่างจุ๊ปากร่ำร้องออกมาเป็เสียงเดียวกันว่าไม่แปลกที่พรรคอีกาทองคำไม่ยอมลงรูปเหมือนนางไว้ ที่แท้องค์หญิงโยวเยว่ก็ไม่อาจสู้หน้าใครได้นี่เอง!” ศิษย์คนนั้นทบทวนความทรงจำ
“แต่ก่อนหน้านี้พวกเราเองก็ไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าขององค์หญิงโยวเยว่มาก่อนเหมือนกันไม่ใช่รึ!” เนี่ยเทียนป้าขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“พวกเราเหรอ? พวกเราก็ไม่...!” ศิษย์คนนั้นเปลี่ยนสีหน้าทันที
“ท่านประมุข ท่านคงจะไม่ได้กำลังคิดว่าที่เราจับมาได้นั้น...เป็ตัวปลอมหรอกใช่ไหมขอรับ?”
เนี่ยเทียนป้าส่ายหน้า “ที่พวกเราจับมาได้จะต้องเป็ตัวจริงไม่ผิดแน่ ฮึ่ม หวังเค่อคิดตบตาพรรคอีกาทองคำ มันรนหาที่ตายชัดๆ!”
เนี่ยเทียนป้าแม้จะพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดแน่วแน่ แต่ไม่รู้ทำไมในใจกลับบังเกิดความกังขาขึ้นมา มันไม่เข้าใจว่าทำไมหวังเค่อถึงได้กล้าส่งตัวปลอมไปหลอกตบตาพรรคอีกาทองคำ เท่าที่รู้ หวังเค่อไม่ได้เป็คนแบบนั้น อย่าบอกนะว่าคนที่ฝ่ายนั้นจับได้ต่างหากที่เป็ตัวจริง?
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา เนี่ยเทียนป้าก็ใจกระตุกวูบ
“จงให้คนไปสืบเื่นี้ต่อ!” เนี่ยเทียนป้าสั่งการเสียงต่ำ
“ทราบ!”
ศิษย์ตระกูลเนี่ยทยอยกันออกไปสืบข่าวเพิ่มเติม ทิ้งเนี่ยเทียนป้าผู้มีสีหน้าอึมครึมน่าขนลุกเอาไว้เพียงลำพัง
“ที่ข้ามีอยู่ต่างหากที่เป็ตัวจริง หวังเค่อ คนที่เ้าจับได้ไม่มีทางเป็ตัวจริงไปได้หรอก!” เนี่ยเทียนป้ากำหมัดแน่น บนหน้าผากเริ่มปรากฏเหงื่อเยียบเย็นไหลซึม
[1] เป็สำนวนหมายถึง คนพูดมากๆ จากข่าวลือกลายเป็ข่าวจริง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้