แววตาของเย่เฟิงเผยประกายคมกริบ มือถือหอกัเงินประกาย ก้าวเท้าไปหาหวังหลง พร้อมกับพลังแห่งความตายแผ่ออกจากร่าง ฉากนี้ทำให้หวังหลงตื่นใกลัว
“เปรี้ยง!” เสียงฟ้าร้องคำรามจุดประกายแสงยามค่ำคืน จากนั้นฝนตกโปรยปรายลงมา สะท้อนแสงสีฉากกลางคืน ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
ฝนอันหนาวเหน็บตกกระทบร่างหวังหลง ทำให้หวังหลงเริ่มตัวสั่น ตอนนี้ในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เสียใจที่ตัวเองไปยั่วยุเย่เฟิง เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดจาดูถูกเย่เฟิงก่อนหน้านี้ทำให้หวังหลงรู้สึกอับอายขายหน้า
“ซ่า!!!” ฝนตกหนักกว่าเดิม เย่เฟิงเดินไม่หยุด ทุกครั้งที่เขาก้าวเท้า หัวใจของหวังหลงจะสั่นรัว ในสายตาหวังหลง เย่เฟิงไม่ต่างจากเทพแห่งความตายที่สามารถพรากชีวิตไปจากเขาตอนไหนก็ได้
“พรึ่บ!” เมื่อเย่เฟิงไปเยือนเบื้องหน้าหวังหลง หวังหลงไม่สามารถยับยั้งความกลัว และความเสียใจจากก้นบึ้งจิติญญาได้อีก เขาคุกเข่าลงอย่างไร้กำลัง
“นี่ไม่เกี่ยวกับข้า ศิษย์พี่โจวเป็คนสั่ง อย่าฆ่าข้าเลย” หวังหลงเอาแต่ส่ายหัว พยายามปกป้องชีวิตตน เขายังหนุ่ม เขายังไม่อยากตาย
“มาอธิบายตอนนี้คิดว่ามีประโยชน์งั้นหรือ?” ขณะมองหวังหลงคุกเข่ากับพื้น เย่เฟิงก็มองอย่างดูถูก ก่อนหน้านี้คนผู้นี้หยิ่งผยองมาก แต่พอเผชิญกับความตาย ถึงกับลดศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อปกป้องชีวิต
“คนอ่อนแออย่างเ้าไม่คู่ควรตายด้วยหอกของข้า!” เย่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลน
อย่างไรก็ตามประโยคนี้เหมือนเป็เสียง์ที่ช่วยชีวิตเขา เช่นนี้แล้ว เย่เฟิงคิดจะปล่อยเขาไปแล้วใช่หรือไม่?
หวังหลงเห็นความหวัง เขา้าเงยหน้ามองเย่เฟิงเพื่อกล่าวขอบคุณ ทว่ากลับเห็นแสงเยือกเย็นพาดผ่านหน้าเขาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ นาทีต่อมาหวังหลงรู้สึกเย็น ๆ ที่ลำคอ เขาอยากส่งเสียงออกมา แต่นั่นกลับกลายเป็เพียงความเพ้อฝัน
ขณะมองเย่เฟิง เขาเห็นว่าที่ปลายดาบมีเืไหลหยดลงพื้น ดาบเล่มนั้นเป็ของหวังหลง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็เครื่องมือสังหารตัวเขาเอง
“ดาบของเ้า เหมาะที่จะฆ่าเ้า” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น ใช้ดาบของหวังหลง ปลิดชีวิตหวังหลง!
หวังหลงตัวตรงขณะคุกเข่าลงกับพื้น ดวงตาว่างเปล่ามีเืทะลักออกจากลำคอไม่หยุด ไหลไปตามสายฝน ชีวิตค่อย ๆ จากเขาไป
ในหัวของหวังหลงฉายภาพฉากในก่อนหน้านี้ที่เขาดูถูกเย่เฟิงอย่างยโสโอหัง ซึ่งนั่นคือความจริง ราวกับเขากำลังย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น ขณะที่มองการกระทำของตัวเอง หวังหลงรู้สึกเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาเพิ่งตระหนักได้ถึงการกระทำของตัวเองว่ามันน่ารังเกียจแค่ไหน
อย่างไรก็ตามทุกอย่างมันสายเกินแก้แล้ว ชีวิตไม่ใช่ของเขา จนกระทั่งความตายมาเยือน ดวงตาคู่นั้นของหวังหลงก็ยังไม่ปิดลง
ผู้ที่ชอบดูถูกคนอื่น คนอื่นก็มักดูถูกเขาเช่นกัน!
เพราะความยโสโอหังของหวังหลง จึงต้องจ่ายด้วยชีวิตเป็ค่าตอบแทน
เย่เฟิงไม่ฆ่า แต่คนอื่น้าจัดการเขา เช่นนั้นเขาจึงไม่เมตตาปรานีใด ๆ
หลังจากหวังหลงตาย มีของสองสิ่งปรากฏบนพื้น นั่นคือตำราและดอกไม้ไฟ
เย่เฟิงรู้ว่าตำราเล่มนั้นคือเคล็ดวิชาบางอย่าง จึงเก็บมันไปอย่างไม่เกรงใจ
ขณะมองดอกไม้ไฟนั่น เย่เฟิงก็เหยียดยิ้มแล้วคิดในใจว่า “คาดว่าของสิ่งนี้จะเป็เครื่องมือในการแจ้งข่าวให้โจวมู่ไป๋ทราบ”
คิดได้เช่นนี้ เย่เฟิงยกมือแล้วจุดดอกไม้ไฟ เขาแค่อยากให้โจวมู่ไป๋เข้าใจผิด ว่าหวังหลงฆ่าเขาแล้ว
“ปัง ปัง!” แสงสองสายพุ่งขึ้นฟ้า จุดประกายแสงในท้องฟ้าค่ำคืนยามฝนตก นาทีนี้เหล่าผู้คนในเมืองหลวงต่างเห็นประกายไฟที่งดงาม
ณ ตระกูลโจว โจวมู่ไป๋แหงนหน้ามองฟ้าด้วยรอยยิ้มพอใจ หวังหลงไม่ทำให้เขาผิดหวัง
เย่เฟิงจากไป ทิ้งศพของผู้ฝึกยุทธ์ 20 กว่าคนไว้เื้ั ในคืนฝนพรำที่มืดครึ้มนี้ยิ่งดูเศร้าหมองเป็พิเศษ
เย่เฟิงรู้ว่าเขาอยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5 กลับสังหารผู้ฝึกยุทธ์ชุดดำ 20 กว่าคน รวมทั้งหวังหลงด้วยตัวคนเดียว ในนั้นมีขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 สามคน ส่วนคนที่เหลืออยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5 และ 6 ซึ่งเป็ขบวนทัพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเขาเหนื่อยล้าเพราะผลาญพลังไปมาก ขณะนั้นเย่เฟิงนั่งฌานอยู่ทีู่เาร้างแห่งหนึ่งนอกเมืองหลวง ในมือกุมเยาตานสองก้อน มันเปล่งประกายแสงจ้า เขาดูดซับพลังหยวนจากเยาตานเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป
เย่เฟิงได้เยาตานเหล่านี้มาจากการล่าสัตว์อสูรในเทือกเขาปี้หลิง ตอนนี้ถึงเวลาใช้ประโยชน์จากพวกมันแล้ว
ผ่านไปสองชั่วยาม หลังจากเย่เฟิงดูดซับพลังหยวนจากเยาตานเกือบสิบก้อน ในที่สุดสภาวะของเขาก็ฟื้นฟูเต็มเปี่ยม
พรุ่งนี้คือวันทดสอบเข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ดังนั้นเย่เฟิงจำต้องเก็บพลังใน่นี้ และยกระดับไพ่ตายของตัวเอง ถึงเวลานั้นหนานกงหลิงซวงและโจวมู่ไป๋จะปรากฏตัวในการทดสอบ เวลานั้นเย่เฟิงอยากเห็นว่าสองคนนี้จะมีความสามารถมากสักแค่ไหน
พลันตำราเล่มหนึ่งปรากฏในมือ ซึ่งเป็ตำราที่ได้มาจากหวังหลง
“ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ!” เย่เฟิงตาเป็ประกาย ดูจากชื่อเคล็ดวิชานี้ มันเป็เคล็ดวิชาท่าร่างที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อมีท่าร่างที่รวดเร็ว มันจะทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ว่องไวกว่าเดิม คล่องแคล่วและกระฉับกระเฉง รุกและรับได้ดีขึ้น กระทั่งยกระดับพลังต่อสู้
เย่เฟิงฝึกเคล็ดวิชาหอกเงินประกาย มีการโจมตีแม่นยำ ตอนนี้กลุ้มใจว่าจะไม่มีเคล็ดวิชาท่าร่างที่เหมาะสม แต่ได้รับย่างก้าวดาวตกผีเสื้อมาก็ดียิ่งขึ้นไปอีก
เย่เฟิงเปิดอ่านตำราย่างก้าวดาวตกผีเสื้อและเรียนรู้มัน
ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ รวดเร็วฉับไว อาศัยพลังแห่งฟ้าดิน ใช้แผนที่ดาวชักนำย่างก้าว รวดเร็วเกินขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์
เย่เฟิงหลับตานั่งสมาธิ จดจำเคล็ดวิชาย่างก้าวดาวตกผีเสื้อไว้ในใจ จากนั้นปรากฏแผนที่ดาวในหัว ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับ พวกมันรวมตัวกันเป็รูปสัญลักษณ์ที่ซับซ้อน ซึ่งมีดาวโคจรอยู่บนนั้น
เย่เฟิงราวกับอยู่ใจกลางแผนที่ แสงดาวสาดส่อง พลังดาราปกคลุมร่างเขา ก่อนจะมีพลังประหลาดแผ่กระจายในร่างเขา ทำให้เขารู้สึกถึงความพิเศษของแผนที่ดาว มองเห็นเส้นทางบนนั้นได้อย่างชัดเจน ราวกับกำลังชี้นำเขา เย่เฟิงก้าวหนึ่งก้าว พลังดาราคล้ายประทานกำลังให้เขา ทำให้เขาตัวเบาขึ้น
ตามเส้นทางบนแผนที่ เย่เฟิงก้าวต่อเนื่องอีกครั้ง ย่างก้าวนั่นเหมือนมีจังหวะพิเศษที่เชื่อมกับแผนที่ดาว ดูเหมือนเป็ย่างก้าวเชื่องช้าแต่กลับอาศัยพลังดาราได้
“น่าอัศจรรย์นัก!” เย่เฟิงพึมพำในใจ ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อนี้ใช้พลังจิตฝึกฝนในมิติดวงดาวได้ มีการชี้นำจากแผนที่ดาว ช่วยในการฝึกได้หลายเท่า
เย่เฟิงลองเดินในเส้นทางที่แสดงบนแผนที่ดาวอย่างต่อเนื่อง แสงดาวปกคลุมร่างกายอย่างเจิดจรัส
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด เย่เฟิงลองไปหลายพันครั้ง จึงเริ่มคุ้นเคยกับย่างก้าวของเขา ทั้งยังเริ่มมีความต่อเนื่องมากขึ้น ในขณะก้าวเดินความรู้ของเขาที่มีต่อพลังดาราเริ่มลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ทุกก้าวจะพึ่งพาพลังดาราทำให้ตัวเบาขึ้น
จนกระทั่งพระอาทิตย์ลอยขึ้นเหนือฟ้า เย่เฟิงจึงถอนพลังจิตออกจากแผนที่ดาว ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อของเขาถึงระดับพื้นฐานแล้ว หากมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 หรือ 7 อยากกำจัดเขาก็เป็เื่ยาก
ณ สำนักยุทธ์เทียนเสวียน ภายในสำนักยุทธ์กว้างใหญ่ มีศาลาพักผ่อนและวิมานดุจหยกบน์ ทั้งยังแฝงไปด้วยกลิ่นอายโบราณ
สำนักยุทธ์เทียนเสวียนอยู่บนแผ่นดินอาณาจักรจ้าวนานหลายปีจนนับไม่ถ้วน มีรากฐานลึกซึ้ง แม้ราชวงศ์อาณาจักรจ้าวจะไม่ควบคุมสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็ตาม
ด้านนอกสำนักยุทธ์มีลานประลองกว้างขวางแห่งหนึ่ง ที่นั่นเนืองแน่นไปด้วยผู้คน มีอัจฉริยะมาจากทั่วสารทิศ ผู้ฝึกยุทธ์แต่ละกองกำลังของเมืองหลวงมารวมตัวที่นี่ เพื่อรับการทดสอบที่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนจัดขึ้นในวันนี้
อัฒจันทร์รายล้อมลานประลอง ทุก ๆ อัฒจันทร์จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
บนอัฒจันทร์หลักที่อยู่ใจกลาง หนานกงเฉินอยู่บนนั้น หนานกงหลิงซวงในชุดสีขาวก็อยู่ด้านข้างเขา เรือนร่างอันเย้ายวนนั้นยังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ทำให้ผู้คนใจเต้น
“คนนั้นน่าจะเป็คนที่อยู่ในข่าวลือ หนานกงหลิงซวงผู้ปลุกิญญาาหงส์ขั้นเขียว! สวยสง่าอย่างที่คิดไว้ ทั้งยังมีพร์ล้ำเลิศ สมกับเป็สาวงามที่เพิ่งเฉิดฉายในอาณาจักรจ้าว” มีคนหนึ่งกล่าว จากนั้นมีคนไม่น้อยหันไปมองทางด้านหนานกงหลิงซวงด้วยสายตาเลื่อมใส
หนานกงเฉินและหนานกงหลิงซวงต่างได้รับคำเชิญจากสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เป็แขกผู้มีเกียรติ ทั้งยังนั่งรวมกับผู้ฝึกยุทธ์ของกองกำลังใหญ่แห่งเมืองหลวง นี่ทำให้หนานกงเฉินภูมิใจมากกว่าเดิม
หนานกงเฉินและหนานกงหลิงซวงยังนั่งข้าง ๆ กับสายเืตรงของตระกูลเฉิน ที่พวกเขามาครั้งนี้ก็เพื่อสนับสนุนหนานกงหลิงซวงโดยเฉพาะ ในนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่ง อายุราว ๆ 20 ปี หน้าตาหล่อเหลาไม่ธรรมดา และดูสูงส่งมาก
“เฉินอ้าวเทียนก็มาถึงแล้ว ดูท่าเื่ที่ตระกูลเฉินกับตระกูลหนานกงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จะเป็ความจริง!” มีคนกล่าวขณะหันไปมองชายหนุ่มรูปงามคนนั้น ซึ่งในเมืองหลวงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเฉินอ้าวเทียน
“แต่ข้าได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้หนานกงหลิงซวงมีสัญญาแต่งงานกับคนคนหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็ลูกหลานตระกูลเย่”
“ข้าก็ได้ยินเื่นี้มาเหมือนกัน แต่ตระกูลเย่ล่มสลายไปแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อน ดูเหมือนคนนั้นจะเป็คนไร้ค่าคนหนึ่ง ตอนนี้หนานกงหลิงซวงปลุกิญญาาหงส์ คนนั้นจะคู่ควรกับสตรีเช่นนี้ได้เยี่ยงไร? มีเพียงเฉินอ้าวเทียนเท่านั้นที่คู่ควร”
เห็นหนานกงหลิงซวงกับเฉินอ้าวเทียนอยู่บนอัฒจันทร์เดียวกัน ทั้งยังดูสนิทสนมกันมาก แม้ผู้คนจะอดคิดถึงเย่เฟิงไม่ได้ ทว่าก็ยังดูถูกเขาอีกเช่นเคย คิดว่าเย่เฟิงไม่มีคุณสมบัติพอจะคู่ควรกับหนานกงหลิงซวง
“แสดงความสามารถในการทดสอบให้ดี ๆ พร์เช่นเ้าคว้าอันดับหนึ่งมาได้แน่นอน ข้าจะให้ทุกคนในเมืองหลวงได้เห็น ว่าผู้หญิงของข้าเฉินอ้าวเทียนไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา” เฉินอ้าวเทียนกล่าวขณะดึงมือหนานกงหลิงซวงมากุมด้วยท่าทีสนิทสนม
“อืม ข้าทำได้แน่” หนานกงหลิงซวงพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“ข้าบอกกับทางตระกูลแล้ว หลังจากจบการทดสอบ ข้ากับเ้าจะแต่งงานกัน แล้วเ้าจะกลายเป็นายหญิงน้อยแห่งตระกูลเฉิน” เฉินอ้าวเทียนกล่าวต่อ
หนานกงหลิงซวงมองเฉินอ้าวเทียนด้วยแววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ ความพยายามของนางในที่สุดก็ได้รับกลับคืนมา ทำให้นางกลายเป็จุดสนใจทั่วทั้งอาณาจักรจ้าว แต่งเข้าตระกูลสูงศักดิ์ เพลิดเพลินไปกับชีวิตอันรุ่งโรจน์
ทว่าเย่เฟิงมิอาจให้สิ่งเหล่านี้กับนางได้ นางคือหงส์ผงาด อย่างไรเสียก็ต้องบินโฉบบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้