ภายในค่ำคืนมืดสนิท ณ โรงเรียนที่มีแสงไฟสีขาวประดับประดา บางจุดมืด บางจุดสว่าง ปรากฏชายสอง หญิงหนึ่งในซอกหลืบระหว่างตึก หญิงสาวใบหน้าทรงไข่ ั์ตาคมกริบ ผมสั้นสีดำแซมฟ้า
อยู่ในชุดนักเรียนกำลังเอามือทาบกำแพง โดนยกขาข้างหนึ่ง ถูกกระเด้าหีจนน้ำกระฉอก เสียงเนื้อกระทบกันทำให้ชายอีกคนควยตั้ง มองสถานการณ์อย่างอึดอัด
“อ๊ะ…อ๊ะ…อ๊ะ…แตกแล้ว…จะแตกแล้ว!”
ใช้เวลาไม่นาน ชายผมทองก็พ่นน้ำเงี่ยนขาวขุ่นเต็มรัก หญิงสาวครางเสียงหลง น้ำแตกใส่คนใต้ร่าง ปรี๊ด! นางล้มลงไปอยู่บนอกคนล่างโดยมีแฟนหนุ่มรีดน้ำควยราดแผ่นหลัง
“อ่าห์…เสร็จแล้วไปรวมกลุ่มด้วย”
อีกฝ่ายเดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวนอนหอบหายใจกับชายอีกคน , เฟนริลทำอะไรไม่ถูก ที่หัวโจ๊กนักเลง มาเย็ดแฟนสาวโชว์ตน
เขาได้แต่ยอมรับเพราะโลกนี้เมื่ออายุ 18 จะได้รับพลังพิเศษ ยิ่งระดับสูง ร่างกายยิ่งแข็งแกร่งไว และธีเรียส ชายผมทองมีพลังพิเศษระดับห้า ณ ปัจจุบันมีกายหยาบแข็งแกร่งระดับสอง
กลับกันที่เขา ‘เฟนริล’ มีพลังพิเศษ ไร้ระดับ ปกติแล้วกายหยาบจะเติบโตได้ตามเลขพลังพิเศษแต่เขาไม่มีระดับ ดังนั้นจึงเป็ร่างคนธรรมดา เขาไม่สามารถเรียกสิทธิ์อะไรได้
อีกทั้งพลังพิเศษเขาก็ใช้งานไม่ได้ด้วย เข้าขั้นไร้ประโยชน์แท้จริง ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่หน้าทาบควยผ่านกางเกงก็รู้สึกร้อนในใจ
‘น่าเย็ดฉิบหาย…’
“เป็ไรไหม?”
เขาพูดขณะจับหัวเธอ บดล่ำควยไปมาเล็กน้อย กระตุ้นต่อมความเงี่ยนหนักกว่าเก่า เฟนริลพยายามจับหญิงสาวพิงกำแพงโดยแอบถกกระโปรงให้เห็นรูหีสีชมพูที่เปื้อนน้ำเงี่ยนไหลเล็กน้อย
เธอคนนี้ชื่อ ‘อีฟ’ พลังพิเศษไม่ทราบระดับแต่จากคำบอกเล่าไม่เยอะมาก กายหยาบเป็ระดับหนึ่ง แฟนหัวโจ๊กเมื่อกี้ ทั้งยังมีข่าวลือว่า อีกไม่นานทั้งสองจะเลิกกันเพราะธีเรียสหมายตาสาวงามอันดับ 1 ของโรงเรียน
เฟนริลเหลือบมองรอยสักบนข้อเท้ารูปนก ตนจำได้ว่ามันมักมา ๆ หาย ๆ ตอนมาก็มาตอนที่เอากับธีเลียส หรือว่านี่คือพลังบางอย่างของไอ้เวรนั่น?
อีฟ อายุ 18 ปี
“อย่ามาจ้องฉัน ไอ้ขยะ”
นางหอบหายใจ ผลักเขาออกไป เฟนริลยิ้มเจื่อน ถ้าไม่ติดที่ว่าตนอ่อนแอ เขาจะกระชากหัวยัยนี้ ยัดควยเข้าปาก จากนั้นกระเด้าหีให้บานฉ่ำ แตกในจนน้ำควยไหลทะลัก
ชายหนุ่มตั้งสติ สะบัดกางเกงในของเธอบนพื้นที่เปื้อนดินก่อนจะสวมใส่ให้ อื้อ! นางครางในลำคอที่เขาแอบลูบหีเธอจนสั่นระริก นางถลึงตาด้วยความโกรธ
“อะไรเหรอครับ?”
เฟนริลแสร้งไร้เดียงสา
“ไอ้…ขยะเอ๊ย!”
อีฟมองล่ำควยชายหนุ่ม เธอก็เสียววาบไปทั้งตัว รีบลุกขึ้นเดินออกจากซอกตึกทันที โดยไม่ลืมถอดกางเกงในทิ้งเพราะสกปรก เวลานั้นเสียงครูในโรงเรียนก็ดังขึ้น เฟนริลเผยสีหน้าจริงจัง
‘มาแล้ว?’ …หากครบ 18 บริบูรณ์ ทุกคนจะถูกส่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่งผ่านกฎเกณฑ์บางอย่างทุกปลายเดือนธันวาคม ไม่ว่าคุณจะอยากไปหรือไม่ก็ตาม ทุกคนจะได้ไป
เฟนริลหวนนึกถึงกระทู้มากมายในเน็ต และฉากเสียชีวิตนับครั้งไม่ถ้วนจากคำบอกเล่า เ้าตัวก็จำใจเดินไปหยิบกางเกงในมาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ
‘ฉันต้องหาทีม’
ชายหนุ่มวิ่งตามอีฟที่เดินนำหน้า เขาเห็นหีอูม ๆ จากลมพัด ดูเหมือนเธอจะเงี่ยนมากจนน้ำหี เยิ้มเต็มขา น่าเสียดายที่นางมุ่งไปยังธีเลียส เขาจึงไม่กล้าเพราะอาจถูกใช้เป็โล่มนุษย์ในการแข่งขัน
วินาทีนั้น เมื่อทุกคนถึงสนามกีฬากว่าห้าร้อยชีวิต อาจารย์ก็พูดขึ้น
“ฟัง! อีกห้านาที ทุกคนจะเข้าสู่ 'ผืนผ้าใบจิตรกร' ใครก็ตามที่สามารถผ่านภาพวาดจะต้องแสดงหน้าต่างความสำเร็จของระบบ ยิ่งผ่านผืนผ้าใบในครั้งเดียวยิ่งง่ายต่อการศึกษาเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ"
"กลับกัน! ใครที่ไม่สามารถผ่านได้แม้แต่นิด กรุณารอจนกว่าเวลาจะหมด อย่างน้อยแม้ไม่ผ่านก็ยังมีชีวิตรอด”
ชายวัยกลางคนกล่าวเสริม
“ระดับความยากของผืนผ้าใบจิตรกรมีั้แ่ วิตกกังวล ความน่าสะพรึง สยดสยอง และฝันร้าย…แต่ละขั้นจะมีความยากแตกต่างกันไป อาจารย์แนะนำว่า ยิ่งคนน้อย โอกาสที่จะถูกโยนไปยังฝันร้ายก็ยิ่งมีมากขึ้น"
"ดังนั้นกรุณาจงจับกลุ่มกันให้ดี เมื่อถึงศูนย์นาฬิกาเมื่อไหร่ ใครที่ไม่จับมือกันจะถูกส่งไปยังผืนผ้าใบไม่เหมือนกัน ฉะนั้นอย่าลังเลหาก้าที่จะอยู่รอด กรุณาแบกหน้าไปขอคนอื่น มิฉะนั้นก็เน่าตายอยู่ในนั้น!”
เฟนริลตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาพยายามเปิดระบบตามที่พูดแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยา ‘ระบบฉันพังรึเปล่า?’
ชายหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือ เมื่อถึงเที่ยงคืน เขาก็ไม่รอช้ายื่นมือไปจับสาวตรงหน้าหวังรอดจากฝันร้าย
ฟูม!! พริบตานั้นโลกทั้งหมดก็กลายเป็ฝุ่น ทุกคนร่วงลงสู่ภาพจิตรกร พริบตานั้นเสียงที่มักเกิดในหูทุกอื่นก็ดังขึ้นแต่เสียงนี้เป็สิ่งเขารอมานานหลายเดือน
---
ติ้ง!! [ยินดีต้อนรับเข้าสู่ผืนผ้าใบจิตรกรระดับฝันร้าย ‘Starry Night’
[คำเตือน-1] พลังพิเศษใช้ได้เพียงสามครั้ง
[คำเตือน-2] ขอบเขตร่างกายถูกกำหนดไว้ไม่เกินหนึ่ง
[คำเตือน-3] อุปกรณ์ประกอบฉากและของจากโลกภายนอกงดเว้นการใช้งาน
[คำเตือน-4] ไร้เวลาสิ้นสุดผืนผ้าใบ
ภารกิจของท่านคือ ‘หาหนทางออกจาก Starry Night ให้สำเร็จ’ ระบบอธิษฐานให้ทุกท่านผ่านพ้นด้วยดี]
---
พึบ เมื่อเฟนริลลืมตาขึ้น เขาก็อยู่บนถนนยามค่ำคืน ด้านซ้ายเป็หมู่บ้านไม่ไกลประมาณสามสิบเมตร ฝั่งขวาเต็มไปด้วยป่าขนาดใหญ่
และเนินสูงสู่ป่าหนาทึบ จุดที่เขาอยู่ปรากฏแสงอ่อนสีฟ้าจากดวงดาวสาดส่องลงมา เกิดเงาดำใต้ร่าง พื้นที่แห่งนี้ไม่มีไฟรายทางแต่มองเห็นไม่ยาก
“นายจำภาพวาดได้รึเปล่า?”
เสียงหวานใสดังขึ้น เขาหันไปมองก็พบว่าตนแอบจับมืออีกฝ่ายอยู่ เธอมีใบหน้าทรงไข่ ผมยาวสลวยกลางหลังสีขาว ั์ตาสีแดง ริมฝีปากอวบอิ่ม
ต่างหูอำพันลักษณะเส้นขีดอย่างละสองซ้ายขวา หุ่นทรงนาฬิกาทราย หน้าอกหน้าใจใหญ่น่าัั
สวมชุดเดรสผูกคอกระโปรงผ่าข้างสีดำทำจากหนัง สไตล์ชุดราตรี กับเครื่องประดับอำพันคล้ายโซ่เป็สร้อยรอบคอ รอบเอว กับถุงมือหนัง
ชายหนุ่มเหลือบมองกำไลบนข้อมือสีทองราคาแพง และขาเรียวงามใส่ถุงน่องยาวน่าค้นหา
เฮเลน อายุ 18 ปี
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเล็กน้อย ไม่ปล่อยมือกลับตอบคำถาม
“ภาพวาดใช้สีน้ำมัน เน้นเทคนิคอิมเปสโต้ , บรัชสโทรค์ , การตัดกันของสี , สวิง , โค้งและเกลียว…โทนสีส่วนใหญ่เป็ฟ้า เหลือง ส้ม เขียว"
"ลักษณะของผลงานเป็ท้องฟ้ายามค่ำคืน ประกอบด้วยดวงดาวมากมาย ถ้าจำไม่ผิดท้องฟ้าค่อนข้างวุ่นวาย ผันผวน เป็เกลียวคลื่นรบกวนรอบดวงดาว"
"ขณะที่ขวาล่างเป็ป่าไม้เล็ก ๆ ก่อนขึ้นเนินเขา กลางภาพคือหมู่บ้านกับโบสถ์ ซ้ายสุดคาดว่าเป็ต้นไซเปรส สูงยาวเลยภาพจิตรกรไป"
"จุดเด่นน่าจะมีสามอย่าง ดวงดาวที่ใหญ่สุดซ้ายบน โบสถ์ ณ จุดกึ่งกลาง และซ้ายสุดเป็ต้นไซเปรส”
เฮเลนมองด้วยความทึ่งเพราะเธอรู้ว่าเฟนริลคือใครเนื่องจากเขาโด่งดังมากที่มีพลังพิเศษระดับศูนย์
และไม่คาดคิดเลยว่าจะอยู่ในผืนผ้าใบด้วยกันแม้จะถูกบังคับให้ร่วมกันก็ตามดังนั้นสายตาหญิงสาวจึงเกิดความสนใจเป็พิเศษ
“ว่าต่อสิ…”
เฟนริลยิ้มแห้งเพราะเขาจำเก่งแค่นั้น
“จุดที่เราอยู่น่าจะเป็ขวาล่างของภาพ คั่นกลางระหว่างป่าไม้ก่อนเนินสูง กับหมู่บ้านทางซ้ายมือ"
"ถ้าพูดตามตรงภารกิจของเราคือ ‘ออกจากภาพวาดนี่’ ซึ่งเมื่อเทียบกับโทนสีแล้วคาดว่าจิตรกรคงทรมาน สิ้นหวัง และอยากหาทางออก"
"เราคงได้รับบทบาทบางอย่างเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของเขาโดยการไปถึงในจุดที่เขาไปไม่ถึง บางทีนั่นอาจเรียกว่าความหวัง"
"และความหวังก็น่าจะเป็ดวงดาวบนฟ้าแต่หาข้อมูลยากเกินไป ดังนั้นก็เหลือแค่โบสถ์ที่จะทำให้เราหนทางใหม่ นี่คือเบาะแสแรกของเรา”
เฮเลนเผยยิ้ม
“เก่งมาก…”
นางพูดก่อนจะเดินนำหน้า เฟนริลอึ้งเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ ขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหว สายตาก็เหลือบไปเห็นจุดดำ ๆ เล็ก ๆ นอกสายตา
จุดดำนั้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ รูปร่างคล้ายมนุษย์แต่ใช้เวลาไม่นานขณะอยู่ในความมืด ร่างนั้นก็หายไปราวกับไม่มีตัวตน เฟนริลขมวดคิ้วจดจำสถานการณ์ดังกล่าวชัดเจน
‘ที่นี่ระดับฝันร้าย เหตุการณ์ต่าง ๆ จะยุ่งยาก’
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าเพื่อดูดวงดาวที่ใหญ่สุด เขากลับพบว่าดวงดาวทั้งหมดไม่มีส่วนไหนเลยที่สว่างสุด หรือใหญ่สุดซึ่งต่างจากภาพจิตรกรก่อนหน้านี้
‘บิดเบือน?’
วินาทีนั้นท้องฟ้าที่ดูบิดเบี้ยวส่งผลให้เขาปวดหัว พร้อมเจตนาฆ่าบางอย่างในใจ เฟนริลก้มลงตั้งสติ พริบตานั้นความรู้สึกทั้งหมดก็อันตรธานหายไป
‘ผลกระทบทางจิตใจ?’
เฟนริลคาดว่าหากมองท้องฟ้านานกว่านี้ เขาอาจเกิดอาการคลุ้มคลั่งไล่ฆ่าคนอื่น เ้าตัวพยายามระงับสติ จำได้ว่าระยะเวลาหมดภารกิจนั้นไร้ที่สิ้นสุด นั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถรออยู่เฉย ๆ และรอดจากผืนผ้าใบนี้ได้
…จนกว่าเขาจะสามารถเคลียร์ที่นี่ได้สำเร็จ ไม่ก็ติดอยู่ตลอดกาล
เฟนริลเปิดใช้พลังพิเศษเล็กน้อยอย่างคาดหวังเพราะตนไม่เคยเรียกได้มาก่อน พึบ! พริบตานั้นหนังสือสีดำบางอย่างก็ปรากฏตรงหน้า
ชายหนุ่มเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น แม้จะสงสัยว่าเกิดขึ้นได้ไง ขณะนั้นหนังสือดังกล่าวก็เผยให้เห็นข้อความข้างใน
---
ฉันชื่อโอริเวอร์ เฟนริล มิสติก
ฉันถูกดึงเข้ามาใน ‘Starry Night’ ระดับฝันร้าย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมที่นี่อันตรายจึงลองเสี่ยงดวงดู…หากโบสถ์คือเบาะแสที่ดี บางทีเราอาจกลับบ้านแต่ในขณะที่ฉันมุ่งสู่เบาะแส ฉันกลับนึกถึงหนังสือสีดำ
หนังสือสีดำบอกฉันว่า ภาพวาดนี้ถูกสร้างจากจิตรกรชื่อดังนามว่า ‘Vincent Van Gogh’ ณ โลกอื่นที่ฉันไม่รู้จัก
แวนโก๊ะนั้นวาดภาพนี้ในปี ค.ศ. 1889 ในโรงพยาบาลจิตเวช ความสำเร็จของเขาคือการขายวาดภาพได้เพียงชิ้นเดียวทั้งชีวิต
…ขณะที่เขาวาด ‘Starry Night’ อยู่ ชีวิตของเขากลับวนลูปอยู่กับความสิ้นหวังและความเชื่อของตน
ดวงดาวที่ล้อมรอบด้วยคลื่น แสดงถึงความหวังแต่ถูกบางอย่างรบกวนจนยากจะไปถึง แม้จะพยายามเท่าไหร่ก็ถูกกระแสพัดผ่านไปทางอื่น
ท้องฟ้าสีเข้ม อธิบายถึงความเหงา ทุกข์ทน และปรารถนาที่จะหลีกหนีความจริง
โบสถ์และเมืองคือ สัญลักษณ์ของผู้คน ความเชื่อ และความหวังแต่ในขณะเดียวกันทั้งที่ไขว่คว้าได้กลับเต็มไปด้วยความเงียบสงัด
ดินแดนนี้ดั่งไร้คน ไม่มีสัญลักษณ์ความหวังอีกต่อไป และต้นไซเปรสที่เปรียบเสมือนความตาย ความทุกข์ทรมาน
่ชีวิตของแวนโก๊ะนั้นประสบความสำเร็จสูงสุดเมื่อเขาเสียชีวิต…เขาไม่มีทางได้เห็นด้วยซ้ำว่าตนกลายเป็จิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกได้อย่างไร นั่นอาจเป็ความเสียใจอย่างหนึ่งของเขา
---
เฟนริลเบิกตากว้าง หัวใจเต้นโครมคราม นี่คือคำใบ้! คำใบ้สำหรับการผ่านระดับฝันร้าย!! ชายหนุ่มเผยยิ้มยินดี แสดงสายตามุ่งมั่นไม่ปกปิด พลังพิเศษของเขาอาจไม่ได้แข็งแกร่งเื่การต่อสู้แต่มีไว้เพื่อพิชิตผืนผ้าใบต่างหาก!
‘เหลืออีกสองครั้งเท่านั้น ฉันควรใช้ให้ดี’
เฟนริลตามเฮเลนจนถึงโบสถ์ในที่สุด เขาพบว่าละแวกนี้เต็มไปด้วยผู้คน และคนทั้งหมดมาจากโรงเรียนเขา?
ชายหนุ่มเกิดความสงสัย ปกติแล้วเมื่อเข้าสู่ภาพวาดจิตรกรจะถูกสุ่มงานศิลป์ในแต่ละกลุ่มแต่นี่กลับไม่ใช่?
เฟนริลครุ่นคิดและโล่งใจ เพราะอย่างน้อย คนมาก ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น มากสุดเขาสามารถปล่อยให้คนอื่นตายแทนได้
‘ที่นี่ค่อนข้างเล็ก…คับแคบ…แถมเสียงสนทนาคนอื่นยังดังด้วย…อีกไม่นานคงได้รู้ว่าเหลือผู้รอดชีวิตกี่คน’
เฟนริลรู้สึกสนใจต้นไซเปรสสีดำมากกว่า มันอยู่ทางทิศใต้ รูปร่างเหยียดยาวสูงทะลุฟ้า
ลักษณะราวกับรากไม้จำนวนมากเบียดเสียดเข้าหากัน บริเวณดังกล่าวนั้นค่อนข้างมืดและเขารู้สึกว่ามีบางอย่างในนั้นจ้องสวนกลับมา
“นายคิดอะไรอยู่?” เฮเลนถาม
ชายหนุ่มได้สติพลางส่ายหน้า
“เปล่า แค่รู้สึกว่าความมืดที่นี่มืดกว่าในโลกเรามาก”
เขาแสร้งทำเป็ลึกลับเพราะจากการเห็นเงาก่อนหน้านี้ เฟนริลรู้สึกว่าการอยู่ท่ามกลางแสงสว่างจากดวงดาวคือหนทางที่ฉลาดที่สุด
เขารู้ว่าหากนั้นคืุ์จริง คนคนนั้นอาจจะตายแต่หากไม่เป็มนุษย์ ความมืดก็ยังไม่ใช่เส้นทางปลอดภัยอยู่ดี เฟนริลเผยสีหน้าจริงจัง
“เธอควรอยู่ใต้แสงสว่างไว้…ถ้าไม่อยากตาย”
นางเผยสีหน้าสนใจ
“แล้วโบสถ์ละ…ที่นั่นมืดมาก”
เฟนริลเผยยิ้ม
“ไม่รู้สิ อาจจะเป็ตัวหลอกก็ได้ ใครจะไปรู้”
เฮเลนรู้สึกสนใจชายคนนี้มากและพยายามสอบถามอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าเฟนริลไม่ได้คิดจะสนทนากับเธอแม้เขาจะชอบหีแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลากระเด้าคน
อีกทั้งการพูดคุยกับสาวงามอาจนำมาสู่ความตายในเมื่อตอนนี้ขอบเขตร่างกายถูกจำกัดไว้ไม่เกินหนึ่ง ฉะนั้นต่อให้มีอีกไม่กี่คนก็มากพอจะข่มเหงใครก็ได้ ถ้ามาเป็กลุ่ม
“เธอควรอยู่ห่างจากฉัน”
เฟนริลปลีกตัวเพราะเห็นคนมาใหม่ ชายคนนั้นคือ ธีเลียส กับอีฟ และสมาชิกสามคน โชคดีที่เขาหลบทันด้วยร่างกายคนจำนวนมากจึงไม่ถูกเพ่งเล็งให้กลายเป็เหยื่อล่อในอนาคต
เฟนริลคิดว่าตนควรถอยห่างไปไกล ๆ ไม่ก็จัดการใครสักคนเพื่อสนับสนุนสมมติฐานตัวเอง บางทีขณะนี้อาจเป็่ปลอดภัยก่อนพายุโหมกระหน่ำ
/// จบตอนที่ 1 ///
เฟนริล อายุ 18 ปี (ประเมินตัวเอง ฉวยโอกาส ขี้เงี่ยน เก็บกด เสแสร้ง(เปลี่ยนนิสัยต่าง ๆ ด้วยหน้านิ่ง นอกนั้นจะฝืนธรรมชาติ) เล่นตลกไม่ดูสถานการณ์ นักวิเคราะห์ ใจเย็น สุขุม ชอบตั้งสมมติฐาน เป็พวกรอบคอบแต่ก็ชอบลืมรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จนเป็ปัญหา) และจะหงุดหงิด โมโหมากเมื่อคนอื่นไม่มีเหตุผลดีพอ(ขณะที่เขาอาจจะตายเพราะการตัดสินใจอีกฝ่าย)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้