เซียวเจี๋ยกล่าวจบ เขามองหอกัเงินประกายด้านข้างเขาทันที “ที่เ้าพูดถึงเมื่อครู่คงเป็หอกเล่มนี้สินะ ได้ยินมาว่า มันเป็อาวุธที่พ่อเ้าเคยใช้ ตระกูลเย่เ้าแค่พวกสวะ พวกเ้าก็ยังเอาอาวุธเช่นนี้มาเป็มรดกสืบทอดได้!”
ในน้ำเสียงของเซียวเจี๋ยแฝงความดูถูก เพราะเขาไม่ชอบหน้าเย่เฟิงมานานแล้ว
เป็เพียงเศษสวะที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 2 แล้วจะคู่ควรกับหนานกงหลิงซวงผู้เป็ลูกพี่ลูกน้องของเขาได้เยี่ยงไร
ขณะนั้นเซียวเจี๋ยหยิบหอกัเงินประกายขึ้นมา จากนั้นโยนลงพื้นก่อนจะใช้สองเท้าเหยียบย่ำตัวหอก สายตามองเย่เฟิงด้วยความเย้ยหยัน
“ขยะใช้อาวุธขยะ ขยะอย่างเ้าเหมาะกับหอกนี่!”
“โครม!” เซียวเจี๋ยเตะหอกัเงินประกายไปทางเย่เฟิง
เย่เฟิงมองเซียวเจี๋ยด้วยดวงตาที่เปี่ยมด้วยจิตสังหารเยือกเย็น เซียวเจี๋ยไม่เพียงแต่ด่าเย่เฟิงว่าเป็เศษขยะ แต่ยังใช้เท้าเตะหอกัเงินประกาย
เย่เฟิงเห็นหอกัเงินประกายประหนึ่งบิดาผู้ให้กำเนิด แต่การกระทำของเซียวเจี๋ยเป็การดูิ่บิดาของเย่เฟิง และดูถูกตระกูลเย่อย่างไม่ต้องสงสัย
เย่เฟิงก้มลงหยิบหอกัเงินประกายขึ้น จากนั้นมีเสียงกรีดร้องเบา ๆ ออกมาจากตัวหอก คล้ายกับบอกให้เย่เฟิงรู้ว่ามันกำลังโกรธ
“เ้าอยากตายงั้นหรือ?” น้ำเสียงของเย่เฟิงเยือกเย็นขั้นสุด เห็นได้ชัดว่าเซียวเจี๋ยทำให้เย่เฟิงโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว
“ฮ่าๆๆ! เ้านี่ช่างน่าขันนัก! ข้าดูถูกเ้าแล้วอย่างไรเล่า เ้าจะทำอะไรข้าได้? ยังไงชีวิตเ้าก็ต่ำตม!” เซียวเจี๋ยแสยะยิ้ม เขากระทั่งไม่เห็นเย่เฟิงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ คิดว่าเย่เฟิงถูกเขาเหยียดหยามก็คงทำได้เพียงยอมรับเอง
“ชิ้ง!” แววตาของเย่เฟิงดูเยือกเย็นขั้นสุด ขณะที่เซียวเจี๋ยพูด เขาก็เคลื่อนไหว ปลดปล่อยพลังของขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5 การเคลื่อนไหวจึงประหนึ่งลำแสง ไปเยือนเบื้องหน้าเซียวเจี๋ยในพริบตา
เซียวเจี๋ยใ เขาไม่คิดว่าท่าร่างของเย่เฟิงจะว่องไวปานนี้ เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 4 กลับตามเย่เฟิงไม่ทัน
“วูบ” เย่เฟิงไม่พูดพร่ำเพรื่อ ปลายหอกแทงไปที่เท้าซ้ายของเซียวเจี๋ย ซึ่งเป็เท้าข้างนี้ที่เหยียบหอกัเงินประกาย เย่เฟิง้าทำลาย จึงใช้วิธีนี้เอาคืนอีกฝ่าย
“อ้าก!” เซียวเจี๋ยร้องเสียงดัง แล้วถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว สายตาจ้องมองเย่เฟิงด้วยความอาฆาต “ไอสวะ เ้ากล้าทำร้ายข้างั้นหรือ?”
“ก็แค่ทำร้ายเ้า” เย่เฟิงแสยะยิ้ม เขาเดินไปทีละก้าวจนเข้าใกล้เซียวเจี๋ย
“เ้าจะทำอะไร? ข้าคือนายน้อยตระกูลเซียวแห่งเมืองโยวโจว หากเ้าทำอะไรข้า ตระกูลเซียวไม่ปล่อยเ้าไว้แน่ แล้วบดขยี้ร่างเ้าเป็หมื่น ๆ ชิ้น!” เซียวเจี๋ยหน้าซีดเล็กน้อยขณะถอยหลังไปไม่หยุด
ขณะมองสายตาอันเยือกเย็นนั่นของเย่เฟิง เขาเกิดกลัวขึ้นมา เขาไม่เคยคิดว่าเย่เฟิงจะแข็งแกร่งเพียงนี้ เขาจึงนึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองที่ดูถูกเย่เฟิง
“เหยียดหยามอาวุธของพ่อข้า ตายซะ!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ เขาไม่สนใจคำพูดของเซียวเจี๋ย แต่ปาหอกออกไปด้วยความเร็วแสง
เซียวเจี๋ยยกมีดขึ้นป้องกัน แต่เย่เฟิงลงมือเร็วเกินไป หอกแทงทะลุลำคออีกฝ่ายจนตกตายทันที!
เืไหลมาถึงปลายหอก เซียวเจี๋ยเหยียดหยามหอกัเงินประกาย เช่นนั้นเย่เฟิงก็ใช้เืของอีกฝ่ายมาชำระล้างหอก
เย่เฟิงไม่ชายตามองเซียวเจี๋ยแม้แต่นิดเดียว เขามองไปยังที่ตั้งแสดงของหอกัเงินประกาย ก่อนจะเดินไป
ตามที่เย่เฟิงเข้าใจ ยังมีตำราลับเคล็ดวิชาหอกที่เหมาะกับหอกัเงินประกายอยู่ที่ตระกูลหนานกง
เย่เฟิงกวาดมองที่ตั้งแสดงอย่างละเอียด ซึ่งพบกลไกลับอย่างที่คาดไว้ เย่เฟิงเปิดกลไกก่อนจะปรากฏตำราเก่า ๆ เล่มหนึ่งที่เบื้องหน้า
“นี่คือตำราลับเคล็ดวิชาหอกที่ท่านพ่อเคยฝึก” เย่เฟิงเผยสีหน้าดีใจ เขาเก็บตำราลับเคล็ดวิชาหอกนั่นอย่างไม่เกรงใจแล้วออกจากหอศัสตราวุธ เย่เฟิงก้าวเดินอย่างระมัดระวังไม่นานก็ถึงประตูใหญ่ตระกูลหนานกง
“ไอ้สวะ! เ้าหนีออกมาได้ยังไง?” ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังตามหลังมา ซึ่งเป็เสียงที่คุ้นเคย
เย่เฟิงหันไปมอง ก่อนจะเห็นเงาร่างของเด็กสาวอยู่ไม่ไกลออกไป เด็กสาวคนนี้อายุประมาณ 14 – 15 ปี ใบหน้าเยาว์วัยแฝงด้วยความหยิ่งผยอง คนนี้ก็คือบุตรสาวคนที่สองของหนานกงเฉิน หนานกงหลิงยวี่
หญิงสาวคนนี้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ครอบครัวตามใจ อยากได้สิ่งใดก็ย่อมได้ จึงมีนิสัยก้าวร้าวเอาแต่ใจ ครั้งหนึ่งเย่เฟิงเคยถูกหนานกงหลิงยวี่กลั่นแกล้งหลายครั้ง จึงไม่ค่อยชอบผู้หญิงคนนี้นัก
“ตระกูลหนานกงเ้าหักหลังข้า ้ากำจัดข้า หรือข้าต้องนั่งรอความตาย? ตระกูลหนานกงผู้ยิ่งใหญ่ กลับมีการป้องกันหละหลวม ข้าล่ะรู้สึกละอายใจแทนตระกูลหนานกงเ้า!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น
“เ้าเศษขยะ คิดอยากใช้พี่ข้าเพื่อไต่เต้าขึ้นไป ยังกล้าพูดจาอวดดี วันนี้ข้าจะสั่งสอนบทเรียนให้เ้า!” หนานกงหลิงยวี่กล่าวพลางเชิดหน้าด้วยท่าทีโอหัง ไม่เห็นเย่เฟิงอยู่ในสายตา
แต่ขณะนั้นเห็นหลายเงาร่างเดินมาทางด้านนี้ ซึ่งหนานกงเฉินผู้นำตระกูลหนานกงและหนานกงหลิงซวงก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
จ้าวฟ่านมีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลหนานกงแห่กันมา เขาจะรอดไปได้หรือไม่?
แววตาของเขาเผยประกายแหลมคม เพียงพริบตาราวกับตัดสินใจได้แล้ว
ทันใดนั้น เห็นเย่เฟิงก้าวออกมาก่อนจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ หนานกงหลิงยวี่ยังไม่ทันตอบสนองก็มีปลายหอกจี้มาที่ลำคอของอีกฝ่าย
“อย่าขยับ ไม่งั้นเ้าตายแน่!”
หนานกงหลิงยวี่หน้าถอดสี นางไม่เคยคิดว่าเศษขยะอย่างเย่เฟิงจะมีพลังมากขนาดนี้ ปลายหอกเย็นเยียบและใบหน้าเ็าของเย่เฟิงทำให้นางรู้สึกได้ถึงความตาย
นางรู้ว่าหากขยับตัวสักนิด ปลายหอกนั่นคงได้แทงทะลุลำคอนางแน่
“ปล่อยนาง ถ้าเ้ากล้าทำร้ายนางแม้แต่นิดเดียว ข้ารับรองเลยว่าเ้าไม่ได้ตายดีแน่!” หนานกงเฉินกล่าวด้วยความโกรธ พร้อมกับปลดปล่อยไอสังหาร ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะหนีออกจากคุกใต้ดินได้ ทั้งยังจับตัวบุตรสาวของเขาเป็ตัวประกันอีก
“พล่ามอะไรไร้สาระ คนอยู่ในมือข้า ข้าอยากทำอะไรมันก็ขึ้นอยู่กับข้า! ตระกูลหนานกงเ้า้ากำจัดข้า เช่นนั้นข้าก็จะลากนางไปด้วย!” เย่เฟิงกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แม้อยู่ต่อหน้าหนานกงเฉิน เขาก็ไร้ซึ่งความเกรงกลัว
จากนั้นเขาไม่สนใจหนานกงเฉิน ทว่ามองไปที่หนานกงหลิงซวง สายตานั้นไร้ซึ่งความอ่อนโยนอย่างที่เคยมี
“หนานกงหลิงซวง ข้าขอถามเ้า ตระกูลหนานกงเ้าเพื่อที่จะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเฉินแห่งเมืองหลวง จึง้ากำจัดข้า เ้ารู้เื่นี้หรือไม่?”
ขณะที่หนานกงหลิงซวงมองเย่เฟิง ในแววตาก็เผยความสับสน ครู่ต่อมานางกล่าวว่า “พอกันที คบกับเ้าที่ไม่มีความก้าวหน้าอะไร ก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็ใหญ่ตอนไหน?”
แม้หนานกงหลิงซวงจะไม่ตอบคำถามของเย่เฟิง แต่เย่เฟิงก็หาคำตอบจากท่าทีของอีกฝ่ายได้
“ตระกูลเฉินมีอำนาจมากที่เมืองหลวง ส่วนเฉินอ้าวเทียนคืออัจฉริยะอันดับหนึ่ง อายุสิบห้าก็เปิดประตูิญญา ปลุกิญญาากิเลนขั้นเขียว อายุสิบเจ็ดเปิดิญญาาที่สอง อายุสิบเก้าก็บรรลุขั้นรวมชี่ที่ 6 จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า” หนานกงหลิงซวงกล่าว พูดถึงเฉินอ้าวเทียน สีหน้าของนางก็เปล่งประกายทันตาเห็น เหมือนภาคภูมิใจในตัวเฉินอ้าวเทียน
“ข้าไม่รู้ว่าเ้าจะเอาอะไรไปเทียบกับเขาได้ อย่างน้อยตอนนี้ตระกูลเฉินก็สามารถให้ในสิ่งที่เ้าไม่สามารถให้ได้ เ้ากับข้าอยู่คนละชั้นกัน เพราะงั้นเ้าก็จงยอมรับความจริงนี้ซะ” หนานกงหลิงซวงมองเย่เฟิงด้วยแววตาเฉยชาไร้ความรู้สึกใด ๆ ราวกับว่าทั้งสองไม่ใช่คนรู้จักกันั้แ่เด็ก ๆ
เย่เฟิงแสยะยิ้ม หลายปีมานี้เขาควรจะเห็นธาตุแท้ของใครบางคน แต่ก็ต้องโทษตัวเองที่ตอนนั้นใจดีเกินไป
“พูดเช่นนี้ เ้าก็คงรู้เื่นี้แล้วสินะ!”
“หลิงซวง เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว จัดการก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” หนานกงเฉินกล่าว เหมือนไม่ชอบใจที่บุตรสาวไปคุยกับเย่เฟิง
“ขืนก้าวมาแม้ก้าวเดียว นางนี่ได้ตายแน่!” เย่เฟิงเผยแววตาดุดัน ความหวังที่มีต่อหนานกงหลิงซวงมลายไป ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
ขณะนั้นปลายหอกัเงินประกายเข้าใกล้ลำคอของหนานกงหลิงยวี่ยิ่งขึ้นจนัักับผิวของอีกฝ่ายเบา ๆ รับรู้ได้ถึงความเย็นของปลายหอก หนานกงหลิงยวี่ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
“ท่านพ่อ ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย!”
หนานกงเฉินเผยสีหน้าเย็นเยียบกว่าเดิม กล่าวว่า “เ้า้าอะไร?”
“เ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะเจรจาข้อตกลงกับข้า ข้าจะออกไปจากที่นี่ หากพวกเ้ากล้าตามมา ข้าจะทำให้พวกเ้าต้องเสียใจ!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น ก่อนจะหันไปมองหนานกงหลิงซวงอีกครั้ง กล่าวว่า “ข้าเย่เฟิงถ่ายทอดหลิงหยวนดั้งเดิมเพื่อให้เ้าได้เปิดประตูิญญาอย่างไม่ลังเล ปลุกิญญาา แต่สิ่งที่กลับคืนมาคือการทรยศของตระกูลหนานกงเ้า ทั้ง ๆ ที่ข้าทำดีกับเ้ามาตั้งมากมาย นับจากนี้ไปเ้ากับข้าตัดขาดกัน หากเ้าทำผิดต่อข้า ข้าย่อมไม่เกรงใจ”
เสียงของเย่เฟิงดังสนั่นไปถึงหูของทุกคน ตอนนี้พวกเขาคล้ายตระหนักได้ถึงความแน่วแน่ของชายหนุ่ม ความเชื่อมั่นเช่นนี้ราวกับมาจากจิติญญา สลักลึกลงในกระดูกดำ เย่เฟิงพูดกับหนานกงหลิงซวง แต่เหมือนพูดกับทุกคนในตระกูลหนานกงมากกว่า ทำเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลหนานกงรู้สึกโกรธขึ้นมา แล้วปลดปล่อยไอสังหาร พวกเขาไม่คิดว่าจะถูกคนไร้ค่าคุกคามได้
“ปล่อยเขาไป!” หนานกงหลิงซวงกล่าว ในดวงตางามคู่นั้นแฝงด้วยความเยือกเย็น นางก็อยากดูว่าเย่เฟิงคนไร้ค่าจะออกไปจากตระกูลหนานกงได้อย่างไร? ถึงเวลานั้นเกรงว่าไม่ต้องให้ตระกูลหนานกงนางลงมือ เดี๋ยวเย่เฟิงก็ตายไปเอง
ได้ยินคำพูดของหนานกงหลิงซวง ผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลหนานกงก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย และปล่อยให้เย่เฟิงข้ามผ่านประตูใหญ่ของตระกูลหนานกงไป
สองชั่วยามต่อมา เย่เฟิงพาหนานกงหลิงยวี่มาถึงูเาร้างแห่งหนึ่งที่นอกเมืองโยวโจว
“เ้าจะพาข้าไปที่ไหน?” หนานกงหลิงยวี่ถาม
“เ้าพูดมากไปแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น
“หึ!” หนานกงหลิงยวี่แค่นเสียงเ็าขณะมองเย่เฟิง
“อย่าคิดว่าจับข้าเป็ตัวประกันแล้วจะหนีรอดไปได้ เพราะยังไงเศษขยะก็เป็เศษขยะอยู่วันยังค่ำ เ้าไม่มีทางเทียบเคียงพี่สาวข้าได้ พวกเ้าสองคนถูกกำหนดมาให้อยู่กันคนละโลก เฉินอ้าวเทียนก็ยิ่งไม่ใช่คนที่เ้าจะอยู่ระดับเดียวกันได้” หนานกงหลิงยวี่กล่าวอย่างโอหัง ด้วยใบหน้าเยาว์วัยที่หยิ่งผยอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้