เวินอวิ๋นโปเดินออกมาจากด้านในด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ในที่สุดก็บีบให้ตัวการของเื่ออกมาได้แล้ว ผู้คนต่างพากันเงียบไปครู่หนึ่ง
เวินอวิ๋นโปมีสีหน้าอึมครึม เขาโค้งคำนับให้ฝูงชนสามครั้ง “ข้ามาขออภัยทุกท่านขอรับ เรามิอาจปัดความรับผิดชอบกับเื่ที่เกิดขึ้นได้ แต่ข้าหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจเราเช่นกัน ทางข้าถูกคนเลวขายสูตรเครื่องหอมคุณภาพต่ำให้ในราคาสูง ข้าเองก็เป็ผู้เสียหาย...”
“ผู้เสียหาย? ผายลมน่ะสิ ชดใช้เื่ใบหน้าของบุตรสาวข้ามา!”
“ไอ้พ่อค้าหน้าเื ชดใช้มาเดี๋ยวนี้! พูดมากมิได้ประโยชน์อันใด”
เวินอวิ๋นโปถอนหายใจพลันทรุดตัวลงคุกเข่าทันที“ทุกท่านพูดถูกขอรับ แม้ข้าจะมิได้มีเจตนา แต่ความผิดครานี้ก็มิอาจให้อภัยได้ วันนี้ทุกท่านจะฆ่าจะแกง หรือจะทำอย่างไรก็ได้โปรดว่ามา หากมันจะช่วยบรรเทาความคับข้องใจของทุกท่านได้ ข้ายอมทั้งสิ้น”
ฝูงชนเงียบไปครู่หนึ่ง ต่างก็พากันมองเขาด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าคนที่ร่ำรวยอย่างเวินอวิ๋นโปจะยอมทำถึงเพียงนี้ จึงพากันใจอ่อนไปขณะหนึ่ง
ในขณะนั้นจ้าวต้านก็เหลือบมองเวินซี
“ต้องขิงแก่สินะถึงจะเผ็ด”
เวินซียิ้มเบาๆ “แต่จะเผ็ดเพียงใดก็สู้ข้ามิได้!”
จ้าวต้านมองเห็นแววตาใสๆ ของนาง ท่าทีของผู้ที่ได้รับชัยชนะนั้นโอหังยิ่งนัก ภาพนั้นทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว
สายตาของทั้งสองกลับไปที่ประตูใหญ่ของตระกูลเวินอีกครา
“ข้าน้อยขออภัยทุกท่านด้วยใจจริงขอรับ ทุกคนที่ซื้อเครื่องหอมไปแล้ว พวกเราจะไปขอโทษทุกท่านถึงบ้านตามบันทึก และจะชดใช้เป็สองเท่า! ข้าหวังว่าทุกท่านจะลืมเื่ในวันนี้ไป และให้โอกาสข้าอีกครั้ง”
“พ่อบ้านของข้าได้ไปร้านถอนเงินมาแล้ว เวลานี้ทุกท่านโปรดไปต่อแถวรอกันที่ประตูข้าง เราจะให้คนมอบขนมให้ ขอให้อดทนรอกันหน่อยนะขอรับ”
สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้เปิดใช้เครื่องหอม เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจกันหน้าบาน และกลัวเหลือเกินว่าเป็ดที่จะเข้าปากจะบินหายไปเสียก่อน จึงรีบเอ่ยปากขึ้นว่า “ท่านเวินเที่ยงธรรมยิ่งนัก!”
“ทุกท่าน เื่นี้หากจะโทษก็ต้องโทษไอ้คนเลวที่ขายสูตรเครื่องหอมปลอมให้แก่ท่านเวิน เถ้าแก่ก็เป็ผู้เสียหายเช่นกัน”
“ตระกูลเวินขายเครื่องหอมมาตั้งนมนาน เราเชื่อท่านเวินได้อยู่แล้ว”
เมื่อเื่ราวกำลังจะเปลี่ยนไป ผู้คนที่เสียโฉมเพราะเครื่องหอมก็รีบคัดค้านทันที “ข้าไม่้าเงิน เงินมากมายเพียงใดก็ซื้อใบหน้าบุตรสาวของข้ากลับมาไม่ได้ ข้าจะไปแจ้งทางการ!”
“กล้าทำเื่ชั่วร้ายได้ลงคอเพียงเพราะจะหาเงิน ข้าจะส่งเขาเข้าคุก!”
“ข้าก็จะไปแจ้งทางการเช่นกัน!" ผู้คนกลุ่มหนึ่งพากันเดินไปแจ้งทางการ ทำให้จำนวนคนลดลงไปกว่าครึ่งในทันตา
นายท่านเวินขมวดคิ้ว รีบสั่งการลูกน้องที่ยืนซื่อบื้ออยู่ข้างหลังทันที “ยังยืนชักช้าอยู่ทำไมกัน ยังไม่รีบพาพวกเขากลับมาอีก! เกลี้ยกล่อมให้พวกเขากลับมาเดี๋ยวนี้!”
ลูกน้องกลุ่มหนึ่งจึงรีบออกไปตามผู้คนที่เดินออกไปทันที
ความวุ่นวายจบลงชั่วคราว เวินซีและจ้าวต้านเลือกที่จะกลับบ้านก่อน แต่ยังไม่ทันจะถึงบ้าน จ้าวต้านก็เห็นเงาดำๆ ดิ้นอยู่แต่ไกล เขาจึงเร่งฝีเท้า เมื่อเดินเข้าไปใกล้จึงพบว่าที่ดิ้นอยู่บนพื้นนั้นเป็คน ทั้งยังเป็ญาติของเขาอีกด้วย...
คนแรกคือป้าจ้าว
เมื่อป้าจ้าวเห็นเวินซีกลับมาก็รีบพูด “พวกเราเอาของมาคืนให้หมดแล้ว”
เวินซีมองดูนางอย่างเ็า และกวาดสายตาอย่างอาฆาต “หากมีครั้งต่อไปอีก...”
ป้าจ้าวตัวสั่นขึ้นมาทันใด แล้วรีบส่ายหน้าสุดชีวิต “ไม่มีครั้งต่อไปแล้ว”
นางต้องทุกข์ทรมานเพราะน้ำมือของเวินซีถึงสองครั้งติดกัน จะกล้ามาหาเื่อีกได้อย่างไร?
“ออกไปให้พ้น”
“ได้ๆๆ”
ป้าจ้าวและพรรคพวกของนางรีบคลานออกไปทันที
“ท่านพี่ พี่สะใภ้!” เสียงของเด็กๆ ดังขึ้นอย่างชัดเจน ยียีและน้องสาวคนที่สองะโโลดเต้นวิ่งออกมา
น้องสาวคนที่สองกระโจนเข้าหาร่างของเวินซี นางชูหนังสือเล่มหนึ่งในมืออย่างมีความสุข “ท่านพี่ ท่านพี่สะใภ้ พี่ใหญ่สอนหนังสือข้าด้วย” สาวน้อยสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ นางขี้เล่นและดูน่ารักจับตา
เวินซีลูบหัวนางอย่างอ่อนโยน “เด็กดี” ใบหน้าของเวินซีเผยความอ่อนโยนที่หาได้ยาก
ยียีพูดว่า “พวกท่านป้าเหมือนจะเป็บ้าไปแล้วขอรับ ไม่เพียงแค่นำของมาคืนเท่านั้น พวกนางยังพูดขอโทษขอโพยตลอดทางเลยด้วย”
เวินซียิ้มเบาๆ “เดิมทีก็เป็ความผิดของพวกเขา มาขอโทษก็ถูกแล้ว วางใจเถิด ต่อไปนี้พวกเขาจะไม่กล้ามารังแกพวกเ้าอีก”
“ท่านพี่สะใภ้พูดถูกขอรับ” ดวงตาของยียีเต็มไปด้วยความชื่นชม
ตอนนี้ใกล้จะค่ำแล้ว เลยเวลาทานมื้อเย็นมาสักพักใหญ่ ขณะนั้นจ้าวต้านกำลังยุ่งอยู่กับงานในครัว แม้ว่าทักษะการทำอาหารของเขาจะไม่ดีนัก แต่ตอนนี้ที่บ้านก็มีข้าว ผักและเนื้อสัตว์ อาหารที่ทำออกมาจึงไม่ได้ทานยากอันใด
ส่วนเวินซีเข้าไปทำยาอยู่ในห้องคนเดียว
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ยียีก็ไปเรียกนาง แต่เวินซีหาข้ออ้างให้เขากลับออกไปก่อน
ตอนกลางคืน ก่อนที่จ้าวต้านจะเตรียมตัวพักผ่อน เวินซีก็ยังคงขมีขมัน ภายใต้แสงเทียน นางกำลังเอายาสีดำที่อยู่บนโต๊ะมาปั้นเป็ลูกกลมๆ ใบหน้านั้นไม่อาจซ่อนความง่วงจากการทำงานเป็เวลานานได้
เมื่อจ้าวต้านจ้องมองนางก็รู้สึกผิด ถึงแม้นางจะเป็ภรรยาของเขาเพียงแค่ในนาม แต่เขาก็ไม่ควรจะต้องให้นางลำบากเช่นนี้
เวินซีััได้ถึงการจ้องมอง จึงชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “พักผ่อนเร็ว”
จ้าวต้านพยักหน้าเงียบๆ เขาเอนกายนอนลงบนเบาะที่พื้น ก่อนหลับตาลง
เวินซีได้ยินเสียงหายใจหนักๆ ของเขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงเหลือบไปมอง แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอกบ้าน
นางแสร้งทำเป็ว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้นและปั้นยาต่อไป
จ้าวต้านที่นอนอยู่บนพื้นก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านนอกเช่นกัน เขาลืมตาขึ้น แต่ยังไม่ทันจะเคลื่อนไหว จู่ๆ ก็มีกลิ่นหอมแปลกๆ โชยเข้ามา ทำให้เขารู้สึกเวียนหัวและหมดสติไปอย่างรวดเร็ว
ด้านนอกห้องมีเสียงแ่เบาดังเข้ามาอีกครา เวินซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ
ไม่นานนักเสียงนั้นก็เงียบหายไป
นางเดินไปข้างกายจ้าวต้าน เลิกเสื้อคลุมของเขาออก เผยให้เห็นเืที่ไหลซึมอยู่บริเวณข้างใต้หัวใจของเขา
ได้รับาเ็มาแท้ๆ แต่กลับไม่พูดอันใด
อดทนเก่งเสียจริงนะ
เวินซีถอนหายใจ หยิบขวดยาออกมาจากอกแล้วทาลงบนแผลให้ ปลายนิ้วของนางรู้สึกอุ่นเมื่อได้ััมัน ไม่รู้เพราะเหตุใดตนเองถึงสั่นไปด้วยเช่นนี้
...
ปกติจ้าวต้านจะตื่นเช้ามาก แต่วันนี้เมื่อเขาตื่นขึ้นมา ยียีก็ไปยังสำนักศึกษาแล้ว
เอ้อเอ้อร์ยกโจ๊กมาถึงข้างเตียง เมื่อเห็นเขาตื่นขึ้นนางก็มีสีหน้าดีใจ “พี่สะใภ้เหลือโจ๊กไว้ให้ท่านพี่เ้าค่ะ”
จ้าวต้านลุกขึ้นนั่ง มองไปที่เนื้อชิ้นโตในชาม “พี่สะใภ้ล่ะ?”
“นางพาน้องเล็กไปตลาดเ้าค่ะ เหมือนว่าจะไปขายยา”
ขายยาหรือ?
จ้าวต้านคิดถึงเม็ดยาพวกนั้น
ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้นมาในสมองทันที สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่เสียงแปลกๆ ที่ดังมาจากด้านนอกห้อง
“ท่านพี่รีบทานเถิดเ้าค่ะ มิเช่นนั้นจะเย็นหมด” เมื่อน้องสาวเอ่ยปาก สติของเขาก็พลันกลับมา
เขารับชามแล้วคีบชิ้นเนื้อป้อนให้น้องสาว ทว่าเอ้อเอ้อร์กลับส่ายศีรษะแล้วปฏิเสธเสียงแข็ง “พี่สะใภ้บอกว่าท่านพี่าเ็มา ต้องทานเนื้อบำรุงร่างกายให้มากเ้าค่ะ”
จ้าวต้านอึ้งไปครู่หนึ่งพลันก้มลงดูาแ ก่อนจะพบว่ามีคนทายาและพันแผลไว้ให้แล้ว
นางรู้ได้อย่างไรกัน?
ทางด้านของเวินซีนั้นมาถึงตลาดั้แ่ตอนเช้าตรู่ ตลาดยังคงเงียบเชียบ มีเพียงพ่อค้าแม่ค้าบางคนที่มาถึงเร็ว และกำลังจัดวางของขาย
เวินซีเลือกสถานที่ที่ไม่ห่างไกลออกไปนัก กางผ้าขาวลงบนพื้น แล้วเทเม็ดยาที่ทำเมื่อวานออกมา
เม็ดยาสีดำดุจไข่มุกส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงแดดยามเช้า
ซันซานร้องงอแงและนั่งลงข้างๆ ผ้าขาว จากนั้นหยิบเม็ดยาขึ้นเล่นไปมา และกำลังจะนำเข้าปากไปโดยไม่รู้ตัว เวินซีจึงรีบคว้ามือของเขาไว้ “ทานไม่ได้นะ”
แม้ว่าซันซานจะไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นเวินซีมีสีหน้าจริงจัง เขาจึงวางมือลงอย่างเชื่อฟัง
ในตลาดเริ่มมีผู้คนมากขึ้นแล้ว เวินซีจึงหยิบโทรโข่งที่ทำเองเมื่อวานออกมา กระแอมซ้อมเสียงแล้วเริ่มป่าวประกาศ “ทุกท่านยังทนทุกข์เพราะเครื่องหอมปลอมอยู่หรือไม่เ้าคะ? วิถีปรุงยาของบรรพบุรุษของข้า มียาวิเศษที่ช่วยให้ทุกท่านฟื้นคืนรูปลักษณ์ได้...”
จากนั้นก็มีผู้คนจำนวนมากรุมล้อมเข้าไป เพราะสนใจโทรโข่งที่เวินซีถืออยู่ในมือ น้อยคนนักที่จะสนใจยาของนาง
ผู้คนมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขนาดที่บางคน้าที่จะซื้อโทรโข่ง แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดสนใจตัวยา
เมื่อเห็นเช่นนั้น เวินซีจึงคิดจะประกาศสรรพคุณของยาอีกครา แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้หยิบโทรโข่งออกมา ด้านข้างก็มีบุรุษผู้หนึ่งะโขึ้น เสียงของเขาดังมาก ด้อยกว่าโทรโข่งของนางไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ยาเมี่ยว [1] วิเศษ ยาเมี่ยววิเศษ สามารถกำจัดพิษจากเครื่องหอมคุณภาพต่ำของตระกูลเวินได้!”
มีคนกล้าลองดีกับนางอย่างนั้นหรือ?
เชิงอรรถ
[1] ยาเมี่ยว 苗药 ชนเผ่าเมี่ยวในจีนมีวัฒนธรรมการทำยาและทักษะการแพทย์ที่ยาวนาน ยาจากชนเผ่าเมี่ยวจึงได้ชื่อว่าเป็ยาชั้นดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้