ในสภาพสังคมนี้ ต่อให้มีเงินก็ไม่เท่ากับเป็ขุนนาง การกำหนดสถานภาพทางชนชั้นของบัณฑิต ชาวนา ช่างฝีมือและพ่อค้า เป็สิ่งที่คงอยู่มานานหลายปีแล้ว พ่อค้าแม้จะร่ำรวย แต่สถานภาพทางสังคมกลับอยู่รั้งท้าย ช่างทำให้คนยากจะรับได้จริงๆ
หาก้าก้าวข้ามระยะห่างทางชนชั้นก็สามารถทำได้โดยเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการ หากพึ่งเงินติดสินบนสานสัมพันธ์กับขุนนาง ไหนเลยจะช่วยให้บุตรหลานตระกูลตนเองเข้ารับราชการได้ง่ายยิ่งขึ้นกัน?
ครอบครัวของเ้าอ้วนน้อยก็อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ มีเงินแต่ไม่มีอำนาจ ดังนั้นจึงฝากความหวังไว้ที่ตัวเขา หวังว่าเขาจะสอบเข้ารับราชการ ได้เป็ขุนนางนำมาซึ่งศักดิ์ศรีแก่วงศ์ตระกูล เฉิงชิงน่าสงสาร เ้าอ้วนน้อยก็รู้สึกว่าตนเองน่าสงสารด้วยเช่นกัน มีเงินแล้วอย่างไรเล่า ยังถูกพวกบัณฑิตยากไร้ดูถูก ตัวเขาไหนเลยจะมีคุณสมบัติไปเห็นใจเฉิงชิง เขาถูกคนในครอบครัวส่งมายังสถานศึกษาหนานอี๋ นอกจากหวังจะให้เขาสอบได้คุณวุฒิแล้ว ยังเพื่อให้เขาสามารถคบสหายสร้างเครือข่าย
ทุกคนต่างกีดกันเฉิงชิง หากผู้ใดเข้าใกล้ ผู้นั้นก็จะถูกกีดกันไปด้วย ความเห็นใจอันเบาบางของเ้าอ้วนน้อยเพียงพริบตาก็จางหายไปราวกับหมอกควันในอากาศ
ในขณะที่จะเอ่ยคำ สหายร่วมห้องพักก็เอ่ยเสียงต่ำ
“ดูเร็ว อวี๋เสี่ยนมาแล้ว!”
คงไม่ใช่หรอกมั้ง เ้าอ้วนน้อยหันศีรษะ เห็นอวี๋เสี่ยนพาสหายร่วมเรียนหลายคนเดินมาอย่างรวดเร็ว ย่างก้าวเช่นนั้น สีหน้าท่าทางเช่นนั้น ช่างเป็ท่าทีที่ไม่สนใครหน้าไหน ขาดแค่เพียงเขียน ‘ไม่ควรหยอกล้อด้วย’ บนใบหน้าเท่านั้น
อวี๋เสี่ยนย่อมมาหาเื่เฉิงชิงเป็แน่!
ไม่เพียงแต่เ้าอ้วนน้อย คนอื่นๆ ต่างก็หันศีรษะมองไปรอบๆ ดูอวี๋เสี่ยนพุ่งตรงไปยังห้องของเฉิงชิงอย่างดุร้าย หรือว่า้าจะทุบตีกัน?
เฉิงชิงเพิ่งจัดวางสิ่งของเข้าที่เสร็จก็สำรวจห้องพักของตนเองอย่างพึงพอใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นใบหน้าที่ชวนให้รู้สึกรังเกียจของอวี๋ซานโผล่มาจากประตูทางเข้า
เด็กรับใช้สองคนที่นายท่านห้าเฉิงส่งมาช่วยเหลือนางถูกนางส่งกลับไปนานแล้ว ยามนี้เฉิงชิงหัวเดียวกระเทียมลีบ… แต่นางก็ไม่กลัว ภายใต้สายตาจับจ้องของผู้คน หากอวี๋ซานกล้าลงมือกับนาง สถานศึกษาก็ไม่อาจทนกับอวี๋ซานได้
“ศิษย์พี่อวี๋อุตส่าห์มาเยือนถึงที่ มีสิ่งใดจะชี้แนะหรือ?”
ใบหน้าของเฉิงชิงปรากฏรอยยิ้ม ้าจะถามพวกอวี๋ซานอย่างมากว่าที่ต้องคัดหลุนอวี่สิบจบนั้นคัดเสร็จหรือยัง
สีหน้าของอวี๋ซานคล้ำลง “ข้าไหนเลยจะกล้าชี้แนะเ้า เ้าเป็ถึงผู้ที่สามารถทำให้ผู้นำตระกูลเฉิงและเมิ่งเจี้ยหยวนมาทวงความยุติธรรมให้”
น่าสงสารงั้นหรือ?
ร่างกายของเฉิงชิงบอบบางราวกับจะสามารถปลิวไปตามสายลมได้ ทั้งยังถูกผู้คนทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว มองดูแล้วน่าสงสารอย่างมาก แต่อวี๋ซานรู้ว่าย่อมไม่เป็เช่นนั้น เฉิงชิงผู้นี้มีที่พึ่ง!
คัดหลุนอวี่สิบจบภายในสามวันข้อมือก็แทบจะหักแล้ว ความแค้นนี้ยิ่งทำให้เขาจำเฉิงชิงได้ขึ้นสมอง!
เฉิงชิงหัวเราะ “นั่นก็คงไม่สนุกสนานตามอำเภอใจเท่าที่ศิษย์พี่อวี๋ผ่านมาหรอก”
นางมีที่พึ่งอันใดกัน คนหนึ่งคือท่านปู่สายรอง อีกคนหนึ่งคือศิษย์พี่ที่เคยพบกันเพียงสองครั้ง หากนางมีบิดาที่เป็เ้าเมือง นางก็คงจะตีอวี๋ซานจนลงไปคลานกับพื้นนานแล้ว
นางไม่อยากจะลับฝีปากกับอวี๋ซาน
“เชิญศิษย์พี่อวี๋ทำตัวตามสบาย ข้าเพิ่งจะเข้าสถานศึกษา มีเื่เล็กน้อยให้ทำมากมาย ไม่มีเวลามาคุยเล่นกับศิษย์พี่อวี๋หรอก!”
เฉิงชิงขาดแค่เพียงกล่าวอย่างชัดเจนว่าหากพวกอวี๋ซานไม่มีธุระก็ไสหัวไป อย่ามาอยู่ต่อหน้าให้เกะกะลูกตานาง
พวกเ้าอ้วนน้อยที่มาดูเื่สนุกล้วนถอนหายใจ เฉิงชิงมีความกล้าเกินไปแล้ว เป็เพราะมีผู้นำตระกูลเฉิงและเมิ่งเจี้ยหยวนสนับสนุนจริงๆ น่ะหรือ?
เมื่อมองอวี๋ซานอีกรอบ มือที่ปล่อยไว้ข้างลำตัวก็กำจนเป็หมัด ภายในพริบตาเดียว หมัดนั้นก็อาจจะตกมาใส่ร่างของเฉิงชิง ร่างกายที่ดูอ่อนแอราวกับลูกเจี๊ยบนี้เกรงว่าจะไม่อาจทนรับหมัดของอวี๋ซานได้
“อวี๋ซาน อย่าลงมือ!”
สหายสนิทที่มาด้วยกันดึงแขนเสื้อของอวี๋ซานไว้ หมัดของอวี๋ซานยังไม่คลาย รอยยิ้มบนใบหน้าเหี้ยมเกรียม
“ข้ามาหาเ้าย่อมมีธุระอยู่แล้ว เฉิงชิง ในเมื่อเ้าสอบเข้าสถานศึกษาได้แล้ว ตัวข้าอวี๋เสี่ยนก็จะทำตามสัญญาขออภัยเ้าต่อหน้าผู้คน การกระทำที่หยาบคายบุ่มบ่ามอย่างการบังคับม้าขู่ขวัญคนในวันนั้นเป็ความผิดของข้า ไม่เกี่ยวกับเฉิงกุย!”
หืม?!
คุณชายอวี๋ซานไม่ได้มาเพื่อต่อยคน แต่กลับมาเพื่อขออภัย!
ผู้คนรอบข้างใจนเกือบอ้าปากค้าง
เฉิงชิงเองก็คาดไม่ถึงเล็กน้อย
อวี๋ซานผู้นี้ทำเื่เสื่อมเสียเกียรติ แต่เมื่อพูดแล้วก็ทำจริง ก็ไม่ถือว่าแย่เสียทั้งหมด
เฉิงชิงเพิ่งจะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่ออวี๋ซานเล็กน้อย แต่เมื่อเ้าปีศาจกลับชาติมาเกิดเอ่ยคำ การยอมรับอันเบาบางที่เฉิงชิงมีต่อเขาพลันถูกขยี้จนกลายเป็ผุยผง
“แต่เ้าอย่าได้ใจไป คำขอโทษเมื่อครู่นี้ให้แก่มารดาเ้า ในฐานะสตรี มิอาจตัดสินใจเองได้ว่าจะออกเรือนแต่งให้กับสามีแบบใด และมิอาจรับประกันได้ว่าตนเองจะให้กำเนิดบุตรชายแบบใด ช่างเป็ผู้บริสุทธิ์ที่น่าสงสารเหลือเกิน”
ความหมายของอวี๋ซานคือนางหลิ่วนั้นดวงไม่ดี สามีที่แต่งให้ก็เป็ขุนนางละโมบ บุตรชายที่ให้กำเนิดก็มีข้อน่าสงสัยด้านคุณธรรม เขาเห็นใจนางหลิ่ว ขณะเดียวกันก็ดูถูกเฉิงชิง
เฉิงชิงโมโหจนหัวเราะแล้ว เมื่อครู่นี้ทำไมนางถึงเกิดความรู้สึกผิดๆ ขึ้นมาได้นะ?
อวี๋ซานั้แ่หัวจรดเท้าล้วนเป็ไอ้สารเลวคนหนึ่ง
หลงตัวเอง คิดว่าตนถูกเสมอ ไร้เดียงสาจนน่าหัวเราะ... นางไม่ควรคาดหวังสูงไปเลยจริงๆ
ถุย!
เฉิงชิงปิดบานประตูในทันที ร่างกายของอวี๋ซานเซไปด้านหลัง หากถอยช้าไปอีกหน่อยก็คงจะกระแทกโดนใบหน้า
เสียงของเฉิงชิงดังทะลุออกมาจากทางหน้าต่าง
“หากมารดาข้าน่าสงสาร ใต้เท้าอวี๋ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไรหรอก หากศิษย์พี่อวี๋มีเวลาสงสารมารดาข้า ไม่สู้กลับบ้านบ่อยๆ ทำตัวกตัญญูอย่างเต็มที่ ทำตัวเป็บุตรชายที่ดีให้ใต้เท้าอวี๋ได้ภาคภูมิใจ!”
นางหลิ่วน่าสงสารหรือ?
เฉิงชิงไม่รู้สึกเช่นนั้น
มีนางอยู่ ช้าเร็วอย่างไรก็สามารถทำให้นางหลิ่วเป็ฮูหยินที่มีชีวิตสุขสบาย
อวี๋ซานทำเื่วุ่นวายไปทั่ว ลำบากใต้เท้าอวี๋ต้องคอยตามล้างตามเช็ดอยู่เื้ั มีบุตรชายเช่นนี้สิ ถึงทำให้อายุสั้นไปสองปีจริงๆ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็เ้าเมืองอวี๋ที่น่าสงสาร!
เฉิงชิงทำให้สีหน้าของอวี๋ซานเขียวปั้ด เมื่อมองไปยังหน้าต่างที่ปิดสนิทแล้วอวี๋ซานก็พลันชกลงไปบนกำแพง
“เฉิงชิง เ้า… ดีเหลือเกิน!”
เหอะ ดีหรือไม่ดีตัวนางเองย่อมรู้ ไหนเลยต้องให้อวี๋ซานมาเน้นย้ำ
เสียงฝีเท้าด้านนอกหน้าต่างค่อยๆ ห่างไกลออกไป อวี๋ซานถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้จึงจากไป เฉิงชิงค่อยๆ จัดข้าวของของตนให้เรียบร้อย ไม่เก็บเื่ที่ล่วงเกินอวี๋ซานมาให้เป็กังวล
ประตูถูกคนเปิดแง้มเล็กน้อย ใบหน้าอ้วนกลมแทรกเข้ามาในรอยแยกแล้วพึมพำ
“เฉิงชิง เ้าเก่งมาก ข้าชื่นชมนิสัยเช่นนี้ของเ้า แต่ทุกคนต่างทอดทิ้งเ้าให้โดดเดี่ยว ข้าเองก็ไม่กล้าจะคบหาเ้าเป็สหาย”
คนผู้นี้ช่างจริงใจ แสดงตนว่าเป็คนขี้ขลาดอย่างใจกว้าง
เฉิงชิงวางตำราลงแล้วหัวเราะเสียงต่ำ “เ้าก็อยู่ห่างจากข้าหน่อยแล้วกัน การคบค้าของวิญญูชนจืดชืดดั่งสายน้ำ[1] ข้าอนุญาตให้เ้าแอบชื่นชมข้าภายในใจได้!”
โธ่เอ๋ย หนังหน้าช่างหนาดีจริง
เ้าอ้วนน้อยลูบคาง ความหนังหน้าหนาของเฉิงชิงถูกใจเขามาก
เขายิ่งเขยิบหน้าเข้ามาใกล้ “ข้าชื่อชุยเยี่ยน เ้าจำไว้ให้ดีล่ะ!”
ชุยเยี่ยน?
ไม่ใช่เ้าอ้วนน้อยที่แต่งตัวหรูหราหรอกหรือ แค่มองดูก็รู้แล้วว่าครอบครัวร่ำรวยมาก
วันแรกของการเข้าเรียน เฉิงชิงที่ถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวก็ได้สหายใหม่เพิ่มหนึ่งคนคือชุยเยี่ยน น่าเสียดายที่สหายผู้นี้ค่อนข้างขี้กลัว ไม่กล้าใกล้ชิดสนิทสนมกับนางอย่างเปิดเผย ดังนั้นยามอยู่ในสถานศึกษานางจึงไปไหนมาไหนอย่างโดดเดี่ยว ไม่ได้มีสถานการณ์ใดเปลี่ยนแปลง
ศิษย์พี่เมิ่งที่ยื่นมือมาช่วยสองครั้งก็หวังพึ่งไม่ได้ ตัวเมิ่งไหวจิ่นเองก็มีเื่การเรียนของตนเองให้ต้องกังวลอยู่แล้ว ไม่มีเวลาว่างมาคอยดูแลนางตลอด
คนหนึ่งอยู่ห้องเจี่ยซึ่งเป็ระดับสูงสุด อีกคนอยู่ห้องติงซึ่งอยู่รั้งท้าย โอกาสที่จะได้พบปะกันนั้นน้อยมาก เฉิงชิงเข้าศึกษามาได้หนึ่งเดือนก็ได้เห็นเมิ่งไหวจิ่นอยู่ไกลๆ เพียงไม่กี่ครั้ง ยามเมิ่งไหวจิ่นไปสอนห้องติงหก เฉิงชิงก็พาตัวเองไปเบียดกับผู้อื่นเข้าเรียนอยู่นอกหน้าต่างอีกครั้ง
เมิ่งไหวจิ่นสอนได้ดีมาก เฉิงชิงคิดอยากฟังสักหลายๆ ครั้ง
อาจารย์ที่สอนห้องติงก็ยังสู้เมิ่งไหวจิ่นไม่ได้เลย ไม่แปลกที่เหล่าศิษย์กล่าวเป็การส่วนตัวว่าอยากให้เมิ่งไหวจิ่นเป็อาจารย์ของสถานศึกษา ความคิดนี้แค่คิดก็แล้วไปเถิด คนเขาเป็ถึงเจี้ยหยวน ปีหน้าก็ต้องเข้าเมืองหลวงไปสอบจิ้นซื่อ อนาคตรุ่งโรจน์อย่างแท้จริง!
ภายในหนึ่งเดือนมานี้ อวี๋ซานยังมาหาเื่อีกหลายครั้ง แต่ล้วนถูกเฉิงชิงคลี่คลายในทันที ถึงอวี๋ซานจะไม่ได้เป็ฝ่ายได้เปรียบ แต่เฉิงชิงเองก็ไม่ได้ผ่านไปได้อย่างง่ายดายนัก
สถานศึกษาจะมีวันหยุดสั้นสองวันในทุกเดือน ก่อนหน้าวันหยุดสั้นคือการสอบประจำเดือน เหล่าศิษย์ต้องทำกระดาษข้อสอบให้เสร็จจึงจะสามารถลงเขาไปได้
เฉิงชิงส่งกระดาษข้อสอบแล้ว ใจก็พุ่งตรงกลับบ้านไปดุจลูกธนู เ้าอ้วนน้อยชุยเยี่ยนเอ่ยเรียกรั้งตัวนางไว้อย่างลับๆ ล่อๆ
“เฉิงชิง เ้าจะไปงานชุมนุมวรรณกรรมกลางสารทฤดูหรือไม่?”
[1] การคบค้าของวิญญูชนจืดชืดดั่งสายน้ำ หมายถึงเป็การคบหาที่เรียบง่ายแต่จริงใจและยืนยาว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้