หออู๋ิตั้งอยู่บนถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในต้าโจว พื้นที่นั้นกว้างขวางยิ่งนัก มีความสูงที่เทียบเท่ากับตึกสามชั้น บนแผ่นป้ายสีดำมีตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่สามตัวเขียนว่าหออู๋ิ ดูใหญ่โตมโหฬาร
ฮวาเหยียนยืนอยู่ที่ประตูและเงยหน้ามองอยู่ครู่หนึ่ง เพียงแค่ดูการตกแต่งของหออู๋ิก็สามารถคาดเดาได้ทันทีว่าผู้ที่อยู่เื้ัหออู๋ินี้มีอำนาจมากเพียงใด
ฮวาเหยียนอุ้มเสี่ยวไป๋ในอ้อมแขนและเฝ้ามองดูอยู่ครู่หนึ่ง มีคนจำนวนไม่น้อยเข้าออกหออู๋ิแห่งนี้ ทั้งขุนนาง สามัญชน คนชราและคนหนุ่มสาว สถานที่แห่งนี้เป็อย่างที่ท่านพ่อพูดเอาไว้จริงๆ ไม่ว่าจะรวยหรือจน ไม่ว่าจะมียศถาบรรดาศักดิ์ใด ก็สามารถเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ได้ทั้งหมด
คนมีเงินก็เข้าไปซื้อ ส่วนคนที่ขาดเงินก็เข้าไปขาย
และนางก็เป็คนหนึ่งที่ขาดเงิน
ดวงตาของฮวาเหยียนเศร้าหมอง เพียงแค่คิดว่าสมบัติในอ้อมแขนของนางกำลังจะถูกนำไปขาย ใจของนางก็เริ่มเ็ปอีกครั้ง แต่เมื่อคิดถึงท่านพ่อและพี่ใหญ่ที่เที่ยวหาเงินให้นางไปทั่ว นางก็กัดฟันและค่อยๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปในหออู๋ิ
ฮวาเหยียนรู้ว่าตอนนี้นางกำลังตกเป็ที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน ดังนั้นนางจึงเตรียมการล่วงหน้าโดยการหยิบหมวกออกมาจากช่องว่างวิเศษในไข่มุกทองัคะนองน้ำแล้วสวมมัน มีผ้าโปร่งสีขาวบางกั้นเพื่อปกปิดใบหน้าของฮวาเหยียน ทำให้ร่างทั้งร่างของนางดูลึกลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายของนางเซียนอยู่
"บรู๊ว บรู๊ว...! "
เสี่ยวไป๋ที่อยู่ภายในอ้อมแขนของฮวาเหยียนส่งเสียงร้องออกมาสองสามครั้ง
"เด็กดี หลังจากที่พี่เหยียนคนสวยคนนี้จำนำสมบัติล้ำค่าเสร็จแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะให้เ้ากินซาลาเปาเนื้อหรือซาลาเปาเปล่า..." มือข้างหนึ่งของฮวาเหยียนลูบขนของเสี่ยวไป๋ เสี่ยวไป๋หอนครั้งหนึ่งแล้วมองฮวาเหยียนอย่างรันทดใจ
ทว่าบรรยากาศรอบตัวฮวาเหยียนในยามนี้กลับยิ่งเศร้าหนักกว่าเดิม
นางค่อยๆ ก้าวทีละก้าวเข้าสู่หออู๋ิ ลมหายใจของนางช่างดูห่อเหี่ยวและหมดอาลัยตายอยากยิ่งนัก
การแย่งเงินของนางไป เท่ากับการแย่งเอาชีวิตของนางไปได้เลยทีเดียว
...
ฮวาเหยียนกอดเสี่ยวไป๋และก้าวเข้าสู่หออู๋ิ หนึ่งวินาทีก่อนยังเต็มไปด้วยความรู้สึกโศกเศร้า แต่ในวินาทีต่อมานางพลันเก็บลมหายใจที่โศกเศร้าของตนเองกลับมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็ร่างที่เต็มไปด้วยพลังงานและความกระตือรือร้น
ฮวาเหยียนหรี่ตารีบมองสำรวจโดยรอบอย่างรวดเร็ว นางมองจนรู้และเข้าใจโครงสร้างทั้งหมดของพื้นที่ สมกับเป็หออู๋ิในตำนานที่เขาเล่าลือกัน มีแผ่นทองคำและสมบัติมากมายละลานตานับไม่ถ้วน
หออู๋ิมีพื้นที่ขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็หลายส่วน แต่ละส่วนขายสินค้าต่างประเภทกัน ชั้นวางที่ทำจากไม้แท้ บนชั้นวางมีตะแกรงหลายช่องและแต่ละช่องก็เต็มไปด้วยสิ่งของ
หน้าชั้นวางเป็โต๊ะคิดเงิน ทุกโต๊ะคิดเงินจะมีพนักงานอยู่สองคน หากลูกค้าอยากได้ของชิ้นไหน พนักงานก็จะหยิบจากชั้นมาวางไว้ให้ดูให้ชมใกล้ๆ
ฮวาเหยียนถอนหายใจ หออู๋ิร่ำรวยเหลือเกิน นางเพียงแค่เหลือบตามองก็รู้ว่าของบนชั้นทั้งหมดล้วนเป็ของชั้นเยี่ยม...
หากสิ่งของในหออู๋ินี้ถูกขโมยจนเกลี้ยง...
ถุ้ยๆๆ กำลังคิดอะไรอยู่ ยามนี้นางเป็ถึงคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ อย่าติดนิสัยเดิมที่เที่ยวขโมยของไปทั่วมาสิ
นอกจากนี้นางยังค้นพบว่าในหออู๋ิแห่งนี้ทั้งชั้นมีพลังลมปราณหลงเหลืออยู่จางๆ ซึ่งนี่ก็สามารถอธิบายได้ว่า ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งถูกห้ามไม่ให้ขึ้นลงชั้นนี้ ของที่นี่หากไม่ได้รับอนุญาตให้หยิบก็เกรงว่าจะไม่สามารถหยิบได้
เ้าของหออู๋ินี้ช่างลึกลับจริงๆ
ในยามนั้นมีคนจำนวนไม่น้อย ฮวาเหยียนแอบเข้ามาเงียบๆ และสวมหมวกงอบเพื่อปกปิดหน้าตาของตนเอง มีเพียงไม่กี่คนที่ให้ความสนใจกับนาง
และเป็ในตอนนั้นเอง ในบริเวณสินค้าที่เป็ยาอายุวัฒนะพลันเกิดความโกลาหลขึ้น จากนั้นเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างเย่อหยิ่งจองหอง “อะไรนะ? เ้าบอกว่าหญ้าิญญาลึกลับนี้เป็ของเ้า เป็ของเ้าหรือ? เฮอะๆ เป็ครั้งแรกที่คุณชายเช่นข้าได้ยินเื่ขบขันแบบนี้ รู้จักอ่านสถานการณ์บ้าง รีบไปเสียั้แ่ตอนนี้ อย่าได้ยั่วโมโหคุณชายเช่นข้า เพราะเ้าคงมิอาจรับผลที่ตามมาได้หรอก"
ฮวาเหยียนมองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าในบริเวณสินค้ายาอายุวัฒนะนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยคนมุงที่ยืนมุงเป็รูปครึ่งวงกลม โดยมีชายคนหนึ่งกำลังยืนพิงโต๊ะคิดเงินอยู่ ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง อำนาจและความโเี้ถูกปิดซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาของเขา เขาเชิดคางขึ้น เผยใบหน้าที่ดุร้ายโเี้นั่น
บุรุษคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น ในวันที่นางกลับเข้าเมืองมาครั้งแรก เป็ชายที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ ฉู่หลิวซวงและเป็คนเดียวกันกับที่ถูกนางเตะจนตัวลอย? เขามีนามว่ากระไรนะ? โจวเหอ?
เมืองหลวงแห่งนี้ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก เขากับนางได้พบกันอีกครั้งแล้ว
ฝั่งตรงข้ามของเขามีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ นางอายุราวยี่สิบปี สวมอาภรณ์สีเขียว แม้ว่าหน้าตาของนางจะไม่ได้งดงามอย่างถึงที่สุด ทว่ากลับมีท่าทางงดงามสูงส่ง เมื่อยืนอยู่ที่ตรงนั้นก็ทำเอาผู้คนมองตาไม่กะพริบ
เมื่อเผชิญหน้ากับคำตำหนิของชายที่อยู่เบื้องหน้าตน นางกลับไม่แสดงท่าทีกระวนกระวาย กระฟัดกระเฟียดหรือโกรธเคืองแต่ั์ตานั้นกลับใสแจ๋วเป็ประกาย หญิงสาวมิได้เอ่ยปากพูดอันใด ทว่าสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างหลังนางกลับก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วเอ่ยว่า “คุณชายท่านนี้ เหตุใดถึงได้ไร้มารยาทเช่นนี้ หญ้าิญญาลึกลับนี้คุณหนูของเราจ่ายเงินไปก่อนท่านแล้ว ท่านจะใช้กำลังเพื่อแย่งชิงไปหรือเ้าคะ”
สาวใช้ตัวน้อยขมวดคิ้ว กดข่มโทสะก่อนจะเปิดปากพูด
ทว่ากลับเห็นโจวเหอผู้นั้นหัวเราะด้วยน้ำเสียงเ็า ดวงตานั้นฉายแววโเี้อำมหิต "เ้านับเป็ตัวอะไร? เื่ที่เกิดขึ้นมีที่ให้เ้าสอดปากหรือ? ไสหัวไปเสีย"
โจวเหอสบถด่าด้วยความโกรธเคือง ดวงตาแฝงไปด้วยประกายสังหาร เขายกมือขึ้นหมายจะบีบคอของสาวรับใช้ตัวน้อย
ในยามนั้น เห็นเพียงหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวที่ก้าวเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นางดึงตัวสาวใช้ไปด้านหลัง ก่อนที่ตนจะยืนขวางนางเอาไว้อยู่ด้านหน้า
"คุณหนู"
สาวใช้ตัวน้อยอุทาน เสียงในลำคอแตกพร่า
กลุ่มคนที่มุงดูอยู่ถอยหลังไปพร้อมส่งเสียงใ
มือของโจวเหออยู่ตรงหน้า ในวินาทีถัดมาเขาพุ่งเข้าไปจะบีบคอของหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียว ทว่าเป็ในตอนนั้นเอง ได้ยินเพียงเสียงบรู๊วหนึ่งเสียง คล้ายกับเสียงคำรามของหมาป่าดังขึ้น เสี่ยวไป๋ที่เดิมทีอยู่ในอ้อมแขนของฮวาเหยียนบัดนี้ได้ะโลงมาแล้วกระโจนไปที่ไหล่ของโจวเหอ มันหอนหนึ่งทีก่อนจะกัดเข้าที่หูของโจวเหอทันที...
กรี๊ด…
ฉับพลันนั้นเสียงโหยหวนบีบหัวใจพลันดังกระหึ่มขึ้นในหออู๋ิทันที
เสี่ยวไป๋รวดเร็วยิ่งนัก มันกัดเข้าไปเต็มคำ ฟันแหลมคมก็กัดเข้าที่หูของโจวเหอจนขาดไปครึ่ง จากนั้นสัตว์ตัวน้อยก็เลียปากตัวเอง ก่อนจะหอนออกมาหนึ่งเสียงแล้วะโกลับเข้าไปในอ้อมแขนของฮวาเหยียนอย่างรวดเร็ว
ฮวาเหยียน "...! "
ใครก็ได้ช่วยบอกนางทีว่าเกิดเื่อันใดขึ้น!?
เื่ราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วยิ่งจนไม่มีใครได้ทันตั้งตัว ทุกคนเห็นเพียงโจวเหอที่ยื่นมือออกไปแต่มือนั้นกลับไม่ทันได้แตะต้องผู้ใดก็ได้ยินเพียงเสียงหอนที่ดังขึ้น ก้อนกลมสีขาวเล็กๆ ลอยละล่องอยู่กลางอากาศและกัดเข้าที่หูของโจวเหอไปครึ่งหนึ่ง
ในเวลานั้นดวงตาของโจวเหอแดงก่ำ หูของเขามีเืไหล เห็นได้ชัดเจนว่าหูหายไปครึ่งหนึ่ง...
ดังนั้น นี่มันเกิดเื่อะไรเกิดขึ้นกัน?
“บรู๊ว บรู๊ว..."
เสี่ยวไป๋นอนอยู่ในอ้อมแขนของฮวาเหยียน มันแยกเขี้ยวร้องเรียก ปากเล็กๆของมันเปื้อนรอยเื มันกัดกระดูกในปากไปมา เสียงกัดนั่นดังไปเข้าหูทุกคน คนที่ได้ยินต่างพากันขนลุกขนพอง
ทันใดนั้น สายตาของผู้คนในหออู๋ิพลันหันมามองที่ฮวาเหยียน สายตาเ่าั้แฝงไปด้วยความประหลาดใจ รวมถึงความสงสัย
ฮวาเหยียน "...! "
เ้าเสี่ยวไป๋นี่ เป็บ้าอะไรของมัน? นางแค่อยากเอาของมาจำนำเงียบๆ แต่พอเป็แบบนี้ก็คงไม่ดีแล้ว หากอยากให้เื่นี้จบเงียบๆ ก็คงจะไม่ง่ายแล้ว
"ใคร? ใครบังอาจลอบโจมตีคุณชายเช่นข้า? "
ในยามนั้น ในที่สุดโจวเหอก็ได้สติกลับมา เขายกมือขึ้นปิดหูตัวเอง ก่อนจะมองไปทางฮวาเหยียนตามสายตาของฝูงชน ดวงตาเขาแดงก่ำ เปี่ยมไปด้วยความโเี้อำมหิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขาเห็นเสี่ยวไป๋ในอ้อมแขนของฮวาเหยียนที่ยังคงเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ในปากของมัน เมื่อปฏิกิริยาของเขาตอบสนองกลับคืนมา ชายหนุ่มพลันคลุ้มคลั่ง รีบเดินปรี่ตรงไปที่ฮวาเหยียนทันที "ข้าจะฆ่าเ้า"
ฮวาเหยียนหรี่ตาลง มองดูพลังลมปราณที่พลุ่งพล่านทั่วร่างของโจวเหอ ดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหารพุ่งโจมตีเข้าหานาง
"ระวัง"
หญิงสาวในกระโปรงสีเขียวะโร้องออกมา
ครู่ต่อมา ฮวาเหยียนพลันยกเท้าขึ้น ก่อนจะเตะเบาๆ ไปทางโจวเหอที่กำลังพุ่งตัวเข้ามาหานาง เสียงปะทะดังตู้มขึ้นมาหนึ่งเสียง ก่อนที่ร่างของเขาจะลอยละล่องออกไป
การปลิวครั้งที่สองเป็ไปอย่างสบายเท้าเหลือเกิน
ดังนั้นผู้คนจึงได้ยินเสียงดังโครม โจวเหอผู้นั้นตกลงกระแทกพื้น พื้นของหออู๋ิสะอาดยิ่งจึงไม่มีฝุ่นลอยขึ้นมาเลยสักแอะ
โจวเหอนอนอยู่บนพื้น ไม่รู้สึกตัวอยู่เป็นาน เห็นเพียงดวงตาเขาที่ถลนออก เืกระอักเต็มปาก นอนราบอยู่บนพื้น ช่างน่าอับอายเหลือเกิน
เฮือก
โอ้ว…
ลูกค้าในหออู๋ิต่างพากันร้องอุทานออกมา ทุกคนต่างพร้อมใจกันถอยหลังให้พื้นที่ตรงนั้นจนเกิดช่องว่างขึ้นและทิ้งให้โจวเหอนอนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง
"คุณชาย"
"คุณชาย"
ในเวลานั้นเอง ผู้ติดตามสองคนที่มากับโจวเหอพลันมีปฏิกิริยาตอบสนอง พวกเขารีบก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับร้องเรียกอย่างตื่นตระหนกใ
ในยามนั้นเอง โจวเหอรู้สึกเจ็บหน้าอกเพราะเขาไม่ได้หายใจเป็เวลานาน เขาจ้องไปทางฮวาเหยียนด้วยความเกลียดชังอย่างถึงที่สุด พร้อมกับกัดฟันพูดว่า "ไป ไปแจ้งแก่บิดาของข้า...! "
สิ้นเสียง เขาพลันหลับตาลงและหมดสติไป
คนรับใช้ทั้งสองมองหน้ากันแล้วจ้องไปทางฮวาเหยียน ในใจกลัวแทบตาย และด้วยความกลัวนี้ พวกเขาจึงเผลอกลืนน้ำลายคำใหญ่ ทว่าสุดท้ายพวกเขาก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดขึ้นมาว่า "เ้า เ้าจบเห่แน่ เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้าได้ทำผิดไว้กับผู้ใด? เ้า เ้า.. คุณชายของเราเป็บุตรชายของท่านโหวหย่งซินแห่งจวนโจวกั๋วกง เ้ากล้าลอบโจมตีคุณชายของเรา เ้า เ้าจบเห่แน่...”
คนติดตามคนหนึ่งคำรามออกมาจากเสียงในลำคอ
เห็นได้ชัดว่าเขากลัวแต่เขายังคงรักษาท่าทีของความกล้าหาญไว้ และแสร้งทำตัวเป็จิ้งจอกที่มีอำนาจราวกับเสือ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเขาเป็เหมือนกับไก่ตัวผู้ตัวหนึ่งเท่านั้น
ในยามนั้นเองที่ฮวาเหยียนรู้จักฐานะของโจวเหอ คุณชายจากตระกูลโหวหย่งซิน ฐานะไม่ได้ต่ำต้อย แต่เมื่อเทียบกับตระกูลมู่ที่มีความสำเร็จทางการทหารก็ยังนับว่าห่างไกลอยู่หลายขุม
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว คุกเข่าลงเถิด”
ฮวาเหยียนโบกมืออย่างเหนื่อยหน่ายใจ
ตอนนี้นางหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย เสี่ยวไป๋ตัวน้อยนี้กำลังสร้างปัญหาให้กับนาง หรือเพราะนางไม่ได้ให้อาหารมันในตอนเช้า? แต่ถึงขั้นที่ต้องไปกินหูคนเลยหรือ? ค่อนข้างแตกต่างเกินไปกระมัง
คนรับใช้สองคนของโจวเหอรู้สึกปวดท้องเพราะท่าทีขี้โมโหและทำตัวขอไปทีของฮวาเหยียน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปข้างหน้า สตรีที่สวมหมวกคนนี้มาจากไหน ทั้งยังใช้ขาเดียวเตะคุณชายของพวกเขาจนสลบไปอีก
"เ้า หากเ้ากล้าก็เอ่ยนามของเ้ามา"
เ้าลูกไก่ะโอย่างหยิ่งหยองเ็า
ฮวาเหยียนหัวเราะเย้ยพลางมองไปที่องครักษ์ตัวน้อย โธ่ เด็กน้อย เป็คนเลวแล้วยังพูดมากอีก
ฮวาเหยียนจึงเปิดปากพูดช้าๆ “ทุกคนที่ได้ยินนามของข้า ล้วนตายตกไปหมดสิ้นแล้ว... เ้าอยากฟังหรือ? ”
“อ๊าก... ท่านแม่...”
คนรับใช้สองคนนั้นแต่เดิมก็พยายามเค้นความกล้าหาญออกมาอยู่แล้ว ยามนี้เมื่อถูกฮวาเหยียนเค้นเสียงขู่อย่างเ็า ความกล้าหาญของพวกเขาพลันพังทลายลง พวกเขาพากันลากโจวเหอที่สลบไปแล้ววิ่งออกจากหออู๋ิไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามีผีวิ่งไล่ตามหลังก็ไม่ปาน...
ทันทีที่คนใช้ทั้งสองจากไป หออู๋ิก็ตกอยู่ในความเงียบงันจนน่าประหลาดใจ บนพื้นยังมีคราบเืกระจายอยู่เป็สิ่งที่บ่งบอกว่าเื่ราวทั้งหมดไม่ใช่ความฝัน หญิงสาวในหมวกงอบที่อยู่ตรงหน้าและสัตว์เลี้ยงในอ้อมแขนของนางได้กัดหูของบุตรชายท่านโหวจริงๆ แต่เมื่อนางได้ยินตัวตนของโจวเหอนางกลับไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังขู่คนรับใช้ของเขาอีก...
เห็นได้ชัดว่าสตรีผู้นี้ไม่ใช่คนดี
ทันใดนั้น ลูกค้าในหออู๋ิก็ค่อยๆ ถอยออกไปทีละคน พวกเขาล้วนไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับฮวาเหยียนเลยแม้แต่น้อย
ฮวาเหยียน "...! "
นางมิได้ทำอันใดเลยมิใช่หรือ?
ในยามนั้น หญิงสาวในกระโปรงสีเขียวก็ก้าวเข้ามาข้างหน้า นางโค้งให้ฮวาเหยียน ท่าทางการคำนับนั้นสง่างามยิ่ง แลดูสบายตาเหลือเกิน นางเปิดปากของนาง ก่อนจะกล่าวว่า "เฉิงอินขอบคุณแม่นางที่มีเมตตายื่นมือเข้ามาช่วยเ้าค่ะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้