ในที่สุดอู๋ซื่อและจ้าวซื่อก็พ่ายแพ้ต่อแรงกดดันของย่าหลี่ เดินคอตกออกจากบ้านไป
หลินฟู่อินจึงกลับเข้ามา
ย่าหลี่หันไปมองนางแล้วกล่าว “จากนี้ไป ต่อให้เห็นพวกนางเพียงรางๆ ก็จงลงกลอนประตูเสีย เพราะเ้าเป็ผู้เยาว์ในขณะที่พวกนั้นเป็ผู้าุโ การที่เ้าไปเถียงกับพวกนางจึงดูไม่ดีนัก ไม่อย่างนั้นเ้าคงถูกเรียกว่าเป็พวกไร้สัมมาคารวะเป็แน่ และหากเป็เช่นนั้นคนในหมู่บ้านก็คงไม่เข้าข้างเ้าอีก”
หลินฟู่อินพยักหน้าเข้าใจ
แม้ส่วนมากคนในหมู่บ้านจะทำแค่มอง แต่ก็ยังพอจะมีบางคนที่ยอมพูดเข้าข้างนางอยู่ เพราะอย่างนั้นจะปล่อยให้อู๋ซื่อและจ้าวซื่อมีช่องหาว่านางไร้สัมมาคารวะไม่ได้
เมื่อย่าหลี่เห็นว่านางเข้าใจแล้ว จึงถามต่อ “แล้วเ้าจะทำยังไงกับเงินที่ได้มาหรือ?”
แม้นี่จะเป็เงินก้อนใหญ่ แต่ก็ใช่ว่ามันจะอยู่ได้ตลอดไป
สมุนไพรพวกนี้เอง วันหนึ่งมันก็ต้องหมดลง และเมื่อหมดแล้วจะเป็อย่างไรต่อ?
หลินฟู่อินรู้สึกได้อีกครั้งว่าย่าหลี่ไม่ใช่ผู้าุโธรรมดา และนี่เป็คำถามที่มีเหตุผล
ในบ้านนอกเช่นนี้ หากชาวบ้านรู้ว่าผักป่าเป็สมุนไพรที่ขายทำเงินได้ ก็คงไปถล่มขุดกันแน่ ซึ่งถือเป็เื่สำคัญมาก
“ย่าหลี่ ไม่ต้องกังวล ข้าคุยกับหลี่ฮูหยินไว้แล้วว่า นางจะรับซื้อสมุนไพรแค่จากบ้านเราเท่านั้น สมุนไพรนี้คงมีให้ขุดไปอีกสักพัก และข้ายังย้ำกับพี่อาเฟินอาฟางไว้แล้วด้วยว่าให้เหลือเมล็ดไว้ ทั้งเรายังมีเขาหลายลูกซึ่งมีสมุนไพรให้ใช้มากมาย ข้าคิดจะหาสมุนไพรมาขายทำเงินก่อนบางส่วน เมื่อมีเงินพอแล้วก็จะจ้างคนมาเก็บมากขึ้น แล้วเปิดกิจการค้าขายยาสมุนไพร” หลินฟู่อินกล่าวเบาๆ
นี่เป็ขั้นแรกของเส้นทางสู่ความร่ำรวยของนาง ในตอนหลังคงมีวิธีพูดที่ดีกว่านี้
ย่าหลี่คิดว่ามันเป็กิจการที่ดูน่าจะรุ่งเรือง แต่ไม่ว่าใครก็ควรมีแผนสอง เพราะการแทงม้าตัวเดียวย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดนัก
นางจึงขมวดคิ้วมองหลินฟู่อิน “ฟู่อิน เห็นว่าเ้าก็มีวิชาแพทย์ที่ดี ดียิ่งกว่าท่านหมอหลี่ในเมืองอีกใช่หรือไม่?”
มีไม่กี่คนในหมู่บ้านที่เคยพบหมอหลี่ตัวเป็ๆ และย่าหลี่ก็เป็หนึ่งในนั้น
ครั้งก่อน เขาถึงกับออกปากชมสูตรยาของฟู่อินที่จ่ายให้ปู่ย่าด้วยว่ามันยอดเยี่ยม
หากเป็เช่นนี้ การที่นางจะเปิดโรงหมอก็ดูเป็ไปได้…
แม้จะว่ากันว่าในยุคนี้ไม่มีหมอหญิงก็ตาม แต่มันก็มีโรคของผู้หญิงที่ไม่เหมาะจะให้หมอชายตรวจอยู่
ดังนั้นแล้วจึงมีหมอยาใหญ่ หมอยาเล็ก และหมอตำแยเกิดขึ้นมา…
หลินฟู่อินไม่รู้ว่าย่าหลี่กำลังพยายามช่วยนาง นางจึงกล่าวอย่างถ่อมตน “จะบอกว่าข้ามีวิชาแพทย์เหนือกว่าท่านหมอหลี่คงไม่เป็การดีนัก”
“ต่อให้ไม่ได้เหนือกว่าท่านหมอหลี่ แต่ขอแค่อยู่ในมาตรฐานหรืออ่อนกว่าเขาไม่มาก ก็ยังเกินพอแล้วที่จะเปิดโรงหมอในบ้านนอกเช่นนี้” ย่าหลี่แนะนำ
การหาหมอในบ้านนอกมันไม่ใช่เื่ง่าย
ครั้งก่อนที่บ้านหลินเรียกหมอหลี่มา ก็เป็หลินฟู่อินเองที่จ่าย ไม่เช่นนั้นต่อให้บ้านหลินไม่ได้มีฐานะที่แย่นัก แต่ก็คงไม่อาจเรียกหมอมาดูได้แน่
และหากเป็บ้านที่ยากจนกว่านี้ เมื่อมีคนในบ้านป่วยแล้วมีหมอมาดูอาการให้ ก็นับได้ว่าเป็โชคซ้อนโชคเลยทีเดียว
และแม้ค่ารักษาจะถูก แต่สมุนไพรที่ได้ก็มักจะมีคุณภาพต่ำ จึงช่วยอะไรได้ไม่มากนัก
เรียกได้ว่าจะรอดหรือไม่รอดล้วนขึ้นกับดวง
“ฟู่อิน การหาหมอในบ้านนอกเช่นนี้มันเป็เื่ยาก ผู้ใหญ่น่ะยังดีเพราะบางครั้งแค่รักษาตามอาการก็หายได้ แต่เด็กน่ะต่างไป ถ้าป่วยขึ้นมา ส่วนมากก็ตาย น่าสงสารนัก” ย่าหลี่ถอนหายใจ
“อีกทั้งพวกผู้หญิง หลายๆ ครั้งก็ไม่ยอมพูดถึงอาการป่วยของตัวเอง แล้วใช้ชีวิตไปแบบนั้น จน…”
ฟู่อินได้ยินแล้วก็รู้สึกหนักใจ
นางเคยเรียนยา ยาที่เป็หัวใจของวิชาแพทย์
แต่ที่นางกลัวก็คือ แม้นางจะเชี่ยวชาญในการทำคลอดและยาแผนจีน แต่นางขาดความเชี่ยวชาญในด้านอื่นๆ แทบทั้งหมด แม้จะพอรู้บ้างก็ตาม
หากนางจะเปิดโรงหมอ ก็คงไม่ใช่ในตอนนี้แน่
เพราะอย่างไรเสียมันก็มีชีวิตมนุษย์เป็เดิมพัน
หลินฟู่อินขมวดคิ้ว ความคิดหมุนวนในสมอง
แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่านางจะไม่เชี่ยวชาญในด้านอื่น และคงเทียบชั้นหมอใหญ่หรือหมอหลวงไม่ได้ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็คงดีกว่าหมอทั่วๆ ไปในยุคโบราณไม่ใช่หรือ
ยิ่งคิดมากเท่าไร คิ้วของนางก็ยิ่งขมวดด้วยการเตรียมใจมากขึ้น
โรงหมอคงเป็จุดที่ต้องไปถึงในอนาคตแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้
และเมื่อได้เห็นสายตาคาดหวังของย่าหลี่ จิตใจของนางจึงสั่นไหว
นางทิ้งความหวังนั้นไม่ได้
“ท่านย่า ข้าจะทำตามที่ท่านว่า หากถึงเวลาแล้วข้าจะเปิดโรงหมอเพื่อรักษาคน” หลินฟู่อินหัวเราะ โดยไม่คิดว่าการที่ผู้หญิงจะเปิดโรงหมอในยุคโบราณมันเป็เื่แปลกอะไร
เมื่อหลี่ฮูหยินได้ยินคำมั่นของนาง ก็ยิ้มกว้างแล้วกล่าว “ฟู่อินช่างเป็เด็กดีนัก อีกไม่นานคนในหมู่บ้านจะต้องเข้าใจแน่ว่าเ้าเป็เด็กดีที่มีจิตใจงดงาม”
หลินฟู่อินเพียงยิ้ม ที่จริงแล้วนางไม่สนว่าคนอื่นจะมองนางอย่างไร แต่นางจะไม่ยอมให้คนรอบตัวว่าร้ายใส่ความนางเฉยๆ แน่
แท้จริงแล้ว ตอนแรกย่าหลี่แค่คิดอยากให้นางไปดูอาการของคนในหมู่บ้านหูลู่ และหมู่บ้านใกล้เคียงเท่านั้น ไม่ได้คิดไปไกลมาก
อย่างไรเสียก็มีความแตกต่างของสถานะระหว่างบุรุษและสตรีในดินแดนต้าเว่ยอยู่ และยังไม่เคยมีสตรีคนไหนเปิดโรงหมอ แม้จะมีสตรีฝึกวิชาแพทย์และยาก็ตาม
ดังนั้นย่าหลี่จึงเสนอไปเช่นนั้น
หลังจากนั้นครู่ใหญ่เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นสูง อาฟางและอาเฟินก็แบกสมุนไพรกลับมา
เมื่อหลินฟู่อินเห็นว่าวันนี้พวกนางกลับมาค่อนข้างเร็ว นางก็เดาได้ว่าหญ้าเชอเฉียน พั๊วกิไน้ และอวี๋ซิงเฉ่าใกล้ๆ หมู่บ้านหูลู่คงถูกขุดไปจนเกือบหมดแล้ว
อาฟางเองก็บอกหลินฟู่อินแบบนั้น
ทั้งยังถามว่าอยากให้ไปขุดที่เขตหมู่บ้านข้างๆ หรือไม่
หลินฟู่อินเพิ่งถูกจ้าวซื่อกับอู๋ซื่อบุกมาหา และไม่อยากให้คนอื่นรู้เื่ที่นางขุดสมุนไพรไปขายทำเงินได้ เพราะหากชาวบ้านรู้เข้าจนแห่กันไปขุด ก็คงได้สูญพันธุ์กันหมดเขตแน่นอน
ปล่อยให้เงียบไปอีกสักพักดีกว่า
หลินฟู่อินเองก็มีแผนอื่นพอดี ในฤดูนี้อ้ายเฉ่า [1] กำลังโตได้ดี
เื่สรรพคุณทางยานั้นไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะการทำความอบอุ่นให้มดลูกของสตรี
แต่ในตำหรับยาของต้าเว่ยก็ไม่มีการใช้งานอ้ายเฉ่าเช่นกัน
“ไม่จำเป็หรอกพี่อาฟาง” หลินฟู่อินเทน้ำเย็นให้ตัวเอง และเตรียมชาเทใส่ถ้วยใหญ่ให้อาฟาง
สำหรับนางแล้ว นี่เป็ของที่ขาดไม่ได้
“ฟู่อิน ถ้าไม่จำเป็ต้องไปขุด อย่างนั้นให้พวกข้าไปช่วยปลูกผักกาดหรือไม่?” อาเฟินถามต่ออย่างกระตือรือร้น
นางและอาฟางเอาแต่ขุด ”ผักป่า” เพื่อหาเงินมาหลายวัน จนนางคิดว่านี่คงกลายเป็ชีวิตประจำวันของพวกนางต่อจากนี้ไป เพราะอย่างนั้นเมื่อฟู่อินบอกว่าไม่ต้องไปขุดแล้ว นางจึงรู้สึกโหวงเหวงขึ้นมา
---------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] อ้ายเฉ่า หมายถึง โกฐจุฬาลัมพาจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้