พอพูดคำนี้ออกไป ความโกรธของเจียงไป๋ก็หยุดลง
อ้อ พูดแล้วว่าจะเลี้ยงดู แต่ทำไมดันลืมให้เงินไปได้
แม่ของจู้ซินซินป่วย เจียงไป๋ก็รู้ ในเวลานั้นค่ารักษาพยาบาลหวงชานเป็คนให้ เขายังกำชับจู้ซินซินโดยเฉพาะว่า ต่อไปอย่าได้เอาเงินของหวงชานอีก
ค่ารักษาพยาบาลก็จัดการแล้ว แต่ค่าครองชีพ เจียงไป๋มัวแต่ยุ่งๆ จนลืมไปเลย
ตอนนี้คิดๆ ดู … ในนามเหมือนว่าเขากำลังเลี้ยงสาวน้อยตรงหน้าคนนี้อยู่ แต่ความจริงแล้วก็ไม่เคยให้เงินแม้แต่แดงเดียว …
รับเลี้ยงแต่ไม่ให้เงิน ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติผู้หญิง
จุดนี้เจียงไป๋รู้ดี ถึงแม้เขากับจู้ซินซินจะยังไม่ได้มีอะไรกัน แต่สำหรับเื่นี้ทั้งสองคนต่างก็รู้ดี เห็นได้ชัดว่าเจียงไป๋ทำได้ไม่ดีพอ
“เื่นี้ขอโทษด้วย ่นี้ฉันยุ่งๆ จนลืมไปเลย”
เจียงไป๋ยิ้มอย่างเคอะเขิน และรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง
ภายในใจแอบด่าทอเสี่ยวเทียนว่าทำไมถึงไม่เตือนเขาสักหน่อย แต่ไม่ได้สนใจความจริงที่ว่าเื่นี้เสี่ยวเทียนไม่รู้เื่เลย
“ไม่เป็ไร”
จู้ซินซินเช็ดน้ำตาที่ร่วงลงมา และมองเจียงไป๋ที่ไม่ได้โกรธแล้ว บนใบหน้าของเธอก็เผยรอยยิ้มที่สดใส
เมื่อครู่เธอก็ใแทบตายจริงๆ ที่ถูกเจียงไป๋จับได้ เธอไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้าอย่างไร ตอนนี้เห็นว่าเจียงไป๋ไม่โกรธแล้ว เธอก็ดีใจ ถึงแม้จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนไหลออกมา แต่เวลานี้เธอไม่เสียใจ กลับดีใจมากกว่า เพราะเจียงไป๋ไม่ได้โกรธ
ท่าทางอย่างนี้ของคนทั้งสอง หากคนอื่นเห็นเข้าจะใจนเป็ลมหรือไม่
พูดแล้วว่าแค่รับเลี้ยงเฉยๆ ?
คนหนึ่งรับเลี้ยงเธอแต่ไม่ให้เงิน เธอมาทำงานก็ด่าเธอ อีกคนหนึ่งถูกรับเลี้ยงแต่ไม่เอาเงิน พอเธอมาทำงานแล้วยังถูกด่าอีก นี่มันความสัมพันธ์บ้าอะไร?
“ให้เธอ … ต่อไปบัตรใบนี้ก็เป็ของเธอแล้ว ใช้จ่ายตามสบาย”
เจียงไป๋รู้สึกละอายใจ ก็เลยหยิบบัตรออกมาสองใบ บัตรธนาคารหนึ่งใบ บัตรเครดิตหนึ่งใบ และโยนให้จู้ซินซินทันที
เงินในบัตรธนาคารเป็เงินใช้จ่ายส่วนหนึ่งของเจียงไป๋ ประมาณหนึ่งล้าน จะมีเท่าไรกันแน่ เจียงไป๋ก็ลืมไปแล้ว
บัตรเครดิตเป็บัตรสำรองของเขา ก่อนหน้านี้ธนาคารนั้นทำให้ และเชื่อมต่อกับบัตรหลักของเขา เพราะเจียงไป๋มีเงินสดและธุรกิจจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีจำนวนเงินที่น่าใ
“นี่ … ค่ะ”
บนใบหน้าของจู้ซินซินเผยรอยยิ้มที่สดใส และรับบัตรที่เจียงไป๋ส่งให้อย่างไม่ลังเล
แต่เธอก็ไม่ได้ถามว่ามีเงินเท่าไร ถึงจะมีเงินเท่าไรอย่างไรเธอก็กล้ารับ
จากที่เธอดูแล้ว นี่ก็คือสิ่งที่เธอควรจะได้รับ
เดิมทีก็เป็กิ๊กที่ถูกรับเลี้ยงไม่ใช่หรือ?
แน่นอนว่าเธอก็ไม่รู้ว่าเจียงไป๋ให้เท่าไร มิฉะนั้นก็ไม่รู้ว่าจะใจนตัวสั่นแล้วอาจจะทำบัตรหายได้
“รีบเก็บของกลับบ้าน เสี่ยวเทียนอยู่ข้างบน อีกสักครู่ฉันจะให้เขาไปส่งเธอ”
หลังจากที่ให้เงิน มาดของเจียงไป๋ก็กลับมาแล้ว การติดค้างในก่อนหน้านี้ราวกับว่าหายไปอย่างฉับพลัน แทนที่ด้วยความน่าเกรงขามที่เหลือล้น และทำหน้านิ่งใส่จู้ซินซิน
เมื่อเขาพูดจบ ก็โทรศัพท์ให้เสี่ยวเทียนลงมา
“ฮ่าๆ เถ้าแก่หยางอยู่ที่นี่ อยู่นี่! สาวน้อยคนนี้อยู่นี่! ฮ่าๆ เมื่อครู่ไม่ระวังทำให้เธอหนีไปได้ คุณยังบอกว่าจะหาไม่เจอแล้ว? ฮ่าๆ นี่ก็ไม่ใช่ว่าหาเจอแล้วหรือ!”
ในเวลานี้ ชายที่เมามายคนหนึ่งเดินมาจากไกลๆ เมื่อเห็นจู้ซินซินก็หัวเราะเสียงดัง และชี้มาที่จู้ซินซินพลางพูดกับคนที่อยู่ด้านหลัง
เขาเพิ่งจะพูดไป คนสองสามคนที่เมามายเหมือนกันก็เดินออกมาแล้ว มีประมาณเจ็ดแปดคน ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าสามคนกับคนหนุ่มเจ็ดแปดคน เวลานี้ล้วนมีอาการเมามายอยู่บ้าง คนที่เพิ่งพูดก็คือคนหนึ่งในกลุ่มชายวัยกลางคนกลุ่มนั้น
เพิ่งจะพูดออกมาก็ทำให้จู้ซินซินใจนตัวสั่น เธอหลบอยู่ด้านหลังเจียงไป๋ราวกับกระต่ายน้อยที่ใ และมองผู้ชายสองสามคนนี้อย่างหวาดกลัว
การกระทำอย่างนี้ทำให้ใบหน้าเจียงไป๋หม่นหมองขึ้นมาแล้ว “พวกเขารังแกเธอแล้วหรือ?”
“ค่ะ ไม่ ไม่ใช่นะ เมื่อครู่พวกเขาจะลวนลามฉัน ให้ฉันดื่มเหล้าเป็เพื่อนพวกเขา แต่ฉันก็หนีออกมาก่อน”
จู้ซินซินตอบไปว่าค่ะ หลังจากนั้นเหมือนกลัวว่าเจียงไป๋จะเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย
ระหว่างที่พูด คนสองสามคนนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าเจียงไป๋แล้ว
ราวกับไม่เห็นเจียงไป๋ ชายวัยกลางคนที่หัวล้านคนหนึ่งยื่นมือออกมา้าจะจับจู้ซินซินด้วยใบหน้าที่ลามก ทั้งยื่นมือออกมาทั้งยิ้มกริ่ม “สาวน้อย ทำไมหนีออกมาเสียล่ะ? ฉันคิดว่าเธอหนีไปแล้ว แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ฮ่าๆ ไปดื่มเป็เพื่อนฉันหน่อย พี่รับรองว่าจะปฏิบัติต่อเธอไม่ขาด ้าเงินหรืออะไรรีบบอกมา เท่าไรก็ได้หมด”
“เถ้าแก่หยาง เถ้าแก่หวาง พวกคุณสองคน สองคน … สาวน้อยคนนี้เป็พนักงานของที่นี่ เธอมาใหม่ เพิ่งจะทำงาน เป็แค่พนักงาน หาก้าเด็กนั่งดริ้ง ผมสามารถช่วยคุณหาสาวๆ สวยๆ สักสองคนได้ เธอก็แค่เด็กสาวตัวน้อยๆ คนหนึ่งไม่รู้เื่อะไรหรอก สักครู่จะทำให้ทุกท่านไม่พอใจอีก แบบนั้นก็ไม่ดีนะ … ”
เวลานี้ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านข้าง เขาสวมเสื้อกั๊กสูทสีแดง เชิ้ตขาว และมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเจียงไป๋กับจู้ซินซิน เขาขวางชายหัวล้านวัยกลางคนไว้พลางพูดด้วยใบหน้าที่เอาอกเอาใจ
ตอนที่พูด ยังทำท่าทางมืออยู่ด้านหลังให้จู้ซินซิน เพื่อบอกให้จู้ซินซินออกไป กลับทำให้เจียงไป๋มองชายหนุ่มคนนี้อย่างสนใจแวบหนึ่ง
มาออกหน้าให้ในเวลานี้ คงไม่ได้เป็แค่เพื่อนร่วมงานธรรมดาๆ แล้ว ดูท่าเ้านี่คงจะคิดอะไรกับจู้ซินซิน ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่กล้าออกหน้าให้
“เด็กนั่งดริ้งหรือ? เด็กนั่งดริ้งของที่นี่คิดว่าฉันไม่รู้หรือ? พวกชั้นต่ำ ใครให้เงินคนนั้นก็เอาได้! ฉันไม่เอาหรอก! นายหลบไป ฉันจะเอาสาวน้อยคนนี้ ฉันพี่หวางมีเงินเสียอย่าง … ”
แต่น่าเสียดายที่ชายหัวล้านวัยกลางคนไม่เห็นด้วย ชายหนุ่มที่รีบพูดเหมือนจะรู้จักพวกเขา ปกติก็เรียกพี่ครับๆ แต่นั่นก็เป็ตอนที่ไม่มีเื่ แต่ตอนนี้มีเื่แล้ว จึงเผยความสัมพันธ์ของกันและกันออกมาทันที จริงๆ แล้วอีกฝ่ายก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา
ระหว่างที่พูด คนคนนี้ยัง้าจะมาลากจู้ซินซิน ชายหนุ่มคนนั้นรีบหยุดไว้และกอดร่างที่อ้วนท้วมของอีกฝ่าย เขาพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “เถ้าแก่หวาง เถ้าแก่หวาง คุณฟังผมพูด ผมมีคนที่ดีๆ อีกสองสามคนจริงๆ นักเรียนสาวๆ มาใหม่ รับรองว่าคุณต้องชอบ … สาวน้อยคนนี้เธอ … ”
“แม่ง! สารเลวฉันให้หน้าแก แกยังไม่เอาอีก!”
น่าเสียดายที่เขายังพูดไม่ทันจบ เถ้าแก่หวางก็โมโห เดิมทีก็เมามายแล้ว ตอนนี้อีกฝ่ายกลับขวางเขาไว้ถึงสองหนทำให้เขาไม่มีความอดทนแล้ว และก็ตบหน้าชายหนุ่มไปทันที จนทำให้เืไหลออกมาจากปากของอีกฝ่ายแล้วล้มลงกับพื้น
“กระทืบมันซะ!”
เถ้าแก่หวางที่อยู่ข้างๆ คนนั้นก็ปริปากพูด และถอนหายใจใส่อย่างเยือกเย็น ข้างกายยังมีคนหนุ่มตามมาด้วยอีกเจ็ดแปดคนที่พอเข้ามาก็ลงมือ และซัดพนักงานที่กล้าออกหน้าคนนี้จนกลิ้งไปกับพื้นอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
ตีไปด้วยและยังพูดอย่างกำเริบไปด้วยว่า “ฉันจะบอกแกให้ แกมีค่าอะไร? กล้ามาขวางฉัน? ผู้หญิงคนนี้วันนี้ฉันจะเอาแน่ หลายปีแล้วที่ไม่ได้เห็นสาวน้อยที่สวยสดใสอย่างนี้ แกพูดแค่ประโยคเดียวก็จะให้ฉันวางมือหรือ? แม่ง! แกเป็ใคร!”
ตอนที่พูดก็เบนสายตามองไปที่จู้ซินซินอีก แต่กลับพบว่าเจียงไป๋บังตัวจู้ซินซินไว้ด้านหลังตนเอง และก็มองเขาด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์อยู่พอดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้