โจวอวี่ชางป่วยหนักหรือ?
เวินซีขมวดคิ้วแล้วจ้องมองสีหน้าของคนรับใช้ เมื่อเห็นว่าเขาดูไม่เหมือนโกหกก็หันไปมองจ้าวต้านที่อยู่ด้านหลัง
ทั้งสองมองหน้ากัน จ้าวต้านส่ายหน้าให้เล็กน้อย
โจวอวี่ชางเป็คนตระกูลเวิน เกรงว่านี่จะเป็แผนการของพวกเขา หากนางไป ย่อมเป็การหาเื่ใส่ตัว
เวินซีรู้ความหมายของจ้าวต้าน จึงละสายตากลับไปมองคนรับใช้ น้ำเสียงของนางสงบนิ่ง “ท่านพี่ป่วยก็ควรไปหาหมอสิ มาหาข้าด้วยเหตุใดกัน?”
“คุณหนูเวินซี เราได้เชิญหมอทุกคนไปที่จวนแล้วขอรับ แต่ไม่มีผู้ใดรักษาได้ พวกเขาบอกให้ตระกูลเวินเตรียมงานศพให้นายน้อย ข้าน้อยไร้หนทางจึงมาหาคุณหนู คิดว่าท่านคงจะช่วยได้ขอรับ”
“นายน้อยยังเยาว์วัยนัก ทั้งยังมีความสามารถมากมาย หากเขาตายไปเช่นนี้...”
“คุณหนูเวินซี ได้โปรดช่วยนายน้อยด้วยเถิดขอรับ”
คนรับใช้ปล่อยให้น้ำตาไหลพราก เขาโขกหัวลงกับพื้น ในตอนที่เงยหน้าขึ้นมา ศีรษะก็เต็มไปด้วยรอยเื
“ข้าไม่ถูกกับตระกูลเวินมาโดยตลอด เ้าจะรู้ได้เช่นไรว่าข้าจะไม่ใช้โอกาสนี้ฆ่าเขา?”
เวินซีเยาะเย้ย
ร่างของคนรับใช้ผู้นั้นกระตุกเล็กน้อย แต่ก็ก้มหัวโขกลงกับพื้นต่อ “นายน้อยของข้ามิเคยทำเื่ผิดต่อคุณหนูเวินซี ข้าเชื่อว่าคุณหนูจะไม่มีวันทำร้ายนายน้อยขอรับ”
“มิเคยทำเื่ผิดกับข้าหรือ? เวินเยียนเข้าคุก เขาก็ออกหน้าช่วย ไม่สนใจความเ็ปที่ข้าต้องเจอ ให้ข้าขอร้องเวินเยียน ในงานเลี้ยงของตระกูลเวินแม้จะรู้ว่าข้ากับคนตระกูลเวินไม่ถูกกัน แต่ก็ยังใช้สูตรเครื่องหอมมาบีบให้ข้าไปงาน”
“ท่านพี่วางตัวเช่นนี้แล้ว เหตุใดจะมาขอร้องให้ข้าช่วยอีกกัน”
เวินซีส่งสายตาเยือกเย็น นางหรี่ตามองคนรับใช้
หากโจวอวี่ชางไม่เคยช่วยเวินเยียน ยามนี้นางก็คงไม่ถึงกับยืนนิ่งไม่ดูดำดูดี
ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่กี่วันก่อนเขาก็ยังแข็งแรงอยู่ เหตุใดวันนี้ถึงได้ป่วยหนักขึ้นมา เื่นี้ไม่ว่าจะมองมุมใดก็แปลกประหลาด แล้วนางจะหาเื่ใส่ตัวไปไยกัน
“คุณหนูเวินซี นายน้อยแค่เพียงอยากจะเป็ตัวกลางให้ท่านกับคนตระกูลเวินได้คืนดีกัน เขามิได้มีเจตนาร้ายนะขอรับ อีกทั้งในตอนที่เขายังอยู่ที่ตระกูลเวิน เขาก็คิดถึงท่านตลอดเวลา” คนรับใช้กล่าวอีก
“เขามักจะไปเยี่ยมเวินอี๋เหนียง เพราะว่าเวินอี๋เหนียงกับท่านอยู่ในตระกูลเวินจะต้องคับข้องใจ ทั้งยังให้เงินนางอีกบ่อยครั้ง คุณหนูจะต้องเข้าใจนายน้อยผิดเป็แน่”
“ข้าน้อยติดตามนายน้อยมาั้แ่เล็ก ข้ารู้ว่าเขาเป็คนเช่นไร หากนายน้อยทำผิดกับเวินอี๋เหนียง เช่นนั้นนางจะขอร้องให้เขาเข้าเมืองหลวงไปแทนด้วยเหตุใดกันขอรับ”
คนรับใช้กระวนกระวายใจจนเสียสติ เขาพูดทุกอย่างที่นึกได้ออกมา และยิ่งประหม่าเมื่อนึกถึงเ้านายที่นอนป่วยหนักอยู่บนเตียง เขาอยากจะพูดอันใดต่อ แต่เวินซีก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า
“เ้าบอกว่าที่โจวอวี่ชางเข้าเมืองหลวงไป เป็เพราะเวินอี๋เหนียงขอร้องเขาไว้อย่างนั้นหรือ?” เวินซีเอ่ยปากถามด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ขอรับ คุณหนูเวินซี ยามนั้นเวินอี๋เหนียงขอร้องเขาอย่างหนัก ถึงขั้นเอาชีวิตของตนบีบให้เขาไม่มีทางเลือก จนนายน้อยต้องตอบรับนาง”
“รายละเอียดนั้นข้าไม่รู้ เื่นี้คุณหนูต้องถามนายน้อยเอาเองขอรับ”
“คุณหนูเวินซี หากนายน้อยตายไป เกรงว่าเื่นี้จะไม่มีผู้ใดสามารถพูดความจริงได้อีกแล้วนะขอรับ”
คนรับใช้รีบคว้าความหวังสุดท้ายเอาไว้
“ฉลาดดีนี่” เวินซีมองดูคนที่อยู่บนพื้นด้วยรอยยิ้มแสยะ
เขารู้แต่เลือกที่จะไม่พูด ทำให้นางจำเป็ต้องช่วยโจวอวี่ชางเพื่อหาความจริง
“คุณหนูเวินซี เื่นี้...”
“เช่นนั้นก็ไปเถิด ข้าจะพูดไว้ตรงนี้ หากวันนี้ท่านพี่ร่วมมือกับตระกูลเวินมาเล่นงานข้า เช่นนั้นต่อไปก็อย่าหาว่าข้าไร้ความปรานี”
“คุณหนูเวินซี หากเื่ที่ข้าพูดไม่จริง ข้าน้อยยอมให้ฟ้าผ่าตายเลยขอรับ”
คนยุคโบราณนั้นงมงาย เื่อัปมงคลเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าพูดเล่นแน่
เมื่อเห็นเขามีท่าทีเช่นนี้ เวินซีก็รีบให้จ่างกุ้ยไปเตรียมรถม้า แล้วออกไปยังตระกูลเวินกับจ้าวต้าน
รถม้าหยุดลงอย่างรวดเร็วที่หน้าประตูของตระกูลเวิน เวินซีเปิดม่านหน้าต่าง และขมวดคิ้วเมื่อมองออกไปด้านนอก
งานเลี้ยงเพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่วันนี้บรรยากาศรื่นเริงที่เคยมีกลับหายไปหมดแล้ว ทั้งตระกูลเวินเหลือเพียงความอึมครึมน่าหดหู่
มีคนรับใช้เดินไปมา ฝีเท้าดูเร่งรีบ ต่างก็ก้มหน้าก้มตาไม่พูดอันใด
ขณะนั้นมีหมอคนหนึ่งถูกไล่ออกมาด้วยคำพูดที่หยาบคาย และถูกโยนออกมาที่หน้าประตู
“ไสหัวไป ไอ้คนเจียงหูหลอกลวง กล้าดีเช่นไรถึงเข้าตระกูลเวินมา หากมิใช่ว่าคุณหนูเวินเยียนมีเมตตา วันนี้เ้าได้ตายไปแล้ว ออกไป!” คนรับใช้ที่ประตูยืนดุด่า
“เป็ตระกูลเวินของพวกเ้าที่ไร้เหตุผล นายน้อยนั่นจะตายแล้ว ข้าเพียงแค่พูดตามความจริง ข้าผิดอันใด? พวกเ้าทำกับข้าเช่นนี้ ระวังจะถูกประณาม”
หมอลุกขึ้นจากพื้น ปัดเสื้อผ้าของตนแล้วด่าคนรับใช้ พลันสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป
“คุณหนูเวินซี ลงจากรถเถิดขอรับ”
คนรับใช้เอ่ยปาก เวินซีที่มองดูเหตุการณ์จึงรู้สึกตัว
นางพยักหน้าและลงจากรถโดยมีจ้าวต้านคอยพยุง ทั้งสามกำลังจะเดินเข้าไป แต่คนรับใช้ที่เฝ้าประตูอยู่ก็ชักมีดใส่
“ตระกูลเวินไม่รับแขกวันนี้ หากมีเื่อันใดค่อยมาวันหลัง”
“สามหาว ไม่เห็นหรือว่านางคือผู้ใด? คุณหนูเวินซี คือคุณหนูรองของที่นี่! ให้เราเข้าไปด้านในเดี๋ยวนี้”
คนรับใช้ของโจวอวี่ชางเดินหน้าขึ้นแล้วเอาตัวบังเวินซีจากคมมีด พลันตะเพิดเสียงใส่คนเฝ้าประตู
“ข้าก็นึกว่าผู้ใด? ที่แท้ก็สุนัขรับใช้โจวอวี่ชาง ลู่สือนี่เอง เ้าถูกไล่ออกไปแล้ว กล้ากลับมาอีกหรือ? ทำไม? คิดจะทำร้ายนายของเ้าอีกหรือ?”
คนเฝ้าประตูเอามีดเข้าไปใกล้ลู่สือ ลู่สือจึงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางเวินซี
“โอ้ ยังหาคนมาช่วยอีกนะ น่าเสียดายที่ยามนี้หากมิได้รับคำสั่งจากนายท่าน ผู้ใดก็เข้าไปมิได้”
คนเฝ้าประตูหัวเราะเยาะ เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจกีดกันเวินซี คนรับใช้เหล่านี้เป็เหมือนไม้เลื้อย ผู้ใดเหนือกว่าก็เคารพผู้นั้น
พวกเขาล้วนเป็คนรับใช้ของเวินเยียน ย่อมเห็นเวินซีเป็ศัตรูธรรมดา
คนรับใช้ผู้นั้นยังอยากจะพูดต่อ แต่เวินซีก็ยกเท้าขึ้นเตะก่อน เขาไม่ทันได้ระวังจึงลอยไปชนประตูจนเปิดออก
มีดเล่มนั้นตกลงมาที่ปลายเท้าของเขา ความจองหองเมื่อครู่เปลี่ยนไปเป็ความหวาดกลัว เขาเอามือจับหน้าท้อง เมื่อเห็นเวินซีเดินมาหยิบมีดที่พื้น เขาก็รีบอดทนต่อความเ็ป แล้วคุกเข่าทันใด
“คุณหนูเวินซีโปรดอภัยให้ข้าด้วยขอรับ เมื่อครู่ข้าน้อยเห็นคุณหนูเวินซีเข้ามากับไอ้คนทรยศลู่สือ พลันนึกว่าพวกท่านเป็พวกเดียวกับเขา ข้าถึงได้...เป็ข้าน้อยเองที่มีตาหามีแววไม่ ทำให้คุณหนูขุ่นเคือง ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยขอรับ”
“โกหก เ้าจงใจหาเื่เราชัดๆ” ลู่สือตอกกลับ
“คุณหนูเวินซี ข้าน้อยมิกล้า คุณ...อ๊า...”
เวินซีใช้มีดแทงไหล่ของเขา แล้วปล่อยมือออกด้วยสีหน้านิ่ง จากนั้นก็ถอยออกมา
“วันนี้ข้าก็แค่สั่งสอน เ้าคิดดูให้ดีว่าผู้ใดเป็นาย”
“ขอรับ ขอบพระคุณคุณหนูขอรับ” คนรับใช้มิได้ยอม แต่ก็ทำได้เพียงเอ่ยปากไปเช่นนั้น
เวินซีกวาดตามองไปที่คนรับใช้คนอื่นๆ
พวกเขาพากันถอยหลังอย่างขี้ขลาดและเก็บมีด “เชิญคุณหนูขอรับ”
การเชือดไก่ให้ลิงดูนั้นได้ผลมาก นางแสยะยิ้ม เดินเข้าไปในจวนตระกูลเวินกับจ้าวต้าน โดยมีลู่สือนำทางให้
ห้องของโจวอวี่ชางเป็ห้องหลักของจวนตระกูลเวิน อยู่ห่างจากโถงหน้าไม่มากนัก ทั้งสามคนจึงไปถึงอย่างรวดเร็ว
“ที่นี่ขอรับคุณหนูเวินซี” ลู่สือหยุดลงที่ประตูด้วยความเคารพ
“เ้าไม่เข้าไปหรือ?” มือของเวินซีที่ผลักประตูอยู่หยุดลงกลางคัน
“ทุกคนในตระกูลเวินอยู่ในห้องขอรับ พวกเขาคิดว่าข้าเป็คนทำร้ายนายน้อย หากข้าเข้าไป เกรงว่าคงต้องตายแน่”
“เช่นนั้นเ้าก็มาผลักประตู”
เพราะกลัวว่าจะเป็กับดัก เวินซีจึงเบี่ยงตัวให้เขามายืนด้านหน้า
ลู่สือไม่กล้าปฏิเสธ ก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดประตู
เมื่อประตูเปิดออก กลิ่นเข้มข้นของยาที่อบอวลอยู่ด้านในก็ตีจมูก
“ถือไว้” จ้าวต้านนำผ้าออกมาจากอก
นางรับไปปิดปากและจมูกแน่น ขณะที่กำลังเตรียมตัวจะเข้าไป ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ดังเสียดหูออกมาจากในห้อง
“เวินซี เ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้