หนิงมู่ฉือมองชายผู้นั้นอย่างเ็า เอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “เป็ท่านที่เริ่มก่อน” เอ่ยจบนางหมุนตัวทำท่าจะเดินจากไป กลับคาดไม่ถึงว่าจะถูกชายผู้นั้นลอบโจมตี
คุณชายผู้นั้นกอดนางไว้จากทางด้านหลัง พร้อมกับกระซิบที่ข้างหู “กลับไปกลับข้า ข้าจะทำให้เ้ามีชีวิตที่สุขสบาย แม่นางเทพแม่ครัว”
ในใจนางนึกรังเกียจการกระทำของคุณชายผู้นี้เหลือเกิน จึงคิดอยากจะสั่งสอนเขาสักหลายประโยค คาดไม่ถึงว่า เขาจะควักเอามีดออกมาจากอกเสื้อมาจ่อที่คอนาง ไม่เพียงแค่นั้นยังเอ่ยข่มขู่นางอีกว่า “แม่นางเทพแม่ครัว เ้าต้องกลับไปกับข้า”
นางตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ยิ้มขณะเอ่ยกับคุณชายผู้นี้ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงหลายส่วน “คุณชายไม่เห็นต้องใช้ความรุนแรงเลย หากคุณชายอยากทานอาหารที่ผู้น้อยทำ เหตุใดถึงไม่บอกผู้น้อยั้แ่แรกเล่า เื่นี้สามารถปรึกษากันได้”
“เ้าจะมาไม้ไหนอีก” คุณชายผู้นี้ใช้มีดจ่อที่คอนาง บังคับพานางเดินเข้าไปในบ้านที่ทั้งสวยงามและเงียบสงบหลังหนึ่ง ก่อนจะปิดประตูและลงกลอน ขังทั้งคู่เอาไว้ด้านใน นางเห็นเช่นนั้นรู้สึกใยิ่ง เอ่ยเสียงดังออกมา “กลางวันแสกๆ แต่ท่านกลับจะทำเื่เยี่ยงนี้ ท่านไม่กลัวกฎหมายหรืออย่างไร!”
คุณชายผู้นี้ยกยิ้มมุมปากพลางเอ่ยตอบ “กฎหมาย? ที่นี่ข้านี่แหละคือกฎหมาย ไม่เชื่อเ้าลองไปถามนายอำเภอของที่นี่ดูสิ แม้แต่เขายังสั่งข้าไม่ได้เลย”
นางรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก หากก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทันใดนั้นนางก็นึกบางอย่างออก “คุณชายไม่ใช่ว่าอยากทานอาหารฝีมือข้าหรอกหรือ ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่”
คุณชายผู้นี้สำรวจมองรอบๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู สั่งให้ข้ารับใช้ที่ตามมาคอยเฝ้าหนิงมู่ฉือเอาไว้ ส่วนตัวเองยิ้มมองหนิงมู่ฉืออย่างลึกล้ำพร้อมกับเอ่ยว่า “เ้าอย่าได้เล่นลูกไม้เป็อันขาด ข้าออกตามหาเ้าั้แ่เมื่อคืนแล้ว ได้ยินนายอำเภอกล่าวว่า อาหารที่เ้าทำราวกับอาหารจากสรวง์ก็ไม่ปาน เช่นนั้นเ้าไปลองทำมาให้ข้าลองชิมดู”
หนิงมู่ฉือพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง หากจะโทษต้องโทษที่นางประมาทเกินไป นางถูกพาตัวไปยังห้องครัว ครั้นนางเห็นดอกฝิ่นก็ยิ้มออกมา ผู้คนล้วนกล่าวกันว่า ฝิ่นมีสรรพคุณทำให้คนที่ได้ทานเข้าไปรู้สึกล่องลอยมีความสุขเหมือนอยู่ในความฝัน เช่นนั้นนางก็จะคว้าโอกาสครั้งนี้เอาไว้
นางใส่ดอกฝิ่นลงไปในน้ำ ต้มจนน้ำกลายเป็สีดำ จากนั้นทำความสะอาดกระดูกหมูที่วางอยู่บนโต๊ะ เสร็จเรียบร้อยก็ใส่ลงไปในหม้อ เมื่อกระดูกหมูสุก นางตักใส่ถ้วยแล้วราดด้วยน้ำแกงสีดำซึ่งเป็ผลมาจากดอกฝิ่น นางยิ้มลำพองใจขณะมองกระดูกหมูซึ่งถูกน้ำดอกฝิ่นซึมเข้าไปภายในเนื้อจนกลายเป็สีดำ สุดท้ายนางโรยเครื่องเทศเพื่อกลบกลิ่นดอกฝิ่นลงไป
ตลอดเวลาที่นางทำอาหาร คุณชายผู้นั้นที่รออยู่ด้านนอกรู้สึกร้อนใจยิ่งนัก ะโเข้ามาถามอยู่บ่อยครั้ง “เ้าทำเสร็จหรือยัง ฉายาเทพแม่ครัวเป็เื่โกหกใช่หรือไม่ จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ได้กลิ่นหอมของอาหารเลย”
นางยิ้มพลางตอบ “คุณชายอย่าใจร้อนสิเ้าคะ ใจร้อนจะไม่ได้ทานเต้าหู้ร้อน[1] นะเ้าคะ”
ชายผู้นั้นถลึงตามองหนิงมู่ฉือที่อยู่ในห้องครัว ทว่าผ่านไปไม่นานเขาก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยออกมา หนิงมู่ฉือที่อยู่ในห้องครัวร้องในใจว่าไม่ดีแล้วเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร หรือว่านางจะใส่ดอกฝิ่นเยอะเกินไป
คุณชายผู้นั้นที่รออยู่ด้านนอกห้องครัวได้กลิ่นถึงกับน้ำลายไหล เปิดประตูเข้ามาแย่งถ้วยน้ำแกงกระดูกหมูและช้อนไปจากมือหนิงมู่ฉือ
หนิงมู่ฉือมองท่าทางเช่นนั้นของคุณชายผู้นี้ ยิ้มอ่อนพลางเอ่ยแนะนำ “น้ำแกงถ้วยนี้ข้าตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ มีชื่อว่า กระดูกหมูแห่งความฝัน”
คุณชายผู้นี้ไหนเลยจะสนใจคำพูดของหนิงมู่ฉือ สูดกลิ่นหอมของน้ำแกงตรงหน้า เลือกชิ้นกระดูกหมูที่ใหญ่ที่สุดแล้วตักเข้าปากเพื่อลองชิม ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านนอกเห็นคุณชายของตัวเองทานกระดูกหมูอย่างเอร็ดอร่อยก็เข้ามาตักทานบ้าง หนิงมู่ฉือมองภาพตรงหน้าอย่างได้ใจเป็ที่สุด
นางมองคุณชายผู้นี้และข้ารับใช้ที่นอนหลับอยู่ตรงปลายเท้านาง นางตบใบหน้าคุณชายผู้นี้ไม่แรงนักพร้อมกับเอ่ยว่า “ไม่เป็ไรหรอก เมื่อท่านตื่นขึ้นมาเดี๋ยวก็จำเื่ราวทั้งหมดไม่ได้แล้ว”
แววตาของนางเต็มไปด้วยประกายเ้าเล่ห์ นางมองคุณชายผู้นี้และข้ารับใช้ที่นอนหลับอยู่แทบเท้านาง ตบใบหน้าของคุณชายผู้นี้ไม่แรงนักอีกสองสามที
“หน้าตาก็ไม่เท่าไหร่ ล่วงเกินแล้ว” นางลูบสำรวจไปตามตัวของคุณชายผู้นี้ ปลดเงินทองและทรัพย์สินของมีค่าออกมาจนหมด
นางโยนถุงเงินที่อยู่ในมือเพื่อกะจำนวน ก่อนจะถอนหายใจออกมา มองหน้าคุณชายซึ่งหลับสนิทอยู่แทบเท้าด้วยสีหน้าอ่อนใจ “ข้าก็นึกว่าบนตัวท่านจะมีของมีค่ามากมาย ที่ไหนได้มีแค่สองตำลึงเงินเท่านั้นเอง ไม่พอค่าหารของข้าด้วยซ้ำ”
กลิ่นหอมของน้ำแกงกระดูกหมูลอยโชยเข้ามาในจมูก นางเกือบห้ามใจไม่ไหว โชคดีที่นางใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกได้ทัน นางรีบเดินออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
ได้เห็นผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่บนท้องถนน นางบิดี้เี รู้สึกดีใจยิ่งนัก เวลานี้เองที่สายตาเหลือบไปเห็นแผงร้านขายหมวกฟาง นางซื้อหมวกฟางจากพ่อค้าผู้นั้น จากนั้นเดินไปยังจวนของนายอำเภอ
ความที่นางแต่งตัวแปลกประหลาด จึงถูกผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจ้องมองพร้อมทั้งเอ่ยว่า “ดูสตรีผู้นั้นสิ เป็ใครกัน แต่งตัวประหลาดเสียจริง”
ทุกคนชี้มือมายังนาง ทว่านางไม่สนใจ ยังคงเดินตรงไปที่จวนของนายอำเภอ
ยังไม่ทันถึงประตูจวนนายอำเภอ สายตานางเหลือบไปเห็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนที่มีท่าทีร้อนใจเสียก่อน นางเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านมาทำอันใดอยู่ตรงนี้”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนใที่จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาหา แต่เมื่อเห็นว่าเป็หนิงมู่ฉือจึงรู้สึกโล่งใจยิ่งนัก ยิ้มอย่างดีใจพร้อมกับคว้าแขนหนิงมู่ฉือเอาไว้ “แม่นางเทพแม่ครัว ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านทำให้ทุกคนในจวนนายอำเภอใกันหมดแล้ว!”
นางยิ้มอ่อนจนเห็นลักยิ้มที่ข้างแก้มไม่ชัดเจนนัก ภาพนี้ชวนให้หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนถึงกับตะลึงไป “แม่นางเทพแม่ครัวช่างมีหน้าตาที่งดงามเหลือเกิน”
นางกระแอมออกมาก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ “พวกท่านเกือบทำให้ข้าแย่แล้วรู้หรือไม่ นายอำเภอของท่านอยู่ที่ใด ข้ามีเื่จะพูดกับเขาสักหน่อย”
หนิงมู่ฉือผลักประตูจวนนายอำเภอเข้าไป หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่ นายอำเภอในขณะนี้กำลังทานอาหาร เมื่อเห็นหนิงมู่ฉือเดินเข้ามา รีบวางอาหารในมือลงพลางส่งยิ้มแห้งให้
หนิงมู่ฉือนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ก่อนจะเอ่ยเสียงดังใส่นายอำเภอ “พวกท่านโเี้ยิ่งนัก ข้าก็สงสัยอยู่ว่าเหตุใดพวกท่านถึงใจดีกับข้านัก ที่ไหนได้บอกให้ข้าไปช่วยแจกโจ๊กที่วัดร้าง เพราะอยากยืมมือขอทานพวกนั้นเล่นงานข้าสินะ โชคดีที่ข้าฉลาด จึงเอาตัวรอดมาได้!”
นายอำเภอได้ยินเช่นนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “แม่นางเทพแม่ครัวอย่าเพิ่งมีน้ำโห ข้า…เฮ้อ ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี หลายปีมานี้อำเภอเล็กๆ ของพวกเราถูกทางการกดดัน ทำให้มีผู้ประสบภัยไม่น้อย ทุกครั้งที่ผู้ประสบภัยเหล่านี้เห็นพวกขุนนางก็จะรุมเข้ามาทำร้าย ข้า…”
[1] ใจร้อนจะไม่ได้ทานเต้าหู้ร้อน อุปมาว่า หากใจร้อนจะไม่ได้ของดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้