หนิงมู่ฉือถูกนางกำนัลผู้มีร่างกายแข็งแรงสี่ห้าคนบังคับจับตัวเอาไว้ นางมองพระสนมซูเฟยที่หมดสติไปแล้วด้วยใจร้อนรน
ไม่ว่าจะด้านตระกูลหรือความโเี้ นางล้วนสู้พระสนมซูเฟยไม่ได้ทั้งสิ้น
เดี๋ยวก่อนนะ ด้านความโเี้หรือ!…
องค์หญิงซีเยวี่ยค่อยๆ ก้าวตรงเข้ามาหานาง จิกผมนางขึ้นไปอย่างแรง พร้อมทั้งกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงดุดัน “นังบ่าวสุนัขใจกล้า! แม้แต่พระสนมซูเฟยเ้าก็ยังกล้าทำร้าย!”
ทั้งสองมือของนางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ขนมเปี๊ยะเทพเซียนมะลิที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ร่วงหล่นเต็มพื้น นางเอ่ยอย่างเหม่อลอยออกมา “บ่าวมิกล้า! บ่าวไม่ได้เป็คนทำร้ายพระสนมซูเฟยนะเพคะ!”
องค์หญิงซีเยวี่ยยกยิ้มมุมปากอย่างดูแคลนขณะสั่งงานนางกำนัลที่จับตัวหนิงมู่ฉือเอาไว้ “พวกเ้าดูนางให้ดีๆ ระหว่างที่รอฝ่าาเสด็จมา อย่าให้นางหนีไปได้เด็ดขาด!”
เต๋อเฟยที่ทราบข่าว ด้วยกลัวว่าจะถูกลากลงน้ำครำไปด้วย จึงรีบมาที่ตำหนักิฉืออย่างรวดเร็ว
ในบรรดานางสนมทั้งหลายที่ทราบข่าวนี้ คนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็เสียนเฟย เสียนเฟยในตอนนี้กำลังนั่งแต่งหน้าสางผมอย่างประณีตอยู่หน้าคันฉ่อง นางหยิบปิ่นปักผมรูปดอกไม้หลากสีสันที่มีผีเสื้อเกาะอยู่ซึ่งฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินพระราชทานให้นางขึ้นมา แล้วค่อยๆ ปักที่มวยผม นางส่องคันฉ่องอย่างพึงพอใจขณะเอ่ยกับนางกำนัลข้างกาย “ครานี้มีเื่สนุกให้ดูเป็แน่ ซูเฟยที่มักจะทำตัวยโสโอหังจนเป็นิสัยถูกคนวางยาพิษ ได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็คนของเต๋อเฟยใช่หรือไม่”
นางลุกขึ้นยืน มือที่สวมกำไลค่อยๆ ยื่นไปแตะแขนของนางกำนัลข้างกาย “ไป พวกเราไปรอชมเื่สนุกกันเถิด”
ข่าวนี้แพร่ไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง จ้าวซีเหอยังไม่ทันจะกลับถึงตำหนักอ๋องด้วยซ้ำ ท่านอ๋องก็รู้ข่าวแล้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจ ขณะชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเดินวนไปมาอยู่ในห้อง พร้อมทั้งถอนหายใจออกมา “เฮ้อ เวรกรรมอันใดหนอ เหตุใด์ถึงได้บันดาลให้เกิดเื่กับนางหนูหนิงหลายครั้งหลายคราเช่นนี้”
ทันทีที่เห็นจ้าวซีเหอลงจากรถม้า เขารีบวิ่งตรงเข้าไปหา บุตรชายมีสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก แต่เขาก็หาได้สนใจไม่ วิ่งไปถึงตัวก็จับแขนบุตรชายเอาไว้พร้อมกับกล่าวว่า “ซีเหอ เกิดเื่ใหญ่แล้ว นางหนูหนิงถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษพระสนมซูเฟย!”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าจ้าวซีเหอเปลี่ยนไปทันที “ท่านพ่อว่ากระไรนะขอรับ!”
ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ท่านพ่อ ลูกต้องเข้าวังเดี๋ยวนี้!”
ท่านอ๋องะโห้าม “ลงมา! เ้าไปตอนนี้ก็เข้าไม่ได้อยู่ดี!”
จ้าวซีเหอร้อนใจยิ่งนัก ได้ยินเช่นนั้น มองหน้าบิดาผาดหนึ่ง ก่อนจะลงจากม้า เขาเดินเข้าไปหาบิดาด้วยสีหน้ากังวล “ท่านพ่อ! เื่นี้จะช้าไม่ได้นะขอรับ! ชีวิตของหนิงมู่ฉือสำคัญที่สุด!”
ท่านอ๋องทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกัดฟันเอ่ยออกมา “ช่างเถิด พ่อจะไปกับเ้าด้วย อย่างไรก็ต้องช่วยชีวิตนางหนูหนิงเอาไว้ให้ได้เสียก่อน แล้วที่เหลือค่อยคิดหาวิธีอีกที!”
จ้าวซีเหอพยักหน้าเห็นด้วย เขาประคองบิดาขึ้นไปนั่งบนรถม้า ก่อนที่เขาจะตามขึ้นไป ทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถม้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พระสนมซูเฟยมีหลายร้อยวิธีที่จะใส่ร้ายหนิงมู่ฉือ แต่ทางด้านหนิงมู่ฉือกลับเป็เื่ที่ยากนักที่จะหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ภายในรถม้ามีแต่ความเงียบ เป็ท่านอ๋องที่ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “เข้าวังเมื่อไหร่พ่อจะไปเข้าเฝ้าฝ่าา ส่วนเ้ารีบไปหาหลักฐานที่ตำหนักของพระสนมซูเฟย ห้ามให้ผู้ใดมีโอกาสนำหลักฐานไปแสดงต่อฝ่าาก่อนเป็อันขาด”
จ้าวซีเหอพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ทันทีที่รถม้าเคลื่อนผ่านประตูสีแดงเข้ามาในวังและหยุดลง จ้าวซีเหอะโลงจากรถม้าแล้วรีบตรงไปยังตำหนักของพระสนมซูเฟยทันที
ตำหนักิฉือในเวลานี้มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ พระสนมตำแหน่งเฟยทั้งสามมีสีหน้าร้อนใจขณะมองหมอหลวงจับชีพจรให้ซูเฟยซึ่งหมดสตินอนอยู่บนเตียง
ทันใดนั้นเองมีเสียงรายงานดังมาจากด้านนอก “ฝ่าาเสด็จ!”
สายตาของทุกคนหันไปมองที่ประตูเป็ตาเดียวกัน ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินในฉลองพระองค์สีเหลืองทองใบหน้าเคร่งเครียดก้าวเดินเข้ามาในห้อง
ทุกคนยอบกายคำนับ ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมองทุกคนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ความกดดันที่แผ่ออกมาแทบทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินสาวเท้าเดินเข้าไปหาซูเฟยที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง เขาทรุดกายนั่งลงข้างเตียง ยื่นมือไปพยุงตัวซูเฟยเข้ามาไว้ในอ้อมอก เขย่าเบาๆ พร้อมทั้งเรียกด้วยน้ำเสียงเป็ห่วงเป็ใย “สนมรักๆ”
ทว่าไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากซูเฟย ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินจึงหันไปถามหมอหลวงที่เพิ่งจับชีพจรให้ซูเฟยเสร็จสิ้นไปไม่นาน “อาการของนางเป็อย่างไรบ้าง”
มือของหมอหลวงผู้นี้สั่นเทาขณะทูลตอบ “ทูลฝ่าา พระสนม…” ดวงตาของหมอหลวงหลุกหลิกไปมา ขณะที่ตัวสั่นเทาไม่หยุด
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเห็นหมอหลวงมัวแต่อึกอักจึงะโถามอีกครั้งอย่างร้อนใจ “มีอะไรก็พูดมา!”
หมอหลวงรีบลงไปคุกเข่ากับพื้นขณะที่ตอบ “ทูลฝ่าา พระสนมเสวยอาหารที่มีพิษเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าอาหารที่แม่นางหนิงทำอาจจะมี…”
จบประโยค สายตาของทุกคนหันไปมองหนิงมู่ฉือที่ถูกนางกำนัลบังคับจับตัวเอาไว้ จึงทำให้มีผมยุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับยู่ยี่อย่างใ แม้แต่เต๋อเฟยยังมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวนักหนา
เสียนเฟยตรงเข้าไปหาหนิงมู่ฉือ ก่อนจะใช้น้ำเสียงเล็กแหลมกล่าวยุยง “ไอโยว สตรีนางนี้นี่ช่างใจกล้าเหลือเกิน แม้แต่ซูเฟยยังกล้าวางยาพิษ ไม่แน่ว่าเต๋อเฟยอาจจะ…” กล่าวจบเหลือบมองไปทางเต๋อเฟยอย่างท้าทายผาดหนึ่ง
เต๋อเฟยมีสีหน้าดำทะมึน สองมือกำแน่น นางสาวเท้าตรงเข้าไปหาหนิงมู่ฉือ ก่อนจะตบเข้าที่ใบหน้าของอย่างแรง “พูดมา! เหตุใดเ้าถึงวางยาพิษซูเฟย!”
แก้มของหนิงมู่ฉือปรากฎรอยแดงรูปฝ่ามือทั้งห้าทันที นางในตอนนี้นั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น มุมปากมีเืซึมออกมา แม้นางจะรู้สึกสงสัย หากตอนนี้นางไม่มีสิ่งใดมาเป็เครื่องพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ของตัวเองสักอย่าง นางทำได้แค่พูดแก้ตัวให้ตัวเอง “พระสนม บ่าวไม่ได้วางยาพิษพระสนมซูเฟยจริงๆ นะเพคะ!”
นางมองไปทางฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน คลานเข่าเข้าไปหาพลางร้องห่มร้องไห้ “ฝ่าา บ่าวไหนเลยจะมีความกล้าพอที่จะทำร้ายพระสนมซูเฟย!”
เสียนเฟยแค่นเสียงฮึพร้อมทั้งยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน “สตรีผู้นี้ช่างฉลาดเหลือเกิน รู้จักหาที่พึ่งให้ตัวเอง หมอหลวงก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่า ซูเฟยถูกวางยาพิษในอาหาร ถ้าไม่ใช่เ้าแล้วจะเป็ผู้ใด!”
องค์หญิงซีเยวี่ยมองหนิงมู่ฉือผาดหนึ่ง ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน “ทูลฝ่าา อาหารที่พี่ซูเฟยได้ทาน ล้วนเป็หนิงมู่ฉือที่รับผิดชอบทั้งหมดเพคะ”
หนิงมู่ฉือเม้มริมฝีปากแน่น นางเงยหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมา “บ่าวไม่มีสิ่งใดมาพิสูจน์ว่าบ่าวไม่ได้เป็คนวางยาพิษ แล้วพวกท่านเล่า มีสิ่งใดมายืนยันว่าบ่าวเป็คนวางยาพิษ บ่าวไม่ได้เป็คนทำอาหารเพียงคนเดียว มีทั้งนางกำนัลและขันทีคอยช่วยหลายคน และระหว่างที่รอพระสนมซูเฟยอาจจะเสวยอะไรเข้าไปเพื่อรองท้องก่อนก็ได้ พวกท่านมีหลักฐานใดมายืนยันว่าพระสนมเสวยอาหารที่บ่าวทำจึงทำให้ถูกพิษ อีกอย่าง หากบ่าวคิดจะวางยาพิษพระสนมจริง บ่าวจะทำอย่างเปิดเผย ทิ้งหลักฐานว่าบ่าวเป็คนทำตรงๆ เช่นนี้หรือ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมีสีหน้าเคร่งขรึมลง รอบตัวแผ่กลิ่นอายกดดันออกมา เขาไม่ได้พูดว่าเป็ฝีมือหนิงมู่ฉือเช่นคนอื่น เพราะในใจเขาเชื่อที่หนิงมู่ฉือพูดมาเมื่อครู่ เขาเชื่อว่า นางไม่น่าทำโดยทิ้งหลักฐานให้ชี้มาที่ตัวเองโดยตรงเช่นนี้ นางไม่น่าจะวางยาพิษในอาหารของตัวเองเพื่อทำร้ายสนมของเขา
น่ากลัวว่าเื่นี้จะเกิดขึ้นเพราะความหึงหวง เื่นี้เป็เื่ที่ร้ายแรงมาก ต้องตรวจสอบให้แน่ชัด!
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเงียบอย่างใช้ความคิดอยู่นาน คนที่อยู่ในห้องไม่มีใครกล้าเอ่ยวาจาใดออกมา ในห้องเงียบกริบ แม้แต่เสียงเข็มตกลงบนพื้นก็ยังได้ยิน ผ่านไปเนิ่นนาน ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินถึงค่อยหันไปเอ่ยถามองค์หญิงซีเยวี่ย “อาหารของซูเฟยในวันนี้ มีผู้อื่นได้แตะต้องบ้างหรือไม่”
องค์หญิงซีเยวี่ยส่ายหน้า ตอบด้วยสีหน้ามั่นใจ “ไม่มีเพคะ นางกำนัลรับใช้คนสนิทของพี่สาวถูกแมวข่วนที่ใบหน้า พี่สาวจึงให้นางไปพัก หน้าที่ของนางทั้งหมดจึงตกเป็ของหนิงมู่ฉือ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปมองหนิงมู่ฉือด้วยแววตาคมปลาบ “เ้ามีเื่ใดอยากจะพูดอีกหรือไม่”
หนิงมู่ฉือมีน้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงตาแดงก่ำ แลดูน่าสงสารเหลือเกิน “อย่างไรก็ยังไม่แน่ว่าอาหารที่บ่าวทำจะมีพิษ วิธีวางยาพิษมีหลากหลายวิธี ผู้ที่ทำอาจจะวางยาพิษในเสื้อผ้าหรือแอบเอาเข็มมาแทงพระสนมก็เป็ได้ เื่เหล่านี้ใช่ว่าเป็ไปไม่ได้ ฝ่าาทรงพระปรีชา พระองค์ทรงเชื่อคำโกหกเหล่านี้ได้อย่างไรเพคะ หรือคิดว่าบ่าวเป็คนทำจริงๆ”
เสียนเฟยยกยิ้มมุมปาก ขณะสาวเท้าก้าวตรงเข้าไปหาหนิงมู่ฉือ จากนั้นใช้มือฟาดลงที่ใบหน้าอีกข้างอย่างแรง คราวนี้แก้มทั้งสองข้างของหนิงมู่ฉือล้วนมีรอยประทับรูปฝ่ามือเสมอภาคกันแล้ว
“สารเลว กล้าชี้นำฝ่าาหรือ! เ้าดูจะรู้เื่วิธีวางยาพิษดีนัก มีแต่คนจิตใจโเี้เช่นเ้าเท่านั้นที่จะรู้เื่เหล่านี้ดี เดิมทีข้าคิดจะช่วยพูดให้เ้า แต่ดูท่าตอนนี้ คนที่วางยาพิษจะต้องเป็เ้าแน่ๆ เ้ารู้หรือไม่ว่าทำร้ายพระสนมมีโทษตัดหัวเก้าชั่วโคตรเชียวนะ! เ้านี่ช่างใจกล้า เหลือเกิน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้