เฉิงชิงปากบอกว่าใ แต่สายตาก็มองนายท่านห้าเฉิงปริบๆ ราวกับคาดหวังให้นายท่านห้าเฉิงตัดสินใจแทนนาง
นายท่านห้าเฉิงก็รู้สึกได้ถึงความหมายที่ไม่ธรรมดาภายในคำพูดอันสั้นกระชับของผู้ทุจริต เฉิงชิงเพิ่งกลับมาอำเภอหนานอี๋ได้แค่สามเดือน ปกติเก็บตัวร่ำเรียนอย่างหนักอยู่ภายในบ้าน ไหนเลยจะมีโอกาสไปล่วงเกินคนได้?
นี่ไม่ใช่การใส่ร้ายธรรมดา แต่้าตัดอนาคตการสอบเข้ารับราชการของเฉิงชิง
ผู้ใดในอำเภอที่ไม่้าให้เฉิงชิงโดดเด่นที่สุด นายท่านห้าเฉิงพอจะมีคำตอบแล้ว
ทว่าไฟในอย่านำออก นายท่านห้าเฉิงไม่้าจะสอบถามต่อหน้าธารกำนัล จึงส่งต่อไปให้เมิ่งไหวจิ่นรับ่ต่อ
“ตามที่ไหวจิ่นเห็นควร เื่นี้ควรจัดการอย่างไร?”
เมิ่งไหวจิ่นหัวเราะ “ในเมื่อเขายอมรับต่อหน้าผู้คนแล้วว่าเป็ผู้ใส่ร้ายเฉิงชิง ดังนั้นผู้บงการเื้ัสามารถค่อยๆ ตรวจสอบได้ วันนี้ทำให้ศิษย์น้องทุกท่านต้องเหน็ดเหนื่อยอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าได้กำชับให้ห้องครัวของสถานศึกษาเตรียมน้ำแกงถั่วเขียวไว้ ไม่สู้เชิญศิษย์น้องทุกท่านไปทานก่อนลงเขากลับบ้าน พักผ่อนร่างกายและฟื้นฟูจิตใจเพื่อรับมือกับการสอบใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ไม่ทราบว่านายท่านห้าคิดเช่นไร?”
นายท่านห้าเฉิงพึงพอใจมาก
เมิ่งไหวจิ่นไม่เพียงมีความรู้ระดับเจี้ยหยวน ยังสามารถจัดการเื่ราวได้ดี มองเห็นถึงความคิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง
ผู้เข้าสอบจำนวนมากต่างพากันกล่าวว่าทำข้อสอบไม่ลำบากเลย ถึงอย่างไรก็รู้สถานะของตนเอง เมิ่งไหวจิ่นให้พวกเขาพักผ่อนเสร็จก็ลงจากเขา ตระกูลเฉิงจะได้สะสางเื่ต่อเสียที
ความขัดแย้งภายในตระกูลใหญ่น่ะหรือ พวกเขาเข้าใจดีเลย
อีกทั้งเมิ่งเจี้ยหยวนยังเรียกพวกเขาว่า ‘ศิษย์น้อง’ ภายในใจของผู้คนล้วนปรีดาอย่างยิ่ง ต่างรู้สึกว่าเป็ถ้อยคำมงคลคำหนึ่ง เมื่อผ่านการสอบใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเขาย่อมต้องได้ถูกรับเข้าสถานศึกษาอย่างราบรื่น เป็ศิษย์น้องดั่งคำของเมิ่งเจี้ยหยวน!
คนภายในลานต่างรีบรุดออกไปดุจสายน้ำ เหลือเพียงผู้ที่เกี่ยวข้อง
เมิ่งไหวจิ่นเพียงแค่เปิดโปงบัณฑิตตกยากที่ใส่ร้ายเฉิงชิงเท่านั้น แต่กลับปล่อยผ่านผู้เข้าสอบหลายคนที่ต้องสงสัยว่าทุจริต และไม่ได้วางแผนที่จะกำจัดพวกเขาเ่าั้จนหมด… สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเป็ผู้ที่มีความพอดี ถ้าพบว่าเื่นี้มีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งภายในตระกูลเฉิง เมิ่งไหวจิ่นก็จะมอบอำนาจการจัดการไปให้นายท่านห้าเฉิงโดยทันที
ยามนี้เมิ่งไหวจิ่นจากไปแล้ว
นายท่านห้าเฉิงก็ให้ผู้ดูแลสถานศึกษานำตัวบัณฑิตตกยากที่ใส่ร้ายเฉิงชิงไป แล้วเรียกให้เฉิงชิงมายังระเบียงทางเดิน
“ในเมื่อขจัดข้อสงสัยเื่ทุจริตแล้ว เ้าก็กลับไปยังตัวอำเภอด้วยกันกับข้าเถิด มารดาและพี่สาวเ้าต่างก็รอฟังข่าวอยู่ที่บ้านห้า หากไม่ได้เห็นว่าเ้าปลอดภัยไร้เื่ราวด้วยตาตนเอง พวกนางคงจะกังวลใจมาก ในส่วนที่เ้าได้รับความไม่ยุติธรรมนั้น…ข้าจะพูดให้เอง”
สรุปคือจะทำเื่ใหญ่ให้เป็เื่เล็ก ทำเื่เล็กให้ไร้เื่ราว?
นางเข้าใจดีถึงวิธีการของนายท่านห้าเฉิง ก่อนหน้าที่จะทะลุมิติมาเป็เฉิงชิง นางเองก็เติบโตมาในตระกูลใหญ่เช่นเดียวกัน นางคุ้นเคยกับแผนการที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อเอาความสามัคคีกลมเกลียวมาใช้เป็ฉากหน้า
เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ แต่ภายในใจเฉิงชิงยังคงมีความไม่สบายใจอยู่บ้าง
“ท่านปู่รีบมาเพื่อเื่ของข้า ข้ารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก ข้าเชื่อมั่นว่าท่านปู่จะไม่ปล่อยให้ข้าเสียเปรียบ”
นายท่านห้าเฉิงลูบเคราแพะพลางพยักหน้า “เ้าเก่งมาก ฉลาด รู้จักมองภาพรวม”
นายท่านห้าเฉิงมิได้กล่าวโป้ปด เฉิงชิงไม่ได้มีเพียงความฉลาดของเฉิงจือหย่วน แต่ยังมีบุคลิกเฉียบคมที่เฉิงจือหย่วนไม่มี บุตรหลานเช่นนี้ตระกูลเฉิงย่อมไม่รังเกียจ
เฉิงชิงกดความไม่ยินดีภายในใจเอาไว้ สีหน้าเป็กังวล
“วันนี้ท่านย่าเลี้ยงยังให้แม่นมโจวเอาของบำรุงมามอบให้กับข้า ไม่ใช่ว่าข้าไม่ซาบซึ้ง หากในภายหลังเมื่อได้ศึกษาเล่าเรียนในสถานศึกษาแล้วท่านย่าเลี้ยงยังคงแสดงความเอาใจใส่อย่างทั่วถึงเช่นนี้อีก ข้ากลัวว่าตัวข้าจะหลงระเริงไปจริงๆ ต้องโทษข้าที่อ่อนแอเกินไป ควบคุมตนเองให้มีวินัยไม่ได้!”
นายท่านห้าเฉิงขมวดคิ้ว
บัณฑิตตกยากที่ใส่ร้ายเฉิงชิงย่อมต้องเป็บ้านรองที่จัดเตรียมมา บ้านรองกลัวไม่มั่นใจพอ เลย้าให้คนมาดูเฉิงชิงติดกับกับตาหรือไรกัน?
“หลังจากนี้คงไม่เกิดเื่แบบนี้อีกแล้ว เ้ากลับไปอ่านตำราอย่างสบายใจเถอะ!”
นายท่านห้าเฉิงรับปาก
เฉิงชิงฟังหูไว้หู หากผู้นำตระกูลออกหน้ากล่าวตักเตือน เบื้องหน้าบ้านรองก็คงไม่ส่งใครมาประทุษร้ายต่อนาง แต่ในที่ลับก็คงลงมือไม่น้อย
นางไม่ก่อเื่ แต่ก็ไม่กลัวการมีเื่เช่นกัน จากนี้คงต้องพลิกแพลงตามสถานการณ์กันไป!
เฉิงชิงและนายท่านห้าเฉิงบรรลุข้อตกลงร่วมกันปากเปล่า เมื่อทั้งสองกำลังจะลงจากเขา พบว่าพวกอวี๋ซานยังอยู่ภายในลาน แต่ไม่เห็นแม่นมโจวแล้ว
อวี๋ซานเดินขึ้นหน้ามาพลางเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “ศิษย์อวี๋เสี่ยน คารวะนายท่านห้าเฉิง”
นายท่านห้าเฉิงทำสีหน้าเคร่งขรึม “เ้าคือคุณชายสามของบ้านเ้าเมืองอวี๋หรือ?”
นายท่านห้าเฉิงเคยได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของอวี๋ซาน เขาคือผู้ที่ขี่ม้าขู่ขวัญคนด้านหน้าประตูบ้านรอง ทำให้นางหลิ่วข้อเท้าแพลง
นายท่านห้าเฉิงไม่ยินดีล่วงเกินใต้เท้าเ้าเมืองตามใจชอบ แต่อวี๋เสี่ยนผู้นี้เป็ผู้ที่ขาดการอบรม นายท่านห้าเฉิงสามารถจัดการความขัดแย้งภายในตระกูลเองได้ เมิ่งไหวจิ่นเองก็รู้ว่าไม่ควรสอดมือเข้ามายุ่ง แต่อวี๋เสี่ยนผู้นี้กลับจงใจเพิ่มความขัดแย้งระหว่างเฉิงชิงกับบ้านรองให้หนักขึ้น ใครกันที่ให้ใบหน้าใหญ่โต[1]แก่เขาขนาดนี้?
เฉิงชิงหัวเราะเหอะๆ
“ท่านปู่ขอรับ คุณชายอวี๋เป็ห่วงข้ามาก วันนี้มาส่งข้าเข้าสอบตลอดทางจากตัวอำเภอถึงสถานศึกษา ข้าเองก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้รับความสำคัญอย่างไม่คาดฝัน”
ทำดีหวังผล!
เมื่อเห็นแววตาขุ่นมัวของนายท่านห้าเฉิง อวี๋ซานก็ทำใจกล้าอธิบายอย่างชัดเจน
“ข้ากับเฉิงชิงมีความเข้าใจผิดกัน วันนี้ที่ร่วมทางมาสถานศึกษากับเฉิงชิงก็เพราะ้าเปลี่ยนศัตรูให้เป็มิตร…”
เฉิงชิงตัดบทเขา “คุณชายอวี๋ การสอบเข้าศึกษาในวันนี้ข้าไม่ได้ทุจริต ข้าได้ยินคำพูดที่คุณชายไปเอ่ยไว้ด้านนอก ว่าหากข้าสามารถสอบเข้าสถานศึกษาได้ ก็จะมาขออภัยข้าต่อธารกำนัล หรือคุณชายอวี๋้าเร่งขออภัยในยามนี้? พอพวกเราได้เป็สหายร่วมเรียนกันแล้วก็ยังคงมีโอกาสพบหน้าได้บ่อยครั้ง!”
อวี๋ซานเกลียดที่ไม่อาจจับเฉิงชิงมาทุบตีได้ เ้าเด็กหน้าเหลืองนี่ เื่ไหนไม่ควรเอ่ยถึงก็ดันเอ่ยขึ้นมา
แต่ในเมื่อเฉิงชิงไม่ได้ทุจริต เื่ในวันนี้ก็ย่อมเป็เขาที่บุ่มบ่ามไป อวี๋ซานทั้งโกรธทั้งอายผสมปนเปกัน ยามได้สติอีกครั้งก็พบว่าเฉิงชิงได้จากไปพร้อมกับนายท่านห้าเฉิงแล้ว
สหายรวมเรียนของอวี๋ซานทั้งหลายต่างก็รู้สึกอับอายอยู่บ้าง
ที่จริงแล้วพวกเขามีความประทับใจแรกที่ไม่ดีต่อเฉิงชิง เมื่อได้ยินว่ามีคนทุจริต ใบหน้าของเฉิงชิงก็ลอยเข้ามา พอเมิ่งไหวจิ่นตรวจสอบข้อเท็จจริงคืนความบริสุทธิ์ให้กับเฉิงชิง ข้อสันนิษฐานอันชั่วร้ายของคนเหล่านี้จึงกลายเป็ความใจแคบอย่างมาก
“เมิ่งไหวจิ่นกล่าวแล้วว่าเขามีระดับความรู้พอที่สามารถสอบเข้าสถานศึกษาได้ ดูแล้วอีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาคงจะมาเป็ศิษย์น้องของพวกเราจริงๆ อวี๋ซาน เ้าจะต้องขอโทษเขาต่อหน้าผู้คนจริงๆ น่ะหรือ?”
อวี๋ซานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “บุรุษเอ่ยแล้วไม่คืนคำ ข้าสามารถไปขออภัยเขาได้ แต่เื่นั้นก็ส่วนเื่นั้น ข้าจะยังคงจับตามองเขาอยู่อย่างใกล้ชิด ถึงแม้ครั้งนี้เฉิงชิงจะไม่ได้ทุจริต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีคุณธรรม ขนาดเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติบิดายังกล้ายักยอก ข้าไม่เชื่อว่าบิดาเลวจะมีบุตรที่ดีได้!”
อวี๋ซานเป็คนยึดติดยิ่งนัก
เพียงแต่อวี๋ซานทำเช่นนี้กลับไม่แปลก ก็เหมือนกับพวกเขาที่สนิทกับเฉิงกุยมากกว่า
หากเฉิงชิงสอบเข้าสถานศึกษาเข้ามาได้ สถานการณ์ของเฉิงกุยก็จะค่อนข้างกระอักกระอ่วน ถึงอย่างไรก็เป็คน ‘ตระกูลเฉิง’ ด้วยกันทั้งคู่… ไม่ถูกสิ ผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ได้มีเพียงเฉิงกุย ยังมีบุตรหลานตระกูลเฉิงคนอื่นอีก เฉิงจือหย่วนยักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ บุตรหลานตระกูลเฉิงรู้สึกว่าเฉิงจือหย่วนเป็ความอับอายจึงพานไปโกรธเฉิงชิง
สหายร่วมเรียนของอวี๋ซานกล่าวพึมพำ “ถึงเขาจะสอบเข้าสถานศึกษาได้ คงจะใช้ชีวิตไม่ค่อยราบรื่นนัก”
อวี๋ซานจ้องสหายร่วมเรียนตาเขม็ง “ทำไม เ้าเห็นใจเ้าเด็กนั่นหรือไง?”
สหายร่วมเรียนส่ายศีรษะ
ไม่ถึงขนาดเห็นใจ บุตรชายของขุนนางต้องโทษย่อมต้องได้รับการดูถูก อย่าว่าแต่บิดาแท้ๆ กระทำผิดแล้วไม่เกี่ยวกับบุตรชายเลย เฉิงชิงย่อมต้องเคยใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่เฉิงจือหย่วนยักยอกไปแน่นอน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว คนผู้นี้ก็รู้สึกว่าคำโต้แย้งของเฉิงชิงเมื่อครู่นี้ช่างเสแสร้งสิ้นดี
อะไรคือต้องพึ่งพาคนในตระกูลส่งเสีย ยากจนถึงขนาดไม่มีเงินจ้างข้ารับใช้ เฉิงจือหย่วนเองก็เป็ผู้ที่เคยเป็นายอำเภอมาก่อน ราชสำนักก็ไม่ได้ยึดทรัพย์สินตระกูล เฉิงชิงจะขาดเงินได้อย่างไร!
[1] ใบหน้าใหญ่โต หมายถึงไม่รู้จักอาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้