ถูกฆ่ายกครัว?
เมื่อรู้สึกถึงความยุ่งยากของสถานการณ์ เวินซีก็ขมวดคิ้วแน่นแล้วเก็บเข็มเงินไว้
“เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า เมื่อวานข้ากลับมาจากจวนซ่งก็อยู่ที่ร้านเครื่องหอมตลอด”
“คุณหนูเวินซี ข้าย่อมเชื่อเ้าอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องใช้หลักฐานเพื่อพิสูจน์เื่ราว ไม่มีคนพิสูจน์ได้ว่าเ้าอยู่ในร้านเครื่องหอมตลอดหรือไม่ เด็กคนนั้นอยู่ที่อำเภอ เราจึง้าให้เ้าไปกับเรา”
เ้าอำเภอยืนกรานเช่นนั้น เวินซีมองเ้าหน้าที่ที่อยู่โดยรอบด้วยท่าทีตั้งรับ ไม่นานก็พยักหน้า
พวกเขายื่นมือมาจะจับนาง แต่ก็ถูกนางปัดหลบ
“ข้าเดินเองได้”
“รบกวนคุณหนูเวินซีด้วยขอรับ”
ท่านเ้าอำเภอหันกลับและเดินออกไป เวินซีจึงก้าวเท้าเดินตาม
ยามนี้เป็เวลาเที่ยงแล้ว ที่ประตูอำเภอเต็มไปด้วยผ้าและเทียนสีขาวไว้อาลัยที่ถูกจุดขึ้น ผู้คนต่างให้ความสนใจและเข้าไปมุงดูที่ประตู โดยมีเสียงสนทนาดังอยู่เป็ระยะ
ที่พื้นของโถงด้านหน้าอำเภอมีศพขนาดไม่เท่ากันวางอยู่หกศพ มีผ้าขาวคลุมอย่างมิดชิด ซึ่งขุนนางชันสูตรศพได้ตรวจสอบทั้งหมดแล้วและกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ในเวลาเดียวกันก็มีกลิ่นเหม็นที่ไม่พึงประสงค์โชยออกมาจากศพอยู่เรื่อยๆ
เวินซียืนนิ่งอยู่ที่หน้าโถง สายตาจ้องมองไปที่ร่างของศพ ขณะนั้นก็มีผู้คนพูดคุยกันไปว่า
“เป็นาง เหมือนว่าจะเป็นางที่ฆ่า!”
“สตรีคนหนึ่งฆ่าคนได้ยกครัวเชียว!”
“เป็ความเกลียดชังอันใดที่ทำให้นางลงมืออย่างไร้ความปรานีเช่นนี้”
“คนแบบนี้ต้องแขวนคอตัดมือตัดเท้า มิเช่นนั้นคงจะไม่มีทางสาแก่ใจ”
“...”
มีคนปาไข่เน่าออกไป แต่เวินซีเบี่ยงตัวหลบได้ ก่อนจะหันไปมองผู้คนที่กำลังเดือดดาล
จากนั้นพืชผักเน่าเสียนับไม่ถ้วนก็ถูกโยนตามมา นางถอยหลังสองสามก้าวพลันมองความสกปรกที่อยู่บนพื้น
เวลานั้นเหล่าเ้าหน้าที่ช่วยกันเฝ้าประตูอย่างแ่าเพื่อมิให้คนพังเข้ามาได้
“เงียบ!”
ไม้ปลุกสติ [1] ถูกตบลงบนโต๊ะ มันส่งเสียงดังกังวาน สถานการณ์ก็พลันเงียบลง ท่านเ้าอำเภอเดินไปหาขุนนางชันสูตรศพแล้วเอ่ยถาม “ผลเป็เช่นไรบ้าง?”
“ท่านเ้าอำเภอขอรับ พวกเขาทุกคนถูกดาบปลิดชีพภายในครั้งเดียว สีหน้าของศพดูหวาดกลัว มีร่องรอยการดิ้นรน และตายในขณะที่ยังได้สติอยู่ขอรับ”
“เ้าไปพาเด็กคนนั้นมา”
“ขอรับท่านเ้าอำเภอ” เ้าหน้าที่รับคำสั่งแล้วออกไป
ในเวลานั้นท่านเ้าอำเภอกับเวินซีมองหน้ากัน
“คุณหนูเวินซีโปรดรอสักครู่”
“ข้ารอได้เ้าค่ะ”
น้ำเสียงของเวินซีสงบนิ่ง นางนั่งลงข้างๆ ศพที่มีผ้าขาวคลุมอยู่ ก่อนจะเปิดมันออกแล้วมองดูศพที่มิได้หลับตา พร้อมกับกลั้นหายใจและสังเกตอย่างละเอียด มีเพียงาแเดียวคือรอยดาบที่คอ ตรงกับที่ขุนนางชันสูตรศพบอกไว้
เวินซีจึงลูบมือที่ใบหน้าของศพเพื่อทำให้หลับตา
“เ้าพบอันใดหรือไม่?” ท่านเ้าอำเภอเอ่ยปากถาม
เวินซีได้แต่ส่ายศีรษะ ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ในขณะนั้นเด็กน้อยถูกเ้าหน้าที่อุ้มเข้ามา ดูแล้วเขาอายุเพียงสี่ห้าขวบเท่านั้น เมื่อเห็นศพที่อยู่บนพื้นก็ร้องไห้เสียงดังและดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของเ้าหน้าที่อย่างแรง
ท่านเ้าอำเภอรู้ดีว่าหากเด็กน้อยได้เห็นภาพนี้จะเป็การกระตุ้นความเศร้าโศก แต่เพื่อล้างมลทินให้เวินซี เขาจำเป็ต้องทำ
“ยามนี้มีข้าอยู่ จะไม่มีผู้ใดทำอันใดเ้าได้ เ้าบอกหน่อยได้หรือไม่ว่าเ้าจำสิ่งใดได้บ้าง?” ท่านเ้าอำเภอรับเด็กน้อยไปอุ้ม น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน มือก็ลูบศีรษะของเด็กน้อยเพื่อปลอบโยนอยู่ตลอด
“เวิน...เวินซี”
เด็กน้อยมุดเข้าไปในอ้อมอกของเ้าอำเภอและพร่ำพูดชื่อนี้ออกมา
“เมื่อคืนเ้าได้เห็นนางหรือไม่?”
เ้าอำเภอชี้ไปที่เวินซี เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นพลันส่ายหน้า บ่งบอกว่าไม่เคยพบเห็นสตรีผู้นี้มาก่อน
“คุณหนูเวินซี พวกเขาเข้าใจเ้าผิด ในเมื่อกระจ่างในตัวเ้าแล้ว เ้ากลับไปได้แล้วล่ะ”
“ท่านเ้าอำเภอ ในเมื่อเด็กน้อยผู้นี้จำชื่อของข้าได้ เช่นนั้นคนร้ายจะต้องพูดชื่อของข้า แม้มิใช่ข้า แต่เขาจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับข้าแน่”
ในเมื่อนางถูกดึงให้เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว หากคดียังไม่คลี่คลาย นางจะไม่มีทางกลับไปเช่นนี้
“คุณหนูเวินซีรู้จักศพพวกนี้หรือไม่?” เ้าอำเภอเอ่ยถาม
“ไม่เคยพบเจอพวกเขามาก่อนเลยเ้าค่ะ”
“เช่นนั้นคุณหนูเวินซีคิดจะทำเช่นไรกับคดีนี้หรือ?”
“เริ่มจากคนรอบตัวข้า โดยเฉพาะคนตระกูลเวิน ต้องตรวจสอบให้แน่ชัด”
“เช่นนั้นก็ว่าตามเ้าเถิด”
ท่านเ้าอำเภอส่งสายตาให้เ้าหน้าที่ จากนั้นพวกเขาก็รีบออกไป
ยามนี้ยังหาคนร้ายมิได้ ศพจึงถูกยกออกไปวางที่บ้านขุนนางชันสูตรศพก่อน
แต่ทันใดนั้นเ้าหน้าที่ก็จับบุรุษผู้หนึ่งกดไว้ เบียดทางฝูงชนที่ประตูแล้วเดินเข้ามา
บุรุษผู้นั้นก้มศีรษะลง เขามีแววตานิ่งเฉย มิได้ดิ้นรนใดๆ เ้าหน้าที่โยนเขาลงบนพื้น เขาก็มิได้ขยับเขยื้อน
“เขาคือผู้ใด?” เ้าอำเภอมองมาพร้อมกับเอ่ยถาม
“ท่านใต้เท้าขอรับ ตอนที่พวกเรากลับไปตรวจสอบที่บ้านครอบครัวนี้ ก็เห็นบุรุษผู้นี้ทำตัวลับๆ ล่อๆ เราสงสัยจึงจับมาขอรับ” เ้าหน้าที่นั่งคุกเข่าข้างหนึ่งตอบคำถาม
เมื่อเห็นว่าบุรุษผู้นั้นยังทำตัวนิ่งเฉย เ้าหน้าที่ก็จับศีรษะของเขาเงยขึ้นจึงมองเห็นใบหน้า
เวินซีเห็นดังนั้นก็ชะงักไป เป็เขา คนบังคับม้าที่พานางเข้าไปในป่านั่น
บุรุษผู้นั้นเงยหน้าขึ้นก็เห็นเวินซีเช่นกัน เขาพลันมีสีหน้าดุดัน กัดฟันโกรธและพุ่งเข้าหานางทันที
เ้าหน้าที่ไม่ทันได้ตั้งรับจึงสกัดไว้มิได้ บุรุษผู้นั้นพุ่งเข้ามาด้วยความเกลียดชังและพร้อมจะต่อสู้ด้วยสัญชาตญาณ แต่เวินซีเพียงแค่ยกเท้าขึ้นเตะ เขาก็หมอบลงกับพื้นไปอย่างง่ายดาย
“นางชั่ว เ้าโกรธแค้นอันใดก็มาลงที่ข้าสิ เหตุใดจะต้องฆ่าครอบครัวข้าด้วย?”
“พวกเขาไม่เกี่ยวข้องด้วยเลย เหตุใดจะต้องเืเย็นกับพวกเขาเช่นนี้”
“กลางดึกเ้ามิได้รู้สึกผิดหรือหวาดกลัวบ้างเลยหรือ?”
บุรุษผู้นั้นเอาแต่ดุด่านางพลางลุกขึ้นยืน เขาคิดจะพุ่งเข้าไปหานางอีกครั้ง แต่ก็ถูกเหล่าเ้าหน้าที่กดไว้
“คนเหล่านี้คือครอบครัวของเ้าหรือ?” ท่านเ้าอำเภอกับเวินซีเอ่ยถามขึ้นพร้อมกัน
“ขุนนางสุนัขคิดคบกับคนชั่ว ไม่ช้าก็เร็วพวกเ้าจะต้องได้ชดใช้ ทางที่ดีพวกเ้าก็หาโอกาสฆ่าข้าทิ้งเสีย มิฉะนั้นข้าจะล้างแค้นให้ลูกเมียข้า”
เขากล่าวด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่าน น้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด เ็ปจนร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“ข้ามิได้ฆ่าพวกเขา ส่วนลูกของเ้ายังมีชีวิตอยู่”
เวินซีวางเด็กน้อยที่เคยมุดอยู่ในอ้อมอกของเ้าอำเภอลงที่พื้น
เด็กน้อยกำลังหวาดกลัวจึงจับข้อมือนางไว้แน่น แต่เมื่อมองเห็นบุรุษที่เขาคุ้นเคยก็พลันเดินเตาะแตะเข้าไปหา
“พ่อพ่อ!”
เสียงร้องเรียกที่บริสุทธิ์ดังขึ้นชัดเจน บุรุษผู้นั้นเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ มองดูเด็กน้อยก่อนจะอุ้มไว้ในอ้อมแขน
“พ่ออยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัว พ่ออยู่นี่แล้ว!”
“เ้าลองคิดดีๆ สิว่ายังมีผู้ใดที่ทำร้ายครอบครัวของเ้าได้อีก ผู้ที่จำเป็ต้องฆ่าเ้าทิ้งน่ะ” เวินซีมองดูสายสัมพันธ์ของพ่อลูกพลางเอ่ยปากถามขึ้น
ยามนี้ต้องรีบไขคดีให้ได้ หากปล่อยช้าไว้สักวัน พวกเขาสองคนจะยิ่งตกอยู่ในอันตราย ในเมื่อคนร้ายคิดจะฆ่ายกครัว ย่อมไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตรอด
บุรุษผู้นั้นมองไปที่เวินซีอย่างไม่ไว้ใจ เขาระวังตัวมาก พลางคิดว่าสิ่งที่นางพูดมาจะมีความจริงมากน้อยเพียงใด
“หากเ้ายังปิดบังต่อไป เช่นนั้นคนต่อไปที่จะเป็อันตรายก็คือเ้า หรือลูกของเ้า เ้าคิดให้ดีนะ” เวินซีเอ่ยขึ้นอีกครา
ในที่สุดบุรุษผู้นั้นก็คลายความระแวดระวังลง เขาหันกลับมาและเหมือนจะคิดอันใดออก
“คุณหนูเวินซี หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ พวกเขาคงคิดที่จะฆ่าปิดปาก ก็เพราะ่นี้เวิน...”
“อ๊า...”
“อันใดกัน?”
จู่ๆ ก็มีลูกธนูคมกริบพุ่งออกมาทาง้าของฝูงชน มันผ่านประตูและปักลงที่คอหอยของบุรุษผู้นั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน เขาเบิกตากว้าง สายตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมที่จะจบชีวิตเพียงเท่านี้ แต่ในที่สุดก็ล้มลงกับพื้น
เด็กน้อยในั่งนิ่งอยู่กับที่ ส่วนเวินซีเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่ลูกธนูยิงมา พลันสับขาวิ่งออกไป
ฆ่าปิดปากต่อหน้าเช่นนี้ คิดว่านางจะยอมง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?
เชิงอรรถ
[1] ไม้ปลุกสติ 惊堂木 หมายถึงไม้ที่ผู้ตัดสินคดีเคาะเวลาตัดสินคดีหรือส่งสัญญาณให้ผู้คนเงียบ มีคุณสมบัติเดียวกับค้อนประธานในศาล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้