ในยามนั้นเจียงจื่อเฮ่าไร้ซึ่งความมั่นใจ เขาไม่กล้าที่จะส่งเสียงใดไปทางสมาชิกตระกูลมู่ ชายหนุ่มก้าวถอยหลังก้าวเล็กๆ พลางหดตัวเหมือนนกกระทา ดวงตาดอกท้อคู่หนึ่งขยิบไปทางตี้หลิงหานบ่อยครั้ง ซึ่งการกระทำทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้สายตาของมู่เอ้าเทียนและคนอื่นๆ แต่ในเวลานี้มู่เอ้าเทียนไม่คิดที่จะถือสาเื่เล็กน้อยกับเขา
มู่เอ้าเทียนมอบหยวนเป่าให้มู่เสวียนเย่อุ้ม ก่อนจะก้าวเข้าไปข้างหน้าพร้อมกับมองไปยังตี้หลิงหานพร้อมเอ่ยว่า "ฝ่าา"
และเสียงะโนี้เองก็เป็สิ่งที่ดึงสายตาของตี้หลิงหานกลับคืนมา
สายตาเย็นะเืของเขากำลังจ้องมองไปที่มู่เอ้าเทียน
คนหนึ่งเ็าอย่างไร้ผู้ใดเทียบเทียม ส่วนอีกคนก็เ็าเป็ที่สุด
พลันได้ยินมู่เอ้าเทียนพูดว่า “ฝ่าา ไม่ว่าจะเกิดเื่ราวยุ่งเหยิงอันใดขึ้นระหว่างคุณชายเจียงกับบุตรสาวของกระหม่อม นั่นก็เป็เื่ระหว่างตระกูลเจียงและตระกูลมู่ ทว่าดอกบัวพันปีเป็ของฝ่าา แน่นอนว่าพวกเราตระกูลมู่เป็ผู้หยิบเอาไป
ตอนนี้ พวกเราตระกูลมู่ไม่อาจนำดอกบัวพันปีที่เหมือนกันกับดอกนั้นมาคืนท่านได้ และกระหม่อมจะไม่หนีไปไหนเช่นกัน ดังนั้น องค์รัชทายาท โปรดแจ้งแก่กระหม่อม พระองค์ทรงปรารถนาให้กระหม่อมแก้ไขเื่นี้อย่างไร กระหม่อมจะไม่มีทางกล่าวปฏิเสธแม้ครึ่งคำพ่ะย่ะค่ะ"
มู่เอ้าเทียนพูดด้วยท่าทีที่ไม่หยิ่งผยองและไม่ทำให้ตนต่ำต้อย เดิมทีเขาเป็คนที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว เมื่อพบปัญหา เขาย่อมไม่วิ่งหนีแน่นอน
ใน่ครึ่งวันที่ผ่านมา เื่ราวต่างๆ ล้วนชัดเจนขึ้นมามาก ดอกบัวพันปีเป็ของตี้หลิงหานและบุตรสาวของเขาเป็ผู้ที่กินมันเข้าไป ตระกูลมู่จะไม่มีวันหลบเลี่ยงความรับผิดชอบนี้
สำหรับเจียงจื่อเฮ่านั้นก็รอจนเื่นี้ได้รับการแก้ไขแล้ว ค่อยไปหาครอบครัวเจียงเพื่อทวงน้ำใจก็ยังไม่สายเกินไป
...
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เอ้าเทียน ใบหน้าของตี้หลิงหานพลันยากจะคาดเดา ดวงตาของเขาจ้องไปที่ใบหน้าของมู่เอ้าเทียน ตัวเขาที่เป็ถึงองค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรต้าโจว ย่อมต้องเข้าใจนิสัยของท่านอ๋องที่มีคุณูปการยิ่งใหญ่ในการก่อตั้งต้าโจนจนได้รับพระราชทานยศอ๋องผู้นี้ว่าเป็เช่นไร คำพูดของเขาล้วนเป็คำพูดจากใจ มิใช่เพียงคำพูดในละคร
พูดตามตรง เขารู้สึกชื่นชมท่านอ๋องแห่งตระกูลมู่ท่านนี้ยิ่ง แต่เมื่อเขานึกถึงท่าทีที่หยิ่งผยองของมู่อันเหยียนที่มีต่อเขา เขาพลันรู้สึกว่า ไม่ว่าอย่างไรความโกรธเคืองนั้นก็มิอาจกล้ำกลืนลงไปได้ ดังนั้นในวินาทีต่อมา มุมปากของตี้หลิงหานพลันหยักยกขึ้น ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย
“ท่านอ๋องมู่ ในการที่เปิ่นกงจะได้ดอกบัวพันปีนี้มา เปิ่นกงต้องส่งทหารข้างกายไปถึงยี่สิบแปดคน โดยใช้กลยุทธ์การสั่นไหวของทิศตะวันออกและทิศตะวันตก [1] เบี่ยงเบนความสนใจจากเหล่าผู้แย่งชิงทุกทิศทาง าเ็ไปแล้วเก้านาย เสียชีวิตไปหกนาย ถึงจะได้รับดอกบัวพันปีดอกนี้มาไว้ใน แต่น่าเสียดายที่ในท้ายที่สุดมันไม่ได้ส่งมาถึงมือข้า ดอกบัวพันปีนั้นหายาก แม้ในตลาดซื้อขายก็ไม่สามารถประเมินค่าได้ "
ตี้หลิงหานพูดขึ้นมาเบาๆ
ใบหน้าของมู่เอ้าเทียนเคร่งขรึมเช่นกัน ในเวลานั้น เขาย่อมรู้เช่นกันว่าดอกบัวพันปีนี้ย่อมมิได้มาโดยง่าย เวลานี้เมื่อมองดูองค์รัชทายาทผู้นี้ เขามีใบหน้าที่สามารถทำให้พระอาทิตย์และดวงจันทร์ไร้สีได้ ท่าทางของเขาทำให้คนมิอาจคาดเดาได้เลย เดาไม่ออกจริงๆ ว่าฝ่าาทรงคิดสิ่งใดอยู่
"เช่นนั้นแล้ว..."
"ท่านพ่อ"
ขณะที่มู่เอ้าเทียนกำลังจะพูด ฮวาเหยียนที่ยืนอยู่ข้างเขาเป็เวลานานก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นางพูดเบาๆ เพื่อขัดจังหวะการพูดคำต่อไปของมู่เอ้าเทียน
นางเงยศีรษะขึ้นมองตี้หลิงหานผู้มีั์ตาคมกริบอยู่ในขณะนี้ ท่าทีของนางหยิ่งผยองยิ่งนัก “หม่อมฉันเป็ผู้ลงมือกระทำผิด หม่อมฉันขอรับผิดชอบเอง หม่อมฉันเอาดอกบัวพันปีใบนี้ไปและก็กินมันด้วย ไม่ว่าพระองค์จะทรงมีความคิดเห็นอย่างไร ก็ทรงกล่าวออกมาตรงๆ เถิดเพคะ”
ฮวาเหยียนเปิดปากกล่าวอย่างเ็า
นางย่อมไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตี้หลิงหานกำลังรอนางอยู่ ก่อนหน้านี้นางเล่นงานเขามาหลายครั้งแล้ว เขาจะยอมปล่อยนางไปหรือ? ก็แค่องค์รัชทายาทจอมสารเลวที่พิจารณาเพ่งไปแต่เื่เล็กน้อยโดยไม่สนภาพรวม ใจคิดแต่แผนอันแยบคายที่ยากจะล่วงรู้ได้ เขาพูดจามากความ มิใช่ว่ากำลังรอให้นางลุกขึ้นมาหรอกหรือ?
เมื่อตี้หลิงหานเห็นฮวาเหยียนลุกขึ้นและสีหน้าของนางไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งก็แทบจะเป็แบบที่เขาคาดเดาไว้อยู่แล้ว
ดวงตาที่เ็าของเขาสบเข้ากับสายตาที่เ็าและเย่อหยิ่งของฮวาเหยียน ทันใดนั้นชายหนุ่มพลันยกเท้าขึ้น เดินไปตรงหน้าฮวาเหยียน เขาสูงกว่าศีรษะของฮวาเหยียนและยามนี้เขาก็อยู่ใกล้นางยิ่งนัก ตี้หลิงหานจ้องมองดวงตาของฮวาเหยียน หลังจากนั้นก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา ท่าทีสูงส่งราวกับไม่อาจแตะต้องได้และเต็มไปด้วยความดูถูก จากนั้นนางก็ได้ยินตี้หลิงหานกล่าวว่า "คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ เ้าแบกความรับผิดชอบทั้งหมดไหวหรือ? "
“ทำไมจะรับผิดชอบไม่ไหว? หากพระองค์ทรงปรารถนาเงินทอง หม่อมฉันก็จะเก็บรวบรวมมาให้ หากพระองค์ปรารถนาดอกบัวหิมะ ต่อให้ต้องขึ้น์ลงนรก กระหม่อมก็จะไปเก็บมาให้ องค์รัชทายาท ขอเพียงพระองค์ทรงเอ่ยปาก หม่อมฉัน อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ล้วนทำได้ทั้งสิ้น”
ฮวาเหยียนยืดคอขึ้นสูง ดวงตาของนางมีเพลิงลุกโหม สายตาบีบบังคับเ็า น้ำเสียงนี้หยิ่งผยอง
ตี้หลิงหานมองไปที่ฮวาเหยียน พลางคิดว่าสตรีผู้นี้ไม่กลัวตายจริงๆ ในที่สุดก็หยุดเสแสร้งแกล้งทำแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวาเหยียน สีหน้าของมู่เอ้าเทียนพลันเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาเบิกกว้าง หัวสมองของเขาว่างเปล่าอยู่พักหนึ่ง บุตรสาวของเขาเคยเป็สตรีที่อ่อนแอบอบบาง ทว่าตอนนี้น้ำเสียงนั้นกลับมีพลังอำนาจเหลือเกิน ทว่ากลับเป็การเสียมารยาทแล้ว
บุตรสาวผู้นี้เอ่ยกับองค์รัชทายาทเช่นนี้ได้อย่างไร?
มู่เอ้าเทียนรีบก้าวเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะเอ่ยต่อจากฮวาเหยียน "ลูกเหยียน ถอยกลับไป เ้าไม่อาจทำตัวเสียมารยาทเช่นนี้ต่อหน้าพระพักตร์ได้ เื่นี้ปล่อยให้พ่อจัดการเองเถิด"
ทันทีที่สิ้นเสียง ใบหน้าของฮวาเหยียนพลันตึงเครียด นางเอ่ยต่อทันทีว่า "ท่านพ่อ หายนะครั้งนี้ข้าเป็คนก่อ ข้าจะเป็ผู้รับผิดชอบเอง"
“อย่าวุ่นวาย เ้ายังมีพ่ออยู่ที่นี่”
มู่เอ้าเทียนตำหนิด้วยเสียงทุ้มต่ำ
บุตรสาวเขาหายตัวไปสี่ปี ความกล้าหาญนี้ยิ่งใหญ่กว่าท้องฟ้า เขาจะควบคุมมันไม่ได้เชียวหรือ?
“ท่านพ่อ บุตรสาวคนนี้โตแล้ว นี่เป็ความผิดของลูก ให้ลูกแก้ปัญหาเองเถิดเ้าค่ะ”
เสียงของฮวาเหยียนไม่ดังแต่การแสดงออกระหว่างคิ้วของนางมั่นคงยิ่ง นางมองไปที่มู่เอ้าเทียนด้วยความดื้อรั้น
ในใจของมู่เอ้าเทียนเ็ป หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความไม่เข้าใจและไม่สบายใจเป็อย่างยิ่ง
บุตรสาวของเขาหายตัวไปสี่ปีและดูเหมือนว่านางจะไม่ต้องพึ่งพาพ่ออย่างเขาอีกต่อไปแล้ว นางคิดจะใช้ไหล่บางๆ ของนางแบกรับทุกเื่เอาไว้เอง ซึ่งการกระทำนี้ทำให้หัวใจของเขาเ็ปเหลือเกิน
ในกรณีของดอกบัวพันปี บุตรสาวของเขาปกปิดความจริงจากเขา ตอนนี้จึงต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งขององค์รัชทายาทด้วยตนเอง นางจึงไม่้าให้เขายื่นมือเข้าไปช่วย
มู่เอ้าเทียนรู้สึกไม่สบายใจเป็อย่างยิ่ง
ฮวาเหยียนเห็นมู่เอ้าเทียนเคร่งขรึม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหดหู่และความเศร้า แม้ว่าสีหน้าจะไม่แสดงอารมณ์ออกมา ทว่าฮวาเหยียนก็สามารถมองเห็นได้ เกรงว่าในใจมู่เอ้าเทียนคงจะกลัวจนแทบจะร้องไห้ ทว่าเพราะนางเป็สตรีที่ฉลาดจึงรู้ถึงสิ่งที่เขากลัวและรู้ว่าเหตุใดมู่เอ้าเทียนถึงรู้สึกไม่สบายใจ นางจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินไปด้านข้างมู่เอ้าเทียนและกระซิบเป็เสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “ท่านพ่อเ้าคะ นี่เป็เื่เล็กน้อย ท่านส่งให้ข้าจัดการเองเถิด อีกสักครู่ยังมีเื่ใหญ่ที่ข้าต้องขอให้ท่านออกไปจัดการให้อยู่อีกเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนกระซิบเบาๆ พร้อมกับขยิบตาดวงตาแมวของนางไปให้ทีหนึ่ง ซึ่งนางดูน่ารักและมีมารยาทยิ่ง โดยเฉพาะน้ำเสียงของนางที่เต็มไปด้วยการพึ่งพา
มู่เอ้าเทียนรู้สึกสบายใจและอึดอัดน้อยลงเล็กน้อย
"มีเื่อันใดอีกหรือ? "
เขาถามด้วยเสียงบางเบา
ฮวาเหยียนกะพริบตาพลางเอามือลูบจมูกตัวเองอย่างไม่สบายใจ “เดี๋ยวท่านก็รู้เ้าค่ะ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ข้าก็ขอฝากท่านพ่อด้วยนะเ้าคะ”
“วางใจเถิด มีพ่ออยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลายก็จงอย่าได้เกรงกลัว”
มู่เอ้าเทียนตบอกของตนก่อนจะตอบบุตรสาวออกไปด้วยความมั่นใจ
ในใจคิดว่า ตราบใดที่มันไม่ใช่ความผิดใหญ่หลวงที่ถึงขั้นต้องตัดหัว เขาก็สามารถรับไว้ได้ทั้งหมด
ฮวาเหยียนปลอบโยนมู่เอ้าเทียนและได้รับคำยืนยันจากท่านพ่อของนาง หลังจากนั้นนางจึงหันกลับไปทางตี้หลิงหาน "ฝ่าา เนื่องจากหม่อมฉันตกอยู่ในเงื้อมมือของพระองค์แล้ว หม่อมฉันจะยอมรับมัน โปรดแจ้งแก่หม่อมฉันมาว่าพระองค์ประสงค์จะให้หม่อมฉันแก้ปัญหาอย่างไรเพคะ? "
ฮวาเหยียนถาม
น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังและนางก็เกลียดชังตี้หลิงหานที่แสนจะรอบคอบคนนี้จริงๆ
ดวงหน้าของตี้หลิงหานไร้อารมณ์ ทว่าในสายตาของเขาล้วนเห็นฉากการปฏิบัติตัวในครอบครัวต่อกันและกันของสองพ่อลูกตระกูลมู่ พ่อเมตตาลูกกตัญญู [2] ช่างเป็ครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันเหลือเกิน
เฮอะ
อารมณ์ของเขายิ่งย่ำแย่ลงไปอีก
จากนั้นฮวาเหยียนก็ได้ยินเขาเอ่ยว่า "ดอกบัวพันปีนี้แต่เดิมเปิ่นกงมีไว้เพื่อใช้รักษาร่างกาย ทว่าถูกคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ทานเข้าไปแล้ว เปิ่นกงย่อมไม่ให้เ้าคายมันออกมา..." ตี้หลิงหานกล่าว ความเร็วในการพูดนั้นไม่เร็วและเสียงนั้นก็ดึงดูดมากเช่นกัน แต่สิ่งที่เขาพูดทำให้ฮวาเหยียนโกรธเข้าแล้วจริงๆ
การพูดเช่นนี้ดูเหมือนจะบอกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่เป็คนโลภที่กินดอกบัวพันปีเข้าไป...
ฮวาเหยียนอึกอัก ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความโกรธ ตี้หลิงหานผู้นี้เสียดสีผู้คนโดยไม่ใช้คำหยาบ ไอ้คนใจทราม องค์รัชทายาทเฮงซวย
ในใจของฮวาเหยียนจดบันทึกคดีของเขาเอาอีกครั้ง
ตี้หลิงหานพูดต่อว่า “เห็นแก่หน้าของท่านอ๋องมู่ เปิ่นกงก็คงไม่ทำให้คุณหนูมู่ลำบากใจมากมายเท่าไหร่หรอก”
เขาเปิดปากกล่าว ก่อนจะกวักมือเรียก จากนั้นอั้นจิ่วก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่ตี้หลิงหานสั่งการคำสองสามคำด้วยเสียงต่ำ อั้นจิ่วก็รับคำสั่ง ก่อนจะถอยไป
เสียงของเขาไม่ดัง ฮวาเหยียนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด แต่เห็นเพียงความมืดยามพลบค่ำและใบหน้าที่ไม่มีใครเทียบของตี้หลิงหานผู้งดงาม ยามที่เขาถูกแสงและเงาส่องกระทบนั้นมันช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
ลมพัดโชย เสื้อคลุมของตี้หลิงหานและเส้นผมสีดำขนหมึกพลันปลิวว่อน ลานทั้งลานเงียบสนิท และนางก็ไม่รู้ว่าตี้หลิงหานจะทำอะไร
“ฝ่าา ทรงคิดที่จะทำอะไรเพคะ? ”
ฮวาเหยียนค่อนข้างใจร้อน นางรู้สึกเสมอว่าตี้หลิงหานกำลังปั่นประสาทนาง อย่าลืมว่าก่อนหน้านั้นนางมิใช่ว่า 'ป้อน' ยาพิษให้เขามาก่อนหรือ? ทว่าท่าทีที่สงบนิ่งอยู่เสมอนี้ ทำให้คนอื่นมิอาจสงบใจได้เลยใจ
ไม่นาน อั้นจิ่วก็กลับมา
“แด่คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่”
ตี้หลิงหานพูดเบาๆ
อั้นจิ่วมอบของในมือให้ฮวาเหยียน
"ของอะไร?"
ฮวาเหยียนขมวดคิ้วพลางก้มศีรษะลง กระดาษขาวตัวอักษรดำ ซับซ้อนเหลือเกิน แต่ที่ฮวาเหยียนเห็นได้อย่างชัดเจนคือตัวอักษรตัวใหญ่สองตัวที่อยู่้า
เมื่อพิจารณาเนื้อหาในข้อตกลงอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฮวาเหยียนแทบจะกระอักเืออกมาในทันที
บนกระดาษขาวตัวอักษรดำเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า “มู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ติดหนี้องค์รัชทายาทตี้หลิงหาน เป็จำนวนเงินสามล้านตำลึง ให้นำมาจ่ายทั้งหมดภายในสามวัน มิเช่นนั้นจำเป็ต้องยอมสมัครใจเข้าไปเป็สาวรับใช้ในจวนขององค์รัชทายาทเป็เวลาสามเดือน สัญญาถูกต้อง ไว้ใช้เป็หลักฐาน"
“เงินสามล้านตำลึงจะต้องจ่ายทั้งหมดภายในสามวันอย่างนั้นหรือ? ไม่เช่นนั้นจะต้องเข้าจวนในฐานะสาวรับใช้ ฝ่าา พระองค์ทรงล้อหม่อมฉันเล่นหรือเพคะ? ”
เมื่อฮวาเหยียนเห็นเนื้อหาของสัญญา ในที่สุดใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสี นางจ้องไปที่ตี้หลิงหานเขม็ง ดวงตาของนางลุกประกายด้วยไฟแห่งโทสะ น้ำเสียงที่ใช้เรียกองค์รัชทายาทเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง
เมื่อเทียบกับความโกรธและความประหลาดใจของฮวาเหยียนแล้ว ใบหน้าของตี้หลิงหานนั้นไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาทั้งสิ้น ได้ยินเพียงเขาที่เอ่ยเบาๆ ว่า “ดอกบัวพันปีประเมินค่ามิได้ เปิ่นกงเรียกค่าเสียหายเป็เงินเพียงสามล้านตำลึงเพราะเห็นแก่ท่านอ๋องมู่ เหตุใดคุณหนูใหญ่ถึงยังไม่พอใจเล่า? "
เขาถาม
ฮวาเหยียนกัดฟันกรอด ถ้าอย่างนั้นก็ย่อมได้ ตี้หลิงหานรอข้าก่อนแล้วกัน
เงินสามล้านตำลึงภายในสามวัน? ถ้าลำพังอาศัยกำลังของตัวนางเองจะเป็ไปได้อย่างไร? ต้องทำให้ท่านพ่อกับท่านพี่ลำบากอีกหรือ นางไม่ยินยอม
ฮวาเหยียนหันไปมองมู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่ ทั้งคู่มีสีหน้าจริงจัง เงินสามล้านตำลึงไม่ใช่จำนวนเงินที่เล็กน้อยอย่างแน่นอน ตระกูลมู่เป็ตระกูลแม่ทัพ แต่ถึงเอาทรัพย์สมบัติที่สะสมในตระกูลออกมาจนหมด เกรงว่าภายในสามวันก็ไม่อาจหาเงินได้ถึงสามล้านตำลึง ส่วนของพระราชทานที่มีอยู่ก็ไม่อาจขายได้ ท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่แห่งตระกูลมู่เองก็ตกตะลึงกับจำนวนเงินที่ตี้หลิงหานเสนอเช่นกัน
แต่สิ่งที่ทำให้ท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่เสียใจยิ่งกว่าคือในประโยคสุดท้ายของสัญญา หากไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ภายในสามวัน ลูกเหยียนต้องเข้าไปเป็สาวรับใช้ในจวนขององค์รัชทายาทเป็เวลาสามเดือน
ความเกลียดชังเช่นนี้คืออันใด? แค้นเคืองอันใดกัน?
เชิงอรรถ
[1] กลยุทธ์การสั่นไหวของทิศตะวันออกและทิศตะวันตก มันเป็กลยุทธ์ที่หกในสามสิบหกกลยุทธ์ เพื่อทำให้คำสั่งของศัตรูสับสน จำเป็ต้องใช้การกระทำที่คล่องตัวและยืดหยุ่น
[2] พ่อเมตตาลูกกตัญญู หมายถึง พ่อแม่มีเมตตาต่อลูก และลูกก็กตัญญูต่อพ่อแม่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้