ตี้หลิงหานจ้องไปที่ฮวาเหยียนด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับมีด
ฮวาเหยียนไม่เอ่ยอันใด ปากของนางเม้มเข้าหากันแน่น
“ลูกรัก รีบบอกพ่อมาโดยเร็วเข้าเถิดว่าเ้าให้ฝ่าากินสิ่งใดเข้าไป? ตราบใดที่ไม่ใช่ยาพิษล้วนมิใช่ปัญหา”
เมื่อมู่เอ้าเทียนเห็นฮวาเหยียนลังเลอยู่นานและไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาเสียที พอเห็นดวงตาเล็กๆ ของนางเป็ประกายระยิบระยับราวกับจิ้งจอกตัวน้อย มู่เอ้าเทียนก็พลันใจอ่อนแต่เขาก็ยังกังวล เขามองดูบุตรสาวของตัวเองด้วยสายตาที่ให้กำลังใจ
"ต้องเอ่ยจริงๆ หรือ "
ฮวาเหยียนกระซิบ แก้มของนางถูกย้อมด้วยสีแดงโดยไม่รู้ตัวและมันก็มีเสน่ห์เหลือเกิน ท่าทีของนางแสดงออกถึงความเขินอายทำให้ผู้คนที่ยืนมุงอยู่ล้วนงงงวย ทุกคนต่างรู้สึกว่าบรรยากาศมันชักจะเริ่มหวานเลี่ยนขึ้นมา มันเกิดเื่อันใดกันแน่?
"ไม่เป็ไร ลูกรัก"
มู่เอ้าเทียนให้กำลังใจ
ใบหน้าของตี้หลิงหานตึงเครียด เมื่อเขาเห็นดวงตาของฮวาเหยียนจ้องมองไปทางอื่น ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีพลันสาดเข้ามาในใจ จากนั้นเขาก็ได้ยินฮวาเหยียนเอ่ยว่า "มันคือน้ำหวานชั้นยอด ถือว่าเป็ของดีชั้นหนึ่ง”
"น้ำหวานชั้นยอด? มันคือสิ่งใด? "
ใบหน้าของมู่เอ้าเทียนยังคงแสดงออกถึงความไม่เข้าใจ
เขาแก่เกินไปแล้วหรือ? ถึงไม่เข้าใจสิ่งที่บุตรสาวของตนเอ่ยออกมา
"มันก็แค่..."
“มู่อันเหยียน หุบปาก...”
ตี้หลิงหานเป็นักปราชญ์ระดับใด ใน่เวลาที่ร้อนรนเช่นนี้ ทันใดนั้นเขาก็เดาได้ว่าสิ่งใดกันคือน้ำหวานเย็นๆ นั้น แต่เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฮวาเหยียนจะกล้าทำเช่นนี้ เขาจึงร้องออกมาเพื่อหยุดยั้งนางที่กำลังจะเอ่ยออกไปต่อหน้าฝูงชน
อย่างไรก็ตาม มันสายเกินไปแล้ว
ฮวาเหยียนเอ่ยออกมาแล้ว
ได้ยินเพียงเสียงของนางที่ทั้งอ้อนแอ้น ขลาดกลัวและเขินอาย นางกระซิบเสียงเบาว่า "อันที่จริงแล้ว มันคือน้ำลายของข้าเองเ้าค่ะ..."
น้ำลาย…
น้ำลาย…?
มู่เอ้าเทียนเกือบจะหูหนวกเพราะสิ่งที่บุตรสาวของเขาเอ่ย เขาคิดว่าตัวเขาอาจมีอาการประสาทหลอนทางหู น้ำลาย? น้ำลายอันใด? บุตรสาวตระกูลเขาป้อนน้ำลายให้แก่องค์รัชทายาทหรือ? ป้อนอย่างไรกัน?
เฮือก
การแสดงออกของมู่เอ้าเทียนไม่อาจใช้คำว่าใอธิบายได้อีกต่อไป เขาหันศีรษะช้าๆ เพราะอยากเห็นสีหน้าของตี้หลิงหาน แต่กลับได้ยินเพียงคำรามต่ำที่เต็มไปด้วยความโกรธ
"มู่ อัน เหยียน"
นามของฮวาเหยียนโผล่ออกมาจากร่องระหว่างฟันของตี้หลิงหานทีละคำราวกับว่ากำลังเคี้ยวนางอยู่เป็ชิ้นๆ
แรงอารมณ์อันโเี้ที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกชาไปทั้งตัว
ฮวาเหยียนโผล่หัวออกมาจากด้านหลังมู่เอ้าเทียน ก่อนจะกะพริบตา "อยู่นี่เพคะ"
ตี้หลิงหานรู้สึกอยากฆ่าคนและ้าจับสตรีผู้หาญกล้าที่อยู่ข้างหน้าเขามาหั่นเป็ชิ้น ๆ
แต่นางเป็เหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆ ที่กำลังซ่อนตัวอยู่หลังมู่เอ้าเทียน
ต่อหน้าท่านพ่อและท่านพี่ของนาง เขาจึงไม่สามารถลงมือได้
แต่โทสะนี้ก็ไม่อาจกลืนลงไปได้เช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกไปเพื่อคว้าจับฮวาเหยียน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมยิ่งนัก
“ฝ่าา ทรงเข้าใจผิดแล้ว โปรดอย่าหุนหันพลันแล่น ทรงฟังกระหม่อมก่อน นี่ต้องเป็ความเข้าใจผิดเป็แน่”
มู่เอ้าเทียนได้สติกลับมาจึงรีบหยุดตี้หลิงหานเอาไว้ เขายืนขวางหน้าโดยมีฮวาเหยียนหลบอยู่ด้านหลัง ป้องกันไม่ให้ตี้หลิงหานััต้องตัวบุตรสาวอันเป็ที่รักของเขา
ที่ด้านหลังของเขา หยวนเป่ากำลังนอนอยู่บนไหล่ของมู่เสวียนเย่ เขาถอนหายใจ ดูเอาเถิด ท่านแม่ก่อเื่อีกแล้ว
“ช่างเป็การเข้าใจผิดที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
สีหน้าและแววตาของตี้หลิงหานประเดี๋ยวสว่างโรจน์ประเดี๋ยวดับ สายตาของเขามองผ่านมู่เอ้าเทียนไปที่ฮวาเหยียน ด้วยความที่นางรู้ดีว่าตนเองมีผู้หนุนหลังอยู่ นางจึงไม่เกรงกลัว ทั้งยังยิ้มมุมปากใส่เขาอีก การกระทำเช่นนี้ทำให้โทสะในร่างของตี้หลิงหานพลุ่งพล่านเป็อย่างยิ่ง
เขากำมือสองข้างที่ขนาบอยู่ข้างลำตัวไว้แน่นจนเกิดเสียงดังลั่นกร๊อบ
หูของผู้คนที่ได้ยินเสียงนั้นล้วนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“ลูกเหยียน ยังไม่รีบขออภัยองค์รัชทายาทอีก เ้าลูกคนนี้ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คอยแต่จะสร้างเื่ให้คนอื่นโมโห เมื่อกลับถึงจวนจงรีบไปคุกเข่าสำนึกผิดที่ห้องบรรพบุรุษเสีย ได้ยินที่พ่อเอ่ยหรือไม่? ”
มู่เอ้าเทียนทำหน้าดุราวกับเสือ เขาขมวดคิ้วและตำหนิฮวาเหยียน
แต่ในที่นี้มีผู้ใดที่ฟังแล้วไม่รู้บ้างว่าเขาเอ่ยคำเอ่ยพวกนี้ออกมาเพื่อปกป้องฮวาเหยียน?
นี่คือจิ้งจอกเฒ่าขนานแท้ บุตรสาวของเขาทำตัวหยาบคายต่อองค์รัชทายาท แค่ขอโทษคำเดียวก็จบเื่แล้วหรือ? เสนอบทลงโทษให้โดยการกลับจวนไปคุกเข่าที่ห้องโถงบรรพบุรุษ จะคุกเข่าจริงหรือไม่ ผู้ใดเลยจะล่วงรู้? เมื่อพิจารณาถึงความรักที่เขามีต่อบุตรสาวอย่างมากล้น เขาคงไม่ปล่อยให้บุตรสาวต้องคุกเข่าอย่างแน่นอน นี่เป็เพียงการเอ่ยให้ฝ่าารู้สึกดีในขณะที่อยู่ต่อหน้าพระองค์ก็เท่านั้น
ฮวาเหยียนเองก็เป็คนฉลาดมีไหวพริบเช่นกัน ท่านพ่อมู่เตรียมปูทางมาเช่นนี้แล้ว ดังนั้นนางจึงคล้อยตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาจากด้านหลังของมู่เอ้าเทียนพร้อมกับวางตัวอย่างมีมารยาท หลังจากนั้นใบหน้าของนางพลันปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย นางเอ่ยด้วยดวงตาเป็ประกายว่า “ฝ่าา หม่อมฉันขออภัยเป็อย่างยิ่งที่ก่อนหน้านี้ได้หยอกล้อล่วงเกินพระองค์ไป พระองค์ก็ทรงทราบสถานการณ์ในยามนั้นดีว่ามีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นระหว่างเรา หากหม่อมฉันไม่ช่วยตนเอง เกรงว่าพระองค์จะทรง..." ฆ่าหม่อมฉัน..
คำว่าความเข้าใจผิดของฮวาเหยียนถือได้ว่าเป็คำจำกัดความของเวลานี้ และคำเอ่ยที่ยังเอ่ยไม่จบในเวลาต่อมาก็ทิ้งเอาไว้ให้ทุกคนจินตนาการ
แต่พวกเขาสองคนต่างรู้ดี ในคุกที่มืดมิด พวกเขาทั้งสองก่อเื่บางอย่างเกิดขึ้น และนั่นก็เป็สาเหตุที่ทำให้เกิดเื่ราวต่อเนื่องขึ้นมา
จูบนั้นเป็อุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างทั้งสองคน ทว่าสตรีผู้นี้กลับอาศัย่เวลานั้นป้อนน้ำลายเข้าปากเขา! ตอนนี้เขาอยากจะฆ่าแม่นางที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ !
ทว่าสตรีตรงหน้ากลับได้รับการสนับสนุนจากท่านพ่อและพี่ชายของนาง อีกทั้งยังท้าทายฟางอารมณ์เส้นสุดท้ายของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ฝ่าา พระองค์อย่าได้ทรงถือสาเลยเพคะ หม่อมฉันมิได้วางยาพิษพระองค์จริงๆ พระองค์สามารถเรียกให้หมอหลวงตรวจดูอย่างละเอียดได้ หากมีปัญหาอันใด พระองค์ก็ทรงสามารถมาหาหม่อมฉันได้ทุกเมื่อ หม่อมฉันเป็คนใจปลาซิว ไม่มีทางที่จะซ่อนยาพิษไว้ในปากอย่างแน่นอน นั่นเป็เพียงแค่การเอ่ยหยอกเล่นกับพระองค์ก็เท่านั้นเพคะ”
ในยามนั้นฮวาเหยียนดูมีมารยาทมากเหลือเกินและสิ่งที่นางเอ่ยก็ค่อนข้างน่าพอใจ
แววตาของตี้หลิงหานเคร่งขรึม ช่างเป็เื่ล้อเล่นที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเย่อหยิ่งเฉยเมยโดยไม่เอ่ยอันใดออกมาสักคำ
บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง
การต่อสู้ห้ำหั่นกันไปมา ไม่รู้ว่ามีกี่คราแล้วที่บรรยากาศเงียบสงบถึงเพียงนี้
คนไม่กี่คนที่อยู่ที่นั่น ไม่ต้องเอ่ยถึงท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่ตระกูลมู่ ตรงนั้นยังมีหยวนเป่า อั้นจิ่ว และอั้นปาอยู่ ทุกคนล้วนฉลาดเฉลียว จากคำเอ่ยไม่กี่คำของฮวาเหยียนก็ทำให้ความจริงของเื่ราวทั้งหมดล้วนประกอบกันเป็ภาพพื้นใหญ่ที่สมบูรณ์ ทุกคนล้วนตกอยู่ในความเงียบงันเพราะเกรงว่าจะเป็การสร้างปัญหาให้กับตนเอง แต่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจว่าในท้ายที่สุดแล้วชะตากรรมอันเลวร้ายนี้จะเป็อย่างไร
แต่ก็ยังมีคนที่สติปัญญาไม่อยู่กับร่องกับรอยซึ่งมีการตอบสนองช้ากว่าคนอื่นอยู่มากคนหนึ่ง คนนั้นก็คือเจียงจื่อเฮ่า หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาจ้องไปที่องค์รัชทายาท ก่อนจะะโว่า "องค์รัชทายาท ข้าว่าข้าฟังเข้าใจแล้ว ยามที่มู่อันเหยียนถูกท่านบังคับจุมพิต นางจึงพ่นน้ำลายใส่ปากท่านและโกหกว่านางวางยาพิษท่าน เื่ราวเป็แบบนี้ใช่หรือไม่?"
ตี้หลิงหาน "...! "
มันยากที่จะเอื้อนเอ่ย
กลิ่นอายสังหารของเขาพลันสลายหายไป
ยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดเขาถึงมีลูกพี่ลูกน้องที่แสนโง่เขลาถึงเพียงนี้กัน
“สตรีนางนี้ เ้าเ้าเล่ห์เกินไปแล้ว! ”
เจียงจื่อเฮ่าโหยหวน เมื่อได้ข้อสรุป
"อั้นจิ่ว อุดปากเขาไว้"
ตี้หลิงหานโบกมือออกคำสั่ง ในยามนั้นเขาไม่้าที่จะได้ยินเสียงของเจียงจื่อเฮ่า
อั้นจิ่วกับอั้นปาก้าวเข้าไปข้างหน้า พวกเขาก้มหัวเพื่อขอขมาเจียงจื่อเฮ่า หลังจากเอ่ยคำว่าล่วงเกินแล้ว พวกเขาก็รีบปิดปากเจียงจื่อเฮ่าเอาไว้ทันที องค์รัชทายาทในตอนนี้กำลังพยายามระงับความโกรธเอาไว้ และพวกเขาก็กลัวเหลือเกินว่าจะถูกลากเข้าไปพัวพันด้วย...
“อือๆๆ...”
เจียงจื่อเฮ่ายังคงใช้เรี่ยวแรงที่มีดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ถูกแรงของอั้นจิ่วลากออกไป
“ฝ่าา ระหว่างพระองค์กับบุตรสาวของกระหม่อมนั้นมีเื่เข้าใจผิดเกินขึ้นระหว่างกัน แต่พวกท่านล้วนยังเป็คนหนุ่มสาว การที่ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาหรือหยอกเล่นกันไม่กี่ครั้งนั้นก็ไม่ใช่เื่ใหญ่โตอันใด กระหม่อมเห็นว่าเื่วันนี้ควรยุติกันเพียงเท่านี้ องค์รัชทายาทคิดเห็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ? ”
มู่เอ้าเทียนยืนขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมากลางวง
ในยามนั้น ในใจเขารู้สึกขอบคุณเจียงจื่อเฮ่าเป็อย่างยิ่ง ถ้าหากเขาไม่เน้นว่าองค์รัชทายาท 'บังคับจุมพิต' จากบุตรสาวของเขา เื่นี้ก็คงไม่มีใครกล้าเอ่ยออกมาได้
หากกล่าวว่าตี้หลิงหานบังคับบุตรสาวของเขาจุมพิต เขาก็คงจะไม่เชื่อ
เขาเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับองค์รัชทายาทองค์นี้มาเป็เวลาหลายสิบปีแล้ว พระองค์ทรงมีอุปนิสัยโดดเดี่ยวรักสันโดษและเยือกเย็น อีกทั้งไม่ใกล้ชิดกับสตรีคนใด
องค์รัชทายาทที่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวเช่นนี้จะมาบังคับจุมพิตจากบุตรสาวของเขาได้อย่างไร? เกรงว่าจะเป็ไปไม่ได้ ดังนั้นมันก็น่าจะเป็เพียงอุบัติเหตุหรือความเข้าใจผิด และที่ยิ่งไปกว่านั้น อุบัติเหตุครั้งนี้ที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือบุตรสาวของเขาได้พ่นน้ำลายใส่องค์รัชทายาทและข่มขู่หลอกลวงอีกฝ่ายว่าเป็ยาพิษ เื่นี้ยากที่จะเอื้อนเอ่ย จะนับว่าเป็เื่ใหญ่หรือจะเป็เื่เล็กก็ย่อมได้ หากเอ่ยไปในทางเื่ใหญ่โตกล่าวได้ว่าเป็การหลอกให้องค์รัชทายาทเสียขวัญ หากเป็เช่นนั้นโทษทัณฑ์ย่อมไม่เบาเลยสักนิด แต่หากเอ่ยไปในทางเื่เล็ก ก็นับว่าเป็เื่ตลกที่ไม่เป็อันตรายระหว่างชายหญิง
มู่เอ้าเทียนฉลาด เขานิยามทันทีว่าเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็เื่ตลกขบขัน
หลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของมู่เอ้าเทียน ตี้หลิงหานก็ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาอยู่เป็นาน ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แ่เบาว่า “เป็จริงตามที่ท่านว่า เปิ่นกงเห็นแก่หน้าของท่านอ๋องมู่เอ้าเทียน และจะไม่ไล่ตามเื่นี้อีก แต่สำหรับเื่ของดอกบัวพันปี..."
สัญญาถูกวางลงต่อหน้ามู่เอ้าเทียน
มู่เอ้าเทียนสำลัก ในขณะนี้เขาไม่สามารถเอ่ยอันใดที่จะเป็การปฏิเสธได้
“กระหม่อม ลงนาม...”
"ข้าเอง"
ทันทีที่มู่เอ้าเทียนอ้าปาก ฮวาเหยียนก็ยืนขึ้นจากด้านหลังมู่เอ้าเทียนและรับสัญญาเอาไว้ในมือของนาง ท่านพ่อมู่พยายามปกป้องนาง ทว่านี่เป็ความผิดของนาง นางก็ควรจะรับผิดชอบเื่นี้เอง รอยพิมพ์มือประทับตรานี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนางไม่สามารถให้ท่านพ่อของนางประทับตราลงไปได้
“คุณหนูใหญ่มู่ช่างมีจิตใจที่หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีโดยแท้”
ตี้หลิงหานเอ่ยอย่างไม่ร้อนไม่หนาว
ฮวาเหยียนแสยะยิ้มตอบเขา "ขอบคุณสำหรับคำชม หลายคนยกย่องข้าเช่นนั้น"
ยิ่งกว่าคำว่าหน้าด้าน หากฮวาเหยียนเป็ที่สองที่ย่อมไม่มีใครกล้าเป็ที่หนึ่ง
ผู้ใดฟังก็ทราบว่าคำกล่าวของตี้หลิงหานเป็คำเสียดสี แต่ฮวาเหยียนก็สามารถตีความคำกล่าวของเขาได้ว่าเป็คำชมได้
“เช่นนั้นข้าก็หวังเพียงคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่จะหยิ่งทระนงจนถึงวินาทีสุดท้าย เงินสามล้านตำลึงนี้ก็คงไม่ต้องไปรบกวนครอบครัวของตน”
คำว่ารบกวนครอบครัวนี้เป็การเอ่ยถึงการที่มู่เอ้าเทียนจะช่วยนาง ทุกคนที่ได้ยินคำเอ่ยที่ยั่วยุเช่นนี้ เป็ผู้ใดฟังก็ล้วนเข้าใจ
ฮวาเหยียนพ่นลมหายใจอย่างเ็า “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่หวังพึ่งใคร ข้าพึ่งตัวเองได้”
“เปิ่นกงจะรอดู”
คนสองคนกับคำเอ่ยสองสามประโยคแต่ราวกับเกิดะเิที่รุนแรง
มู่เอ้าเทียนเมื่อได้ยินฮวาเหยียนเอ่ยว่าไม่้าพึ่งพาครอบครัว ในใจเขาก็เป็กังวลยิ่ง บุตรสาวคนนี้เอ่ยอันใดใหญ่โต เมื่อลองคิดทบทวนดู บุตรสาวคงไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าองค์รัชทายาท เงินสามล้านตำลึงนี้ ลำพังนางคนเดียวจะไปเอามาจากที่ใด แต่เขาก็คงสามารถคิดหาวิธีได้ เพราะเขาไม่อาจปล่อยให้บุตรของตนต้องกลายมาเป็สาวรับใช้ของจวนไท่จื่ออย่างแน่นอน
ฮวาเหยียนไม่เอ่ยอันใด นางกดนิ้วลงบนคอตนเอง นั่นเป็รอยกัดของตี้หลิงหาน ซึ่งตอนนี้มีสะเก็ดเืติดอยู่ หลังจากที่ฮวาเหยียนกดลงไปด้วยความรุนแรง เืพลันซึมออกมา ฮวาเหยียนยังคงกดลงไปบนเืนี้ ก่อนจะกดลายนิ้วมือที่เปื้อนโลหิตลงบนข้อตกลง
หญิงสาวตัวน้อยเงยหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยองและตามมาด้วยท่าทีที่โเี้ ทำให้ตี้หลิงหานหรี่ตาลงครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็มีเสียงเกิดขึ้นในใจ เขาอยากทำลายความเย่อหยิ่งของนางด้วยมือของเขาเองและปล่อยให้นางร่ำไห้อย่างหนัก...
เขาจะไม่มีวันลามือจากสตรีผู้นี้แน่!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้