“เอาแบบนี้ ข้าจะไปหาหลี่เจิ้งเพื่อขอซื้อที่ผืนนี้ แล้วป้ารองค่อยจ่ายเงินเพื่อซื้อที่ตรงส่วนที่ไม่มีหินจากข้าอีกต่อเพื่อปลูกบ้าน” หลินฟู่อินตัดสินใจหลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง “ส่วนเื่พื้นที่สำหรับทำสวน เื่นั้นไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยหาทางเอง”
“ชะ… เช่นนี้มันจะดีหรือ?” ริมฝีปากของเฟิงซื่อสั่นเทา แต่ในใจกำลังโลดเต้น หากเป็เช่นนี้ได้จริงมันก็ยอดเยี่ยมนัก
นางรู้ว่าสำหรับหลินฟู่อินแล้ว การหาเงินห้าตำลึงเงินมันไม่ใช่เื่ที่เป็ไปไม่ได้ แต่เื่ที่ฝั่งบ้านนางต้องคิดมันไม่ใช่เื่นั้น
แม้หลินฟู่อินจะตั้งใจจ่ายเงินล่วงหน้าครึ่งปี แต่นางก็ยังต้องส่งเงินสองตำลึงเงินให้บ้านเก่าทุกเดือน ทั้งยังมีค่าวัสดุและค่าจ้างช่างไม้อีก
เมื่อคิดดูแล้ว เกรงว่ามันจะไม่พอ
“ท่านแม่ ทำตามที่น้องฟู่อินว่าเถอะ สร้างบ้านก่อน เื่ที่เหลือค่อยว่ากันทีหลัง” อาเฟินเงยหน้าขึ้นเกลี้ยกล่อมเฟิงซื่อ
เฟิงซื่อลังเล นี่เป็เื่ใหญ่ แม้นางจะอยากตอบตกลงเลย แต่ก็ควรไปปรึกษากับเ้าบ้านก่อน
“ขอข้าเอาเื่นี้กลับไปคุยกับลุงรองของเ้าก่อนนะ” เฟิงซื่อกล่าวกับหลินฟู่อิน
แต่อาเฟินและอาฟางก็คัดค้านทันที
“ท่านแม่ ตกลงไปก่อนเถอะ ท่านไม่มีทางไม่รู้ว่าท่านพ่อเป็คนยังไง เป็คนที่ชินชากับการถูกท่านย่ากดขี่ หากถูกย่าถาม เขาได้บอกหมดเปลือกแน่” อาเฟินกล่าว
อาฟางเองก็เสริม “ใช่ วันก่อนก็ถูกเรียกไปบ้านเดิมทีหนึ่งแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเขาบอกอะไรปู่ย่าไปบ้าง? ยังไงก็เถอะ ถ้าปู่กับย่ารู้เข้าก็คงจบสิ้น เพราะคงมาไถเงินที่ได้มาไปจนหมดแน่”
อาฟางรู้นิสัยของคนบ้านเก่าดี นางจึงกล่าวออกมาไม่ติดขัด
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว เฟิงซื่อเองก็อารมณ์เสียขึ้นมา
ในตอนที่สามีของนางถูกบ้านเดิมเรียกตัวไปนั้น นางบอกเขาไปแล้วว่าอย่าได้พูดถึงเื่ที่ลูกๆ กำลังขุดผักป่าตามคำสั่งของฟู่อิน แต่เขาก็ยังพูด
และเขายังพูดเื่ค่าจ้างที่ฟู่อินจ่ายให้ทั้งสองไปด้วย
ตอนนี้จ้าวซื่อมันจึงกำลังไล่ถามอยู่ว่า ผักป่าที่ฟู่อินขุดไปมันทำอะไรได้ จนไม่รู้ว่าเื่นี้จะเป็อย่างไรต่อ
เฟิงซื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าทันที “ได้ ข้าจะตัดสินใจเื่นี้เอง ฟู่อิน หากเ้าจะซื้อที่ตรงนั้นจริงๆ ป้ารองผู้นี้จะตอบรับข้อเสนอของเ้าแล้วเลือกที่ผืนที่มันปลูกบ้านได้เอง”
หลินฟู่อินยิ้มพร้อมพยักหน้าตอบรับ
หากอยากมีชีวิตที่ดี ก็จงคว้าทุกโอกาสที่มีแล้วไหลไปตามกระแสของมันเสีย
อาเฟินและอาฟางออกไปตัดอ้ายเฉ่าตามที่หลินฟู่อินบอก ส่วนเฟิงซื่อตามหลินฟู่อินไปยังบ้านหลี่เจิ้ง
เมื่อหลี่เจิ้งได้ยินว่า หลินฟู่อินอยากจะซื้อที่ผืนที่ไม่มีใครแตะมาหลายปี อารมณ์เขาก็เบิกบาน ต้อนรับนางอย่างยินดีทันที
ภรรยาของหลี่เจิ้งเองก็รินน้ำมาให้พร้อมรอยยิ้ม
หลินฟู่อินส่งเงินห้าตำลึงเงินให้หลี่เจิ้ง พร้อมถุงใส่เงินอีกยี่สิบสองอีแปะ “ข้ารบกวนท่านไว้มาก เลยอยากให้เงินก้อนนี้ไว้ซื้อน้ำซื้อชา”
“ไม่เป็ปัญหา คุณหนูฟู่อินช่างมีมารยาทนัก” หลี่เจิ้งรับถุงไว้ด้วยรอยยิ้ม พลางคิดว่าเด็กคนนี้ช่างรู้งาน หากไม่ใช่เพราะนางมีชื่อเสียแบบนั้นแล้ว เขาคงไม่ทำเื่แย่ๆ กับเด็กคนนี้เช่นนั้นแน่
หลี่เจิ้งเปิดถุงดู เมื่อเห็นเงินที่อยู่ข้างในก็ยิ่งหัวเราะออกมาอย่างพออกพอใจกว่าเดิม ก่อนจะบอกนางว่าเขาจะนำเื่นี้ไปแจ้งแก่เ้าหน้าที่ เสร็จแล้วจะนำเอกสารประทับตราไปให้นาง
หลินฟู่อินยิ้ม พยักหน้ารับ แล้วจึงสอบถามเื่การตามหาพ่อของนางว่าเป็อย่างไรบ้าง แต่หลี่เจิ้งทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างหมดแรง มองหลินฟู่อินด้วยสายตาสงสาร “พวกคนที่เข้าไปตามหานั้นได้ะโหาในป่าอยู่หลายวัน แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ฟู่อิน เ้าเป็เด็กดี ขอให้พยายามเข้านะ”
เป็คำพูดที่สื่อกับนางว่าอย่าได้ตั้งความหวังมากไป
สีหน้าของหลินฟู่อินและเฟิงซื่อพลันหม่นหมอง
สุดท้าย เมื่อกล่าวขอบคุณหลี่เจิ้งอีกครั้ง หลินฟู่อินกับเฟิงซื่อก็กลับไป
หลี่เจิ้งพอใจมากที่นางเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ และรู้จักมารยาท
หลังจากที่หลินฟู่อินและเฟิงซื่อออกจากบ้านหลี่เจิ้งมาแล้ว เฟิงซื่อก็ทนไม่ไหว กล่าวขึ้นว่า “เป็บ้านที่มีแต่พวกหิวเงินจริงๆ ครั้งก่อนมันจับตัวเ้าไปเผา แต่ครั้งนี้กลับเสนอหน้ามารับเ้าได้เหมือนไม่เคยมีเื่เช่นนั้น มันไม่มีหัวใจเลยหรือยังไง!”
ได้ยินความเห็นที่ถูกต้องของเฟิงซื่อ หลินฟู่อินทำเพียงยิ้มออกมาอย่างสงบ “หลี่เจิ้งก็มีตำแหน่ง เขาคงมีจุดยืนของตัวเองอยู่ ส่วนเื่มีหัวจิตหัวใจหรือไม่นั้น แค่มองจากภายนอกคงไม่อาจรู้ได้”
“ก็จริง มันขึ้นอยู่กับว่ามันยังหลับสนิทได้อยู่หรือไม่ หลังจากทำเื่โหดร้ายเช่นนั้นไป” เฟิงซื่อกล่าว
หลินฟู่อินเองก็ไม่ได้ใจกว้างขนาดที่จะยกโทษให้หลี่เจิ้งได้ อย่างไรเสียในวันนั้นเขาก็ตั้งใจจะเผานางที่แม่น้ำนั่นจริงๆ
แต่ตัวนางในตอนนี้ยังต่อกรกับเขาไม่ได้ นางต้องอดทนและสร้างฐานอำนาจให้ตัวเองเสียก่อน
และหาก้าอำนาจ สิ่งที่ต้องมีก็คือ “เงิน”
และนางก็ได้พบโอกาสเล็กๆ แล้วว่าเขาหลงไหลในเม็ดเงินมาก เื่นี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
เมื่อหลินฟู่อินกลับถึงบ้าน ดวงอาทิตย์ก็เริ่มตกดิน
ย่าหลี่ทำข้าวต้มไว้รอแล้ว และเพราะจูซื่อไม่อยู่บ้าน อีกทั้งลูกของจูซื่อก็ป่วยอยู่ หลินฟู่อินจึงบอกย่าหลี่ไปว่าต่อจากนี้อีกหลายวัน ไม่ต้องไปขอนมที่บ้านจูซื่อ
ย่าหลี่เองก็กลัวเด็กๆ ทั้งสองจะติดหวัด นางจึงพาเด็กๆ ไปตระเวนขอนมจากบ้านอื่นแทน
สำหรับบ้านที่ยอมให้นม หลินฟู่อินไม่คิดจะลืมบุญคุณ บอกให้ย่าหลี่ซื้อกระดูกชิ้นใหญ่สองจินไปส่งให้พวกเขาด้วย
ส่งผลให้ตอนนี้แม่นมหลายๆ คนต่างก็ตั้งตารอให้หลินฟู่อินไปขอน้ำนมจากพวกนาง แต่แม่นมเหล่านี้จะถูกย่าหลี่คัดเลือก นางเลือกแค่คนที่สะอาดและรู้งานเท่านั้น ส่วนมากจึงถูกปัดตก
นี่เป็ผลให้เหล่าแม่ๆ หลายคนว่าร้ายหลินฟู่อินอยู่ลับหลัง
แต่หลินฟู่อินไม่รู้เื่นี้
และต่อให้รู้นางก็ไม่สน
ในตอนที่หลินฟู่อินกับย่าหลี่กำลังทานข้าวเย็นอยู่นั้น ก็มีคนมาเคาะประตูอย่างเร่งรีบ
ฟู่อินวางตะเกียบลงแล้วเดินไปเปิดประตู
เมื่อเห็นว่าเป็จูซื่อกับเหลียงซื่อ นางก็มีสีหน้าระแวงขึ้นมา
ไม่ใช่ว่าทั้งสองพาเด็กไปหาหมอหลี่หรือ หรือหมอหลี่ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน?
“ฟู่อิน ช่วยลูกข้าด้วย!” จูซื่อคุกเข่าลงทันทีที่เห็นหน้านาง ดวงตาบวมแดง ชัดเจนว่าร้องไห้มาเป็เวลานาน
“เกิดอะไรขึ้น?” หลินฟู่อินถามขึ้น
จูซื่อร้องไห้ไม่หยุด “ข้าไปหาท่านหมอหลี่ในเมืองแล้ว เขาบอกว่ามาช้าเกินไป เขารักษาไม่ได้แล้ว ให้พวกข้าพากลับมาและคอยระวังด้วย แล้วก็ให้ยาผงมา บอกข้าว่าเอามันไปผสมน้ำ และทำให้เด็กดื่มให้ได้ซะ”
แล้วนางก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้