หนิงมู่ฉือส่งยิ้มอ่อนโยนให้แก่จ้าวซีเหอ แววตาสดชื่นมีชีวิตชีวา “ข้าขอบคุณซื่อจื่อมากเ้าค่ะ ฮัดเช้ย” เอ่ยจบนางก็จามออกมา
จ้าวซีเหอมองคนตรงหน้าอย่างเป็ห่วง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉีอันนำยาไปวางเอาไว้บนโต๊ะในห้องเ้า เ้าได้ดื่มหรือยัง”
หนิงมู่ฉือพยักหน้า ทว่าต่อมากลับถูกจ้าวซีเหอลากพาเดินไปข้างหน้า นางอุทานเสียงดังอย่างใ
จ้าวซีเหอจูงนางกลับมาที่ห้อง ระหว่างทางมีคนไม่น้อยที่เห็นทั้งคู่ ใบหน้านางจึงขึ้นสีแดงก่ำ อายจนต้องก้มหน้าลง
จ้าวซีเหอจูงนางให้นั่งบนเตียง ก่อนจะปิดประตู นางเห็นดังนั้นก็เอามือจับเสื้อผ้าอย่างป้องกันตัวเองเต็มที่ มองอีกฝ่ายด้วยแววตาตระหนก
จ้าวซีเหอถอนหายใจอย่างอ่อนใจ “ข้าไม่ได้จะทำอะไรเ้าสักหน่อย ดูร่างกายของเ้าเสียก่อน เนื้อสักนิดก็ไม่มี! ข้าไม่เห็นจะสนใจแม้แต่น้อย!”
พอนางแค่นเสียงฮึ จ้าวซีเหอก็ถลึงตามอง ครั้นเห็นถ้วยยาที่ยังคงมียาอยู่เต็มถ้วยและยังคงวางอยู่บนโต๊ะจนเย็นชืดก็โมโหยิ่ง “หนิงมู่ฉือ เ้ารู้หรือไม่ว่ายานี้แพงแค่ไหน เหตุใดถึงปล่อยให้เสียเปล่าเช่นนี้!”
ประโยคนี้ทำให้นางต้องมองเขาในแง่ใหม่ คุณชายผู้ขึ้นชื่อเื่เสเพลในสายตาคนอื่นก็มีด้านนี้ด้วย ดูท่านางคงต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขาเสียแล้ว
“ช่างเถิด เดี๋ยวข้าให้ฉีอันต้มให้เ้าใหม่ ลำบากก็แต่ฉีอันแล้ว” จ้าวซีเหอเอ่ยขณะเทยาในถ้วยลงในกระถางต้นไม้ด้านข้าง
“ฮัดเช้ย!” หนิงมู่ฉือจามออกมาอีกรอบ คราวนี้ถึงกับมีน้ำมูกไหลออกมาด้วย จ้าวซีเหอมองด้วยความรังเกียจพร้อมกับขมวดคิ้ว
หนิงมู่ฉือใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำมูก ทันใดนั้นเองจู่ๆ จ้าวซีเหอก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา สีหน้าบิดเบี้ยว เหงื่อไหลซึมเต็มหน้าผากจนหยดลงบนพื้น
หนิงมู่ฉือเห็นท่าทางเช่นนั้นของอีกฝ่ายรู้สึกเป็ห่วงยิ่ง รีบปรี่เข้าไปหาด้วยความห่วงใย “ซื่อจื่อ ท่านเป็อะไรไปเ้าคะ หรือเห็นท่าทางของข้าเมื่อครู่แล้วพะอืดพะอม”
“… ถ้าเ้าไม่พูดข้าคงนึกว่าเป็เพราะเหตุผลอื่น แต่พอได้ยินเ้าพูดเช่นนี้ ดูท่าก็น่าจะเป็เช่นนั้น”
หนิงมู่ฉือมองจ้าวซีเหอที่เอามือกุมท้องด้วยสีหน้าเ็ป รีบเดินไปรินน้ำอุ่นให้ “ท่านยังไม่ได้ทานข้าวเช้า จึงทำให้ปวดท้องใช่หรือไม่เ้าคะ”
จ้าวซีเหอพยักหน้า “แม่ครัวที่ทำอาหารอยู่ตอนนี้ทำอาหารได้ไม่น่าทานแม้แต่น้อย ข้าทานไม่ลง อีกอย่าง่นี้ข้าก็ทานของมันๆ เลี่ยนๆ เข้าไปเยอะเกินไปด้วย”
หนิงมู่ฉือโมโหด้วยความเป็ห่วงเมื่อได้ฟัง “ช่างเถิดๆ เดี๋ยวข้าไปทำอาหารให้ท่านทานก็แล้วกัน ท่านได้ทานแล้วต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน”
ทว่าจ้าวซีเหอกลับส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก อีกเดี๋ยวก็ดีขึ้น ตอนนี้ข้าไม่หิว แล้วอีกอย่าง...เกิดเ้าจามลงไปในอาหารจะทำอย่างไร แค่คิดข้าก็กลืนไม่ลงแล้ว”
หนิงมู่ฉือถลึงตาใส่ “ท่านวางใจเถิด ข้าห้ามตัวเองได้”
ทำอาหารชนิดใดถึงจะกระตุ้นความอยากอาหารของคนเราได้นะ แล้วก็ต้องเป็อาหารที่ลดอาการปวดท้องได้ด้วย หนิงมู่ฉือทำท่าขบคิด
ทันใดนั้นเองในสมองของนางพลันปรากฏอาหารขึ้นมาอย่างหนึ่ง “โจ๊กเทพเซียน”
โจ๊กเทพเซียนเป็โจ๊กที่มีความประหลาดอยู่ในตัว ต่อให้เป็เทพบน์ได้ทานก็ยังต้องขออีกถ้วย นางนึกภาพจ้าวซีเหอที่หิวจนไม่เลือกทานแล้วก็หัวเราะออกมา
นางมองข้าวสารหลากชนิดที่อยู่ในถัง เลือกอยู่นานกว่าจะเลือกได้ ถ้าอยากจะทำอาหารให้ดี วัตถุดิบที่ใช้ทำก็ต้องกะปริมาณให้เหมาะสมด้วย!
นางใช้น้ำสะอาดล้างข้าวสาร เมื่อมือัักับน้ำเย็น นางอดจามออกมาอีกครั้งไม่ได้ แต่ขณะที่จามก็ไม่ลืมที่จะหันหน้าไปอีกทาง
ล้างเสร็จเรียบร้อยจึงใส่น้ำเล็กน้อย แล้วเทลงในหม้อเพื่อต้มข้าว นางรู้ดีว่าต้องใช้น้ำที่พอเหมาะกับข้าว มากเกินไปหรือน้อยเกินไปไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นโจ๊กเทพเซียนจะไม่มีกลิ่นหอมอย่างที่ควรจะเป็
แค่โจ๊กอย่างเดียวน่าจะยังไม่พอ นางมองหัวไชเท้าที่อยู่ในตะกร้า นางเดินตรงไปที่พวกมันแล้วใช้มือจับๆ ดู “ไม่เลว หัวไชเท้าพวกนี้กำลังดีเลย ทานเข้าไปต้องกรอบหวานมากเป็แน่”
นางปอกเปลือกหัวไชเท้า ก่อนจะซอยเป็ชิ้นเล็กๆ ใส่เครื่องปรุงแล้วยำ ที่เหลือก็แค่รอให้เครื่องปรุงซึมเข้าไปในหัวไชเท้า จากนั้นค่อยนำไปทานคู่กับโจ๊ก
ครั้นนางแลเห็นหม้อโจ๊กมีควันลอยกรุ่นออกมา ไม่เพียงแค่นั้นยังมีกลิ่นข้าวที่ถูกต้มจนสุกลอยออกมาอีกด้วย นางแย้มยิ้ม นางกะปริมาณน้ำกับข้าวได้พอดิบพอดี และสิ่งที่โจ๊กเทพเซียนจะขาดไม่ได้ก็คือวัตถุดิบลับอีกหนึ่งอย่างที่นางทำขึ้นมาเอง
นางใส่วัตถุดิบลับลงไป ไม่นานข้าวที่อยู่ในหม้อก็เปลี่ยนเป็เม็ดใส นางมองโจ๊กในหม้ออย่างพึงพอใจ
โจ๊กเทพเซียนที่เพียงแค่ได้ทานก็จะมีกำลังวังชาประดุจเทพเซียน!
นางเทโจ๊กใส่ถ้วยและตักยำหัวไชเท้าใส่จาน ก่อนจะยกไปที่ห้องของตัวเอง ครั้นเห็นท่าทางอยากกินอย่างเต็มที่ของจ้าวซีเหอ นางแย้มยิ้มออกมา
“กลิ่นใช้ได้เลย” จ้าวซีเหอมองโจ๊กพร้อมกับลอบกลืนน้ำลาย
หนิงมู่ฉือแค่นเสียงขึ้นจมูกคราหนึ่ง “นี่คืออาหารที่หลายวันมานี้ข้ากำลังฝึกทำอยู่ รับรองว่าถ้าทานเข้าไปหนึ่งคำจะต้องมีเรี่ยวแรงประดุจเทพเซียนแน่นอน”
จ้าวซีเหอพยักหน้าอย่างไม่ค่อยใส่ใจนักขณะใช้ช้อนตักข้าวเม็ดใสเข้าปาก รสชาตินุ่มละมุน ข้าวนิ่มกำลังดี เพียงััลิ้นก็ละลายหายไป อร่อยจนอยากจะร้องไห้ออกมา
หนิงมู่ฉือมองท่าทางดื่มด่ำกับอาหารของนางก็ยิ้มออกมา “เป็อย่างไรบ้างเ้าคะ อาหารฝีมือข้า!”
จ้าวซีเหอรีบพยักหน้า ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบหัวไชเท้าเข้าปาก ทานเข้าไปแล้วรู้สึกสดชื่น ปลุกสติให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันตา คราวนี้เขากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
หนิงมู่ฉือเห็นภาพนั้นชวนให้ใยิ่ง นางเขย่าร่างกายของจ้าวซีเหอไปมา “ซื่อจื่อ ท่านไม่เป็อันใดใช่หรือไม่เ้าคะ!”
“อร่อยมากเลย!” จ้าวซีเหอทานไปร้องไห้ไป เขาไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ ถ้าจะโทษต้องโทษที่โจ๊กเทพเซียนที่มันอร่อยเกินไป ทานเข้าไปแล้วรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที ราวกับถูกความรักโอบล้อมเอาไว้รอบตัว!
ฉีอันที่เพิ่งต้มยาเสร็จกำลังบ่นกระปอดกระแปดอย่างไม่ค่อยจะพอใจเท่าใดนัก เวลานี้เองที่เขาได้กลิ่นหอมโชยมาจากห้องครัว ทำให้ท้องอันไม่รักดีของเขาส่งเสียงร้องออกมา
เขาถือถ้วยยาเข้ามาในห้องของหนิงมู่ฉือ เห็นจ้าวซีเหอกำลังทานโจ๊กอย่างเอร็ดอร่อยคู่กับยำหัวไชเท้า เขาเอ่ยอย่างไม่ชอบใจทันที “ดีมาก ซื่อจื่อ นี่ท่านแอบมาทานข้าวลับหลังข้าน้อยหรือขอรับ”
หนิงมู่ฉือหันไปมองตามเสียงพร้อมกับยิ้มออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้