อวี๋เจียวไม่ใช่สาวน้อยไม่เจนโลกที่จะเชื่อคำมั่นเหลวไหลของอวี๋หรูไห่จริงๆสิ่งของเช่นเงิน ยามใดมาอยู่ในมือของตน ถึงจะเรียกได้ว่ามั่นใจอย่างแท้จริง
“ในใต้หล้านี้ไม่มีเื่ที่สมบูรณ์แบบถึงเพียงนั้นท่าน้าทั้งผลประโยชน์และชื่อเสียง ไม่คิดว่าละโมบเกินไปงั้นหรือ?” อวี๋เจียวเอ่ยอย่างราบเรียบ “เื่เงินค่ารักษาไม่มีอะไรต้องหารือ ท่านไม่จำเป็ต้องเปลืองวาจาแล้วเ้าค่ะ”
“ดี ดียิ่งนัก” อวี๋หรูไห่โมโหจนหัวเราะออกมาคิดไม่ถึงว่าอวี๋เจียวจะไม่รู้จักความเหมาะสมเช่นนี้ไม่แม้แต่จะเอ่ยวาจาอ้อมค้อมเช่นในหมู่ผู้ใหญ่
“ข้าสามารถให้เงินค่ารักษาห้าส่วนกับเ้าเพียงแต่เงินที่สกุลอวี๋ของพวกเราซื้อตัวเ้ามาในตอนแรก เ้าจะต้องคืนมาเสียก่อน”อวี๋หรูไห่ไม่อ้อมค้อมและเอ่ยอย่างถือสาหาความกับอวี๋เจียว
คำกล่าวนี้ตรงตามความ้าของอวี๋เจียว หากอวี๋หรูไห่ไม่เอ่ยถึงไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องเอ่ยถึงเื่เอาใบสัญญาซื้อตัวกลับมาอยู่ดี
อวี๋เจียวหยักหน้า “ได้เ้าค่ะ”
เมื่อนางตอบรับอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ภายในใจของอวี๋หรูไห่เกิดความคิดประการอื่นตลอดหลายวันมานี้อวี๋เจียวไม่ได้คิดจะเอาใบสัญญาซื้อขายตัวเพื่อไปจากสกุลอวี๋แค่ครั้งเดียวอวี๋หรูไห่ครุ่นคิดว่า เหตุที่อวี๋เจียว้าเงินค่ารักษาคงไม่ใช่ว่าคิดจะหาเงินเพื่อไปจากสกุลอวี๋กระมังต้นไม้เขย่าเงินที่สามารถสร้างเงินเช่นนี้ เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร?
เพียงแต่ใบสัญญาซื้อขายตัวยังอยู่ในมือของเขา เงินค่าไถ่ตัวต้องมากเพียงใดถึงจะพอเขาก็ยังเป็คนกำหนดเอง อวี๋หรูไห่คิดเอาไว้แล้วว่าถึงแม้จะไม่ต้องให้เงินค่ารักษากับอวี๋เจียวแต่เขาก็ไม่มีทางเอาใบสัญญาซื้อขายตัวให้นาง
แม้ว่าสายตาของอวี๋ฉี่เจ๋อจะจับจ้องบนตำราแต่หูยังคงฟังบทสนทนาของทั้งคู่อยู่ตลอดภายในใจมั่นใจแล้วว่าเมิ่งอวี๋เจียวที่ขี้ขลาดและพูดน้อยยามเข้ามาในสกุลอวี๋คราแรกอาจเป็เพียงเสื้อคลุมตัวนอกที่นางแสร้งแสดงออกมาเมิ่งอวี๋เจียวที่เฉียบแหลมตรงไปตรงมาและไม่ขลาดกลัวในยามนี้ถึงจะเป็ตัวตนที่แท้จริงของนาง
เพียงแต่คนที่ฉลาดเฉลียวคนหนึ่งเหตุใดถึงได้ทำเื่ไร้สมองเช่นก่อนหน้านี้? ทำราวกับกลัวจะต้องอยู่เป็ม่ายเพราะคนป่วยอย่างเขา?
หลังจากอวี๋หรูไห่ออกไปอวี๋เจียวเอากระดาษคัดลอกตัวอักษรที่จัดระเบียบเรียบร้อยแล้วส่งไปให้อวี๋ฉี่เจ๋อ“พี่ห้า ตัวอักษรของข้าพัฒนาบ้างหรือไม่?”
ครั้นอวี๋ฉี่เจ๋อได้ยินคำว่า ‘พี่ห้า’ ปลายหูของเขาขยับเล็กน้อยทั้งๆ ที่เป็เพียงคำเรียกทั่วไป แต่เหตุใดยามนางเรียกถึงได้หวานเลี่ยนเช่นนี้?
อวี๋ฉี่เจ๋อรับมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์พลิกตรวจดูครู่หนึ่งแล้วเอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า “เพิ่งฝึกไม่กี่วัน จะมีอะไรพัฒนาร่ำเรียนวิชาและคัดอักษรล้วนแต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย”
เมื่อไม่ได้รับคำชม อวี๋เจียวไม่ยอมท้อถอย กลับเอ่ยว่า “ข้าไม่ใช่ปัญญาชนตัวอักษรที่เขียนออกมาแค่อ่านเข้าใจก็พอแล้วต่อให้ฝึกทั้งชีวิตก็เขียนไม่สวยเท่าท่าน”
อวี๋ฉี่เจ๋อวางกระดาษคัดอักษรลงจากนั้นหยิบแบบฝึกเล่มหนึ่งจากบนชั้นตำรามาส่งให้อวี๋เจียว “เปลี่ยนแบบฝึกเขียน”
อวี๋เจียวเปิดแบบฝึกคัดอักษรที่ถูกเข้าเล่มด้วยกาวออกดูข้างในมีชื่อสมุนไพรนับร้อยชนิดรวมเป็เล่มหนาไม่รู้ว่าอวี๋ฉี่เจ๋อเขียนเอาไว้ั้แ่เมื่อใดนางมองใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาของอวี๋ฉี่เจ๋อ เอ่ยเสียงเบาว่า “ใส่ใจแล้วขอบคุณนะ”
บนใบหน้าของอวี๋ฉี่เจ๋อเผยสีหน้ายากจะดูออก เอ่ยเพียง“เ้าบอกว่าจะรักษาร่างกายของข้าให้หายดี นับว่าหมูไปไก่มา”
“เ้าไม่เชื่อว่าข้าจะรักษาหายไม่ใช่หรือ?” อวี๋เจียวจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนนางบอกว่าสามารถรักษาร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อได้เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อ
อวี๋ฉี่เจ๋อหลุบตาลงอ่านตำราต่อไป เอ่ยอย่างราบเรียบว่า“ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว”
อวี๋เจียวมองเงาสะท้อนขนตาหนายาวดำขลับดุจขนอีกาบนแก้มของเขารับรู้เพียงว่าน่ามองเป็พิเศษดวงหน้างามด้านข้างของผู้ป่วยอ่อนแอให้ความรู้สึกเหนือกว่าซีจื่อ [1] ยามเจ็บไข้ถึงสามส่วนจริงๆ ถึงแม้ยามนี้จะยังอายุน้อยแต่กลับเห็นได้ถึงความสง่างามในภายภาคหน้าอยู่หลายส่วนถึงจะเป็เพียงสามีในนามจากการแต่งงานเสริมมงคลแต่เมื่อมองดูแล้วยังคงเจริญตาเจริญใจอยู่บ้าง นับได้ว่านางได้เอาเปรียบหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลาเปี่ยมพร์ของผู้อื่นโดยไม่เสียอะไร
ครั้นอวี๋เจียวคิดเช่นนี้พลันหัวเราะออกมา “อวี๋ฉี่เจ๋อหากข้ารักษาเ้าจนหายดีถ้าเ้าลงสอบขุนนางประจำฤดูใบไม้ร่วงในปีนี้จะได้สักลำดับเท่าใด? จะได้เป็จวี่เหรินหรือไม่?”
อวี๋ฉี่เจ๋อเงยหน้ามองอวี๋เจียว ดวงตาดุจดอกท้อสุขุมยิ่งนัก “ต้องลองลงสนามสอบถึงจะรู้”
“หากเ้าได้เป็จวี่เหริน ยามพูดอะไรในสกุลอวี๋ก็จะมีน้ำหนักใช่หรือไม่?” อวี๋เจียวเอ่ยพลางยกยิ้มบาง “ก่อนจะถึงการสอบในฤดูใบไม้ร่วงข้าจะรักษาเ้าให้หายดี รอกระทั่งเ้าได้เป็จวี่เหริน เ้าก็ช่วยให้ข้าไปจากสกุลอวี๋ดีหรือไม่?”
……………
เชิงอรรถ
[1] ซีจื่อหรือซีซื่อ หรือไซซี คือหนึ่งในสี่หญิงงามแดนั
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้