“และในตอนนี้เ้าก็เห็นแล้วว่า ร้านตระกูลเวินเป็ที่นิยมกว่าร้านของเ้ามาก หากเ้ากลับมาร่วมมือกับเวินเยียน จะสามารถทำให้ตระกูลเวินเจริญรุ่งเรืองได้อย่างแน่นอน หากมารดาเ้าได้รู้ นางก็คงจะพักผ่อนได้อย่างสงบ”
เวินซียิ้มเยาะ แล้วเอ่ยปากขึ้นช้าๆ “ให้ท่านแม่ได้กลับเข้าสู่ลำดับวงศ์ตระกูลนั้นเป็เพียงเงื่อนไขข้อแรก ข้ายังมีข้อที่สองอีก”
เมื่อได้ยินดังนั้นเวินอวิ๋นโปก็มีใบหน้าดำมืดในทันใด
“ในเมื่อท่านแม่เป็คนตระกูลเวิน นางได้เสียชีวิตไป ตระกูลเวินก็ควรจะต้องไว้อาลัย ทุกคนในตระกูลทั้งนายและบ่าวต้องนุ่งขาวห่มขาวสิบห้าวัน คงไม่เกินไปนะเ้าคะ?”
เมื่อเวินซีพูดจบ สีหน้าของเวินอวิ๋นโปก็เปลี่ยนเป็เขียวปั๊ด ดูจากสถานการณ์ของนางตอนนี้ เขาคิดว่าหากตนเป็ฝ่ายเข้าหาก่อน นางจะต้องตอบตกลงและกลับจวนไปด้วยแน่ แต่ไม่คิดเลยว่าเวินซีจะมีท่าทีหยิ่งยโสและเยือกเย็น ช่างไม่รู้จักดีชั่วเสียจริง
ยิ่งไปกว่านั้น เวินอี๋เหนียงผู้เป็สตรีต่ำต้อยตัวเล็กๆ จะคู่ควรให้คนทั้งตระกูลเวินไว้อาลัยได้อย่างไรกัน? นางถูกลงโทษในฐานที่คบชู้ หากคนในเมืองรู้ว่าทั้งตระกูลไว้อาลัยให้นาง จะต้องพากันนินทาลับหลังแน่
มิได้เป็อันขาด!
เวินอวิ๋นโประงับความร้อนใจเอาไว้ “เื่นี้เ้าต้องกลับไปกับข้าก่อน แล้วเราค่อยคุยกัน”
“เช่นนั้นก็รอจนกว่าท่านจะยอมคุย ข้าถึงค่อยกลับ”
เวินซีไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย เวินอวิ๋นโปโกรธมากจนควันออกหู สุดท้ายก็ทำอันใดมิได้ เขาโกรธอยู่พักใหญ่จนสะบัดแขนเสื้อกลับไป
เมื่อเวินซีส่งเวินอวิ๋นโปกลับไปแล้วก็นำเครื่องหอมที่ทำขึ้นมาใหม่มอบให้จ่างกุ้ย แม้ว่าจะมีการประกาศขายออกไปแล้วคราหนึ่ง แต่ลูกค้าที่สนใจมาซื้อก็ยังน้อยมาก
ในขณะที่ร้านตระกูลเวินยังคงมีผู้คนแน่นขนัด ชื่อเสียงของยาทาผิวงามนั้นแพร่สะพัดไปทั่ว ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักยาตัวนี้
วันแรกทุกอย่างยังคงเป็ปกติ
วันที่สองก็ยังไม่มีผู้ใดเป็อันใด
จนกระทั่งวันที่สาม
จ้าวต้านกลับมาจากการล่าสัตว์ก็เห็นว่าที่ประตูของอำเภอมีคนยืนล้อมเต็มไปหมด ปรากฏว่าคุณหนูซุนเป็โรคประหลาด ผิวของนางขาวราวกับคนกำลังจะตาย มีไอความหนาวเย็นผุดออกมา ่นี้เป็วันซานฝู [1] แท้ๆ ทั้งที่นางห่มผ้านวมทั้งร่างแล้วแต่ก็ยังหนาวจนตัวสั่น
“ใต้เท้าซุนมีบุตรสาวเพียงคนเดียวคือคุณหนูซุน เกรงว่าครานี้ต้องเป็เื่ใหญ่แน่”
“นั่นน่ะสิ เ้ามิได้ยินหรือว่าท่านเ้าอำเภอได้เชิญอาจารย์หมอมากมายจากทั่วระยะสิบลี้มา แต่ก็ยังไม่รู้สาเหตุของโรค”
“ข้าว่าเื่นี้ต้องมีอันใดแน่ ่หลายวันมานี้มีสตรีหนาวสั่นกันเยอะมาก”
“คงจะมิใช่โรคระบาดหรอกนะ?”
“เ้าพูดเช่นนี้ข้าก็รู้สึกหนาวขึ้นมาแล้วสิ”
...
เสียงพูดคุยดังขึ้นไปทั่ว จ้าวต้านยืนแอบอยู่ในฝูงชน มองดูฮูหยินของเ้าอำเภอที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย เมื่อนางได้ยินคนพูดว่าเป็โรคระบาดก็ยิ่งร้องไห้เสียงดังขึ้นกว่าเดิม
เพราะว่าโรคระบาดมักจะรักษาไม่หาย และเพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ประชาชน จึงทำได้เพียงต้องฝังผู้ติดเชื้อทั้งเป็
จ้าวต้านขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้น ที่ประตูจวนอำเภอมีกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งแปะอยู่ ในนั้นเขียนไว้ว่าหากรักษาคุณหนูซุนได้จะมีรางวัลหนึ่งร้อยตำลึง เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงโค้งริมฝีปากขึ้น พลันเดินออกไปเงียบๆ
ยามนี้ที่บ้าน เวินซีกำลังทดลองยา จ้าวต้านจึงเล่าเื่ที่เกิดขึ้นที่อำเภอให้นางฟังอย่างละเอียด ซึ่งก็เป็ไปตามที่คาดไว้ ใบหน้าของเวินซีไม่มีการตอบสนองใดๆ
“เ้าจะออกหน้าช่วยรักษาโรคของคุณหนูซุนหรือไม่?”
จ้าวต้านมองดูสมุนไพรที่นางกำลังบด พลันเดาออกว่านางจะใช้มันทำสิ่งใด
“จะต้องมีผู้อื่นออกหน้าแน่ เราเพียงแค่รอดูเื่สนุกก็พอ”
เวินซีตอบเขาด้วยรอยยิ้ม “ไป ไปดูเื่สนุกที่อำเภอกัน”
หลังจากที่นางห่อยาจนแน่นแล้วก็หยิบเครื่องหอมตัวใหม่ออกมาแล้วไปที่อำเภอกับจ้าวต้าน
ที่จวนตระกูลเวิน
หลังจากที่เวินเยียนได้ยินเื่ราวก็ทำถ้วยชาในมือหล่นลงพื้น จิตใจกระสับกระส่ายเป็อย่างยิ่ง พลันสบถออกมาว่าไร้ประโยชน์ นางอุตส่าห์เตรียมการป้องกันไว้มากมาย แต่ก็ยังมีคนฉวยโอกาส
หมากที่อันตรายนี้เวินเยียนเดิมพันกับชื่อเสียงของตระกูลเวิน หากมีคนรู้เข้า นางจบเห่แน่ นางประหม่ามากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่กำลังจะลุกออกไปจากจวน กลับลืมไปว่าเวินอวิ๋นโปยังนั่งอยู่ข้างๆ
“เป็อันใดไป?” เวินอวิ๋นโปเห็นนางมีท่าทีผิดปกติจึงเอ่ยปากถาม เพราะเื่ยาทาผิวงาม ท่าทีของเขาที่มีต่อนางจึงดีขึ้นไม่น้อย
“ท่านพ่อ คุณหนูตระกูลซุนเป็โรคประหลาด ลูกเคยได้ยินวิธีการรักษามาเ้าค่ะ ข้าอยากจะลองช่วยนางดู” เวินเยียนระงับความหงุดหงิดในใจไว้ พลันแสดงสีหน้าอ่อนโยน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเวินอวิ๋นโปก็เป็ประกาย หากเวินเยียนสามารถรักษาโรคของคุณหนูซุนได้ ตระกูลเวินก็จะเป็ตระกูลใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในเมือง!
เขาจึงลุกขึ้นพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อ “ไปด้วยกันเถิด”
เพราะกลัวว่าตนจะถูกสงสัย เวินเยียนจึงไม่กล้าปฏิเสธแล้วเดินออกไปพร้อมกันกับบิดา
ขณะนั้นมีเื่ใหญ่เกิดขึ้นที่ประตูอำเภอ ภายในเวลาสั้นๆ เพียงแค่ธูปดอกเดียวก็มีเด็กสาวที่มีอาการแบบเดียวกันถูกส่งตัวมาที่โถงถึงสองคน
คุณหนูซุนถูกคนหามออกมาพร้อมกับอีกสองคนและวางไว้ตรงกลางโถงที่เต็มไปด้วยเตาผิง ด้วยอุณหภูมิห้องที่สูงมากทำให้คนทั่วไปไม่สามารถทนอยู่ได้ แต่สามคนนั้นกลับยังรู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูก
ขณะนี้มีผู้ที่คาดว่าจะติดโรคระบาดมากขึ้นเรื่อยๆ หากผู้ใดสวมเสื้อผ้ามากชิ้นจะถูกนำไปสังเกตอาการที่อำเภอ
อาจารย์หมอถือกล่องยาเดินวนอยู่ในฝูงชน ถามเด็กสาวหลายคนว่าไปที่ใดมา ได้ััหรือพบผู้ใดบ้าง แต่ก็ไม่พบจุดที่เหมือนกัน เขาไม่สามารถหาสาเหตุของโรคได้เลย ทำได้เพียงให้ยาตามประสบการณ์ที่มี
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เวลาผ่านไปนานแล้วแต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น
“ท่านหมอ นางเป็โรคใดกันแน่? รักษามิได้จริงหรือ?”
เ้าอำเภอร้อนรนจนตัวสั่นไปทั้งตัว
“ใต้เท้าซุน นี่...พวกเราก็ทำเต็มความสามารถแล้ว เพียงแต่ว่าโรคนี้มิได้ถูกบันทึกไว้ในตำรา พวกเรา... เฮ้อ ใต้เท้าซุนอยู่ห่างจากคุณหนูซุนเถิดขอรับ ระวังจะได้รับเชื้อ” หมอเอ่ยเตือน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ร่างของเ้าอำเภอก็โซเซ
“ไม่ต้องเว้นระยะ นี่มิใช่โรคระบาด คุณหนูพวกนี้เพียงแค่ได้รับพิษ ข้ารักษาพวกนางได้”
ขณะนั้นเอง มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใน่เวลาที่ไม่เหมาะนัก ฝูงชนแยกออกเป็สองทาง โดยมีเวินเยียนเดินเข้ามาช้าๆ ตรงกลางโถงท่ามกลางสายตาของทุกคน
นางหยุดยืนอยู่ที่หน้าเ้าอำเภอ โค้งคำนับเล็กน้อยแสดงความเคารพ พลันกวาดสายตามองสตรีที่อยู่บนพื้น โชคดีที่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต นับว่ายังไม่สายเกินไป
“คุณหนูใหญ่เวิน ที่เ้าพูดนั้นเป็ความจริงหรือไม่?” เ้าอำเภอกระตือรือร้นเป็อย่างยิ่ง
“จริงเ้าค่ะ ใต้เท้าซุนโปรดให้ข้าลองดูหน่อยเถิดเ้าคะ”
เวินเยียนเขียนสูตรยา แล้วให้คนรับใช้ไปหายามาโดยเร็วที่สุด หลังจากที่ป้อนคุณหนูซุน อาการของนางก็ดีขึ้น
เ้าอำเภอมองเห็นถึงความหวัง ทันใดนั้นเขาก็เชื่อทุกถ้อยคำของเวินเยียนโดยไม่สงสัยเลยสักนิด
“คุณหนูใหญ่เวิน เ้าทราบพิษที่บุตรสาวข้าได้รับหรือไม่?”
“มิทราบเ้าค่ะ ข้าเพียงเคยพบคนไข้ที่มีอาการเดียวกันนี้มาก่อน จึงจำสูตรยาได้”
เ้าอำเภอคิดว่าคำพูดของเวินเยียนช่างถ่อมตนยิ่งนัก เขาชื่นชมนางมากขึ้นพลันยกมือ จากนั้นหีบเงินที่เต็มไปด้วยอัญมณีมากมายก็ถูกยกออกมา
“นี่คือเงินห้าสิบตำลึงเป็ค่ามัดจำ ส่วนที่เหลือ หลังจากที่บุตรสาวข้าหายดีแล้วจะให้คนนำไปที่จวน ลำบากเ้าแล้วนะ”
“ท่านเ้าอำเภอรักคุณหนูมากเลยนะขอรับ ท่านเป็ต้นแบบให้เหล่าขุนนางจริงๆ แต่เงินนี้พวกเรารับไว้มิได้หรอกขอรับ”
เวินอวิ๋นโปปฏิเสธ เวินเยียนจึงว่าตามอยู่ข้างๆ “ข้ามิได้ทำอันใดมากมายเลย เ้าอำเภอมิต้องเกรงใจหรอกเ้าค่ะ”
“พวกเ้ารับไว้เถิด ถึงอย่างไร...”
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังแสร้งถ่อมตนกันไปมา จู่ๆ หมอที่ป้อนยาให้คุณหนูซุนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
“ใต้เท้าเ้าอำเภอ! แย่แล้วขอรับ! คุณหนูซุนแย่แล้ว!”
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ต้นเสียงตามๆ กัน คุณหนูซุนที่เดิมทีลืมตาขึ้นมาได้แล้วกำลังอาเจียนออกมาเป็เืไม่หยุด เืสีแดงสดไหลนองอยู่เต็มพื้นกว้าง นางหายใจรวยริน ร่างกายก็หงายไปด้านหลังเรื่อยๆ
เวินเยียนใมากและรีบเข้าไปตรวจสอบ เหตุใดถึงเป็เช่นนี้...ยาที่นางให้ล้วนเป็ยาพลังหยางนี่!
นางวางมือบนชีพจรของคุณหนูซู สีหน้าก็หวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันกลั้นหายใจ ทันใดนั้นนางก็คุกเข่าลงกับพื้นดังปัง
“คุณหนูเวิน ตอนนี้นางเป็อันใดไป? เ้าอย่าเงียบสิ”
ฮูหยินของเ้าอำเภอกังวลใจเป็อย่างยิ่ง ในขณะที่พูดน้ำตาก็ไหลพราก โดยมีสตรีรับใช้ช่วยพยุงนางเดินไปที่เบื้องหน้าของเวินเยียน
เชิงอรรถ
[1] วันซานฝู 三伏天 หมายถึง ่เวลาที่ร้อนที่สุดในรอบปี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้