หลินฟู่อินยกยิ้ม “ฤดูกาลต่างกัน เวลาในการทำก็ไม่เหมือนกัน ผู้อื่นไม่สามารถทำได้ ต่อให้ผู้ดูแลฮวาบอกวิธีไปผู้อื่นก็ไม่อาจเข้าใจ”
ผู้ดูแลฮวาเข้าใจแล้ว หลินฟู่อินกำลังบอกว่ามีเพียงพวกนางที่รู้วิธีทำไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสน ต่อให้บอกวิธีการไปผู้อื่นก็ไม่สามารถผลิตออกมาได้
“น้องสาวข้าพูดถูกแล้ว กระทั่งพวกข้าเองก็ยังไม่ทราบวิธีทำไข่ดอกสน มีเพียงน้องสาวที่ทำได้ คนนอกที่รู้ยิ่งมีน้อยกว่า ต่อให้ผู้อื่นรู้ก็ไม่อาจเข้าใจได้” หลินซานหลางเสริมขึ้นเพื่อช่วยอีกแรง
หลินฟู่อินเหลือบมองเขา เด็กคนนี้ฉลาดจริงๆ ทราบด้วยว่าผู้ดูแลฮวาคิดจะขอตำรับอาหาร
สีหน้าของผู้ดูแลดูอับอายเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจ เกรงว่าคงจะไม่ได้สูตรไข่ดอกสนนี้แล้ว
ลองคิดๆ ดูแล้ว ในเมื่อหมอหลี่ทราบว่าไข่ดอกสนช่วยขับร้อนได้ดี เขาไม่เชื่อว่าหมอหลี่ไม่สนใจ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีตำรับอยู่ในมือ หรือหากแม่นางน้อยสกุลหลินผู้นี้มีความสัมพันธ์กับสกุลหลี่ ก็สมควรส่งคนไปสืบมาก่อนจะทำอะไร
“น้องสาว ผู้ดูแลคงไม่สนใจไข่ดอกสนของเรากระมัง ยามนี้สายมากแล้ว ลองไปถามร้านอื่นกันเถอะ” หลินเฟินเห็นผู้ดูแลมีท่าทางเช่นนั้น นางก็คิดว่าลุงหลิวพูดถูกจริงๆ คนค้าขายในเมืองล้วนแต่รับมือได้ยากยิ่ง
พูดนู่นนี่อยู่เป็ครึ่งวันสุดท้ายก็พูดเช่นนั้นออกมา ดูแล้วออกจะไม่จริงใจอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้นางยังเห็นว่าอีกฝ่ายดูเป็คนเข้าหาง่ายอยู่แท้ๆ
ผู้ดูแลฮวาเห็นว่าร้านเขาผิดต่อเด็กๆ เหล่านี้แล้ว ยามนี้ยังถามเื่ไม่สมควรออกไปก็ทราบได้ว่าพวกนางหมดความอดทนแล้ว จึงรีบพูดทันที “โอ แม่นางน้อยอย่าได้เร่งร้อนไปเลย”
จากนั้นเขาจึงหันไปยังห้องครัว แล้วะโลั่น “ซานหยวน ชาล่ะ?”
“มาแล้วขอรับ!” เสี่ยวเอ้อร์ซานหยวนถูกพวกหลินฟู่อินใช้งานก่อนหน้านี้ ตอนนี้ไม่คิดอยากเห็นหน้าพวกนาง พอผู้ดูแลสั่งให้ไปรินชา เขาก็ไม่ริน
แต่เมื่อเห็นผู้ดูและโเร่งสุดท้ายก็ต้องนำชามาอยู่ดี
มีแก้วชาห้าแก้ว หลินฟู่อินมองนิ่งงัน น้ำชาเย็นหมดแล้ว ให้นางคอแห้งยังดีกว่าดื่มน้ำชาพวกนี้
คงเพราะปกติภัตตาคารเยว่เค่อขายดิบขายดี ทั้งเ้านายทั้งลูกน้องถึงได้รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าพวกนาง
ในระยะเวลาสั้นๆ อาจไม่รู้สึก แต่เมื่อสนทนากันหลายประโยคเข้า อย่างไรก็ต้องเผยออกมา
เพียงแต่ผู้ดูแลฮวาอายุมากและมีการศึกษา จึงไม่ปล่อยให้ผู้อื่นรู้สึกได้ง่ายๆ
หลินฟู่อินรู้สึกไม่ดีกับร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองนัก แต่ในเมื่อผู้ดูแลคิดค้าขายกับนาง นางย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยออกจากมือ
“ดื่มชาก่อน ดื่มชาก่อน” ผู้ดูแลฮวาแนะ จากนั้นจึงหันหามาหลินฟู่อิน “แม่นางหลิน เช่นนั้นท่านขายไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนยังไงหรือ?”
หลินฟู่อินคิดเื่นี้เอาไว้นานแล้วจึงพูดทันที “ไข่เยี่ยวม้าฟองละสองอีแปะ ไข่ดอกสนฟองละสามอีแปะ”
“แพงปานนี้เชียว?” ผู้ดูแลฮวานิ่วหน้า “ลดได้หรือไม่?”
หลินฟู่อินส่ายหน้า “ราคานี้ถูกที่สุดแล้ว หากต่ำกว่านี้จะเข้าเนื้อ เช่นนั้นไม่ทำดีกว่า”
ถึงอย่างไรของก็มีขายแค่ที่บ้านนาง หากนางไม่คิดจะขายแล้ว ถึงผู้ดูแลฮวาอยากซื้อก็ไม่มีที่ให้ซื้อ
ผู้ดูแลยิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เอ่ยเสียงต่ำ “แม่นางหลินรู้หรือไม่ว่าปกติพวกเราซื้อไข่ไก่ในราคาเท่าไร? เป็ห้าฟองหนึ่งอีแปะ!”
ผู้ดูแลฮวายกนิ้วสี่นิ้ว จากนั้นเปลี่ยนเป็สามนิ้ว “และหนึ่งอีแปะซื้อไข่เป็ดได้สามฟอง”
หลินฟู่อินยิ้ม นางพยักหน้าแล้วตอบ “ข้าเชื่อเ้าค่ะ! แต่อย่างแรก ราคาของผู้ดูแลฮวาเป็ราคาค้าส่ง ที่บ้านนอกของเราไม่มีราคาส่ง บ้านทุกหลังยังต้องกินต้องอยู่ ของมีไม่มากพอจะซื้อราคาส่ง ข้อสอง ไม่ว่าจะไข่เยี่ยวม้าหรือไข่ดอกสนที่ข้าทำต่างก็ดีต่ออาการร้อนในยิ่งนัก เื่นี้ภรรยาท่านหมอหลี่สามารถยืนยันได้ด้วยตัวเอง”
ผู้ดูแลฮวาพูดไม่ออก
เขาไม่รู้ว่าหลี่ฮูหยินพูดเื่นี้เอง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าพูด ทั้งยังมีคำแนะนำของหมอหลี่ เช่นนั้นก็น่าจะเป็ความจริง
“ท่านผู้ดูแล ซื้อยารักษาร้อนในได้ แต่ทั้งค่าจับชีพจรทั้งค่ายาต่างก็แพงกว่าไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนไม่กี่ฟองมากไม่ใช่หรือเ้าคะ?” หลินฟู่อินมองหน้าเขา “ไข่เป็ดไข่ไก่อาจจะถูก แต่ท่านกินไข่พวกนี้มากๆ แล้วลดร้อนในได้หรือไม่เล่า?”
อันที่จริงไข่เป็ดก็ดับร้อนได้เช่นกัน แต่การแพทย์ในต้าเว่ยยังไม่ค้นพบเื่นี้ ขณะที่หลินฟู่อินรู้ดีว่าเป็ดพวกนี้ทั้งตัวล้วนแต่เป็ขุมสมบัติ
ผู้ดูแลฮวามุ่นคิ้วอีกครั้ง ที่จริงเขาคิดอยากซื้อไข่ดอกสนในราคาที่ถูกกว่านี้ ทันทีที่นำมาทำเป็อาหารขึ้นโต๊ะ อย่างไรของก็ต้องทำเงินได้แน่นอน
“ได้ เ้าหมายความว่าเ้าเองก็เป็กิจการเล็กๆ เช่นนั้นข้าจะไม่ต่อรองราคากับพวกแม่นางน้อย” ผู้ดูแลฮวากลับมามีท่าทีเฉลียวฉลาด ยิ้มแล้วกล่าว “เช่นนั้นข้าจะซื้อไข่เยี่ยวม้าหนึ่งร้อยฟอง ไข่ดอกสนหนึ่งร้อยฟอง ตามนี้ก็แล้วกัน”
หลินฟู่อินยิ้มรับ “เ้าค่ะ พวกเราแต่ละคนขนไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนอย่างละหนึ่งร้อยฟองต่อตะกร้าหนึ่งใบพอดี ผู้ดูแลฮวาลองนับดูเ้าค่ะ”
เดิมทีก่อนเข้าเมืองนางยังคิดว่าหากเ้าของร้านเป็คนดีน่าคุยด้วย นางจะแถมให้อีกหน่อย แต่รู้สึกว่าภัตตาคารเยว่เค่อแห่งนี้ไม่ดีพอ นางจึงไม่พูดถึง
ผู้ดูแลเรียกเด็กในร้านอีกหลายคนมาช่วยนับจำนวนไข่
“ใช่ จำนวนถูกต้อง” ผู้ดูแลฮวาพยักหน้าให้หลินฟู่อินก่อนจะถาม “แม่นางหลินรู้วิธีนับเลขหรือไม่?”
อันที่จริงเื่นี้ถือว่าหยาบคายมาก พวกหลินฟู่อินแต่งกายดูคล้ายชาวบ้าน โดยปกติแล้วเด็กเหล่านี้นับเลขไม่เป็
เพื่อจะขนตะกร้าไม้ไผ่ หลินฟู่อินจึงตั้งใจหาเสื้อผ้าเก่าๆ มาสวม เดิมทีเพื่อปิดบังรูปลักษณ์นางก็ไม่แต่งหน้าแต่งตัวอยู่แล้ว ยิ่งมาที่นี่นางยิ่งไม่ได้ดูดีเช่นตอนอยู่ที่บ้าน
ส่วนคำถามของผู้ดูแลฮวา หลินฟู่อินแค่ยิ้มจางๆ แล้วตอบรับ “เ้าค่ะ ทั้งหมดห้าตำลึงเงิน”
ผู้ดูแลฮวาหัวเราะลั่น ก่อนจะเดินไปหยิบเงินห้าตำลึงเงินมามอบให้หลินฟู่อิน
“หากชุดนี้ขายดี ครั้งหน้าพวกข้าย่อมซื้อมากขึ้น แม่นางหลินต้องเก็บของไว้ให้ข้านะ” ผู้ดูแลฮวากล่าวเน้นย้ำ
ที่จริงหาก้าตุนสินค้า ผู้ดูแลฮวาจะซื้อของทั้งหมดเลยก็ยังได้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ซื้อทั้งหมดก็แปลว่ายังไม่มีความมั่นใจในสินค้าชนิดใหม่นี้มากพอ
สามารถพูดได้ว่าผู้ดูแลฮวาลงมืออย่างระมัดระวังจนเกินไป
หลินฟู่อินแน่นอนว่าไม่รับคำ ทำเพียงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ทำอาหารชนิดนี้แต่ละครั้งไม่ง่ายเลย ทางบ้านเราเองก็ต้องเก็บส่วนหนึ่งไว้กินเช่นกัน เอาไว้เมื่อถึงเวลาค่อยว่ากันอีกทีเถอะเ้าค่ะ พวกข้าไม่รบกวนเวลาผู้ดูแลฮวาแล้ว ขอตัวก่อนนะเ้าคะ”
ผู้ดูแลฮวาทราบว่าหากยังดื้อรั้นย่อมดูไม่เหมาะสม จึงได้พยักหน้าส่งเด็กๆ จากไป
หลินฟู่อินแบกตะกร้าเปล่าขึ้นหลัง คิดดูแล้วก็หันไปมองพี่ๆ ทั้งหลายที่ตามมาด้วย “พวกท่านแบกของหนัก แบ่งมาให้ข้าเถอะ!”
“ไม่หนักสักนิด ไปกันเถอะน่า!” สองพี่น้องหลินเฟินหลินฟางและหลินซานหลางต่างก็ยืนกรานว่าไม่หนัก เช่นนี้เป็เพราะพวกตนเพิ่งจะค้าขายอย่างลุล่วงจนได้เงินมาถึงห้าตำลึงเงินในครั้งเดียว
หลินฟู่อินเห็นทั้งสามยืนกรานแข็งขันก็ได้แต่ปล่อยไป จนกระทั่งเห็นทั้งสามเริ่มแบกไม่ไหวเหงื่อแตกพลั่ก พอดีกับที่ผ่านร้านขายซาลาเปาและหมั่นโถว นางจึงคิดจะซื้อซาลาเปาไส้หมูลูกโตๆ ให้ทั้งสามคน
เพียงก้าวเข้าร้าน ก็พบกับบุรุษผู้หนึ่งในชุดผ้าไหมสีน้ำเงินที่ชนเข้ากับเด็กคนหนึ่งพอดี ร่างของเขาซวนเซเอนมาทางหลินฟู่อิน…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้