หยวนเป่าอยู่ข้างหน้าโดยมีญาญ่าเดินตามหลัง แค่ได้ยินเสียงะโของอีกฝ่ายหยวนเป่าก็หัวจะะเิแล้ว ยังมีเื่ใดให้คุยอีกหรือ? สตรีโง่ ขอร้องเ้าให้หยุดพูดทีเถิด...
น่าเสียดายที่นางไม่ได้ยินเสียงร้องภายในใจของหยวนเป่า
“พี่ชายน้อย ตอนนี้ท่านเล่าเรียนอยู่สำนักใดหรือ? เป็สถานศึกษาสำหรับขุนนางและเชื้อพระวงศ์ใช่หรือไม่?”
“พี่ชายน้อย รอข้าด้วยเ้าค่ะ... ท่านได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่”
“พี่ชายน้อย...”
หัวใจของหยวนเป่าราวกับมีบางสิ่งอุดตัน ดูแล้วเด็กหญิงผู้นี้คงมิอาจไปกับเขาได้จริงๆ ทุกคำที่นางเอ่ยออกมาดั่งมีดแทงลงกลางใจเขา หัวข้อเื่บิดาเพิ่งจบไป ก็มาถึงเื่การศึกษาแล้ว
เขาอาศัยอยู่ในหุบเขามาสี่ปี เพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วัน มีที่ใดให้เข้าเรียนได้เล่า?
“พี่ชายน้อย ต้นเดือนหน้าสำนักของผู้เฒ่าฟู่ก็จะเปิดรับศิษย์แล้ว ข้าตั้งใจจะไปสมัครเ้าค่ะ บิดาของข้าเป็ศิษย์ของเขา ดังนั้นข้าจึงจะเป็ศิษย์ของเขาเช่นกัน แต่ข้าได้ข่าวว่าแต่ไรมา ผู้เฒ่าฟู่มิเคยรับศิษย์ที่เป็สตรีมาก่อน เฮ้อ ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นจะ้าข้าหรือไม่...”
“พี่ชายน้อยรู้หรือไม่ว่าผู้เฒ่าฟู่คือผู้ใด? เขาเก่งกาจยิ่งทีเดียว มีคนมากมายเคารพเขา ้าเป็ศิษย์ของเขา”
เด็กหญิงตัวน้อยเดินตามมาด้านหลังพลางส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไม่หยุด
หยวนเป่าไม่สนใจนางสักนิด
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก เป็ฮวาเหยียนเดินออกมาจากด้านใน
“พี่หญิงคนงาม ท่านย่าของข้าเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ?”
ญาญ่ารีบพุ่งเข้าไปหาฮวาเหยียนและถามด้วยความกังวลทันที
“ญาญ่า ท่านย่ามิเป็อันใด เ้าไม่ต้องเป็ห่วง...”
ฮวาเหยียนกล่าวปลอบใจ
ญาญ่าพยักหน้าก่อนรีบพุ่งเข้าไปในห้อง ฮวาเหยียนกับหยวนเป่าไม่ได้ตามเข้าไป ปล่อยเวลาให้สองย่าหลาน ไม่ช้าก็มีเสียงร้องไห้ดังออกมาจากในห้อง จากนั้นก็ได้ยินเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบกัน
ฮวาเหยียนฟังจนหัวใจเ็ป นางถอนหายใจ ก่อนจะลูบศีรษะของหยวนเป่าไปมา นางมีเื่มากมายอยากเอ่ย แต่กลับไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นที่จุดใด
ผ่านไปครู่หนึ่ง ญาญ่าก็พยุงท่านย่าออกมาจากในห้อง หยวนเป่าตรงเข้าไปมอบยาขวดหนึ่งให้เด็กหญิงตัวน้อย พร่ำสอนว่าต้องทานยาหนึ่งเม็ดวันละสองครั้ง
ไข้สูงของท่านย่าเกิดจากความตื่นตระหนกหลังถูกทำให้ตื่นกลัว เมื่อรวมเข้ากับร่างกายที่ไม่แข็งแรงดี ดังนั้นไข้จึงขึ้นสูงไม่หายเสียที ภายนอกร้อนภายในอึดอัด โอสถของหยวนเป่ามีเพียงพอให้ทานได้สิบวัน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยามไข้ก็จะค่อยๆ ลดลงไปเอง
ญาญ่าและท่านย่าเอ่ยขอบคุณไม่รู้จบ ฮวาเหยียนกับหยวนเป่านัดหมายวันเวลา พวกนางจะมาเยี่ยมอีกครั้งในสิบวันให้หลัง สุดท้ายท่านย่าก็ลากร่างเจ็บไข้ไปหยิบตะกร้าที่แน่นด้วยผักสดซึ่งเก็บจากในสวนมามอบให้ฮวาเหยียนกับหยวนเป่า สองแม่ลูกไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจปฏิเสธได้ ทำได้เพียงหยิบตะกร้าผักแล้วจากไป
ตอนออกจากที่พักของญาญ่าก็เป็เวลาเกือบเที่ยงวันแล้ว เมื่อคิดว่านัดหมายกับหออู๋ิคือ่เวลานี้ นางจึงถือตะกร้าพลางพาหยวนเป่าน้อยเดินไปยังทิศทางของหออู๋ิอีกครั้ง...
...
ขณะเดียวกัน ณ จวนไท่จื่อ
ตี้หลิงหานที่ตื่นขึ้นในยามเช้ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย หรือต้องบอกว่าเขาอึดอัดใจเป็อย่างยิ่ง
หลังจากข่าวลือเื่การกระทำของมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่แพร่สะพัดไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ผลตอบรับก็มีทั้งสรรเสริญและตำหนิ
สิ่งที่สรรเสริญคือรูปโฉมอันงดงามของนาง พลังลมปราณที่แข็งแกร่ง กล้ารักกล้าเกลียด และอื่นๆ
สิ่งที่ตำหนิคือการมีบุตรทั้งที่ยังไม่แต่งงาน และเื่มั่วโลกีย์ที่หอนางโลม...
กล่าวโดยสรุปคือ เื่ที่เกิดขึ้นในโรงน้ำชาซินเยว่ล้วนถูกผู้อื่นล่วงรู้กันจนทั่ว เมื่อเทียบกับมู่อันเหยียนแล้ว ฉู่หลิวซวงกับฉู่รั่วหลานนับว่าเสียหน้ากว่ามาก ท่ามกลางเื่ราวที่แพร่ออกไป เขาตี้หลิงหานก็ถูกดึงไปเกี่ยวข้องด้วย
ช่างเป็พรของมู่อันเหยียนจริงๆ คำกล่าวที่ว่า ‘นางไม่ยินยอมแต่งให้องค์รัชทายาท’ พาเขาเข้าสู่กระแสลมปากแหลมคม [1]
สตรีสมควรตายผู้นี้!
จิตใจของเขาเย็นะเืถึงขีดสุด เมื่อนึกถึงสิ่งที่สตรีผู้นี้ทำกับเขาแล้ว เขาก็ปรารถนาจะบดขยี้นางให้ตาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาคิดได้ว่านางสามารถรวบรวมเงินสามล้านตำลึงได้ภายในเวลาน้อยกว่าสามวัน นั่นทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ ทว่าเขาเองก็ไม่อาจไม่ชื่นชม เงินสามล้านตำลึงแต่เดิมเป็เจตนาที่เขาจงใจทำให้นางลำบาก คิดใช้วิธีนี้ทำให้มู่อันเหยียนตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาและจัดการนางได้อย่างตรงไปตรงมา แต่คาดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะทำให้เขาประหลาดใจได้จริงๆ
เพียงแต่สตรีผู้นี้ด้อยกว่าเขาหนึ่งขุม นางมิรู้ว่าเ้าของผู้อยู่เื้ัหออู๋ิคือเขา
ตราบใดที่จีอู๋ซวงปฏิบัติตามคำเขา หาข้ออ้างเพื่อป้องกันมิให้นางรวบรวมเงินสามล้านตำลึงได้ ผัดนางไปอีกวัน เช่นนั้นมู่อันเหยียนก็ถือว่าพ่ายแพ้แล้ว...
ทว่าใจของตี้หลิงหานไม่เป็สุข ไม่เป็สุขยิ่งนัก
เขาดื่มชาสมุนไพรไปสองถ้วยแล้วแต่กลับมิอาจระงับความวิตกในใจได้ ชายหนุ่มจึงลุกเดินไปยังห้องหนังสือ
“หมึกดำ”
เขาเปิดปากกล่าว
อั้นจิ่วที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวออกมาจากที่ใด ก้าวมาข้างหน้าและฝนหมึกให้ผู้เป็นายของตน
“อั้นปากลับมาแล้วหรือ?”
ตี้หลิงหานเอ่ยถาม
“ยังขอรับ หลงจู้จีกล่าวว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่จะมาไม่เกินเที่ยงวันสิบนาทีขอรับ”
อั้นจิ่วตอบกลับด้วยความเคารพ
ตี้หลิงหานขมวดคิ้วพลางพยักหน้า
เขาส่งอั้นปาไปสังเกตการณ์ที่หออู๋ิั้แ่เช้า ด้วยอยากรู้ว่าแม่นางมู่อันเหยียนผู้นั้นหากมิสามารถถอนเงินจากหออู๋ิได้จะมีปฏิกิริยาเช่นไร และสั่งให้อีกฝ่ายกลับมารายงานได้ตลอดเวลา
ทว่าหลังจากจัดการเื่นี้เรียบร้อยแล้ว เขากลับรู้สึกเหนื่อยหน่ายและอึดอัดใจ
บนโต๊ะปูด้วยกระดาษสา เขาหยิบพู่กันขนนกขึ้นมาและเริ่มร่างภาพอย่างบรรจง คล้ายว่าการทำเช่นนี้จะช่วยขจัดความรำคาญใจของเขาได้ โดยมีอั้นจิ่วฝนหมึกอยู่ข้างๆ อย่างตั้งใจ
ไม่ช้ากระดาษขาวที่อยู่ใต้มือของเขาก็ปรากฏเงาภาพเสมือนจริง
ในภาพมีคนสองคน เป็บุรุษหนึ่งสตรีหนึ่ง ฝ่ายบุรุษนั้นงดงามหาใดเปรียบ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สูงส่งเหนือผู้ใด ข้างเขาเป็สตรีนางหนึ่งซึ่งก้มศีรษะลง ในมือถือถ้วยชา ท่าทางเคารพนบน้อมเป็อย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่านี่เป็ภาพวาดของบุรุษผู้เป็นายและสาวใช้
ทว่าตัวละครดูงดงามเกินจริงอยู่บ้าง
เมื่ออั้นจิ่วเหลือบตามองก็ต้องใ จนมือที่กำลังฝนหมึกพลันชะงักค้าง
เหตุเพราะบุรุษในภาพวาดคือตัวนายท่านเองชัดๆ! และสาวใช้ที่ถือถ้วยชาอยู่คือ...คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่!
อั้นจิ่วรีบหลบสายตา เก็บคลื่นอารมณ์กลับไป และทำหน้าตาเคร่งเครียดด้วยกลัวว่าตนจะแสดงออกจนผิดสังเกต
นายท่าน... มิใช่ว่ากำลังหมกมุ่นทำเื่ผิดแปลกใช่หรือไม่?
ใจมุ่งมั่นที่้าให้คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่เป็ทาสในจวนไท่จื่อให้จงได้
หึ...
ทันใดนั้นตี้หลิงหานก็ส่งเสียงหัวเราะเ็า เขาวางพู่กันในมือลง มองภาพวาดบนโต๊ะด้วยความพึงพอใจ ความอึดอัดในหัวใจของเขาเกือบจะหายไปแล้ว
“ไปหาคนมาทำกรอบภาพวาดนี้ให้ข้า แขวนไว้ในห้องหนังสือ จากนั้นไปแจ้งจีอู๋ซวงให้จ่ายเงินแก่มู่อันเหยียนตามปกติ”
เขาเปิดปากกล่าว
อั้นจิ่วเหลือบตาขึ้นมอง มุมปากกระตุกอย่างมิอาจควบคุม องค์รัชทายาทจะติดภาพวาดนี้หรือ? จวง...เปี่ยว [2] ทั้งยังจะจ่ายเงินให้คุณหนูใหญ่ตามปกติ? แม้ว่าเขาจะมีความสงสัยอยู่เต็มอก แต่การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้เป็นายถือเป็เื่ใหญ่อันดับหนึ่ง
“ขอรับ”
อั้นจิ่วพยักหน้า ก่อนจะออกจากห้องหนังสือไป
ในห้องจึงเหลือตี้หลิงหานเพียงผู้เดียว
เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยบรรยากาศสูงส่ง เผยความเ็าที่คนแปลกหน้ามิควรเข้าใกล้
ชายหนุ่มเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ เขาย่อมทราบดีว่าสิ่งใดกวนใจตนอยู่ เขาเป็คนเ็ามาแต่เล็ก ทว่าก็มีความภาคภูมิใจเป็ของตน หากเขา้าจะสั่งสอนผู้ใดสักคนก็มิจำเป็ต้องใช้เล่ห์ การหลบอยู่ด้านหลังเพื่อจัดการมู่อันเหยียนเยี่ยงนี้ หึ...ช่างเป็การลดคุณค่าของตนเองลงจริงๆ
วานนี้เขาถูกทำให้โมโหรำคาญใจจึงกล่าวกับจีอู๋ซวงไปเช่นนั้น ยามนี้เมื่อมาคิดดู แท้จริงแล้วเกรงว่าเขาจะกำลังเต้นไปตามแผนของมู่อันเหยียน
ทว่า เขาเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้!
เงื่อนไขนี้เป็เขาเองที่เสนอ เช่นนั้นครานี้เขาก็ควรที่จะยอมรับ
ในเมื่อมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่สามารถรวบรวมเงินได้ครบสามล้านตำลึง เขาก็ไม่ควรวางแผนตลบหลังนาง
เฮอะ
ข้าตี้หลิงหาน มีความหยิ่งผยองและทระนงเป็ของตนเอง!
เชิงอรรถ
[1] กระแสลมปากแหลมคม 风口浪尖 (fēng kǒu làng jiān) หมายถึง การวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในสังคมที่โหดร้ายและดุดัน
[2] จวงเปี่ยว 装裱 (zhuāng biǎo) เป็ศัพท์เทคนิค หมายถึง การเข้าม้วนภาพพู่กันจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้