เมื่อก้าวพ้นหออู๋ิ ฮวาเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะกัดแล้วฟันทิ้งคำพูดเอาไว้สองคำ
จีอู๋ซวงได้ยินมันอย่างชัดเจน เขาลูบจมูก ทว่าสุดท้ายก็แสร้งทำเป็ไม่ได้ยิน
“แม่นางเหยียน พรุ่งนี้พบกันใหม่ ข้าจะรอเ้าอยู่ที่นี่”
จีอู๋ซวงกล่าวด้วยรอยยิ้มยิบหยี
ฮวาหยานหันหลังใส่เขาและยกมือโบก ทว่าในใจนางกำลังครุ่นคิดว่าไม่ว่านางจะนำสิ่งใดมาขายในวันพรุ่งนี้ นางจะต้องพยายามเพิ่มมูลค่าของสินค้า หออู๋ิแห่งนี้ชั่วร้ายเกินไปแล้ว
...
ทันทีที่ฮวาเหยียนออกไปจากที่นี่ จีอู๋ซวงก็ออกจากหออู๋ิด้วยเช่นกัน เดิมทีเขาอยากจะตามฮวาเหยียนไปเพื่อดูว่านางมาจากที่ใด แต่หลังจากคิดดูแล้ว นางยังมีเงินมากกว่าหนึ่งล้านตำลึงฝากอยู่ที่หออู๋ิ พรุ่งนี้ก็จะมาที่นี่อีกครั้ง อีกทั้งตอนนี้เขายังมีสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น
จีอู๋ซวงหรี่ดวงตาหงส์ของเขาและเดินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือพร้อมกับผลไม้ิญญาโลหิตสีชาดในมือ เขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาหยุดที่ประตูจวนหลังหนึ่ง บนประตูแกะสลักลวดลายัขนาดมหึมาสามตัวกำลังเหินบินและหงส์ที่กำลังร่ายระบำซึ่งเป็จวนไท่จื่อนั่นเอง
จีอู๋ซวงเคาะประตูและเข้าไปในจวนเองโดยไม่ต้องมีคนคุ้มกันคอยนำทาง เขาเดินอย่างคุ้นชินกับเส้นทางเข้าไปด้านใน จะเห็นได้ว่าเขามาที่นี่จนคุ้นเคยแล้ว เพราะเขาเดินไปมาเสมือนที่นี่เป็สวนหลังบ้านของเขาเอง
ระหว่างทางที่เดินเข้ามา เขาก็เห็นคนรับใช้ในจวนของไท่จื่อที่เดินมาพร้อมกับชามยาที่ปรุงสดใหม่พอดี
จีอู๋ซวงรู้จักคนรับใช้คนนี้ดี เขาเป็ข้ารับใช้ชั้นสองของจวนไท่จื่อซึ่งมักจะไปทำธุระที่หออู๋ิอยู่เสมอ ดูเหมือนว่าเขาจะมีนามว่าเสี่ยวเปิ้งจื่อและที่สำคัญคือคนรับใช้คนนี้ตัวเล็กและมีฟันคุด มีรูปร่างหน้าตาคมขำ เมื่อไปมาหาสู่กันสักพักก็เริ่มคุ้นชินและจดจำเขาได้ จีอู๋ซวงจึงเรียกเขาให้หยุด
“เสี่ยวเปิ้งจื่อ เ้าต้มยานี้หรือ? มีคนป่วยอยู่ในจวนหรือ? ”
จู่ๆ จีอู๋ซวงก็โผล่ออกมาและะโถามทันที
เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ก็รู้ว่าเป็ยาสำหรับใช้รักษาอาการาเ็ที่อยู่ภายนอก
เสี่ยวเปิ้งจื่อใกับเสียงะโนี้จนตัวโยน เขาเกือบจะคว่ำถาดในมือลงแต่เมื่อเห็นว่าเป็จีอู๋ซวงเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก "คุณชายจี ท่านเกือบทำให้ข้าใตายแล้ว โชคดีที่ข้าตั้งหลักได้ทำให้ยืนได้เสถียร ไม่อย่างนั้นถาดยาคงต้องคว่ำไปแล้วเป็แน่ขอรับ”
เสี่ยวเปิ้งจื่อกะพริบตา เขาใจนฟันหน้าขนาดใหญ่โผล่ออกมา น้ำเสียงและคำพูดของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาคุ้นเคยกับจีอู๋ซวงเป็อย่างยิ่ง
จีอู๋ซวงเคาะหัวเขา "เอาล่ะ ล้อเล่นพอแล้ว บอกคุณชายคนนี้มาว่ายานี้มีไว้สำหรับผู้ใด? "
เสี่ยวเปิ้งจื่อกลอกตา ก่อนจะมองไปทางซ้ายและขวา "คุณชายจี หากอิงตามหลักเหตุผลแล้ว ข้าน้อยไม่สามารถพูดอันใดมากไปกว่านี้ได้ จวนไท่จื่อของเรามีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ข้าน้อยจะพูดได้อย่างไรว่า... "
“เสี่ยวเปิ้งจื่อ ข้าเห็นแก่หน้าเ้าเกินไปแล้วใช่หรือไม่ เ้าลองล้อข้าเล่นอีกทีสิ”
จีอู๋ซวงรู้ว่าเสี่ยวเปิ้งจื่อเป็คนช่างพูดและโปรดปรานการหยอกล้อ ดังนั้นเขาจึงใช้แรงยกมือบิดหูของเขา ข้ารับใช้ตัวน้อยเจ็บจนทนแทบไม่ไหว "ข้าน้อยพูดแล้ว ข้าน้อยยอมพูดแล้ว"
เสี่ยวเปิ้งจื่อกรีดร้อง
จีอู๋ซวงปล่อยมือออก
ปกติเขาไม่ได้วางมาดอวดเบ่งและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรับใช้ของจวนไท่จื่ออยู่แล้ว เสี่ยวเปิ้งจื่อคุ้นเคยกับเขาเป็พิเศษและไม่หวาดกลัวเขาเลย
“เป็ท่านอั้นจิ่วขอรับที่ได้รับาเ็”
“อั้นจิ่ว? มีนักลอบสังหารอีกคนหรือ? ไท่จือได้รับาเ็หรือไม่? ” อั้นจิ่วคือองค์รักษ์ด่านแรกที่อยู่ข้างกายองค์รัชทายาท คนที่สามารถทำร้ายอั้นจิ่วได้ย่อมเป็ไปได้ว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามายังจวนไท่จื่อ
ใบหน้าเฉยเมยของจีอู๋ซวงกลายเป็จริงจังขึ้นมาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสี่ยวเปิ้งจื่อพูดว่า "ไม่มีเื่ ไม่มีเื่ ไม่ใช่คนลอบสังหารขอรับ และฝ่าาก็ไม่เป็อันใด อาการาเ็ของท่านอั้นจิ่วมาจากแส้ที่ถูกลงโทษจากองค์รัชทายาทขอรับ"
“หืม? เ้าบอกว่าองค์รัชทายาทลงโทษอาจิ่วหรือ? ”
จีอู๋ซวงกล่าวด้วยความประหลาดใจ ดวงตาหงส์ชั้นเดียวปรากฏความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
“อั้นจิ่วที่ระมัดระวังและละเอียดอ่อนรอบคอบมาโดยตลอดผู้นั้น ถูกองค์รัชทายาทลงโทษงั้นหรือ? ”
"ใช่แล้วขอรับ"
เสี่ยวเปิ้งจื่อพยักหน้าหงึกหงัก
"เพราะอันใด? "
จีอู๋ซวงถามขึ้นอีกครั้ง
"นี้…"
เสี่ยวเปิ้งจื่อมองไปทางซ้ายและขวา สีหน้าระมัดระวังเป็อย่างยิ่ง แต่ก่อนที่เขาจะเปิดปากพูด จีอู๋ซวงก็เคาะศีรษะเขาก่อน "พอเถิด พูดออกมาเร็วเข้า ทำตัวเช่นหน่วยสอดแนม เล่นละครอยู่ได้ รีบกล่าวแก่คุณชายเช่นข้าโดยละเอียดเร็วเข้า”
เสี่ยวเปิ้งจื่อเผยฟันหน้าอีกครั้งเมื่อโดนเคาะศีรษะ จากนั้นเขาก็เข้ามาใกล้จีอู๋ซวงก่อนจะกระซิบว่า "ข้าเองก็ไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัดนัก แต่ดูเหมือนว่าท่านอั้นจิ่วจะทำผิดต่อองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทจึงลงโทษเขาขอรับ"
จีอู๋ซวง "...! "
มารดามันเถิด พูดก็เหมือนไม่พูด
เสี่ยวเปิ้งจื่อเห็นว่าสีหน้าของจีอู๋ซวงไม่ค่อยจะถูกต้องนัก เขาจึงรีบพูดขึ้นอีกครั้งว่า “คุณชาย สองสามวันนี้ที่ท่านไม่ได้เข้ามาที่นี่ ดังนั้นก็เลยไม่ทราบ เมื่อวันเกิดจวนของพวกเราเกิดเื่ใหญ่ มีผู้คนมากมายถูกวางยาพิษ จมูกกลายเป็สีม่วง แถมใบหน้ายังบวมเป่ง ทั้งข้าและพี่น้องพวกพ้องอีกสองคน หลี่ซานและเ้าอ้วนล้วนถูกวางยาพิษจนหน้าบวมเป็หมูเลยขอรับ ว่ากันว่าผู้ที่ลงมือนั้นเป็แค่เด็กอายุสี่หรือห้าขวบเองขอรับ”
เสี่ยวเปิ้งจื่อเปิดปากของเขาเล่าออกมาอย่างลึกลับ
จีอู๋ซวงผงะ "เด็กอายุสี่ห้าขวบ? "
“ใช่แล้ว ใช่แล้วขอรับ แต่ฝ่าารับสั่งให้ปิดเื่นี้ไว้เป็ความลับ ถึงไม่มีผู้ใดในจวนกล้าพูดถึงเื่นี้อีก แต่เป็เพราะข้าน้อยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับท่าน จึงยอมเสี่ยงอันตรายที่จะถูกลงโทษเพื่อบอกกล่าวแก่ท่านขอรับ...”
“เอาล่ะ พอเถิด ไปทำงานของเ้าต่อเถอะ”
เมื่อเห็นเสี่ยวเปิ้งจื่อทำท่าจะคุยจ้ออีกครั้ง จีอู๋ซวงก็โบกมืออย่างรวดเร็วและปฏิเสธเขา
เสี่ยวเปิ้งจื่อยังอยากจะพูดต่อ ทว่าจีอู๋ซวงกลับชี้ไปที่ยาที่เขาถืออยู่ "ถ้าเ้าไม่รีบไปส่ง ยาจะเย็นแล้วนะ"
“ใช่ ใช่ ท่านอั้นจิ่วยังรออยู่นี่นา”
เสี่ยวเปิ้งจื่อกลับมารู้สึกตัวจึงรีบวิ่งจากไปเพื่อส่งยา
จีอู๋ซวงส่ายหัว เขาเดินไปที่ลานด้านในโดยยังคงคิดถึงเื่ที่เสี่ยวเปิ้งจื่อเพิ่งเล่าให้ฟัง
เขาไม่มาที่นี่เพียงสองวัน ที่แท้แล้วเกิดอะไรขึ้นแน่?
ที่สนามหลังจวนไท่จื่อปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ดอกไม้หายากส่องประกายแวววาว สายวารีสะอาดใสไหลผ่านดอกไม้และต้นไม้ใต้ซอกหิน เสียงน้ำที่ไหลบริสุทธิ์ช่วยบรรเทาความร้อนอบอ้าวของคิมหันตฤดู
จีอู๋ซวงเงยหน้าขึ้นและเห็นตี้หลิงหานกำลังยืนพิงราวบันไดแกะสลักในศาลาคลายร้อน เขาถือหนังสือเล่มเล็กอยู่ในมือ เส้นเกษาสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก อาภรณ์ขาวราวกับหิมะ แต่ใบหน้าที่งดงามของเขากลับเต็มไปด้วยความเฉยเมย เหินห่าง
บรรยากาศที่เ็าห่างเหินนี้พาให้คนอยากถอยห่างเก้าสิบลี้ [1]
ในเวลานั้น อากาศร้อนแผดเผา เพียงแค่เสียงนกร้องหรือเสียงเพรียกเรียกหาก็พาให้คนหงุดหงิดได้แล้ว
แต่ดูเหมือนคนๆ นั้นจะไม่ได้รับผลกระทบอันใดเลย คนทั้งคนหมกมุ่นอยู่กับโลกของตนเอง
"เกิดเื่? "
ตี้หลิงหานลืมตาขึ้น พลางเปิดปากกล่าว
ดวงตาของเขานั้นลึกยากหยั่งถึง นิ่งสงบยากคาดเดา ไม่มีคลื่นความสงสัยหรือแปลกใจ เพียงเอ่ยปากถามอย่างเฉยชา
น้ำเสียงนั้นสงบมากและไม่แฝงแววยินดีที่ได้พบกันเลยสักนิด
จีอู๋ซวงเบ้ปาก ก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในศาลาคลายร้อน “หากไม่มีเื่ ข้าก็มาหาเ้าไม่ได้หรือ? ”
ตี้หลิงหานไม่กล่าวอันใด ก้มหน้าลงและอ่านหนังสือต่อ
ท่าทางที่ไม่แยแสนี้ทำให้จีอู๋ซวงเริ่มจะโกรธแล้ว เขาเดินปึ่งปั่งไปด้านข้าง "ข้ามาหาเ้าถึงที่นี่ เหตุใดน้ำเสียงยินดีที่ได้พบถึงไม่มีเลยสักนิดเล่า ดูใบหน้าที่งดงามที่ทำให้ทั่วหล้าตะลึงนี้สิ เ้ากลับดึงมันทั้งวัน เ็าราวกับชิ้นส่วนของน้ำแข็ง ไม่กลัวหรือว่าจะแต่งภรรยาไม่ได้? ”
จีอู๋ซวงล้อเลียนเขา เข้าไปในศาลาคลายร้อนได้ก็ทิ้งตัวลงบนที่นั่งทันที ท่านั่งนั้นไม่เรียบร้อยแม้แต่น้อย
“เลิกพูดจาไร้สาระ ตกลงแล้วมีเื่อันใด? ”
ตี้หลิงหานยังคงเอ่ยถามอย่างเ็าอีกประโยค
จริงๆ เลยนะ...
“โชคดีที่ข้าคุ้นชินกับนิสัยของเ้าแล้ว มิเช่นนั้นข้าคงจะโดนเ้าทำให้โกรธจนะเิตาย”
ตี้หลิงหานไม่สนใจเขาเลยสักนิด
ทั้งสองดูราวกับสหายที่คุ้นเคยกันเป็อย่างยิ่ง
จีอู๋ซวงหยิบผลผิงกั่ว [2] ขึ้นมาจากโต๊ะแล้วกัดเข้าคำโต น้ำหวานๆ ไหลเต็มปาก อร่อยจนเขาถึงกับหรี่ตาลง
ตี้หลิงหานวางหนังสือลงแล้วเดินไปที่ฝั่งตรงข้ามของเขา ก่อนจะนั่งลง ชายหนุ่มนั่งตัวตรง ไม่สามารถมองเห็นความเกียจคร้านหรือหย่อนคล้อยในตัวเขาได้เลย ดังนั้นในแวบแรก นี่คือบุคคลที่ควบคุมเข้มงวดต่อตนเองอย่างหนัก
ตี้หลิงหานไม่ได้เอ่ยวาจาใด เป็จีอู๋ซวงที่ไม่สามารถอดทนได้ไหวอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นมาก่อน "ข้ามาที่นี่วันนี้เพราะข้ามาหาเ้าจริงๆ เกิดเื่ใหญ่แล้ว! "
เชิงอรรถ
[1] 退避三舍 เป็สำนวน หมายถึง ยอมถอยทัพเก้าสิบลี้
[2] 苹果 [píngguǒ ผิงกั่ว] แอปเปิล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้