หลังจากทั้งสองคนจับมือทักทายกัน ประธานฉางก็ปริปากพูดอย่างกังวลว่า “ในเมื่อคุณเจียงเป็เพื่อนของเหลาหม่า เท่าที่รู้จางเทียนอั๋งที่คุณพูดถึงผมก็รู้จัก เขาเป็ลูกชายของประธานจางในกลุ่มบริษัทเหาเจียง พูดจริงๆ … ยุ่งยากอยู่บ้าง หากไม่มีความจำเป็ ผมแนะนำว่าคุณอย่าเข้าไปขัดแย้งกับเขาเลย”
ฉวีเจี๋ยแค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร ตอนที่มาถึงเขายังพาชายร่างกำยำล่ำสันท่าทางดุเดือดหลายคนมาด้วย พวกเขาต่างรอเจียงไป๋อยู่ที่นี่ ส่วนเจียงไป๋ก็มาหาจางเทียนอั๋งโดยเฉพาะ เป้าหมายชัดเจนมาก หากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์อันดีของเขากับหม่าฉางหยางแล้ว เกรงว่าประธานฉางคนนี้ก็คงจะไม่พูดมาก
แน่นอนว่า … ในฐานะซีอีโอของที่นี่ จริงๆ แล้วก็ไม่อยากให้สถานที่ของเขาเกิดเื่ไม่ดีขึ้น
“เหาเจียง? จางฉางเกิง?” เมื่อฉวีเจี๋ยได้ยินคำนี้แล้วสีหน้าก็แปรเปลี่ยน ใบหน้าของเขาแข็งทื่อขึ้นมาทันที ดูก็รู้ว่าเขารู้จักกลุ่มบริษัทเหาเจียงนี้
“ไม่ผิด เป็เขานี่แหละ ดังนั้นผมบอกแล้วหากไม่จำเป็ … ” ประธานฉางพยักหน้าและพูดเสียงต่ำ ยังพูดไม่ทันจบแต่ความหมายก็ชัดเจนมาก
“ประธานฉางบอกห้องผมมา เื่นี้ไม่เกี่ยวกับคุณ พวกเราไปกันเอง เื่ของพวกเราไม่ควรดึงคุณเข้ามาเกี่ยวข้อง” เจียงไป๋พูด และกันประธานฉางออกไป
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด และถือโอกาสปลีกตัวออกไปทันที
“ทำไม รู้จักหรือ?” หลังจากเขาไปแล้ว เจียงไป๋ก็ถามขึ้น
“อืม เคยเจอสองครั้ง ที่บ้านอาจารย์ จางฉางเกิงคนนี้รับมือยากมาก คนคนนี้เมื่อก่อนก็เคยเป็อันธพาล อาศัยกำลังอยู่หลายปีจึงเปิดกิจการได้ ต่อมาก็แต่งงานกับภรรยาของเขา และอาศัยหน้าตาของพ่อภรรยาค่อยๆ ชำระล้าง สิบปีมานี้เหาเจียงพัฒนาไปอย่างมาก จากบริษัทเล็กๆ จนกลายเป็บริษัทใหญ่โต และเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม ทั้งขนส่งเข้าออกระหว่างประเทศ และยังมีอื่นๆ อีกหลายด้าน หลายปีมานี้ถึงจะล้างมือจนสะอาดแล้ว แต่ลูกสมุนก็ยังคงมีพวกเดนตายอยู่ โดยเฉพาะธุรกิจเถื่อนก็ยังคงมีอีกไม่น้อย เทียนตูมีคนไม่น้อยที่เป็ลูกน้องหากินอยู่กับเขา ในแวดวงนี้ต่างก็เรียกได้ว่าเป็ผู้มีอำนาจคนหนึ่ง เหลาหม่าเมื่อเทียบกับเขาแล้วก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าพูดอย่างไม่น่าฟังในพวกจางฉางเกิงนั้นเหลาหม่ามากสุดก็เป็ได้แค่นักเลงที่ดีหน่อย แต่ก็ออกหน้าออกตาอะไรไม่ได้”
ฉวีเจี๋ยขมวดคิ้วพูดอย่างทนไม่ไหว
เมื่อพูดจบก็เสริมอีกว่า “จางเทียนอั๋งที่พี่พูดถึง น่าจะเป็ลูกชายคนเดียวของเขา จางฉางเกิงอายุสามสิบสองปีเพิ่งจะมีลูกชายคนนี้ สามีภรรยาคู่นี้รักเขาจนไม่ลืมหูลืมตา ไอ้หนูคนนี้คือลูกล้างผลาญที่มีชื่อเสียง เป็เพลย์บอย หลายปีมานี้เื่รังแกผู้ชายชิงเอาผู้หญิงก็ทำมาไม่น้อย ครั้งนี้เชิญน้องสาวมากินข้าวก็คงจะไม่ง่ายดายอย่างนั้น”
เมื่อเขาพูดจบก็ลังเลอยู่สักพัก และพูดต่อว่า “ในแวดวงนี้จางฉางเกิงมีรากฐานที่มั่นคง ยุ่งไม่ได้จริงๆ หรือว่าให้ฉันโทรศัพท์หาอาจารย์ของฉัน จางฉางเกิงสนิทกับท่าน โดยปกติก็ถือว่าเคารพ หากท่านออกหน้าก็คงจะได้ผล”
“ไม่ต้อง! ผมไม่สนว่าใครจะยิ่งใหญ่มาจากไหน? จางฉางเกิงก็ดี ผมต้องกลัวเขาหรือ? เขามาหาถึงที่เอง ไม่ว่าจะมาแบบไหนก็รับมือได้! มากสุดก็แค่ฆ่าเขาจนเืนองเท่านั้น”
เจียงไป๋หรี่ตาพลางพูดอย่างเยือกเย็น ทำให้ฉวีเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ หวาดกลัวขึ้นมาทันที หวนคิดดูแล้ว เจียงไป๋ก็คือปรมาจารย์วูซูจีนที่แท้จริง เป็มวยปาจี๋ที่มีกำลังจู่โจมแข็งแกร่งเป็ที่สุด หากสู้กันจนตายไปทั้งสองฝ่ายและเืไหลนองเป็แม่น้ำ ประโยคนี้ก็ไม่ใช่แค่ลมปากเท่านั้น
“ได้! สมกับเป็พี่ชายของฉัน ฉวีเจี๋ย! พวกเราไปพบจางฉางเกิงกันเถอะ มากสุดก็แค่ฆ่าเขาจนเืนอง! เหลาจางมันเป็คนมีกิจการใหญ่โตก็ไม่รู้ว่าจะแตะต้องมันได้ไหม!”
ฉวีเจี๋ยหัวเราะ และลูบคลำหัวล้านพลางพูด ราวกับรู้ว่าถึงไปแล้วไม่ได้อะไร ก็ยังจะไปอยู่ดี
เมื่อพูดจบทั้งสองคนก็พาคนกลุ่มหนึ่งตรงขึ้นไปยังห้องสูทบนชั้นสูงสุดของอาคาร เพิ่งจะถึงหน้าประตูชายร่างกำยำสวมชุดดำสี่คนก็เข้ามาลงมือขวางไว้ เจียงไป๋ยังไม่ทันได้ลงมือ ฉวีเจี๋ยก็พุ่งตัวเข้าไป คนหลายสิบคนที่ตามฉวีเจี๋ยมาก็ลงมืออย่างไม่ลังเล สักพักชายร่างกำยำที่มาจากกองทหารสี่คนก็ถูกซัดจนหมอบ และถูกกดไว้ตรงนั้นจนขยับไม่ได้!
“ปั้ง!” เจียงไป๋ถีบประตูออก และเดินตรงเข้าไป
พอเข้าไปก็โล่งใจที่เห็นหลินหว่านหรูนั่งอยู่ข้างๆ โต๊ะอาหารตรงกลางห้องสูท ภาพเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่เขาคิดยังไม่เกิดขึ้น
“แกเป็ใคร!”
เจียงไป๋เพิ่งจะเดินเข้าไปก็ถูกชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับหลินหว่านหรูเห็นเข้า เพราะเขาอยู่ตรงข้ามกับประตูพอดี และรีบยืนขึ้นมาตะคอกใส่
ด้านหลังของเขามีชายร่างกำยำที่สวมชุดสูทสีดำยืนอยู่สองคน เมื่อเห็นพวกเจียงไป๋พุ่งเข้ามา ก็รีบยื่นมือเข้าไปที่ทรวงอกทันที แต่จะคลำหาอะไรนั้นก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้ว
เสียงตะคอกทำให้หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะหันหลังไปมอง เมื่อเห็นเจียงไป๋ก็ตะลึงงัน และยืนขึ้นทันที เหมือนกับเด็กที่กำลังทำผิด ก่อนจะหดคอพลางถามว่า “เจียงไป๋ พี่มาได้อย่างไร?”
“เธอนี่มันเด็กโง่ หากพี่ไม่มา เธอคงจะถูกเขากินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้ว ยังจะไม่รู้ตัวอีก!” เจียงไป๋ะโออกไป เดิมทีอยากจะด่าหลินหว่านหรู แต่เห็นท่าทางอย่างนั้นของเธอแล้วเขากลับพูดไม่ออก
“หือ?” หลินหว่านหรูมองเจียงไป๋อย่างไม่เข้าใจ และเหมือนจะคิดอะไรออกจึงหันไปมองจางเทียนอั๋งทันที
“นายก็คือเจียงไป๋?” จางเทียนอั๋งก็รู้ว่าเจียงไป๋คือใคร แต่ดูท่าทางอย่างนั้นแล้วก็เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา และน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยการดูถูก
“รู้จักฉันหรือ? หากรู้จักฉันแบบนั้นนายก็น่าจะรู้ว่า เื่ของฉันจัดการเรียบร้อยนานแล้ว คิดไม่ถึงว่านายยังจะหลอกหว่านหรูอีก!” น้ำเสียงของเจียงไป๋ก็ไม่ดีเช่นกัน
“รู้แล้วจะทำไม? ฉันรู้ว่านายต่อยตีเก่งมาก คนเดียวสู้กับหลายสิบคนได้? ข้างๆ นายก็คือฉวีเจี๋ยนักเลงโตคนนั้น? แล้วจะทำไม! คิดไม่ถึงว่าวันนี้นายจะกล้ามาที่นี่! ฉันว่านายคงจะอยากตายแล้วล่ะสิ เดิมทีฉันยังอยากจะเล่นกับความรู้สึก อยากจะคุยเงื่อนไขกับหลินหว่านหรูต่ออีก เหมือนกับว่าเธอจะชอบนายมาก มาขอร้องเพื่อพี่ชายที่เป็ญาติห่างๆ อย่างนาย เดิมทีฉันอยากจะพูดกับเธอมากกว่านี้ ฉันคิดว่าเธอน่าจะยอมเปลือยให้ฉันได้สนุกสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่านายจะโผล่มาที่นี่อย่างไม่รู้อะไรเลย! ดูแล้ววันนี้ฉันคงทำได้แค่ต้องใช้กำลังแล้ว!”
จางเทียนอั๋งพูดอย่างเยือกเย็น และไม่ได้เห็นพวกเจียงไป๋อยู่ในสายตาเลย ถึงแม้เวลานี้พวกฉวีเจี๋ยจะได้เปรียบอยู่ก็ตาม คนหลายสิบคนยืนอยู่ตรงนี้
“จางเทียนอั๋งนายนี่หน้าไม่อาย!” เจียงไป๋ยังไม่ทันได้พูดอะไร หลินหว่านหรูก็พูดอย่างโกรธเคืองออกมาก่อน เธอหน้าแดงเล็กน้อยไม่รู้ว่าเป็เพราะโกรธหรือว่าอาย
“เฮ้ย หน้าไม่อายหรือ? ทำไมถึงพูดอย่างนี้ ก็ใครสั่งให้เธอสวยขนาดนี้ล่ะ เมื่อก่อนตอนที่ตามจีบเธอ หากเธอยอมฉันเสียดีๆ ก็ไม่ใช่ว่าจบเื่แล้วหรือ? เธออยากได้อะไรก็จะได้ แต่เธอกลับไม่ยอม แล้วดันมาชอบไอ้คนแบบนี้ ในเมื่อเป็อย่างนี้ฉันก็ทำได้แค่เล่นๆ กับเธอเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเธอชอบเขาหรือ? วันนี้ฉันก็จะสนุกกับเธอต่อหน้าเขา!” จางเทียนอั๋งหัวเราะอย่างลำพองใจ พลางพูดอย่างหน้าไม่อาย
เมื่อพูดประโยคนี้จบก็โบกมือ บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆ เขาสองคนกับปืนอีกสองกระบอกเล็งมาที่เจียงไป๋ และะโใส่คนที่อยู่ด้านหลังเจียงไป๋ว่า “พ่อฉันคือจางฉางเกิงแห่งกลุ่มบริษัทเหาเจียง หากไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป!”
แค่ประโยคเดียว พวกที่ตามฉวีเจี๋ยมาก็มีคนถอยหลังทันที ลังเลอยู่อีกสักพักคิดไม่ถึงว่าจะมีคนค่อยๆ เริ่มจากไป แค่พริบตาเดียวคนสามสิบกว่าคนก็เหลือแค่สิบกว่าคนเท่านั้น
คนที่เหลืออยู่เหล่านี้กลับไม่มีใครหนีไป แต่สังเกตจากอาการของพวกเขาแล้วก็ดูออกว่าไม่มั่นใจ
ในเทียนตูนี้จางฉางเกิงมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้