ณ เทือกเขาดึกดำบรรพ์กว้างใหญ่ไพศาลสุดสายตา แสงแดดสาดส่องลงมาทั่วบริเวณ ทอลึกเข้าไปถึงตามซอกหลืบ บริเวณไหล่ทางข้างหุบเขาลึกยังคงหลงเหลือหิมะอยู่บางส่วน
แม้ขณะนี้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่หิมะยังคงไม่ละลาย หน้าหนาวที่นี่ช่างยาวนานนัก เสียงสัตว์ป่าดุร้ายคำรามลั่น ดังก้องกังวานไปตลอดทั่วทิวเขา
บนพื้นที่ราบลุ่มในหุบเขามีเมืองขนาดใหญ่โตแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่
โลกนอกเทือกเขาดึกดำบรรพ์ถูกพวกสัตว์อสูรชั่วร้าย ผู้คนที่นี่ไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกมาเป็เวลานานนับร้อยๆ ปีแล้ว
เวลานี้โลกภายนอกเป็อย่างไรบ้าง? ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ล้วนไม่อาจทราบได้ ตำนานกล่าวไว้ว่าใน่เวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของมวลมนุษยชาติ มีนักสู้ระดับตำนานและผู้ควบคุมจิตอสูรอยู่นับพันๆ คน มนุษย์สร้างและแผ่ขยายอาณาจักรออกไปมากมายทั่วทวีปอันกว้างใหญ่ไพศาล ทว่าอาณาจักรเ่าั้ล้วนล่มสลายลงจนหมดสิ้นแล้ว
เมืองแห่งนี้ถูกปิดซ่อนจากโลกภายนอกด้วยลักษณะทางภูมิประเทศ กลายเป็เมืองที่เหลือรอดมาจากยุคมืด แม้บางครั้งจะประสบกับการโจมตีจากอสูรวายุหิมะที่แข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะเสียหายจากาใหญ่มากี่หน เมืองก็จะถูกซ่อมแซมกลับคืนมาครั้งแล้วครั้งเล่า
กำแพงเมืองสีกระดำกระด่างแห่งนี้จึงถือเป็อนุสรณ์สถานแห่งความอยู่รอดอย่างหนึ่ง
เมืองแห่งนี้มีชื่อว่าเมืองกวงฮุย เมืองแห่งความรุ่งโรจน์ และมันยังถือเป็สัญลักษณ์แห่งความหวังอย่างหนึ่งของมนุษยชาติอีกด้วย
โรงเรียนเซิ่งหลัน ชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้น
นักเรียนสามสิบกว่าคนกำลังนั่งลงและรอคอยที่จะฟังอาจารย์หญิงท่านหนึ่งถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูร พวกเขาล้วนเป็กลุ่มนักเรียนฝึกยุทธ์ระดับต้น นักเรียนของโรงเรียนเซิ่งหลันแห่งเมืองกวงฮุย
“ข้าได้ยินมาว่าอาจารย์ใหม่ท่านนั้น อาจารย์เฉิน มาจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์เสินเซิ่งและเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับเงินสามดาวเชียวนะ!” นักเรียนสองสามคนกำลังส่งเสียงกระซิบกระซาบกันเบาๆ
สายตาของนักเรียนหลายคนจดจ่ออยู่ที่อาจารย์เฉิน รูปร่างของนางสูงโปร่งเร้าใจ นางสวมใส่กระโปรงสั้นสีชมพูซึ่งกระชับกับเรือนร่าง ทรวงอกของนางอวบอิ่ม แต่งหน้าเข้มจัด ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มุมปากเบ้เล็กน้อย ดวงตาเหลือบมองไปมา สองมือกึ่งกอดอก ท่าทางดูแคลนเ็า ผลักไสผู้คนให้หนีห่างไปเป็พันหลี่* ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและเย่อหยิ่ง ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เสินเซิ่งเป็ตระกูลใหญ่ หนึ่งในสามตระกูลหลักของเมืองกวงฮุย เพราะชาติกำเนิดของนางสูงส่ง กอปรด้วยความเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับเงินสามดาว นางจึงย่อมมีเหตุผลให้เย่อหยิ่ง (*1 หลี่ = 500 เมตร)
เมื่ออายุได้สามสิบปีนางก็ก้าวขึ้นถึงระดับผู้ควบคุมจิตอสูรสีเงินสามดาวผู้หนึ่งแล้ว หากมิใช่เพราะหลานชายของนาง เฉินเยวี่ย มาเข้าเรียนอยู่ในชั้นเรียนนี้ นางก็คงไม่คิดที่จะมาสอนหนังสือที่นี่
“ผู้ควบคุมจิตอสูรและผู้ฝึกยุทธ์มีระดับทั้งหมดห้าระดับ ได้แก่ระดับทองแดง เงิน ทอง ทองดำ และระดับตำนาน แต่ละระดับยังแบ่งออกเป็ห้าขั้น จากหนึ่งดาวจนถึงห้าดาว”
“ผู้ควบคุมจิตอสูรย่อมเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป ถือเป็ชนชั้นสูงอย่างแท้จริง ผู้ควบคุมจิตอสูรสามารถสร้างอาณาเขติญญาขึ้นภายในจุดตันเถียนของตน สามารถผสานจิตอสูรที่ถูกจับได้เข้าสู่อาณาเขติญญาภายในจุดตันเถียนนั้น ยามเมื่อต่อสู้ก็จะสามารถกระตุ้นจิตอสูรตนนั้นขึ้นมาใช้งานได้ สิ่งนี้ช่วยให้พวกเรามีพลังไร้เทียมทาน เหนือชั้นกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปจนยากจะเทียบกันได้” เฉินซิ่วยืดอกพูดด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “เช่นข้าเป็ต้น อสูรของข้าคือจิ้งจอกเพลิงสีชาด”
ทันใดนั้น ใบหน้าและสองมือของเฉินซิ่วก็เกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง รูปหน้าของนางเรียวแหลมขึ้น ฟันและเล็บของนางก็แหลมคมขึ้น นางยังมีหางสีแดงชาดงอกออกมาที่ด้านหลังของนางอีกด้วย
“หลังจากผสานร่างกับอสูร ข้าสามารถควบคุมพลังของมัน ทั้งยังได้ความสามารถในการควบคุมธาตุไฟมาอีกด้วย ในบรรดาอสูรทั้งหลาย จิ้งจอกเพลิงสีชาดเป็สัตว์อสูรระดับทอง หมายความว่าระดับสูงสุดที่ข้าจะพัฒนาไปถึงได้คือผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทอง และแน่นอน หลังจากที่ข้ากลายเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองแล้ว ข้ายังสามารถเปลี่ยนอสูรที่แข็งแกร่งกว่าเข้ามาแทนที่มันได้” เมื่อพูดมาถึงเื่ทักษะยุทธ์ของนาง ความภาคภูมิใจบนใบหน้าของเฉินซิ่วก็ยิ่งฉายให้เห็นชัดขึ้น
คำพูดของเฉินซิ่วทำให้พวกนักเรียนพากันอุทานด้วยความตื่นใจ ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองนั้นเป็สิ่งที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับพวกเขา
ขณะที่เฉินซิ่วกำลังบรรยายอยู่นั้น เนี่ยหลีกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้แถวนั่งด้านหลัง จิตใจของเขากำลังล่องลอยออกไปทั่ว
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา เนี่ยหลีจึงได้แต่ลืมตาขึ้น เขาอดไมได้ที่จะรู้สึกสับสนกับภาพตรงหน้าของตน
“ข้าอยู่ที่ไหน?” เนี่ยหลีงุนงง เขาใสุดขีดเมื่อพบว่าสองมือของตนเล็กลง และิัก็อ่อนเยาว์ขึ้นเป็อันมาก
หน้าชั้นเรียน เฉินซิ่วยังคงพูดต่อไป เนี่ยหลีจำได้ว่าภาพฉากที่เห็นอยู่ในเวลานี้เป็ปีที่เขาเพิ่งเข้าโรงเรียน อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าชั้นเรียนเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับเงินสามดาวผู้หนึ่งซึ่งเย่อหยิ่งยิ่งนัก เป็เพราะนาง เนี่ยหลีจึงไม่อยากเรียนหนังสืออยู่บ่อยครั้ง
“นี่ข้าคืนชีพรึ?” เนี่ยหลีใสุดขีด เขาจำได้ว่าตนกำลังถูกาาเทพอสูร เซิ่งตี้ กับสัตว์อสูรระดับเทพหกตัวรุมล้อมโจมตีและตายในการต่อสู้ คิดไม่ถึง ดวงจิตของเขากลับย้อนมาเกิดใหม่ในร่างอายุสิบสามปีของตน
เนี่ยหลีหันไปมองด้านข้าง ใบหน้าคุ้นเคยปรากฏสู่สายตา ลู่เพียว ตู้เจ๋อ พี่น้องร่วมเป็ร่วมตายทั้งสองยังไม่ตาย เพียงแต่ใบหน้าของพวกเขามันยังอ่อนเยาว์นัก
และนาง เนี่ยหลีหันมองไปทางซ้ายมือ ห่างออกไปไม่กี่หมี่ ใบหน้างดงามไร้ที่ติลอยเข้าสู่สายตา นางชื่อเยี่ยจื่ออวิ๋น แม้นางเพิ่งอายุสิบสามปี ทว่ารูปโฉมก็งดงามราวหยกสลักแล้ว เรือนผมสีม่วงยาวสลวยละไล่ลงไปถึงบั้นเอว สองคิ้วของนางเรียวโค้ง ดวงตาฉายแววฉลาดเฉลียว ยามใดที่นางยิ้มแย้ม ลักยิ้มน่ารักก็แต่งแต้มอยู่บนสองข้างแก้มของนาง (*หมี่ = เมตร)
แม้นางยังดูไร้เดียงสา แต่เนี่ยหลีรู้ดีว่าเมื่อนางเติบโตขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย นางจะงดงามและมีเสน่ห์เป็ที่สุด เวลานี้นางกำลังสวมใส่ชุดผ้าไหมสีขาวซึ่งช่วยขับเน้นให้นางยิ่งดูงดงามขึ้นจนไม่อาจบรรยายได้ ชีวิตในชาติที่แล้วของเขา เนี่ยหลีหลงรักนางั้แ่ครั้งยังเป็วัยหนุ่มสาว
“นางก็ยังไม่ตาย!”
เนี่ยหลีตื่นเต้นสุดขีดจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว
“ข้ากลับมายังอดีตจริง ๆ นี่เป็เื่จริงหรือ? มิใช่ฝันไป?” เนี่ยหลีหยิกตัวเองอย่างแรงขณะเอ่ยถามกับตน ความเจ็บแปลบชัดเจนบ่งบอกว่านี่มิใช่ความฝัน ทันใดนั้นเขาก็นึกได้ถึงบางสิ่ง “ใช่แล้ว บันทึกจิตอสูรแห่งกาลเวลา ต้องเป็เพราะหนังสือบันทึกจิตอสูรแห่งกาลเวลาแน่ๆ!” เนี่ยหลีพลันก้มศีรษะลงมองหามัน ทว่ากลับไม่พบบันทึกจิตอสูรแห่งกาลเวลาเล่มนั้นเสียแล้ว
เนี่ยหลีไม่อยากจะเชื่อว่าเื่อัศจรรย์อย่างการกลับชาติและการเกิดใหม่เช่นนี้จะมาบังเกิดขึ้นกับตน นี่จะต้องเกี่ยวข้องกับหนังสือลี้ลับเล่มนั้นแน่นอน บันทึกจิตอสูรแห่งกาลเวลา!
บันทึกจิตอสูรแห่งกาลเวลาเล่มนี้ไม่ทราบที่มา ไม่ทราบว่าใครเป็ผู้เขียนมันขึ้นมา มันเป็หนังสือลึกลับที่เนี่ยหลีมักเก็บไว้กับตัวเสมอ เขาจำได้เป็อย่างดี ขณะที่เขากำลังต่อสู้กับาาเทพอสูรและสัตว์อสูรระดับเทพหกตัวนั้น เืของเขาไหลเปื้อนลงใส่เล่มหนังสือจนเปียกชุ่ม
คงต้องเป็เพราะบันทึกจิตอสูรแห่งกาลเวลาเล่มนี้แน่นอน ที่นำพาให้เขาย้อนกลับมาเกิดใหม่ในร่างของตนตอนอายุสิบสามปี
เมื่อมองเห็นใบหน้าคุ้นเคยเหล่านี้ เนี่ยหลีจ่อมจมเข้าสู่ห้วงแห่งความทรงจำอันแสนไกล
จำได้ว่าเมื่อชาติก่อน เมืองกวงฮุยถูกพวกสัตว์อสูรวายุหิมะที่บ้าคลั่งบุกโจมตี ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนาน เยี่ยโม่ ต่อสู้จนตัวตายพร้อมประชาชนนับแสน เหลือผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่พันคนที่หนีเข้าไปในทะเลทรายทางด้านทิศตะวันออกของูเาเซิ่งจู่ ูเาศักดิ์สิทธิ์แต่ครั้งา ั้แ่เริ่มต้นการเดินทางหนีตายของผู้คนนับพัน ผู้คนก็เริ่มทยอยล้มตายกันไปทีละคนๆ กลางทะเลทรายแห่งนั้น มีอยู่วันหนึ่ง พวกเขาถูกสัตว์อสูรในทะเลทรายโอบล้อม ต่อมาในคืนนั้น เขาและเยี่ยจื่ออวิ๋นอยู่ในกระโจม ต่างพึ่งพาอาศัยและปลอบประโลมใจกัน
ค่ำคืนนั้น ในที่สุดเนี่ยหลีก็ได้สวมกอดเทพธิดาในหัวใจของเขา
ค่ำคืนนั้น แสงจันทร์สีเงินดุจดังผ้าคลุมหน้าบางเบาผืนหนึ่ง เรือนร่างงามเลิศของเยี่ยจื่ออวิ๋นและผิวพรรณกระจ่างใสของนางราวกับแกะสลักจากหยกชั้นดี พวกเขาตระกองกอดซึ่งกันและกันไม่อาจหักห้ามใจได้อีก
หากมิใช่เพราะการล่มสลายของเมืองกวงฮุยและการหลบหนีเอาชีวิตรอด เขาคงไม่มีทางได้รับความรักจากเยี่ยจื่ออวิ๋น เขามักถูกเยาะหยันในพร์อันต่ำต้อยและตระกูลที่ตกต่ำของตน
หลังผ่านคืนนั้นไป พวกเขาได้พบกับกับสัตว์อสูรอีกกลุ่มหนึ่งเข้า เพื่อปกป้องเขา เยี่ยจื่ออวิ๋นจึงต้องตายใต้เงื้อมมือของสัตว์อสูรตัวหนึ่ง ภาพฉากนั้น อย่างไรเนี่ยหลีก็ไม่มีวันลืมเลือน หลังจากประสบกับความเป็ความตายมากมายหลายครั้งนับไม่ถ้วน เนี่ยหลีรอดชีวิตและหนีพ้นออกมาจากทะเลทรายอันไร้ที่สิ้นสุดผืนนั้นได้ แม้พร์ของเขาจะต่ำต้อย ทว่าสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดและความช่างสังเกตของเขากลับเต็มเปี่ยม เนี่ยหลีเดินทางไปทั่วทวีปเซิ่งหลิง แผ่นดินใหญ่แห่งจิติญญาอันศักดิ์สิทธิ์ ได้พบผู้คนมากมายที่ต่อสู้กับเหล่าอสูรชั่วร้าย เขายังได้ประสบกับเื่ราวลึกลับเต็มไปหมด แน่นอน รวมถึงบันทึกจิตอสูรแห่งกาลเวลาเล่มนั้นด้วย หากมิใช่เพราะหนังสือเล่มนี้ เนี่ยหลีก็คงไม่อาจกลับมาได้
ต้องเป็เพราะบันทึกจิตอสูรแห่งกาลเวลา ที่พาข้ากลับมายังอดีตเป็แน่!
เมืองกวงฮุยล่มสลายลงแล้ว พ่อแม่พี่น้องก็ต่อสู้จนตกตายไปทีละคนๆ แม้แต่เยี่ยจื่ออวิ๋นก็ตายในระหว่างการหลบหนี
“ในเมื่อข้าได้กลับมา ์คงมอบโอกาสให้ข้าอีกครั้งหนึ่ง ข้าจะไม่ยอมให้เมืองกวงฮุยต้องล่มสลายลงอีกเป็อันขาด!” เนี่ยหลีขบฟันแน่นและตัดสินใจเด็ดเดี่ยว เขาจำได้ลางๆ ว่าปีนี้ตนเพิ่งเข้าโรงเรียน น่าจะอายุราวสิบสองปี เนี่ยหลีพลันอยากจะหัวร่อออกมาด้วยความรู้สึกดีใจยิ่งนัก
“าาเทพอสูร ครั้งหน้าเมื่อเราพบกัน ข้าจะต้องฆ่าเ้าให้ได้ ชำระแค้นให้แก่ชีวิตในชาติที่แล้วของข้า!”
หากมิใช่เพราะความล่มสลายของเมืองกวงฮุย เขาและเยี่ยจื่ออวิ๋นย่อมเสมือนอยู่กันคนละโลก และคงเป็ไปไม่ได้ที่จะได้ครองคู่กัน ความผูกพันของคนทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้นในขณะที่หลบหนีไปด้วยกัน ไม่เช่นนั้น ด้วยฐานะบุตรสาวเ้าเมืองกวงฮุยของเยี่ยจื่ออวิ๋น กับเนี่ยหลีผู้มาจากครอบครัวที่ตกต่ำไร้กำลังอำนาจ จะครองคู่อยู่ด้วยกันได้อย่างไร
อีกทั้งท่านปู่ของเยี่ยจื่ออวิ๋นก็มิใช่ใครอื่น เป็ถึงผู้ควบคุมอสูรระดับตำนาน เยี่ยโม่ นั่นเอง!
เนี่ยหลีก็เพิ่งมารู้เื่ราวเหล่านี้ในภายหลัง ขณะเยี่ยจื่ออวิ๋นแรกเข้าโรงเรียน ไม่มีผู้ใดในชั้นเรียนทราบฐานะที่แท้จริงของนาง
เมืองกวงฮุยมีตระกูลหลักอยู่สามตระกูล ตระกูล์เซิ่งิ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เสินเซิ่ง และตระกูลวายุหิมะเฟิงเสวี่ย พวกเขาเป็สัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุดแห่งเมืองกวงฮุย อยู่บนจุดสูงสุดของครอบครัวชนชั้นสูง ผู้เป็เ้าเมืองมักถูกเลือกจากหนึ่งในสามตระกูลหลักนี้ ถัดจากสามตระกูลใหญ่ลงมาเป็ครอบครัวชนชั้นสูงเจ็ดครอบครัว และถัดลงไปอีกขั้นก็เป็ตระกูลขุนนางอีกสิบสองครอบครัว
เนี่ยหลีมาจากตระกูลตรา์เทียนเหิน เป็พวกปลายแถวจากตระกูลขุนนางทั้งสิบสอง แม้พอจะมีฐานะอยู่บ้าง ก็ยังมีความแตกต่างใหญ่หลวงเมื่อเทียบกับตระกูลหลักทั้งสามและตระกูลชนชั้นสูงทั้งเจ็ด
ด้วยพื้นหลังของเนี่ยหลี คิดจะครองคู่กับเยี่ยจื่ออวิ๋นย่อมเป็ไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจอย่างหนึ่งฉายชัดขึ้นในดวงตาของเนี่ยหลี ในเมื่อเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว เื่ทั้งหมดนี้ยังจะมีความหมายอยู่อีกหละหรือ? แม้ขณะนี้ฐานะของเขายังด้อยนัก ทว่าด้วยภูมิความรู้มากมายมหาศาลจากชีวิตในหนก่อน การจะพัฒนาพร์ของเขาย่อมมิใช่เื่ที่เป็ไปไม่ได้
“เนี่ยหลี เ้ากำลังหัวเราะอะไรอยู่?” ลู่เพียวผู้นั่งอยู่ติดกันเอ่ยถามขึ้น จ้องมองเนี่ยหลีด้วยความสงสัย เขากำลังสงสัยว่าเนี่ยหลีปัญญาอ่อนหรือไม่ เพราะมันเอาแต่หัวเราะคิกๆ กับตัวเองมาั้แ่เริ่มชั้นเรียน ทั้งยังเหล่มองไปทางเยี่ยจื่ออวิ๋นด้วยสายตาแปลกๆ อยู่บ่อยครั้ง
“ก็แค่ดีใจ! พี่น้องที่ดี ดีใจจริงๆ ที่ได้พบเ้า!” เนี่ยหลีเกี่ยวคอของลู่เพียวด้วยความตื่นเต้น มันเป็นิสัยเคยชินจากชาติที่แล้วของเขา
อย่างไรก็ตาม ถูกเนี่ยหลีกอดคอเช่นนี้ ลู่เพียวะโออกไปอย่างไม่พอใจ “เฮ้ย เนี่ยหลี ใครเป็พี่น้องของเ้ากัน ไอ้เ้าลักเพศ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!” ลู่เพียวดิ้นรนขัดขืน พวกเขาเพิ่งมาเรียนหนังสือด้วยกันได้ไม่นาน เพิ่งทำความคุ้นเคยกันได้ไม่กี่วัน ไม่ได้สนิทสนมกันจนถึงระดับนี้เสียหน่อย!
เนี่ยหลีไม่ยอมปล่อยมือที่กอดคออยู่ เขาจ้องมองลู่เพียวอย่างจริงจังและหัวเราะเบาๆ “ไม่ว่าเ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ในใจข้า เ้าเป็พี่น้องที่ดีของข้าเสมอ!” แน่นอนว่าเนี่ยหลีย่อมไม่อาจบอกเล่าเื่ราวการร่วมเป็ร่วมตายกับลู่เพียวในชาติก่อนได้
ขณะจ้องมองสายตาของเนี่ยหลี ลู่เพียวรู้สึกอึกอักและอดไม่ได้จึงพูดขึ้น “เ้าคนประหลาด!” อย่างไรก็ตาม คำพูดของเนี่ยหลีทำให้เขาอดที่จะประทับใจอยู่บ้างมิได้ ลู่เพียวจ้องมองเนี่ยหลีและกระซิบ “ข้ารู้ว่าเ้าต้องเป็คนของตระกูลขุนนางแน่ๆ แต่ข้าขอแนะนำ เ้าอย่าได้คิดอะไรกับแม่นางคนนั้นเชียว ฐานะของนางนั้นสูงส่งและลึกลับนัก ข้าได้ยินมาว่าตอนที่นางสมัครเข้ามาเรียนที่นี่ ท่านอาจารย์ใหญ่ถึงขนาดมาช่วยนางจัดการเื่หอพักด้วยตัวเองเชียวนา”
เนี่ยหลียิ้ม ลู่เพียวไม่ทราบฐานะของเยี่ยจื่ออวิ๋น ทว่าตนกลับรู้ดีอยู่แล้ว
“นางเป็ผู้หญิงของข้า” และเฝ้ามองแม่นางน้อยแสนงามผู้มีเรือนผมยาวสลวยซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป เขากระซิบเบาๆ อยู่ภายในหัวใจ ครุ่นคิดถึงค่ำคืนที่พายุอารมณ์โหมกระหน่ำ จิตใจชักอดที่จะเร่าร้อนขึ้นมามิได้
อย่างไรก็ตาม เนี่ยหลีฉุกคิดได้ทันว่าทั้งเขาและนางในตอนนี้เพิ่งจะอายุสิบสามปี!
จื่ออวิ๋น สาวน้อยผู้นี้ เมื่อไหร่จึงจะเติบโตขึ้นเป็สตรีโฉมสะคราญเช่นนั้นกัน? ข้าจะค่อยๆ เฝ้ามองเ้าเติบใหญ่!
เยี่ยจื่ออวิ๋นดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไป นางหันหน้าไปมอง เห็นเนี่ยหลี นางขมวดคิ้วน้อยๆ และครุ่นคิดว่าเนี่ยหลีคงจะต้องเป็พวกคุณชายเ้าสำราญแน่ๆ ั้แ่เริ่มชั้นเรียนเขาก็เอาแต่มองมาที่นาง หากเขากล้ามายั่วโทสะนางล่ะก็ นางจะไม่ปล่อยเขาไว้อย่างแน่นอน
เยี่ยจื่ออวิ๋นไม่้าเปิดเผยฐานะของตนและอยากมีเพื่อนร่วมชั้นในห้อง แต่นั่นก็มิได้หมายความว่านางจะยอมให้ผู้อื่นระรานตนและยอมกล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้