ทุกคนในโลกเทวะมี ‘จุดก่อกำเนิด’ ในจุดตันเถียนเป็แกนหลักในการผลิตและควบคุมพลังชี่ในร่างกาย แต่ตันเถียนของคนบนโลกนี้กลับไม่มีจุดก่อกำเนิด ผลก็คือร่างกายของพวกเขาไม่สามารถผลิตพลังชี่ได้ แล้วพวกเขาจะบ่มเพาะวรยุทธ์ได้อย่างไร
เย่เฟิงหน้าบึ้งเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ทันใดนั้นแหวนกระบี่ัโบราณที่มือขวาของเขาก็ส่องประกายพร้อมปรากฏร่องรอยกระแสลมลึกลับไหลเข้าสู่ร่างของเขา
“นี่มัน... การสร้างจุดก่อกำเนิด?” เย่เฟิงเบิกตาขึ้นอย่างยินดี
แหวนกระบี่ัโบราณวงนี้มีความสามารถท้าทาย์เหลือเกิน ทำให้เย่เฟิงประหลาดใจมาก ไม่เพียงทำให้เขาสามารถบ่มเพาะพลัง แต่จะมีแค่เขาคนเดียวในโลกนี้ที่ฝึกได้
ชายหนุ่มไม่คิดว่าจะมีใครในโลกใบนี้มีของวิเศษอย่างแหวนกระบี่ัโบราณอีก แม้แต่ในโลกเทวะ มันก็เป็หนึ่งในของวิเศษชั้นยอด ทันทีที่ปรากฏ ผู้คนต่างประหัตปะากันเพื่อให้ได้มันมา ดังนั้น ตราบเท่าที่เขาระวังตัวก็สามารถอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย และมุ่งมั่นกับการหาทางกลับโลกเทวะได้โดยไม่ต้องกังวลกับสิ่งใด
ด้วยอิทธิพลของแหวนกระบี่ัโบราณ ไม่นานจุดก่อกำเนิดในจุดตันเถียนก็มีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว ทำให้เขาผ่อนคลายและเริ่มฝึกเคล็ดสุสานดวงดาว
ขณะอยู่ในโลกเทวะ เย่เฟิงฝึกเคล็ดสุสานดวงดาวมานานถึงแปดปีจนคุ้นเคยกับมันดี เพียงใช้ความคิดเคลื่อนพลังชี่ในจุดตันเถียนไปตามเส้นลมปราณที่กำหนด และหมุนเวียนไปทั่วร่างเริ่มจากจุดเล็กค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น
ไม่นานนัก เส้นลมปราณภายในร่างก็ถูกเปิดออก ขั้นต่อมาเคล็ดสุสานดวงดาวจะเป็ไปด้วยตัวมันเอง ระดับพลังของเขาจะเติบโตขึ้นทุกวัน ทำให้เขาแข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้
แน่นอนว่าอาศัยแนวทางการบ่มเพาะวรยุทธ์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ถ้า้าเพิ่มระดับวรยุทธ์ให้เร็วกว่านี้ เขาจำเป็ต้องหาสมบัติ์และโอสถทิพย์เพื่อดูดซับพลังฟ้าดินจากพวกมัน
ตอนนี้เมื่อชายหนุ่มใช้พลังชี่ได้ ก็สามารถใช้ ‘หมัดแปดทิศ’ ซึ่งเป็ทักษะการต่อสู้พื้นฐานในโลกเทวะ เพื่อปกป้องตัวเองจากอันตรายได้
โลกเทวะมีเคล็ดวิชามากมายที่แสดงพลังของผู้ใช้ พวกเขาสามารถข้ามเมฆ เหยียบลม โค่นูเา หรือแม้กระทั่งพลิกมหาสมุทร แม้ไม่ค่อยมีคนใช้หมัดแปดทิศในการต่อสู้ แต่ตอนนี้ปริมาณพลังชี่ในร่างของเขาพอที่จะใช้ทักษะนี้ได้เท่านั้น ถึงอย่างนั้น หากเย่เฟิงสามารถใช้หมัดแปดทิศนี้ตอนอยู่ในย่านบาร์ได้ เขาก็ไม่จำเป็ต้องวิ่งหนีชายขี้เมาจากแก๊งอสรพิษ์ และจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย
ในที่สุด ชายหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายของตนค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นทีละนิด ตอนนี้เขารู้สึกผ่อนคลายและพร้อมจะเข้านอนแล้ว
…………
เช้าวันที่สองหลังจากมาโลกนี้ เย่เฟิงตื่นั้แ่เช้าตรู่ เพราะตัดสินใจว่าจะไปโรงเรียนมัธยมปลายเยี่ยน เเน่นอนว่าเขาไม่ได้ชอบเรียน เเต่ไปเพื่อพบเพื่อนสนิทที่มักเล่นด้วยกันบ่อยๆ ได้ยินว่าบ้านของหมอนั่นทำธุรกิจขายของเก่า ชายหนุ่มอยากลองว่าจะหาสมบัติจากบ้านเพื่อนของเขาได้หรือไม่
ตอนนี้เย่เฟิงมีเช็คอยู่สองล้าน ไม่มีที่ใช้จ่ายพอดี ถ้าสามารถหาซื้อวัตถุดิบในการฝึกฝนได้ก็นับว่าคุ้มค่า
ตามความทรงจำ เขารู้ว่าในโลกนี้มีอาวุธน่ากลัวชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘ปืน’ หากต้องเผชิญหน้ากับอาวุธชนิดนี้ ด้วยระดับวรยุทธ์ของเขาในปัจจุบันย่อมยากที่จะหลบหนี ดังนั้นเขาต้องรีบแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้
โรงเรียนมัธยมปลายเยี่ยนอยู่ไม่ไกลจากวิลล่าชิงเฟิงมากนัก เย่เฟิงออกจากบ้านโดยใช้เวลาเดินไปถึงโรงเรียนประมาณ 20 นาที เมื่อถึงประตูโรงเรียน มีรถยนต์สีดำคันหนึ่งจอดข้างๆ เขา คนที่นั่งอยู่บนเบาะหลังคือเด็กสาวแสนสวยในชุดสีขาวหิมะ ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากดาวโรงเรียน ‘ซูเมิ่งหาน’
“เฮ้อ” สีหน้าของซูเมิ่งหานไม่สู้ดีเมื่อเห็นเย่เฟิง เธอลงจากรถและตรงไปประตูโรงเรียน ความสวยบริสุทธิ์ของเธอดึงดูดสายตาของเหล่านักเรียนชายในโรงเรียนมาก
ท่าทีของดาวโรงเรียนคนนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อเย่เฟิง ชายหนุ่มย่อมไม่เก็บมาใส่ใจ แต่เมื่อเขามองไปที่ประตูโรงเรียนก็ต้องใ เนื่องจากเห็นนักเลงสามคนซึ่งมีรอยสักรูปงูที่ข้อมือยืนอยู่ใกล้ประตูโรงเรียน
คนจากแก๊งอสรพิษ์! พวกอันธพาลทั้งสามคนมาที่นี่เพื่อแก้แค้นเย่เฟิง
เมื่อพวกมันเห็นซูเมิ่งหานก็จำได้ทันทีว่าเธอคือเด็กสาวในคลิปเมื่อคืน แต่พวกมันไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเื่เธอ พวกมันตรวจสอบประวัติของสาวน้อยคนนี้แล้วว่าเธอคือลูกสาวของประธานซูเซิ่งกรุ๊ป ถึงจะไม่เกรงกลัวมากนักแต่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นซูเมิ่งหานที่นี่ อีกไม่ช้าไอ้เด็กเวรเย่เฟิงก็ย่อมต้องมา แล้วก็เป็ไปตามนั้น เมื่ออันธพาลทั้งสามเห็นเย่เฟิงเดินมาประตูโรงเรียน พวกมันหัวเราะ พร้อมจะจัดการเขาแล้ว
“พวกมันคือ…” ซูเมิ่งหานเห็นพวกอันธพาลหน้าประตูโรงเรียนก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เมื่อเห็นว่าพวกมันค่อยๆ เดินไปใกล้เย่เฟิงด้วยรอยยิ้มมุ่งร้าย ก็รู้ทันทีว่าพวกมันมาหาเขา
“ซูเมิ่งหาน อรุณสวัสดิ์ ฉันดีใจจังที่ได้พบเธอ” เสียงงี่เง่าไม่เเพ้กันดังขึ้นข้างหูของซูเมิ่งหาน มันคือเสียงของเถียนโหย่วเลี่ยงที่วิ่งหนีไปเมื่อคืนนั่นเอง
เธอไม่แม้แต่จะปรายตามองชายหนุ่ม เพราะไม่อยากสนใจคนที่พึ่งพาในเวลาสำคัญไม่ได้อย่างเขา ตอนนี้หญิงสาวกังวลกับความปลอดภัยของเย่เฟิงมากกว่า ถึงจะยังโกรธและแสดงท่าทีไม่แยแสอีกฝ่าย แต่ลึกๆ ในใจค่อนข้างเป็ห่วงเขา เพราะอย่างไรเย่เฟิงก็ยังเป็เพื่อนร่วมชั้นของเธอ
เถียนโหย่วเลี่ยงผมมันวาวในชุดหนังสีดำเดินมาอยู่ข้างซูเมิ่งหาน เมื่อเห็นสาวเ้าเมินเฉยตนก็ทำหน้าทะมึน ต้องเป็เพราะเื่เมื่อคืนแน่ เธอถึงไม่อยากทักทายเขา
เถียนโหย่วเลี่ยงมองเย่เฟิงค่อยๆ เดินมาที่ประตูโรงเรียน พลางคิดในใจ “ฉันไม่รู้ว่าเมื่อคืนแกช่วยซูเมิ่งหานได้ยังไง แต่เมื่อแกท้าทายแก๊งอสรพิษ์ ครั้งนี้แกตายแน่!”
เย่เฟิงค่อยๆ เดินมาใกล้ประตูโรงเรียน สถานการณ์เริ่มตึงเครียด เมื่อเห็นว่าจะมีเื่ นักเรียนต่างหยุดเดินแล้วชี้ชวนกันดู อันธพาลทั้งสามแสยะยิ้มขณะเดินเข้าใกล้เย่เฟิง
รปภ.ของโรงเรียนทำเป็ไม่เห็นเหตุการณ์นี้ ขอโทษนะ... เขาไม่สามารถห้ามได้ แก๊งอสรพิษ์ไม่ใช่พวกที่รปภ.อย่างเขาจะมีเื่ด้วยได้ เมื่อทำงานสายนี้ แก๊งอสรพิษ์เป็กลุ่มคนที่ห้ามไปมีเื่ด้วยเด็ดขาด เขาจึงไม่กล้ามีเื่ด้วย ขัดแย้งกับแก๊งอสรพิษ์ อย่าพูดถึงว่าจะทำงานนี้ต่อเลย จะอยู่เมืองนี้ต่อได้หรือเปล่าก็ยังพูดยาก เื่นี้มากสุดก็แค่นักเรียนทะเลาะกันคงไม่ถึงตายหรอก เมื่อจบเื่เเล้วค่อยช่วยเรียกรถพยาบาลก็เเล้วกัน
“ไอ้หนู ถ้าฉลาดก็มากับพวกเราเสียดีๆ” ขณะเดินมา ชายผอมสูงมองเย่เฟิงพร้อมพูดหยอกล่อเขา
แม้เห็นท่าทีคุกคามของเหล่าอันธพาล เย่เฟิงไม่มีสีหน้าตื่นกลัวแต่อย่างใด ใบหน้าของเขายังคงสงบ ทันใดนั้นเขาควบแน่นพลังชี่ไว้ที่ขาขวาแล้วเตะออกไปทันที
จัดการกับคนแบบนี้ เย่เฟิงไม่เมตตาและจะไม่เสียเวลาพูดไร้สาระกับพวกมัน เพราะในโลกเทวะของเขา การลังเลแม้เพียงเสี้ยววินาทีอาจเป็หนทางไปสู่ความตาย ฉะนั้นขณะต่อสู้มีเวลาพูดเื่ไร้สาระที่ไหน
‘ปั้ก!’ เย่เฟิงเตะช้างน้อยของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรง
ในชั่วพริบตา เสียงของบางอย่างแตกก็ดังขึ้น ส่งผลให้คนในบริเวณนี้ได้ยินเต็มสองหู เสียงนั่นทำให้เหล่านักเรียนชายถึงกับกุมเป้าตัวเองอย่างหวาดเสียว
โหดจริง!
ใบหน้าของชายร่างผอมกลายเป็ซีดเซียว แสดงให้เห็นว่ามันไม่อาจทนความเ็ปแสนสาหัสนี้ได้ จนต้องกุมช้างน้อยตัวเองและเข่าทรุด “ไอ้เด็กเวรเอ๊ย!”
“ฆ่ามัน!” อันธพาลอีกสองคนยืนอึ้งชั่วครู่ แต่ไม่นานก็เริ่มตอบสนอง พวกมันรีบวิ่งเข้ามาต่อยเย่เฟิงอย่างไม่ลังเล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้