“นั่งเถอะ”
ผู้าุโเมิงมองข้ามจ้าวอู๋จี๋แล้วมองไปที่เจียงไป๋ เขาแปลกใจอยู่บ้าง หลังจากนั้นพลางพูดอย่างยิ้มแย้ม เขาดูเป็กันเองมาก ทั้งยังชี้ไปที่โซฟาให้พวกจ้าวอู๋จี๋นั่งลง
“ครับ”
จ้าวอู๋จี้ก็ดูจะทำตัวตามสบาย และดูออกว่าสนิทกับผู้าุโเมิงไม่เลว
ไม่สิ … อาจพูดได้ว่าดีพอสมควร
เมื่อฟังคำพูดนี้ของผู้าุโเมิงแล้ว เขาหัวเราะและก็พิงไปที่โซฟานั่งไขว่ห้างอย่างตามอำเภอใจ
แต่พอมองหัวหน้าซุนที่เมื่อครู่พูดคุยอย่างสนุกสนาน ถึงแม้ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เวลานี้กลับนั่งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนกับหวางเป้า และไม่กล้าทำอะไรส่งเดชแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับจ้าวอู๋จี๋แล้วก็แตกต่างกันมาก
เจียงไป๋ก็ตามไปนั่งอย่างไม่ลังเล
โซฟาที่กว้างใหญ่จุคนได้สี่ห้าคน และก็ไม่เบียดเสียดกัน เจียงไป๋ก็นั่งอยู่อย่างตามใจชอบแล้ว
เมื่อความตื่นเต้นใน่แรกผ่านไป ในสองสามคนนี้ นอกจากจ้าวอู๋จี๋แล้ว เจียงไป๋ก็เป็คนที่มีท่าทางตามสบายที่สุด ท่านั่งก็ไม่ได้เป็ทางการอะไรมาก
พอทุกคนนั่งลงก็มีแม่บ้านสองคนมาเสิร์ฟชาทันที ชามีกลิ่นหอมสบาย เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็ของบำเหน็จประจำตำแหน่งที่ดีที่สุด คนปกติก็ไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดแน่นอน
“นายไม่ได้มาเยี่ยมฉันนานเท่าไรแล้ว ครั้งนี้ดูสีหน้านายไม่เลวเลย คิดไม่ถึงว่าจะเดินได้แล้ว? ฉันคิดว่านายจะไปก่อนฉันเสียอีก ตอนนี้ดูแล้วก็ไม่ต้องเป็ห่วง ไม่อย่างนั้นคนแก่ๆ อย่างฉันก็ต้องไปส่งนาย และก็ไม่รู้ว่าจะแข็งใจทนได้ไหม”
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว ผู้าุโเมิงก็เดินเข้ามานั่งลงบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ด้านซ้ายของพวกเจียงไป๋ หลังจากนั้นมองจ้าวอู๋จี๋ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ เขาพูดอย่างยิ้มแย้ม
“ก็แค่โชคดีรอดมาได้น่ะครับ ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานเท่าไร แต่อย่างน้อยหนึ่งปีก็ไม่มีปัญหา ภายในหนึ่งปีน่าจะเหมือนกับคนปกติ”
จ้าวอู๋จี๋หุบยิ้มไปแล้ว และมองผู้าุโเมิง หลังจากนั้นพูดอย่างถ่อมตัว
นี่ก็ทำให้เจียงไป๋ประหลาดใจมาก
ตามหลักการแล้ว จ้าวอู๋จี๋ไม่ควรนำเื่นี้พูดออกมา ถึงจะสนิทกันก็ตาม
“พ่อของนายก็เสียไปเร็ว นายก็จะไปอีกคนแล้วหรือ? หรือว่าไม่มีวิธีการ?”
สีหน้าของผู้าุโเมิงเศร้าสลด และมองจ้าวอู๋จี๋แวบหนึ่งพลางถาม
“ชะตาฟ้าลิขิตน่ะครับ! ผมมีชีวิตที่สดใสได้อีกหนึ่งปี สุขภาพแข็งแรง จริงๆ ก็พอใจมากแล้ว นี่ก็ล้วนเป็ความดีความชอบของเจียงไป๋”
จ้าวอู๋จี๋หัวเราะเสียงดัง หลังจากนั้นก็ตบไหล่เจียงไป๋เบาๆ และพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ผู้าุโเมิงมองเจียงไป๋อย่างประหลาดใจ หลังจากนั้นก็เข้าสู่การครุ่นคิด เขายื่นมือออกมาราวกับกำลังหาอะไรอยู่ ทางหัวหน้าซุนก็รีบหยิบบุหรี่ออกมาจุดให้เขา และถึงจะกลับมายังที่นั่งของตัวเอง
ผู้าุโเมิงสูบบุหรี่สักสองคำ และก็มองจ้าวอู๋จี๋ “ไม่อย่างนั้น … ฉันจะโทรศัพท์ไปหาฉวีฉางเฉิงให้ เกียรติของผู้าุโอย่างฉัน คิดดูแล้วเขาน่าจะให้ได้ … ”
“ไม่ได้!”
แค่ประโยคเดียวก็ทำให้จ้าวอู๋จี๋ที่เมื่อครู่ยังพูดคุยอย่างสนุกสนานสีหน้าแปรเปลี่ยนและปฏิเสธไปทันที
สำหรับข้อเสนอนี้ของผู้าุโเมิงเขาต่อต้านสุดๆ จุดนี้มองออกได้จากอาการของเขา
ถ้ารู้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่ว่าจะโกรธหรือดีใจจ้าวอู๋จี้ก็จะไม่แสดงอาการออกมา เจียงไป๋ไม่เคยเห็นเขาจริงจังกับเื่ใดเื่หนึ่งอย่างนี้มาก่อน
นี่ก็ทำให้เจียงไป๋ยิ่งแปลกใจในตัวของฉวีฉางเฉิงคนนี้มาก
เป็คนอย่างไรกันแน่ ถึงทำให้จ้าวอู๋จี๋เป็เดือดเป็ร้อนได้อย่างนี้ และดูท่าแล้วการที่จ้าวอู๋จี๋ได้รับาเ็ก็ต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน
ที่ยิ่งทำให้เจียงไป๋แปลกใจคือ ตอนที่ผู้าุโเมิงพูดถึงฉวีฉางเฉิงได้ใช้คำว่า “น่าจะ” นี่ก็แสดงว่าถึงผู้าุโเมิงจะโทรศัพท์ไปหาฉวีฉางเฉิง แต่ก็ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายจะฟัง นี่ก็ทำให้เจียงไป๋แปลกใจมาก
หากรู้ว่าด้วยฐานะของผู้าุโเมิง ถึงโทรศัพท์ไปหาบุคคลระดับสูงที่ดำรงตำแหน่งอยู่สองสามคนนั้น อีกฝ่ายก็จะไม่ปฏิเสธคำขอของเขา แต่โทรศัพท์ไปหาฉวีฉางเฉิง คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายอาจจะปฏิเสธได้? นี่มันอะไรกัน …
เจียงไป๋ไม่กล้าคิดแล้ว
“คนแก่อย่างฉันก็มีลูกชายแค่สองคน คนหนึ่งลูกแท้ๆ ก็ไม่เอาไหน อีกคนหนึ่งรับมาเลี้ยงก็รักและดูแลอย่างลูกแท้ๆ เวลานั้นรับเลี้ยงพ่อของนาย ก็พาไปไหนมาไหนด้วยตลอด คนที่รักที่สุดก็คือเขา ซุนจื้อหลี่ นายก็เป็คนที่ฉันให้ความสำคัญมากที่สุดเหมือนกัน เขาจากไปแล้ว ก็เหลือแค่นายคนเดียว เพื่อนาย ฉันจะยอมบากหน้าสักหน่อยจะเป็อะไรไป!”
สีหน้าอันโมโหของผู้าุโเมิงได้ปรากฏขึ้นแล้ว สำหรับการปฏิเสธของจ้าวอู๋จี๋เขาก็ไม่พอใจมาก
ในขณะเดียวกัน แค่พูดออกมาประโยคเดียวก็ทำให้เจียงไป๋เริ่มรู้ถึงความสัมพันธ์ของผู้าุโเมิงกับจ้าวอู๋จี๋แล้ว
มิน่าล่ะ เขามาที่นี่ถึงได้ทำท่าทางตามอำเภอใจอย่างนี้ ที่แท้ก็มีความสัมพันธ์กันถึงขั้นนี้นี่เอง เป็ครอบครัวเดียวกัน
“คนคนนั้นนิสัยประหลาด ถึงคุณจะขอร้องเขาก็ไม่แน่ว่าจะใช้ได้ เวลานั้นเขาก็เคยพูดไว้แล้ว ถึงใครจะมาหาเขาก็ไม่มีประโยชน์ เื่ของผมถึงใครจะออกหน้าให้เขาก็ไม่ไว้หน้า จะให้คุณไปหักหน้าตัวเองเพื่อผมทำไมกัน? อยู่มาตั้งเก้าสิบกว่าปีแล้ว เคยขอร้องคนอื่นเสียที่ไหน? ทำไมถึงต้องทำอย่างนี้? พูดอีก … มีเสี่ยวไป๋อยู่ ผมก็ไม่เป็ไรหรอก คุณดูสิตอนนี้ผมออกจะดูฮึกเหิม ทั้งหมดเป็ความดีความชอบของเจียงไป๋ อนาคตก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถต่อชีวิตได้อีก จะไปขอร้องเขาตอนนี้ทำไม?”
น้ำเสียงของจ้าวอู๋จี๋เบาลงมาก เขาถอนหายใจ และพูดอย่างนี้ ระหว่างที่พูดก็ยกยอเจียงไป๋จนออกนอกหน้า
ยิ่งทำให้เจียงไป๋หมดคำพูด
เขามีความสามารถช่วยจ้าวอู๋จี๋ได้ที่ไหนกัน เ้านี่ก็ไม่ใช่แค่พูดมั่วๆ หรือ
ถึงจะได้ … เขาก็ไม่ได้มีแต้มบารมีมากมายขนาดนั้น
“จริงหรือ? นี่ก็คือไอ้หนูที่นายบอกว่าจะพามาพบฉัน?”
ผู้าุโเมิงไม่ได้พูดเซ้าซี้ถึงปัญหานี้กับจ้าวอู๋จี๋ แต่เปลี่ยนอารมณ์ไวมาก หลังจากนั้นก็เบนสายตามาที่เจียงไป๋ ั์ตามีความอ่อนโยนและเมตตา ทั้งยังสังเกตเจียงไป๋อย่างสนใจ ราวกับว่าเื่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ไอ้หนู” คำนี้หากออกมาจากปากคนอื่น เจียงไป๋ก็จะโกรธทันที แต่พอออกมาจากปากของผู้าุโเมิง กลับไม่รู้สึกขัดหู เจียงไป๋เองก็ล้วนรู้สึกว่าเป็หลักการที่ถูกต้อง และยังมีความสนิทชิดเชื้ออยู่บ้าง
“ไม่เลว เื่หลังจากนี้ของผม ผมเตรียมที่จะมอบหมายให้เสี่ยวไป๋ หากพูดไม่น่าฟังหน่อย คุณก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ผมน่ะ ยิ่งล่อแหลมอย่างนี้ คุณอาคนนั้นของผม ผมก็ไม่คาดหวังแล้ว มีคุณอยู่มั่นคงราวกับูเาไท่ชาน แต่หากคุณไม่อยู่ก็จะพังทลายลงทันที จะพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด แค่หลี่ชิงตี้เขาก็ล้วนไม่เคยประมือมาก่อน สำหรับทั้งชีวิตนี้ของผม … เหอะๆ จะไม่พูดถึงก็ได้ หากผมไปก่อนคุณ ผมอยากจะฝากฝังทุกอย่างให้เสี่ยวไป๋ เขาพึ่งพาได้ ดังนั้นจึงพามาพบคุณ” จ้าวอู๋จี้ก็ยิ้มและพูดอย่างไม่ลังเล
แต่พอคำนี้พูดออกมา กลับทำให้หัวหน้าซุนดูไม่เป็ธรรมชาติ แต่ผู้าุโเมิงกลับไม่ใส่ใจ เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วก็จมเข้าสู่การครุ่นคิด
สักพักก็พยักหน้า หลังจากนั้นมองเจียงไป๋แวบหนึ่ง “พ่อหนุ่ม ฉันรู้ถึงสถานการณ์ของนาย พูดตรงๆ ยอดเยี่ยมจนน่าใมาก โดยเฉพาะ่นี้ที่นายเข้าไปเป็ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยเทียนตูแล้ว ทำให้ฟางเทียนหรูชมไม่หยุดปาก แิบางอย่างของนายฉันรู้สึกว่าไม่เลว และได้เตือนพวกเราอยู่บ้างแล้ว สามารถนำเข้าสู่การกำหนดนโนบายในต่อไปได้ อู๋จี๋ฝากฝังเื่หลังจากนี้ไว้กับนาย ก็ถือว่าเป็ตัวเลือกที่ไม่เลว แต่ … มีเื่หนึ่งฉันอยากจะถามนายสักหน่อย นายต้องตอบมาตามตรง”
“คุณว่ามาเถอะ”
“อู๋จี๋มีทางรักษาหายไหม?”
ดวงตาทั้งคู่ของผู้าุโเมิงมองตรงมาที่เจียงไป๋ พลางสอบถาม
“มี ก็แค่มีความหวังไม่มาก ผมไม่มีความมั่นใจ ในเมื่อมาแล้วผมก็จะไม่ปิดบัง สำหรับเื่การแพทย์ตัวผมเองก็รู้แค่นิดหน่อย อาจารย์ของผมท่านก็รักษาไม่ได้ ครั้งนี้สามารถต่อชีวิตได้ก็อาศัยยาที่สืบทอดกันมาั้แ่บรรพบุรุษของสำนัก แต่ก็มีแค่เม็ดเดียว ต่ออายุได้แค่หนึ่งปี หากอยากจะช่วย ผมต้องคิดหาทางเชิญอาจารย์อาของผม ท่านชำนาญวิชาการแพทย์ การสืบทอดการรักษาและยาของสำนักล้วนอยู่ที่เขา เพียงแค่มีเขาอยู่ก็น่าจะมีหวัง แต่ … เขาอยู่ที่ไหน ผมกับอาจารย์ของผมก็ไม่รู้ โดยเฉพาะผมยังไม่เคยเห็นท่าน ดังนั้นโอกาสจึงเลือนราง”
เจียงไป๋คิดดูแล้วจึงตอบไปแบบนี้ และก็พูดโกหกอีกแล้ว
จะช่วยจ้าวอู๋จี๋ได้หรือไม่ ถึงเวลานั้นก็ต้องดูจากโอกาส หากเจียงไป๋มีแต้มบารมีเพียงพอ ก็ไม่ติดที่จะช่วยจ้าวอู๋จี๋
ก็แค่ตอนนี้เขายังไม่มี แต้มบารมีหนึ่งแสนสองหมื่นแต้ม ค่อนข้างมากเกินไปจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้