เื่ในวันนั้นที่หนานกงหลิงซวงปลุกิญญาาหงส์ขั้นเขียว มันแพร่สะพัดไปทั่วเมืองโยวโจวอย่างรวดเร็ว จนเกิดความผันผวนขึ้น และทำให้ตระกูลหนานกงกลายเป็จุดสนใจของเมืองโยวโจว
ทั้งยังมีหลาย ๆ ตระกูลมาแสดงความยินดีกับตระกูลหนานกง ทำให้ฐานะของตระกูลหนานกงในเมืองโยวโจวยกระดับขึ้น
ไม่นานนัก เื่นี้ได้แพร่สะพัดออกไปนอกเมืองโยวโจว จนไปถึงหูสำนักและกองกำลังมากมาย
จึงทำให้ทูตจากกองกำลังต่าง ๆ มาเยือนตระกูลหนานกง เพื่อชักชวนให้หนานกงหลิงซวงมาเป็ศิษย์ของตัวเอง
สำหรับเื่นี้ ตระกูลหนานกงคอยการเฝ้าดูอยู่เงียบๆ เสมอ ทั้งยังได้พิสูจน์แล้วว่า ครานี้ตระกูลหนานกงทำถูกต้องแล้ว ไม่นานนักเื่นี้ก็แพร่สะพัดไปถึงเมืองหลวง
กระทั่งวันหนึ่งมีอัจฉริยะจากตระกูลเฉินแห่งเมืองหลวง มีนามว่าเฉินอ้าวเทียนมาเยือนตระกูลหนานกง และหนานกงเฉินก็ยังออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
ตระกูลเฉินคือหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง มีรากฐานยาวนานกว่าตระกูลหนานกง กระทั่งอยู่เหนือกว่าหลายกองกำลังใหญ่
รุ่งอรุณมาเยือน เย่เฟิงเดินออกจากที่พัก
บัดนี้หนานกงหลิงซวงปลุกิญญาาหงส์กลายเป็อัจฉริยะผู้โดดเด่นแห่งอาณาจักรจ้าว มีหลายกองกำลังที่ทรงอำนาจจับตามอง นับจากนี้ไปต้องมีอนาคตที่สวยงดงามแน่นอน
ส่วนเย่เฟิงต้องแบกรับภาระในการฟื้นฟูตระกูลเย่ แต่เขา้ารู้ ว่าเพราะเหตุใดในปีนั้นตระกูลเย่จึงล่มสลาย
ดังนั้นเขาจึงกำลังไปหาท่านผู้นำเพื่อกล่าวลา ออกจากตระกูลหนานกงและมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง จากนั้นสืบหาสาเหตุในการล่มสลายของตระกูลเย่ในปีนั้น
สำหรับเื่การหมั้นที่หนานกงเฉินสัญญาไว้กับเย่เฟิง เย่เฟิงก็ไม่ได้สนใจขนาดนั้น
นับจากนี้ไป หากหนานกงหลิงซวงมีที่พักพิงดีกว่านี้ เขาเย่เฟิงคงมีความสุข
“ตอนนี้คุณหนูปลุกิญญาาหงส์แล้ว ประสบผลสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น ถูกกองกำลังใหญ่ ๆ จับตามอง ส่วนเื่การหมั้นก็คงอยู่แค่ชื่อ”
ระหว่างทาง มีคนรับใช้หลายคนของตระกูลหนานกงซุบซิบนินทาเย่เฟิง เพราะในสายตาของพวกเขา เย่เฟิงไม่คู่ควรกับหนานกงหลิงซวง
“คุณหนูมีความสามารถโดดเด่น ไม่ใช่คนที่เย่เฟิงคู่ควรด้วย”
แม้เสียงของพวกเขาไม่ดัง กลับตกอยู่ในหูของเย่เฟิงทุกประโยค จึงทำให้เย่เฟิงชะงักไปเล็กน้อย
“พวกเ้าอาจยังไม่รู้ ตระกูลเฉินแห่งเมืองหลวงอาจสนใจปรองดองกับตระกูลหนานกงข้า แล้วคนที่มาเยือนตระกูลหนานกงครั้งนี้ก็เป็เฉินอ้าวเทียน อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลเฉิน”
“ไม่นึกว่าเฉินอ้าวเทียนมาถึงแล้ว นั่นคืออัจฉริยะผู้โด่งดังของอาณาจักรจ้าวเชียวนะ ลือกันว่าคนผู้นี้อายุไม่ถึงยี่สิบก็บรรลุขั้นรวมชี่แล้ว ทั้งยังปลุกิญญาาระดับสูงได้ พร์เลิศล้ำ ไม่ใช่คนที่ข้าจะเทียบเคียงได้เลย”
“มันแน่อยู่แล้ว คุณหนูปลดปล่อยแสงโชติ่ ถ้าได้ดองกับตระกูลเฉิน คงจะยิ่งดี ในอนาคตต้องเป็เหมือนเฉินอ้าวเทียนแน่ ทั้งสองเกิดมาคู่กันและกัน”
มีหลายคนซุบซิบนินทากันไม่หยุด ราวกับว่าเย่เฟิงไม่มีตัวตน
“เฉินอ้าวเทียน?”
เย่เฟิงขมวดคิ้ว แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินชื่อเฉินอ้าวเทียน คนผู้นี้มีพร์ล้ำเลิศและแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่คนที่เขาจะเทียบเคียงได้ในตอนนี้
“ตระกูลหนานกงตัดสินใจจะดองกับตระกูลเฉินแห่งเมืองหลวงจริง ๆ งั้นหรือ?” เย่เฟิงพึมพำในใจและอดเร่งฝีเท้าไม่ได้
หนานกงหลิงซวงปลุกิญญาาหงส์ กลายเป็อัจฉริยะที่น่าทึ่ง
ทุกคนต่างคิดว่าเขาเย่เฟิงไม่คู่ควรกับหนานกงหลิงซวง หากตระกูลหนานกง้าจบการหมั้นนี้ อาจจะหาเขาเย่เฟิงเพื่ออธิบายเื่นี้ และเขาก็ไม่อยากถ่วงหนานกงหลิงซวงให้เสียเวลา
ครู่ต่อมา เย่เฟิงมาถึงลานบ้าน จากนั้นเขาพบว่ามีเสียงพูดคุยดังออกมาจากห้องหลัก
แม้เสียงจะไม่ดังนัก แต่เย่เฟิงก็ได้ยินชัดเจน
“ผู้นำหนานกง ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับการดองระหว่างตระกูลเฉินกับตระกูลท่าน?”
หนานกงเฉินไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายในทันที
อีกฝ่ายกล่าวต่อ “นี่เป็โอกาสที่หาได้ยาก หากผู้นำหนานกงตกลง ตระกูลเฉินข้าไม่เพียงแต่จะทำให้ตระกูลหนานกงเป็กองกำลังอันดับหนึ่งของเมืองโยวโจว แต่ยังทำให้คุณหนูหนานกงอยู่สุขสบายเมื่อถึงตระกูลเฉิน นี่หมายความเช่นไร ท่านคงทราบดี”
น้ำเสียงนี้แฝงด้วยความหยิ่งผยองหลายส่วน ราวกับเป็ผู้สูงส่ง
“นั่นไม่ใช่ปัญหา การได้ดองกับตระกูลเฉิน ถือเป็เกียรติของตระกูลหนานกงข้า เพียงแต่ท่านต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้”
บางทีอาจเป็เพราะข้อเสนอของอีกฝ่ายน่าสนใจเกินไป หนานกงเฉินจึงตอบตกลง
“แน่อยู่แล้ว ตระกูลเฉินข้าพูดจริงทำจริง อีกไม่กี่วันข้าจะพาหลิงซวงไปเมืองหลวง”
พลันมีอีกเสียงที่ดูเด็กกว่าดังขึ้น และฟังดูมั่นใจอย่างมาก
ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่า เ้าของเสียงนี้ต้องเป็เฉินอ้าวเทียน นายน้อยแห่งตระกูลเฉินแน่นอน
ได้ยินบทสนทนาของทั้งสาม พลอยทำให้หัวใจของเย่เฟิงเต้นโครมครามไปด้วย
ถึงแม้เขาจะไม่คาดหวังกับเื่การหมั้นนี้ แต่ตอนที่ได้ยินหนานกงเฉินตอบตกลงกับคนของตระกูลเฉิน เย่เฉินรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว
เป็อย่างที่คนรับใช้เ่าั้พูดกัน หนานกงเฉินหักหลังเขาเย่เฟิง แอบตกลงกับตระกูลเฉินอย่างลับ ๆ
เย่เฟิงรู้ดี ในสายตาของหนานกงเฉิน เขาเป็เพียงหมากตัวหนึ่ง เป็หมากที่ช่วยบุตรสาวเขาในการปลุกิญญาา เมื่อหมากตัวนี้ไร้ประโยชน์ก็จะถูกเตะให้พ้นทาง
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เย่เฟิงโกรธเป็ฟืนเป็ไฟอยู่ในใจ เสียงของเฉินอ้าวเทียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ข้าได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้หลิงซวงมีสัญญาหมั้นกับคนผู้หนึ่ง ใช่หรือไม่?”
“ใช่ นายน้อยเฉินไม่ต้องสนใจ อีกฝ่ายเป็คนธรรมดาไร้ชื่อเสียงในจวน ยกเลิกสัญญาหมั้นได้ทุกเมื่อ”
หนานกงเฉินไม่ปฏิเสธ ในความคิดของเขา เย่เฟิงเป็เพียงคนธรรมดา จึงยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสัญญาที่คลุมเครือนั่น
เย่เฟิงฟังอยู่เงียบ ๆ พลางหัวใจเย็นเยือกขึ้นเรื่อย ๆ
“ยกเลิกสัญญาหมั้น? แค่นี้ยังไม่พอหรอก” เฉินอ้าวเทียนกล่าว
“นายน้อยเฉิน้าให้ข้าทำอย่างไร?” หนานกงเฉินถาม
“ผู้หญิงของเฉินอ้าวเทียนจะเคยมีสัญญาหมั้นกับผู้อื่นได้เยี่ยงไร? คนเช่นนี้ไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ! ท่านคงรู้ความหมายของข้าใช่ไหม?” เฉินอ้าวเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น และในน้ำเสียงยังเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตอาฆาต
“ข้าเข้าใจ เดี๋ยวข้าจัดการเื่นี้เอง คนผู้นี้ต้องตายแน่นอน เพื่อแสดงความจริงใจของตระกูลหนานกงข้า” หนานกงเฉินตอบกลับอย่างไม่ลังเล
ในสายตาของหนานกงเฉิน เย่เฟิงเป็เพียงมดแมลง เขา้าฆ่าก็ไม่จำเป็ต้องมีเหตุผล
“กร๊อบ!”
เย่เฟิงกำหมัดแน่น จนได้ยินเสียงกระดูกดังลั่นชัดเจน ดวงตาแดงก่ำอัดแน่นไปด้วยเพลิงพิโรธ
ตอนนี้ชายหนุ่มที่เคยอ่อนโยนได้ปลดปล่อยความน่ากลัวออกมา
ตระกูลหนานกงไม่รักษาสัญญาเื่การหมั้นก็ช่างปะไร แต่สิ่งที่ทำให้เย่เฟิงโกรธที่สุดคือ ไม่คิดว่าหนางกงเฉินจะตอบเฉินอ้าวเทียนอย่างไม่ลังเล ว่าที่จะฆ่าเขา
“มีคน!”
ััทั้งห้าของผู้ฝึกยุทธ์มีความว่องไวอย่างมาก จึงตรวจพบความเคลื่อนไหวที่อยู่นอกห้องได้ในทันที
หนานกงเฉินและเฉินอ้าวเทียนลุกขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
“ไม่นึกว่าจะเป็เ้า!”
หนานกงเฉินตาทอประกายแสงเยือกเย็น
“บุกรุกลานบ้านของผู้นำ เ้าคิดจะทำอะไร? หรือคิดทำเื่ไม่ดี?”
ขณะที่เย่เฟิงมองหนานกงเฉิน ที่มุมปากก็เหยียดยิ้ม และในรอยยิ้มนั้นก็แฝงด้วยความเย้ยหยัน
สายตาที่หนานกงเฉินมองเย่เฟิงดูไร้ความรู้สึก ราวกับมองคนแปลกหน้า
“เย่เฟิง เ้าไม่ใช่แค่ขยะไร้ค่า แต่ความประพฤติก็ยังต่ำทราม! ตระกูลหนานกงข้าปฏิบัติต่อเ้าอย่างดี ตอนนี้ลูกข้าปลุกิญญาาหงส์ เ้าก็คิดอยากขโมยความลับของตระกูลหนานกง เ้าว่า ข้าควรทำยังไงกับเ้าดี?”
“ขโมยความลับ?”
เย่เฟิงตาทอประกายแสงเยือกเย็น ท่าทีของเขาที่แสดงในตอนนี้ไม่ควรมีในวัยนี้
“หนานกงเฉิน ท่านช่างน่ารังเกียจนัก ข้าเย่เฟิงถึงกับใช้หลิงหยวนดั้งเดิมช่วยลูกสาวท่านให้พ้นภัย ทำให้ปลุกิญญาาหงส์ขั้นเขียวได้ แต่ท่านกลับไม่สำนึกบุญคุณ ซ้ำยังไม่รักษาสัญญา สมรู้ร่วมคิดกับตระกูลเฉิน และ้ากำจัดข้าให้พ้นทาง เกลียดนักที่ก่อนหน้านี้ข้าเย่เฟิงไม่เคยเห็นโฉมหน้าอันน่าอัปลักษณ์ของท่าน” เย่เฟิงกล่าว ทำให้หนานกงเฉินเผยสีหน้าเย็นเยียบ
“นี่น่ะหรือคนที่มีสัญญาหมั้นกับหลิงซวง?” เฉินอ้าวเทียนเหลือบมองเย่เฟิงด้วยสายตาดูถูก
“ใช่แล้ว” หนานกงเฉินพยักหน้า
“ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 2 ต่ำต้อยนัก! แล้วคู่ควรกับหลิงซวงได้เยี่ยงไร?” เฉินอ้าวเทียนเหยียดหยาม
“คนแบบนี้ข้าไม่อยากเสียเวลา เ้าจัดการเื่นี้แล้วกัน”
เฉินอ้าวเทียนพูดทิ้งท้าย ก่อนพวกเขาจะเดินออกไปด้วยท่าทีโอหัง ในสายตาของเฉินอ้าวเทียน เย่เฟิงเป็เพียงขยะไร้ค่า ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น และเขาก็คร้านจะลงมือจัดการด้วยตัวเอง
“ส่งหนังสือสมรสมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า!”
หลังจากเฉินอ้าวเทียนออกไป หนานกงเฉินก็กล่าวกับเย่เฟิงด้วยเสียงเยือกเย็น
หนังสือสมรสคือหลักฐานเื่สัญญาหมั้นระหว่างเย่เฟิงกับหนานกงหลิงซวง เย่เฟิงรู้ว่าหากเขาส่งหนังสือสมรสไปให้แต่โดยดี อาจตายเร็วกว่า
“้าหนังสือสมรสงั้นหรือ? ตอนนี้คงทนรอไม่ได้ก็เลยอยากฆ่าข้าสินะ?” เย่เฟิงกล่าวขณะมองหนานกงเฉินด้วยสายตาไร้ความเกรงกลัวใด ๆ
“จะตายอยู่รอมร่อ ยังพล่ามไร้สาระอีก เอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
หนานกงเฉินโบกมือ จากนั้นมีหลายเงาร่างปรากฏตัว ก่อนจะเข้าล้อมกรอบเย่เฟิง
เย่เฟิงอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 2 มีหรือจะใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต่อต้าน และปล่อยให้อีกฝ่ายควบคุมเขา
“ข้าอยากรู้ว่าหลิงซวงรู้เื่นี้หรือไม่?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น เขากับหนานกงหลิงซวงรู้จักกันมาั้แ่เด็ก ไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่รู้สึกอะไรกับเขา
“หลิงซวงคืออัจฉริยะผู้โดดเด่น จะไปยอมอยู่กับคนอย่างเ้าได้เยี่ยงไร? เ้าล้มเลิกความตั้งใจไปซะเถอะ!” หนานกงเฉินกล่าว
อย่างไรก็ตามตอนที่เขากล่าวอย่างนั้น เคยคิดหรือไม่ว่าหากไม่มีหลิงหยวนดั้งเดิมของเย่เฟิง หนานกงหลิงซวงจะรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่ แล้วจะเรียกว่าอัจฉริยะได้อย่างไร?
ในโลกแห่งการบ่มเพาะ ผลประโยชน์คืออันดับหนึ่ง ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็เหยื่อของผู้แข็งแกร่ง เมื่อไม่มีพลังก็จะถูกผู้อื่นกดขี่ข่มเหง
วันนี้เย่เฟิงเห็นความหยิ่งยโสโอหังของเฉินอ้าวเทียน จึงตระหนักได้ว่าผู้อ่อนแอย่อมตกเป็เหยื่อของผู้แข็งแกร่งเป็เื่จริง
ชายหนุ่มจากตระกูลที่ล่มสลายอย่างเย่เฟิง ทั้งยังมีพลังต่ำต้อย ต่อหน้าตระกูลหนานกงหรือตระกูลใหญ่ ๆ ก็เป็เพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่อาจถูกปลิดชีวิตได้ทุกเวลา
เย่เฟิงถูกส่งเข้าคุกใต้ดินที่ทั้งอับชื้นและมืดมิด หนานกงเฉินเตรียมปะาเขาในวันพรุ่งนี้
ขณะมองกำแพงที่รายล้อม รวมถึงคุกที่มีบรรยากาศหนาวเย็น เย่เฟิงก็เหยียดยิ้มอย่างน่าอนาถใจ
เพื่อช่วยหนานกงหลิงซวงแล้ว เขาใช้หลิงหยวนดั้งเดิมอย่างไม่ลังเล แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือตระกูลหนานกงทำลายสัญญาและการสังหาร
“หนานกงเฉิน เ้าทรยศข้า สักวันข้าเย่เฟิงคนนี้จะทำให้เ้าต้องเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้!”
แววตาของเย่เฟิงฉายแสงแห่งความมุ่งมั่น นาทีนี้ปณิธานของชายหนุ่มแรงกล้าเป็อย่างมาก
ตอนนี้มีเพียงการฝึกจึงจะทำให้จิตใจของเย่เฟิงสงบลงได้
เมื่อหาที่นั่งได้แล้ว เย่เฟิงไขว้ขานั่งลง จากนั้นในมือปรากฏไข่มุกเม็ดนั้นที่เปล่งแสงอันอบอุ่นออกมา
“ก่อนหน้านี้ เ้าคอยดูดซับพลังหยวนของข้ามาตลอด ตอนนี้ถึงตาเ้าที่จะให้ข้าบ้างแล้ว” เย่เฟิงกล่าวขณะมองไข่มุกด้วยสายตาเป็ประกาย
พระจันทร์ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงจันทร์อันศักดิ์สิทธิ์เล็ดลอดผ่านหน้าต่างในคุกใต้ดิน สาดส่องลงพื้นในคุก ขณะเดียวกันยังแผ่ปกคลุมไข่มุกที่อยู่ในมือของเย่เฟิง
ภายใต้แสงจันทร์ แสงของไข่มุกก็ยิ่งเปล่งประกาย กระทั่งในนั้นมีเสียงประหลาดดังขึ้น
นาทีต่อมา แสงจันทร์ในคุกใต้ดินแปรเปลี่ยนเป็เส้นด้ายนับไม่ถ้วน ก่อนจะตรงเข้าสู่ไข่มุกอย่างต่อเนื่อง เสียงที่ดังออกมาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไม่หยุด
ไข่มุกลอยขึ้นอย่างช้า ๆ และเริ่มสั่นเทาด้วยความถี่สูง
เย่เฟิงหายใจเข้าลึก กำหนดจิต เริ่มโคจรเคล็ดวิชารวมหยวน ทำให้พลังหยวนที่ล่องลอยอยู่ในอากาศมากัน
“ครืน!”
ภายในไข่มุกราวกับมีของเหลวเคลื่อนไหว แสงจ้าถูกปลดปล่อยประหนึ่งแสงศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นพลังหยวนผสานกับแสงจันทร์ ก่อนจะแทรกซึมสู่ภายในไข่มุก ทำให้มันค่อย ๆ เลือนรางและปรากฏชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
หลังจากเป็เช่นนั้นอยู่นาน ไข่มุกก็กลายเป็สีเขียวเข้มอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน มันเปล่งแสงสีเขียวราวกับเป็หยกคุณภาพสูง
“ครืนๆ!”
เสียงประหลาดดังขึ้นอีกครั้ง เห็นว่าไข่มุกเม็ดนั้นค่อย ๆ ลอยไปที่เหนือหัวของเย่เฟิง จากนั้นแสงสีเขียวแผ่ปกคลุมร่างเย่เฟิง
เย่เฟิงอาบไล้อยู่ภายใต้แสงสีเขียว ทั้งรู้สึกสบายกาย และมีพละกำลังเพิ่มขึ้น
“ในที่สุดก็ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว!”
ขณะมองไข่มุกที่ลอยอยู่กลางอากาศ เย่เฟิงดูดีใจเล็กน้อย นี่เป็ครั้งแรกของเขาที่เจอกับสภาวะไข่มุกอิ่มตัว ซึ่งเป็เื่ยากที่จะได้เจอ
แต่ขณะนั้นเห็นว่ามีไข่มุกหยดน้ำสีเขียวมรกตค่อย ๆ แยกออกมาจากตัวไข่มุก ก่อนจะหยดลงบนตัวของเย่เฟิง
หยดน้ำนี้โปร่งใสมาก ทั้งยังเปล่งแสงสีเขียวมรกต พลังหยวนที่แผ่ออกมาก็บริสุทธิ์ ทำให้พลังหยวนในอากาศเปลี่ยนไปทรงพลังขึ้นหลายเท่า
“หยดน้ำสีเขียว!” เย่เฟิงอุทานด้วยความใ นี่คือหยดน้ำสีเขียวที่บิดาเขาเคยบอกว่า มันมีพลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก
“หยดน้ำนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วย”
เย่เฟิงััได้ถึงคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากหยดน้ำก็ครุ่นคิดในใจ แต่ขณะเดียวกันหยดน้ำสีเขียวนั่นแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านหน้าผากของเขา
ทันใดนั้นหยดน้ำแปรเปลี่ยนเป็พลังหยวนมหาศาล จากนั้นแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา พลังหยวนนี้แข็งแกร่งมากกระทั่งเหนือกว่ายาวิเศษหรือยาปราณที่เย่เฟิงเคยได้ยินมา
พลังหยวนนั่นไหลผ่านเส้นลมปราณของเขา บำรุงร่างกายและกระดูก เพียงพริบตาก็ทำให้พลังของเย่เฟิงทะลวงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 3
แต่ว่าพลังส่วนใหญ่ของหยดน้ำสีเขียวยังไม่ได้ถูกเย่เฟิงดูดซับ
“ทรงพลังมาก!”
เย่เฟิงรู้สึกสุขใจมาก แม้เตรียมพร้อมสำหรับพลังอันกล้าแกร่งของหยดน้ำสีเขียวแล้ว แต่เมื่อเขาััถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหยดน้ำสีเขียวได้ ก็ยังตกตะลึงอยู่ดี
ไม่คิดอะไรมาก เย่เฟิงเร่งเร้าโคจรพลัง ดูดซับพลังที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นลมปราณ
“ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 4!”
“ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5!”
เวลายังไม่ถึงหนึ่งก้านธูปดี ด้วยพลังของหยดน้ำสีเขียวก็ทำให้เย่เฟิงทะลวงไปถึงสามขั้น!
“วูบ... ครืน!”
ด้วยความเร็วในการทะลวงพลังของเย่เฟิงที่เร็วเกินไป พลังหยวนมหาศาลที่กลางอากาศเกิดบ้าคลั่งก่อตัวเป็พายุพลังหยวน
แสงเรืองรองบนร่างเย่เฟิงผสานกับแสงสีเขียวนั่น ก่อนที่ภายในร่างกายจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าทึ่ง
“หลิงหยวนดั้งเดิม!”
เย่เฟิงตาทอประกายด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขาััได้ชัดเจน หลิงหยวนดั้งเดิมภายในร่างกายเขากำลังถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ผ่านไปไม่นาน ภายในร่างกายของเย่เฟิงก็ปรากฏหลิงหยวนดั้งเดิมใหม่ ซ้ำยังทรงพลังกว่าหลิงหยวนดั้งเดิมก่อนหน้านี้ที่ถ่ายทอดให้หนานกงหลิงซวงไม่รู้ตั้งเท่าไร เป็หลิงหยวนดั้งเดิมที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
“สูญเสียหลิงหยวนดั้งเดิมและฟื้นฟูอีกครั้ง เช่นนั้นข้าจะปลุกิญญาาในคุกใต้ดินแห่งนี้!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้