บทที่ 6
"ผมมีเื่จะขอ" เขารู้ดีว่าถ้าหากพี่อาทิตย์ไม่ยอมช่วย แม่ก็ต้องหาทางที่กดดันเขาอยู่ดี ผลสุดท้ายคนที่ลำบากใจก็คือคนกลางอย่างเขา อาทิตย์เพียงแค่มองหน้าร่างเล็กด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “ว่ามาสิ”
"อ้ายไม่รู้ว่าพี่จะโกรธรึเปล่า แต่เขาสั่งให้อ้ายทำ"
"เื่อะไรกันแน่?"
"บริษัทโชตินันท์กำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่ ลูกค้าในเครือขอยกเลิกสัญญาไปเกือบหมด" เขาเองก็ไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดเื่แบบนี้ขึ้นกับบริษัทโชตินันท์ สายสัมพันธ์โชตินันท์กับนักธุรกิจคนอื่นๆ ต่างอยู่ร่วมคู่ค้ากันด้วยดีเสมอ "พ่อ้าให้พี่อาทิตย์ช่วย"
"เพราะแบบนี้มึงถึงร้องไห้ใช่ไหม?"แม้ว่าน้ำเสียงของอีกคนจะดูนิ่งงันสักแค่ไหน แต่มันก็แฝงไปด้วยน่ากลัว
"อ้ายไม่อยากรบกวนพี่จริงๆ อ้ายขอโทษนะครับ"บางทีเขาก็รู้สึกอึดอัดที่ต้องทำสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เดือนอ้ายก้าวเท้าออกจากโชตินันท์แล้วแต่ทำไมถึงยังต้องเอาเท้ากลับเข้าไปอีก
"กูจะเข้าไปคุยพรุ่งนี้"
"พี่อาทิตย์จะช่วยโชตินันท์จริงหรอครับ?"เขามองอีกคนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ความคิดเข้าข้างตัวเองมันเริ่มคืบคลานเข้ามาในใจเรื่อยๆ
"อืม เพราะยังไงโชตินันท์ก็ต้องตกเป็ของศิวาลัยอยู่แล้ว"สิ้นเสียงของพี่อาทิตย์ทำให้คำพูดของเขาจุกอยู่ในลำคอ ไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยอะไรออกไปอีก เดือนอ้ายไม่น่าคิดเข้าข้างตัวเองจริง
"ครับ"
"ส่วนเื่ของขมิ้น"
"อ้ายผิดเองครับ"ใบหน้าสวยก้มหน้าหลบสายตาคมที่มองมา ในใจเขาก็รู้สึกผิดแต่มันก็สมควรแล้วที่โดนแบบนั้น
"เหตุผลคืออะไร"
"ครับ?"เค้าเงยหน้ามองพระอาทิตย์ด้วยสายตาใ เขาไม่คิดว่าอีกคนจะถามหาเหตุผลกับตัวเองด้วยซ้ำ
"กูไม่คิดว่ามึงจะทำอะไรไม่มีเหตุผลหรอกนะ"อาทิตย์รู้ว่าถ้าเดือนอ้ายจะทำเื่อะไรแบบนี้ก็คงต้องมีเื่อะไรเสียก่อนเพราะเป็มาั้แ่เด็ก
"ั้แ่อ้ายมาที่นี่ก็มีข่าวลือร้ายๆถูกส่งบอกต่อกันไปทั่วทั้งไร่ อ้ายไม่รู้ว่าอะไรทำให้คนเข้าใจแบบนั้นในตอนแรก จนวันนี้อ้ายไปที่สวนองุ่น"ในขณะที่พูดมือเล็กก็กำแน่นระบายความอึดอัดในใจ
"อ้ายเห็นพี่ขมิ้นพูดกับคนในไร่ว่าอ้ายไปอ่อยเขียว แถมยังบอกว่ารู้ทุกเื่ของอ้ายด้วย.."เมื่ออาทิตย์ได้ยินที่ร่างเล็กพูดจบก็ถอนลมหายใจออกมาทันที
"แต่อ้ายรู้ว่าอ้ายทำเกินไปจริงๆ อ้ายขอโทษ"เดือนอ้ายจับมือหนาขึ้นพร้อมกับมองตาอีกคน
"ต่อไปนี้อย่าทำแบบนี้อีก"
"ครับ.."
"ถ้ามีคนพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับให้มาบอกกู"ใบหน้าคมของพี่อาทิตย์ยื่นเข้ามาใกล้เขาจนหัวใจเริ่มเต้นไม่เป็จังหวะเสียแล้ว "เข้าใจไหม?"
"ขะ..เข้าใจแล้วครับ"
"กูจะไล่ขมิ้นออก แล้วเดี๋ยวกูจะเรียกคนงานทั้งหมดมาคุยเื่มึง"
"ทำแบบนั้นมันจะดีหรอครับ?"เขากลัวว่าพวกคนงานจะเกลียดเขามากกว่าเดิมอีก
"ก็ถ้าพวกนั้นจัดการตัวเองไม่ได้ว่าอันจริง อันไหนปลอม กูก็จะคัดออกให้หมด"ร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมวางมือไว้บนหัวของเขา "ตอนเด็กไม่เห็นจะร้องไห้ ทำไมโตมาร้องบ่อยวะ?"
สายตาของอีกคนในตอนนี้ ไม่รู้ทำไมทำให้เดือนอ้ายนึกถึง่วัยเด็กเหลือเกิน หัวใจของเขาสั่นจะแย่อยู่แล้ว อาการแบบนี้เท่ากับว่าเขาหวั่นไหวกับอีกคนมากเสียกว่า
"จริงด้วย! พอดีนึกขึ้นได้ว่าต้องไปรีดเสื้อ อ้ายขอตัวก่อนนะครับ!"ร่างเล็กลุกขึ้นยืนด้วยความไวก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไปทันที ทิ้งร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
เมื่ออาทิตย์เห็นว่าอีกคนขึ้นห้องไปแล้ว ตัวเองก็เดินเข้าไปในห้องทำงานตัวเองอย่างเงียบๆ เอกสารมากมายถูกตั้งไว้บนโต๊ะ นับว่าเป็ครั้งแรกที่อาทิตย์ยอมปล่อยงานค้างไว้บนโต๊ะแบบนี้ถึงสามวันเพราะ้าจับตาดูภรรยาตัวเอง
งานทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะจะต้องเสร็จภายในวันนี้และพรุ่งนี้เขาจะต้องไปที่โชตินันท์สักหน่อย ยอมรับว่าแอบหงุดหงิดเล็กน้อยที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับลูกค้าของโชตินันท์ยกเลิกสัญญา มันแทบไม่มีทางเป็ไปได้เลยด้วยซ้ำไปที่จะเกิดเื่นี้ขึ้น
ความไว้วางใจที่รักษากันจากรุ่นสู่รุ่นกลับถูกพลิกคว่ำไปง่ายๆ อาทิตย์คิดว่ามันอาจจะมีเื้ับางอย่างที่ไม่มีใครรู้ โทรศัพท์มือถือถูกยกขึ้นมาก่อนจะกดต่อสายหาเลขาตัวเองทันที ไม่นานนักอีกคนก็รับสาย
(นี่มันเลยเวลางานแล้วนะพี่)เสียงเพลงดังจากปลายสายทำให้รู้เลยวว่าอีกคนกำลังอยู่ในสถานบันเทิง
"มึงออกมา กูมีเื่จะคุย"
(อ่าๆ กำลังเดินออกแล้วจ้า)อาทิตย์รอให้เสียงเพลงเงียบลงก่อนถึงจะพูด
"ไปสืบมาว่าพวกลูกค้าที่ยกเลิกสัญญากับโชตินันท์มันไปเซ็นสัญญากับบริษัทอะไร"
(มีพวกยกเลิกสัญญาด้วยเหรอพี่?)
"อืม ตอนนี้โชตินันท์กำลังมีปัญหา"
(แล้วคือยังไงพี่ก็ต้องเข้าไปช่วยหรอ)
"แล้วมึงจะให้บริษัทอื่นไปช่วยเหลือไง ยังไงโชตินันท์ก็ต้องตกเป็ของศิวาลัยอยู่แล้วตามข้อตกลง"
(ถามจริงดิ ได้ข่าวว่าหัวหน้าตระกูลโชตินันท์ยังอยู่นะ ทำแบบนี้ก็เหมือนแช่งให้เขาตายไวๆดิพี่)
"กูไม่ได้พูด มึงพูดเองนะ"
(หวยลงที่ผมอีกแล้ว สรุปมีแค่นี้ใช่ไหม?)
"พรุ่งนี้เข้ามาด้วย กูจะพาเดือนอ้ายไปด้วย"
(แล้วพี่ไม่ขับรถมาอ่ะ?)
"กูจะมีเลขาไว้ทำไม?"
(อ่อครับ)
"แค่นี้"อาทิตย์กดตัดสายทันทีหลังจากที่พูดจบ และก็หันมาโฟกัสเอกสารที่วางกองรวมกันอยู่ตรงหน้า ดูเหมือนว่าคืนนี้จะอีกยาว จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น อาทิตย์ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูก็ไม่พบอะไร สายตาเหลือบไปเห็นกาแฟที่วางอยู่ในถาดตรงพื้นพร้อมกับโน้ตที่เขียนเอาไว้
'ขอบคุณครับพี่อาทิตย์ (รูปหัวใจ)'
ร่างสูงเผยรอยยิ้มผุดขึ้นหลังจากที่อ่านโน้ตแผ่นเล็กก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานที่เดิม ร่างเล็กที่แอบอยู่ตรงมุมบันไดก็ค่อยๆเดินออกมา เขามองเห็นรอยยิ้มนั่นของพี่อาทิตย์ก็ดีใจแทบแย่ สงสัยคืนนี้ของเดือนอ้ายคงจะฝันดีมากแน่ๆ
เท้าเล็กค่อยๆเดินขึ้นห้องอย่างเงียบเฉียบ เมื่อถึงเตียงนอนก็พร้อมทิ้งตัวดิ่งลงทันทีด้วยความเหนื่อยล้า เขาหวังว่าพี่อาทิตย์จะทำงานเสร็จไวๆแล้วได้พักผ่อนสักที ไม่นานนักร่างเล็กก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปโดยสมบูรณ์
ตลอดการเดินทางจากราชบุรีมาถึงกรุงเทพไม่มีเสียงพูดคุยเกิดขึ้น เดือนอ้ายไม่อยากรบกวนอีกคนเท่าไหร่นักเพราะเมื่อเช้าตื่นมาก็พบว่าอีกคนยังคงทำงานอยู่ในห้องทำงานและดูเหมือนว่าจะไม่ได้นอนทั้งคืนด้วย เมื่อมานั่งบนรถไปสักพักพี่อาทิตย์ก็หลับไปแล้ว อีกไม่กี่นาทีก็จะถึงบริษัทโชตินันท์แล้ว
ร่างเล็กมองไปตามเส้นทางถนนก็พบว่ามันก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ การที่ได้ไปทำงานอยู่ที่ไร่ศิวาลัยเหมือนจะมีความสุขมากกว่าการอยู่ในเมืองเสียอีก ในที่สุดรถยนต์หรูสีดำก็จอดเทียบหน้าตึกสูงตั้งอยู่ใจกลางเมือง เขาหันไปมองอีกคนที่นั่งข้างกลางก็พบว่าอีกคนนั้นตื่นแล้ว
เดือนอ้ายเดินลงจากลงก่อนจะตามด้วยอาทิตย์ออกมายืนข้างกาย ร่างสูงในชุดสูทสีดำนั่นดูดีจนละสายตาแทบไม่ได้ เหล่าพนักงานบริษัทที่เห็นก็ต่างหันไปซุบซิบกันใหญ่ ภาพเหล่าทำเอาร่างเล็กได้แต่กลอกตามองบน ความหึงหวงแล่นเข้ามาในความคิด มองกันเข้าไปเถอะ ยังไงพี่อาทิตย์ก็เป็ของเขา
"ไปเลยไหมครับ?"เขาฉวยโอกาสเกาะแขนอีกคนแน่นพร้อมกับจะเดินเข้าไปในบริษัทแต่ก็ถูกรั้งด้วยร่างสูงที่ไม่ยอมเดิน
"ปล่อยมือออกจากแขนกูได้แล้ว"ร่างเล็กยอมปล่อยมือออกจากแขนอีกคนก่อนจะแอบทำสีหน้าบึ้งตึงใส่เลขาที่เดินมาด้านข้าง เดือนอ้ายเอาป้องปากก่อนจะพูดออกอย่างไร้เสียงว่า 'พี่อาทิตย์ใจร้ายอีกแล้ว'
'สู้ๆครับ'
เขาอยากจะบ้าตายจริงๆ เดือนอ้ายก็สู้มาตลอดนั่นแหละแต่พี่อาทิตย์ชอบสู้กลับแบบนี้จะให้เขาทำยังไงได้ ร่างเล็กเดินตามอีกคนขึ้นลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นบนสุด แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะขึ้นลิฟต์ตามอีกคนไป ร่างสูงก็พูดออกมาดักไว้เสียก่อน "มึงไม่ต้องขึ้นไป เื่นี้เป็ของผู้ใหญ่"
"อ้ายโตแล้วนะ!"
"ไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟ กูคุยเสร็จแล้วจะลงมา"
"แต่อ้ายอยากไปด้วย"ใบหน้าของพี่อาทิตย์เ็ายิ่งกว่าน้ำแข็งอีก สายตาคมถูกส่งไปให้เลขาพร้อมกับออกคำสั่ง
"ไอ้โจ พาเดือนอ้ายไปร้านกาแฟ"
"ครับ"เดือนอ้ายถูกจับไหล่สองข้างหันหลังไปทางอื่นทันที เขาอยากจะทุบพี่อาทิตย์ขึ้นมาจริงๆ ร่างเล็กส่งสายตาไม่พอใจไปที่โจที่เดินอยู่ข้างหลัง
"ทำไมทำแบบนี้ล่ะโจ ไหนบอกจะช่วยกันไงเล่า!"
"ผมไม่อยากถูกตัดเงินเดือนนี่ครับ สายตาเมื่อกี้ทำเอาขนลุก"ว่าจบก็ทำท่าทีกอดแขนตัวเองสองข้าง
"อย่าเว่อร์ไปหน่อยเลยน่า พี่อาทิตย์ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก"
"คุณเดือนอ้ายยังไม่เคยเห็นตอนเ้าสัวโกรธล่ะสิ"จะว่าไปก็จริงอย่างที่โจพูด ั้แ่เด็กเขาก็ไม่เคยเห็นพี่อาทิตย์จะโกรธใครเลย แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ดีก็ตาม
นึกแล้วก็อมยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกคนเคยโดนรุ่นพี่มหาลัยมาหาเื่แต่พี่อาทิตย์ก็ยังคุยด้วยเหตุผลอยู่ดี สุดท้ายก็ได้มาหนึ่งหมัดกลับมาแถมยังมาเล่าให้เขาฟังอีกว่ารุ่นพี่พวกนั้นไม่รู้เื่เลยทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ตอนนั้นตัวเดือนอ้ายนั่นโกรธแทนเป็ฟืนเป็ไฟแต่พี่อาทิตย์ไม่โกรธเลยแม้แต่นิดเดียว เขาก็โล่งใจที่อีกคนไม่เป็ไรมาก ถือว่าโชคดีไป ถ้าหากพี่อาทิตย์เป็หนักถึงเข้าโรงพยาบาลล่ะก็นะ ตอนนั้นมีหวังเขาจะไปเอาคืนทั้งที่ตัวเองสูงน้อยกว่าหมาอีก เพราะตอนนั้นพี่อาทิตย์เหมือนเป็โลกทั้งใบของเขาเลยด้วยซ้ำ
"แหนะ ยิ้มอะไรน่ะ"
"อะไรเล่า!"
"คุณเดือนอ้ายคิดอะไรไม่ดีกับเ้าสัวแน่ๆ"เขาล่ะอยากเอาใบหน้าเ้าเล่ห์ของเลขาพี่อาทิตย์ไปทิ้งจริงๆ
"ไม่มีอะไรสักหน่อย! เราจะสั่งชาเขียวแล้ว เอาไรไหม"
"ไม่เป็ไรครับ คุณเดือนอ้ายเข้าไปนั่งในร้านไปก่อนนะครับ ผมไปห้องน้ำก่อน"
"อื้อ"ร่างเล็กเดินเข้าไปในร้านกาแฟก่อนจะสั่งเมนูโปรดของตัวเอง พร้อมกับเดินไปนั่งรอ สายตายังคงมองไปด้านนอกกระจกโดยไม่ได้สนใจว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้ามา แรงสะกิดจากด้านหลังทำให้เขาสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนจะหันไปมอง
"อ้าย! พี่คิดถึงจังเลย"ร่างเล็กถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดด้วยความเร็ว อิงดาวลูบหลังเล็กเบาๆก่อนจะผละออก เขามองอีกคนก่อนจะเผยยิ้มจางๆ
"พี่อิงดาวมาทำอะไรที่นี่"
"พี่ได้ยินว่าอ้ายจะมาที่บริษัทก็เลยมาที่นี่เพราะคิดถึงอ้ายน่ะ"ไม่รู้ว่าทำไมการที่อีกคนบอกคิดถึงเขา มันทำให้เขาไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด
"อ่า แบบนี้นี่เอง"
"พี่นั่งด้วยได้ไหม?"
"นั่งสิ"ร่างบางนั่งลงกับเก้าอี้ตรงข้ามเขาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
"นี่พี่ว่าจะถามเลยว่าอยู่ที่นั่นเป็ไงบ้าง? สบายดีใช่ไหม?"
"อ้ายสบายดีครับ ที่นั่นก็ต่างจากที่นี้เยอะเลย" ต่างตรงที่มีความสุขกว่าที่นี่เยอะ
"แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ พี่เห็นเรามีความสุขก็ดีแล้ว แล้วเ้าสัวเขาดีกับรึเปล่า.."
"พี่เขาดีกับอ้ายมากเลยครับ"อิงดาวรู้สึกใเล็กน้อยที่น้องชายฝาแฝดตัวเองไม่ได้เรียกอีกคนว่าเ้าสัวแต่ดันเรียกอีกคนว่าพี่
"คงสนิทกันแล้วล่ะสิ"
"ครับ สนิทกันมาก"เขาแค่พูดออกไปเพราะ้าดูปฏิกิริยาของอีกคน ซึ่งอิงดาวแสดงออกให้เดือนอ้ายเห็นอย่างชัดเจน เขาดูออกว่าอีกคนกำลังเสียดาย
เดือนอ้ายรู้ว่าจริงๆแล้วคนรักของอิงดาวคือใคร และความสัมพันธ์มันเป็เช่นไร ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คือทำตัวเหมือนรักแต่จริงๆไม่ได้รักกันแล้ว ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าพี่ชายฝาแฝดไม่มีท่าทีหลงรักผู้ชายคนนั้นหลงเหลืออยู่แล้ว แถมเขายังเคยเห็นแฟนของพี่อิงดาวควงกับคนอื่นอีก ความสัมพันธ์ที่แปลกดีเหมือนกันและเขาก็ไม่อยากยุ่งด้วยหรอก
"ได้ยินแบบนั้นก็สบายใจ พอดีพี่ได้ยินว่าเ้าสัวเขาลืมรักเก่าไม่ได้น่ะก็เลยเป็ห่วงอ้าย"มือเล็กที่กำลังจะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มชะงักลงพร้อมกับมองหน้าคนที่อยู่ตรงข้าม
"พี่คิดว่าการพูดแบบนี้มันดีจริงๆหรอครับ?"
"หมายความว่าไงหรอ?"เมื่อเห็นอีกคนยังทำหน้าตาซื่อใสใส่เขา ร่างเล็กก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
"อ้ายว่าการที่พี่มาพูดเื่นี้มันไม่ให้เกียรติพี่อาทิตย์และก็คนรักเก่าของพี่เขาด้วย"
"พี่ขอโทษนะ! พี่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้อ้ายคิดมาก อ้ายอย่าโกรธพี่เลยนะ"
"นี่พี่เข้าใจที่อ้ายบอกบ้างไหม? การที่พี่พูดเื่นี้ในที่สาธารณะแถมยังทำตัวเหมือนชาวบ้านขี้นินทามันไม่ดีเลยนะครับ"
"..."
"ระวังจะเสียภาพลักษณ์ดาราที่พี่สร้างมาหน่อยสิ เขาจะรักใครอยู่หรือไม่รักก็เื่ของเขา"
"พะ..พี่ขอโทษนะ"เขาแอบมองเห็นมืออีกคนก้ำแน่นอยู่ใต้โต๊ะ ชัดเจนว่าพี่อิงดาวจงใจพูดให้เขารู้สึกไม่ดี
"คนที่พี่ควรขอโทษคือพี่อาทิตย์ไม่ใช่อ้ายมากกว่า"เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะพอดี ร่างเล็กอาศัยจังหวะนี้ออกตัว "อ้ายขอตัวนะครับ"
เดือนอ้ายเดินออกมาจากร้านกาแฟทันทีก่อนจะรับโทรศัพท์โดยไม่ทันสังเกตว่าใครโทรมา "ฮัลโหลครับ"
(มึงครับใส่กูไหมวะ?)
"เควินหรอ?"
(ช่วยมองชื่อคนโทรก่อนรับได้ไหม! กูนาวินโว้ย)
"อ้าว เสียงมึงคล้ายกันนี่ ขอโทษทีน้า"
(ไม่ต้องมาอ้อนเลย ได้ข่าวว่ากลับกรุงเทพใช่ป่ะ)
"ใช่แล้ว จะชวนไปเที่ยวหรอ"
(รู้ได้ไง)ทำไมเขาไม่รู้ว่าสองแฝดมันชอบเที่ยวจะตายไป
"ทำไมกูจะไม่รู้ล่ะ จะไปที่ไหน"
(ไปผับโปรดกัน คิดถึงดนตรีว่ะ)
"เอาดิ เจอกันสองทุ่ม"
(ได้ดิค้าบ)
ร่างเล็กกดวางสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ดูเหมือนว่าพี่อาทิตย์ก็น่าจะวุ่นทั้งวัน อีกอย่างกว่าจะกลับราชบุรีก็มะรืน เดือนอ้ายมองเห็นโจที่เดินมาก็เข้าไปหาทันที
"โจพาเราไปที่นี่หน่อยนะแล้วเดี๋ยวตอนกลางคืนเรากลับเองโจไม่ต้องมารับโอเคป่ะแล้วก็ไม่ต้องเป็ห่วงน้า"
"ครับ?"สารภาพตามตรงเมื่อกี้โจฟังไม่ทันทีที่ร่างเล็กพูดออกมาเลยสักนิดเดียวนอกจากที่เห็นรอยยิ้มหวานอยู่ตรงหน้านี่แหละ สงสัยคงเป็เื่ที่โจอาจจะซวยอีกแล้ว
"จะไปเที่ยว"
"เที่ยวไหนครับ?"
"ผับ"
"ไม่ได้นะครับ! ไม่ได้เลย ไม่ได้ๆๆๆๆ ไปไม่ได้"
"ทำไม..."ร่างเล็กทำสีหน้าหงอยลงทันที โจที่เห็นก็อดสงสารไม่ได้แต่ว่านึกถึงคำสั่งเ้าสัวแล้วก็ 'ห้ามให้เที่ยวกลางคืน'
"เ้าสัวสั่งไว้ครับ ผมให้ไปไม่ได้จริงๆ"
"ก็ถ้าโจไม่บอก เราไม่บอก ก็ไม่มีใครรู้นะโจ"
"คือว่า"
"โจ...นะๆ"สีหน้าอ้อนของเดือนอ้ายยิ่งเห็นก็ยิ่งใจอ่อนเป็น้ำ สุดท้ายก็เผลอรับปากกาออกไปไม่รู้ตัว
"ก็ได้ครับ.."
"เยส!"
"แต่ว่าห้ามเกินสี่ทุ่มนะครับ วันนี้เ้าสัวประชุมเสร็จสี่ทุ่ม"
"ได้เลย! เราจะรีบกลับทันที"ร่างเล็กยิ้มรับพร้อมเกี่ยวก้อยสัญญา พร้อมกับเดินลั้นลาไปที่รถ โจได้แต่เดินตามไปอย่างคอตก อยู่ดีไม่ว่าดีจริงเลย หาเื่ซวยแล้วไง หวังว่าเ้าสัวจะจับไม่ได้ว่าอีกคนหนีไปเที่ยวแล้วกันนะ ถ้าจับได้ก็ถือว่าโจห้ามแล้ว โจห้ามจริงๆนะพี่ชาย
กลับมากรุงเทพครั้งนี้จะไม่ให้ไปเจอเพื่อนก็ไม่ได้สิ คิดถึงพวกนั้นจะแย่อยู่แล้วเชียว พี่อาทิตย์ก็ไม่ได้สนใจอะไรเขามากอยู่แล้ว เื่แค่นี้อีกคนก็ไม่น่าจะว่าอะไรด้วย สิ่งที่สำคัญสำหรับพี่เขาก็มีแค่ธุรกิจเท่านั้นแหละนะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้