สำหรับประธานอู๋ของบริษัทภาพยนตร์ชิงหุ้ยคนนี้ เหยาหลานก็รู้จัก ในวงการถือว่าเป็คนมีอำนาจไม่น้อย พอมีความสามารถ เล่ากันว่าธุรกิจพี่ชายคนโตของประธานอู๋ยิ่งใหญ่มาก ดังนั้นจึงได้กำเริบอย่างนี้ แต่ตอนนี้ ทำไมคนที่เจียงไป๋เรียกมาแค่พูดไปไม่กี่คำก็ทำให้อู๋เทียนตาขาวได้แล้ว?
ตบหน้าหลายทีแบบนี้ ยังจะเหลือความอวดดีอยู่อีกหรือ?
“นี่เจียงไป๋เป็ใครกันแน่? ยังมีหวางเป้าคนนั้นอีก … ทำไมอู๋เทียนได้ยินชื่อเขาแล้วถึงได้กลัวขนาดนี้? ผอ.จินก็มีมารยาทกับเขามาก? ดูท่าแล้วเหมือนจะไม่ใช่ผู้นำระดับสูงอะไรแล้ว … ”
แค่ชั่วขณะเหยาหลานก็เกิดความสับสนภายในใจ ดวงตาที่งดงามคู่หนึ่งเบิกกว้าง สังเกตแต่ละคนไปมา
ั้แ่ต้นจนจบ ผอ.จินไม่พูดแม้แต่คำเดียว
เขารู้ว่าวินาทีที่หวางเป้าแนะนำตัวเองนั้น เขาก็ไม่มีบทบาทแล้ว
ปกติอู๋เทียนก็เป็คนน่ารัก สินน้ำใจในทุกๆ เทศกาลวันสำคัญก็ไม่เคยขาด พี่ชายที่ได้ยินมาว่ามีอำนาจมากคนนั้นก็ถือว่าสนิทสนมกับเขาอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้มีเื่เดือดร้อนสองเื่ก็ล้วนเป็เขาที่จัดการให้ หากเป็มิตรภาพก็ยังพอมี แต่ใครสั่งให้เขารนหาที่ตายไปล่วงเกินเพื่อนของเ้าพ่อจ้าวกัน?
นี่เป็การรนหาที่ตายชัดๆ!
หากพี่ชายเขารู้เข้า จะฆ่าเขาหรือไม่ หรือจะส่งตัวให้เ้าพ่อจ้าว?
ผอ.จินช่างคิดร้ายเสียจริง
ทั้งเหตุการณ์กินเวลาไปหลายนาทีแล้ว ในห้องนอกจากเสียงตบหน้าไม่หยุดของอู๋เทียน ก็ไม่มีเสียงอะไรอีก
เหยาหลานไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ผอ.จินกับหวางเป้ามาเพราะเื่ของเจียงไป๋ แน่นอนว่าพวกเขายิ่งไม่พูด
สำหรับเจียงไป๋ เหมือนจะลืมเื่ของอู๋เทียนไปแล้ว มัวแต่กินเนื้อเส้นหยูเซียง และปลาดาบเงินใหญ่ผัดเผ็ด เขากินอย่างเอร็ดอร่อยจนไม่คิดที่จะหยุด
ระหว่างที่ไม่รู้ตัวมุมปากของอู๋เทียนก็มีเืแดงฉานแล้ว
คนที่ติดตามเขาสองคนนั้นก็งงเป็ไก่ตาแตก อ้าปากอย่าง้าจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดแม้แต่คำเดียว
สำหรับอีกคน เขาออกไปั้แ่เมื่อไรก็ไม่รู้ และก็ไม่รู้ว่า้าจะทำอะไร
การกระทำของคนคนนั้นล้วนอยู่ในสายตาของเจียงไป๋กับหวางเป้า แต่ก็ไม่ได้หยุดไว้ พวกเขาอยากจะคอยดูว่าคนของอู๋เทียนจะไปเชิญคนใหญ่คนโตหน้าไหนมาช่วย?
“ปั้ง!”
จู่ๆ ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกคนถีบจนเปิดออก วินาทีต่อมา ชายวัยกลางคนที่หน้าตาคล้ายกับอู๋เทียน แต่มีอายุมากกว่าคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
พอเขาเข้ามา คนที่อยู่ด้านหลังสิบกว่าคนก็เดินเรียงตามเข้ามา
ผู้ชายที่สวมชุดสูทสีดำ สวมแว่นตา บนใบหน้าด้านซ้ายมีรอยมีดลึกๆ รอยหนึ่ง เขาเพิ่งจะเดินเข้ามา น้ำเสียงที่โกรธเคืองก็ดังขึ้น “ผอ.จินจัดได้ใหญ่โตมาก น้องชายที่ไม่เอาไหนของผมมันล่วงเกินคุณแล้วอย่างไร? จำเป็จะต้องทำอย่างนี้กับมันหรือ? คุณจะไม่ไว้หน้าผมสักหน่อยเลยหรือ! ผอ.จินคุณนี่เปลี่ยนเร็วมาก เดือนก่อนผมเพิ่งจะช่วยคุณลงไปทางใต้โดยเฉพาะ คุณนี่อย่างไรพอใช้งานเสร็จก็ถีบหัวส่งแล้วใช่ไหม”
เมื่อ ผอ.จินได้ยินคำนี้แล้วสีหน้าก็แย่ทันที และก็อยากจะอธิบายอะไร แต่พอปริปากก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จึงยังคงหุบปากเงียบตามเดิม
เขารู้ว่าเื่นี้ตอนนี้เขาพูดไม่ได้แล้ว จริงๆ เื่นี้เขาก็ไม่ใช่ตัวเอก
สำหรับที่ว่าใช้งานเสร็จก็ถีบหัวส่งนั้น เหมือนจะเกินไปหน่อย …
แต่ใครสั่งให้น้องชายของนายมีตาหามีแววไม่!
“โย่ว ผมก็ว่าใครกันช่างเก่งกาจอย่างนี้ นี่ไม่ใช่ว่าเป็พี่ชายคนโตของตระกูลอู๋หรือ? ทำไม นี่คือน้องชายของนาย? จุ๊ๆ งานผิดกฎหมายทำมากไปแล้วล่ะสิ ถึงได้คิดว่าตนเองเป็ผู้มีอิทธิพลมืดเสียจริงๆ แล้ว?”
ผอ.จินไม่พูดอะไร แต่หวางเป้าที่นั่งอยู่ตรงนั้น คาบบุหรี่หรี่ตาพลางปริปากพูด
แค่ประโยคเดียวก็ดึงดูดชายวัยกลางคนที่กำลังโมโหได้แล้ว หลังจากเห็นหวางเป้า สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนทันที อาการหวาดกลัวบนใบหน้าเผยออกมาอย่างไม่หยุด และก็ไม่สนใจอู๋เทียนที่ยังคงตบหน้าตนเองอยู่จนหน้าบวมเป่ง เืตรงมุมปากก็ไหลลงมาที่เสื้อจนเปียกชุ่ม แต่เขากลับถามอย่างระมัดระวังว่า “เ้าพ่อเป้า ไอ้เด็กนี่ล่วงเกินคุณแล้วหรือ?”
แค่พริบตาเดียวความโกรธก็สลายหายไปหมด แทนที่ด้วยอาการระมัดระวังตัว
“ล่วงเกินฉัน? เหอะๆ ไม่ใช่ ก็แค่ล่วงเกินสหายของฉันเท่านั้น”
หวางเป้าหัวเราะเสียงดังพลางพูดอย่างไม่ใส่ใจ ั้แ่ต้นจนจบเขาก็ไม่ได้ลุกจากเก้าอี้เลย และชี้ไปที่เจียงไป๋ซึ่งกำลังกินอย่างตะกละตะกลาม
“สหายน้อยท่านนี้เป็เพื่อนของคุณ? คิดไม่ถึงว่าไอ้เด็กสารเลวนี่จะไปล่วงเกินสหายของเ้าพ่อเป้า ช่างรนหาที่ตายจริงๆ! แต่ว่า เ้าพ่อเป้าก็น่าจะสั่งสอนพอแล้วใช่ไหม ขอให้ผมพาไอ้นี่กลับไปได้ไหม ไอ้สารเลวนี่ถึงแม้จะไม่เอาไหน แต่อย่างไรก็เป็น้องชายแท้ๆ ของผม ตอนที่แม่ของผมไม่อยู่แล้วก็ได้ฝากฝังมันให้ผมดูแล ผมจะไม่สนใจก็ไม่ได้ คุณเป้ากับสหายท่านนี้เพียงแค่ยอมเห็นแก่หน้า ผมอู๋จงก็ซาบซึ้งเป็อย่างยิ่ง พรุ่งนี้ … ก็พรุ่งนี้ ผมจะจัดเลี้ยงที่นี่ร้อยโต๊ะเพื่อเป็การขอโทษทั้งสองท่านดีไหม?”
สีหน้าอู๋จงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มองเจียงไป๋ด้วยสายตาที่แปลกใจ และพูดอย่างให้ความเกรงอกเกรงใจเป็ที่สุด
ตอนที่พูดคำนี้ ในน้ำเสียงยังแฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว
ถึงแม้ว่าอู๋เทียนจะล่วงเกินหวางเป้า แต่อย่างไรก็เป็น้องชายแท้ๆ ของเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องปกป้อง ถึงจะต้องล่วงเกินหวางเป้าก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ได้คิดที่จะปะทะกับหวางเป้า
“เฮ้อ ฉันหวางเป้าเป็นักรบ ไม่มีใครไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา หากเป็แค่สหายของฉัน ที่ว่าสองร้อยโต๊ะของนายน่ะก็ถือว่าพอเถอะ แต่สหายคนนี้ของฉันไม่ใช่แค่สนิทกับฉัน แต่ยังเป็เพื่อนของเ้าพ่อจ้าว วันนี้ตอนที่สหายของฉันโทรศัพท์มา เ้าพ่อจ้าวก็อยู่ด้วย หากไม่ใช่เพราะสุขภาพไม่ดี เ้าพ่อจ้าวก็คงจะมาหานายเพื่อพูดคุยด้วยตัวเองแล้ว!”
หวางเป้าแสยะยิ้มพลางพูดอย่างไม่สนใจ
ที่พูดแบบนี้ก็เพราะเห็นแก่มิตรภาพของเจียงไป๋ ในขณะเดียวกันก็สะกิดอู๋จงสักหน่อยว่า เจียงไป๋ไม่ใช่ว่าจะแหย่ได้ง่ายๆ แค่อาหารร้อยโต๊ะก็แก้ไขไม่ได้หรอก
“เพื่อนของเ้าพ่อจ้าว?”
สีหน้าของอู๋จงแปรเปลี่ยนไปอีก สายตาที่มองเจียงไป๋นั้นรู้สึกงงงวย
เ้าพ่อจ้าวมีเพื่อนเด็กขนาดนี้ั้แ่เมื่อไร?
หรือว่าหวางเป้าโกหกเขา?
แต่วินาทีต่อมา ความคิดของเขาก็สลายหายไปหมด
เพราะว่าเสียงของหวางเป้าดังขึ้นอีกครั้ง “พูดไปพูดมาสหายคนนี้ของฉันนายก็ไม่เคยเห็น แต่นายก็น่าจะเคยได้ยิน ่ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งพบปะกับจางฉางเกิง เหอะๆ ทำให้พ่อลูกสองคนนั้นเสียเปรียบไปไม่น้อยเลย ตอนนี้คอยตามประจบประแจงสหายของฉันคนนี้ทั้งวัน”
“เจียงไป๋?”
อู๋จงหลุดพูดออกมา สีหน้าก็แปรเปลี่ยนอีก
เขามีอำนาจมาก แต่กับคนที่มีอำนาจใหญ่โตอย่างจางฉางเกิงก็ยังห่างไกล จางฉางเกิงเสียเปรียบไปมาก ทำให้คนคนเดียวจัดการจนเรียบ แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินแล้ว โดยเฉพาะยังได้ยินมาอีกว่าคนคนนั้นยังกลายเป็แขกที่ได้รับเชิญของเ้าพ่อจ้าว ตอนนี้ไม่ว่าใครพูดถึงเขาก็ต้องเรียกขานอย่างเคารพว่าคุณเจียง
คนที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้ หรือว่าจะเป็คนแกร่งที่สู้กับคนหลายร้อยคนแถมยังมีปรมาจารย์วูซูจีนอีกหนึ่งคนอย่างนั้นหรือ?
“แกนี่มันไม่เอาไหน ไม่เอาไหนจริงๆ … ”
อู๋เทียนล้มลงกับพื้น เื่นี้ยังไม่จบ ทางด้านอู๋จงก็ยังคงไม่ยั้งมือ เขาเตะต่อยจนอู๋เทียนร้องไม่หยุด ในที่สุดแม้แต่แรงจะพูดก็ล้วนไม่มีแล้ว
“พอแล้ว คุณอู๋ เื่นี้ก็พอแค่นี้เถอะ”
ในระหว่างที่อู๋จงซัดอย่างเต็มที่ ในที่สุดเจียงไป๋ที่ดื่มกินจนอิ่มก็เรอออกมาแล้วเขายังพูดอย่างี้เีต่ออีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้