ใช่แล้ว เช่นนั้นเื่นี้จะทำอย่างไรดีเล่า?
ยามนี้เจียงจื่อเฮ่าทำตัวหยิ่งผยอง เขาทำคอตั้งและคางนั้นก็เชิดราวกับนกยูงผู้สูงศักดิ์ สายตาเหล่มองไปทางใบหน้าของฮวาเหยียน ดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความโล่งอกและสบายใจหลังจากที่กลัดกลุ้มมานาน
ตี้หลิงหานไม่อยากพูดอะไรกับลูกพี่ลูกน้องที่แสนโง่เขลาของตนเองอีก แววตาระแวงสงสัยของพ่อลูกตระกูลมู่ยังคงสะท้อนอยู่เบื้องหน้าเขาและมันก็เป็ความรู้สึกที่มิอาจอธิบายได้
ตี้หลิงหาน องค์รัชทายาทผู้สง่างาม เพียงเพื่อเสาะหาดอกบัวพันปี ถึงกับต้องใช้วิธีการเช่นนี้เลยหรือ? บังคับจุมพิต?
เฮอะ…
ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำของเขาถือว่าเป็การดูถูกมู่อันเหยียน
...
ทันใดนั้นบรรยากาศโดยรอบพลันเงียบสงบลง เจียงจื่อเฮ่าเมื่อเห็นว่าไม่มีพูด เขาก็หันมองไปรอบๆ ตรงนั้นที ตรงนี้ที สุดท้ายสายตาเขาก็มองไปที่ฮวาเหยียน ชายหนุ่มพ่นลมหายใจเ็าออกมา "พูดก็พูดนะ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ เมื่อสักครู่นี้เ้ายังพูดอยู่เต็มปากเต็มคำเลยไม่ใช่หรือ? ว่าไม่ใช่เ้าที่เอาไป และยังบอกอีกว่าข้ากลั่นแกล้งเ้า เหตุใดตอนนี้ถึงไม่พูดอันใดแล้วเล่า หือ?”
เจียงจื่อเฮ่าอยากทำลายนางเพื่อแย่งชิงชื่อเสียงของตัวเองกลับมาสักหน่อย
ฮวาเหยียนหรี่ตาลงมองไปที่เจียงจื่อเฮ่า
นางเป็สตรีประเภทที่มีรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ งดงามจนคนตะลึง แต่ใบหน้าของนางเ็า ดวงตาของนางดุร้ายโเี้ราวกับใบมีด เจียงจื่อเฮ่ารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อได้เห็น ในวินาทีต่อมาเขาก็ได้ยินฮวาเหยียนพูดว่า "เจียงจื่อเฮ่า จงใช้เวลาที่ข้ายังอดทนได้อยู่ให้ดีๆ ทางที่ดีเ้าควรเงียบเสีย เพราะคนที่มีสิทธิ์ที่จะพูดน้อยที่สุดก็คือเ้า"
คำพูดของฮวาเหยียนที่เอ่ยออกมานั้นไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย
สีหน้าของเจียงจื่อเฮ่ากลายเป็ซีดขาว
“เหตุใดข้าถึงไม่มีสิทธิ์พูดกันเล่า ดอกบัวพันปีนี้ ข้าเสียแรงไปมากกว่าจะได้มันมา แต่เ้ากลับขโมยมันไปจากข้า! ”
เขาโมโหยิ่งนัก
ดวงตาของฮวาเหยียนเย็นเฉียบ นางเม้มริมฝีปากบางแน่น จนถึงตอนนี้ นางรู้ตัวดีว่าไม่ควรจะพูดมากเกินไป
คำพูดของเจียงจื่อเฮ่าทำให้ตระกูลมู่ขุ่นเคืองเป็อย่างยิ่ง โดยเฉพาะท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่ของตระกูลมู่ที่ส่งสายตาคมดั่งมีดพุ่งตรงมาทางเขา แม้แต่เด็กชายตัวน้อยที่มีนามว่าหยวนเป่าเองก็จ้องมองเขาเช่นกัน
“ท่านลุงเจียง ท่านไม่มีสิทธิ์พูดถึงท่านแม่ของข้าเช่นนั้น”
ในยามนั้น หยวนเป่าซึ่งนอนอิงแอบอยู่บนตัวของมู่เสวียนเย่พลันพูดขึ้น
เขาจ้องไปที่เจียงจื่อเฮ่า ดวงหน้าเล็กเต็มไปด้วยความโเี้ เด็กน้อยะโลงมาจากตัวของมู่เสวียนเย่ ก่อนจะเดินไปที่ด้านข้างของฮวาเหยียนและจับมือนาง ใช้แรงบีบมือของนาง นี่เป็การปลอบใจของลูกชายที่แสนกตัญญูเปี่ยมไปด้วยยี่สิบสี่คุณธรรม
“เ้าเด็กน้อยคนนี้นี่...”
เจียงจื่อเฮ่าโมโหแทบบ้า ยามที่เขาได้ยินคำพูดของหยวนเป่า ชายหนุ่มพลันหันกลับไปโต้กลับ ทว่ากลับเห็นหยวนเป่าควานหาอะไรบางอย่างในอกเสื้อของตนเอง ทันใดนั้นหนังสือสัญญาพลันปรากฏอยู่ในมือเขาด้วยความรวดเร็ว เด็กน้อยยกมันขึ้นสูง ดวงตากลมโตคู่นั้นปกคลุมไปด้วยไอหมอกและโทสะ พลันได้ยินเสียงอ่อนโยนของหยวนเป่าเอ่ยขึ้นว่า "ท่านลุงเจียงท่านรู้หรือไม่ว่านี่คือสิ่งใด?”
แน่นอนว่าเจียงจื่อเฮ่ารู้ดี นั่นคือสัญญายืมเงินสองหมื่นตำลึงที่เขาได้ลงนามเอาไว้
เด็กคนนี้กล้าดีอย่างไรถึงหยิบมันออกมา?
“ท่านถูกพิษทั้งห้า มิหนำซ้ำยังถูกนักฆ่าไล่ล่า ชีวิตนั้นแขวนไว้อยู่บนเส้นด้าย ลำพังตัวท่านเองยังไม่อาจต้านทานกำลังได้เลยแม้แต่น้อย เป็ท่านแม่ของข้าที่ช่วยชีวิตท่านเอาไว้ ท่านแม่ให้ยาแก้พิษแก่ท่านและรับของตอบแทนแทนคำขอบคุณเป็เงินหนึ่งหมื่นตำลึง นอกจากนี้ท่านยังขอนั่งเกวียนลาของข้าอีก ข้าจึงขอเรียกเก็บค่าตอบแทนเป็เงินหนึ่งหมื่นตำลึง แต่ท่านบอกว่าท่านไม่มีเงินติดตัว ข้าและท่านแม่จึงทำหนังสือสัญญากับท่าน นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเรานั้นใจดีกับท่านและไม่ได้เอาเปรียบอะไรท่านเลยแม้แต่น้อย”
หยวนเป่ากางหนังสือสัญญาที่มีลายมือของเจียงจื่อเฮ่าอยู่ให้ทุกคนมองเห็นได้อย่างชัดเจน
แม้ว่าเสียงของเด็กน้อยจะเยาว์วัยยิ่งนัก แต่คำพูดกลับชัดเจนรวมไปถึงความคิดอ่านนั้นก็ชัดแจ้งยิ่ง
อายุยังน้อย แต่เขากลับอธิบายเื่ราวด้วยท่าทีที่เหมาะสม ไม่หยิ่งยโสและไม่ทำตนต่ำต้อย ถือว่าเป็อุปนิสัยที่ไม่ธรรมดา
"ใช้่เวลาไฟไหม้ขโมยทรัพย์สิน [1] บังคับเอาทองสองหมื่นตำลึงจากข้า เ้ากล้าดีได้อย่างไรที่บอกว่าเ้าไม่ได้เอาเปรียบข้า? เฮอะ"
เมื่อเจียงจื่อเฮ่านึกถึงเื่เมื่อสามวันก่อน ในใจพลันยากที่จะสงบได้ เมื่อครู่เขาถูกเด็กถาม พาให้รู้สึกเสียหน้า ทั้งน้ำเสียงของเด็กน้อยนั้นยังเยาะเย้ยเ็ายิ่ง
หลังจากที่คำพูดนั้นสิ้นสุดลง หยวนเป่าพลันส่ายหัวอย่างเคร่งขรึมจริงจัง "ท่านลุงเจียง ท่านเป็ผู้ใหญ่ ท่านย่อมรู้ดีมากกว่าเด็กอย่างข้า ฐานะของท่านทั้งสูงส่งและอายุก็ไม่มาก ชีวิตนี้ของท่าน เกรงว่าทองเป็พันหรือหมื่นตำลึงก็ไม่อาจซื้อกลับมาได้"
“นั่นก็ใช่ ชีวิตของคุณชายเช่นข้า มีทองพันตำลึงก็ไม่อาจแลกได้”
เจียงจื่อเฮ่ารู้สึกว่าคำพูดของเด็กน้อยคนนี้ค่อนข้างน่าฟัง ในวินาทีต่อมาเขาพลันได้ยินหยวนเป่าเปิดปากกล่าวต่อว่า "ดังนั้น การที่ท่านแม่ของข้าได้ช่วยชีวิตของท่านเอาไว้และรับเงินจากท่านมาสองหมื่นตำลึงก็ถือว่าเป็จำนวนที่ไม่มาก ท่านแม่กับข้าได้คุยกับท่านอย่างชัดเจน ไม่ได้นำเื่บุญคุณที่ช่วยชีวิตมาบีบบังคับเลย มีการเขียนหนังสือสัญญาด้วยหมึกดำกระดาษขาวที่ถือเป็สัญญาการแลกเปลี่ยนซื้อขายของทั้งสองฝ่ายซึ่งได้บรรลุเรียบร้อยแล้ว เมื่อแยกย้ายลาจากก็จะกลายเป็คนแปลกหน้าต่อกัน... "
คำพูดของหยวนเป่านั้นดีและสมเหตุสมผลยิ่งนัก
มู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่ต่างก็แสดงความชื่นชมผ่านสายตาของพวกเขา อายุเพียงห้าขวบแต่กลับมีวาจาคารมคมคายรวมถึงความคิดความอ่านที่ไม่ธรรมดา อีกทั้งยังมีท่าทีที่เหมาะสม ไม่หยิ่งทะนงและไม่หยิ่งผยอง ไม่สูญเสียกริยาท่าทางของสายเืตระกูลมู่!
เมื่อพูดถึงเื่นี้ เสียงของหยวนเป่าพลันโเี้ขึ้นมาทันที “แต่ท่านเป็คนใจบาป ท่านไม่เพียงแอบลักลอบตรวจสอบตัวตนของพวกเรา ท่านยังแสร้งล้มเพื่อตรวจสอบวิทยายุทธ์ของท่านแม่ ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังขโมยป้ายหยกประจำตัวที่ติดตัวแม่ไปด้วย...
ท่านไม่ทำตามกฎก่อนแต่มาโกรธท่านแม่ทีหลัง ดังนั้นท่านแม่จึงใช้วิธีเดียวกันกับที่ท่านทำ"
หยวนเป่าพูดทุกคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความดุร้าย
หยวนเป่าพูดจนเจียงจื่อเฮ่าหน้าแดงก่ำ ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงเริ่มพูดอย่างตะกุกตะกัก "แต่ แต่ป้ายหยกประจำตัวนั่นเป็ของปลอม"
“ดังนั้นแล้ว นี่คือเหตุผลที่ท่านลืมบุญคุณจนหมดสิ้นหรือ? ”
หยวนเป่าเอ่ยถามอย่างเ็า
เขาร้องะโใส่ท่านลุงเจียงจื่อเฮ่า แรกเริ่มเขาแสดงความสุภาพ สิ่งที่เขาพูดนั้นสมเหตุสมผล 'ป้ายหยกประจำตัวปลอม' ของเจียงจื่อเฮ่านี่เท่ากับเป็การยอมรับแล้วว่าสิ่งที่หยวนเป่าพูดนั้นเป็ความจริง
ในยามนั้น ใบหน้าของเจียงจื่อเฮ่ากลายเป็สีแดงก่ำจริงๆ หลังจากที่ถูกอบรมจากเด็กอายุห้าขวบ เขาไม่สามารถแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาได้
"ท่านแม่ของข้า คือแม่ที่ดีที่สุดในโลก"
หยวนเป่าเงยหน้าขึ้นอีกครั้งในขณะที่เอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา
...
ฮวาเหยียนมองไปยังร่างเล็กของหยวนเป่าที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาทุ่มเทแรงกำลังทั้งหมดเพื่อที่จะปกป้องนางเอาไว้ หัวใจของนางร้อนรุ่ม การที่นางมีบุตรชายเช่นนี้ นางก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องปรารถนาอีกแล้ว
เมื่อสิ้นคำพูดของหยวนเป่า สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่เขาจนแทบจะทิ่มตัวเขาให้เขาให้มีรู โดยเฉพาะพ่อลูกตระกูลมู่ เขาไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าหากดวงตาสามารถฆ่าคนได้ เกรงว่าเขาจะต้องตายเป็ร้อยเป็พันครั้ง
ในยามนั้น หยวนเป่าได้ถอยกลับไปยืนด้านข้างมู่เอ้าเทียน มู่เอ้าเทียนเอื้อมมือออกไปกอดเขา หยวนเป่ามอบหนังสือสัญญาเงินสองหมื่นตำลึงในมือของมู่เอ้าเทียน "ท่านตา ข้าเกรงว่าท่านคงต้องไปที่จวนตระกูลเจียงเพื่อรับเงินสองหมื่นตำลึงแล้ว ตระกูลเจียงเป็หนี้ตระกูลมู่อยู่นะขอรับ"
“ได้ เด็กดี เ้าพูดถูก ั้แ่สมัยโบราณเงินทองมีค่า แต่ความรู้สึกของมนุษย์นั้นประเมินค่าไม่ได้ เปิ่นหวางย่อมจะต้องไปหาเจียงถิงและพูดคุยกับเขาแน่นอน”
ทันทีที่สิ้นเสียง สัญญาก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา
เจียงจื่อเฮ่าอยากจะร้องไห้โดยไร้น้ำตา เขาอยากจะคุกเข่าให้หยวนเป่า ตระกูลมู่กับเขาดวงชะตาไม่ถูกกันเสียจริง ถ้าเขาบอกเื่นี้กับท่านพ่อ เขาต้องถูกทุบอีกครั้งแน่
ดวงหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น เขามองไปทางตี้หลิงหานเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าดวงตาของตี้หลิงหานนั้นลึกล้ำเคร่งขรึม สายตาของเขามองไปทางร่างน้อยของเด็กที่มีนามว่าหยวนเป่า มองไม่เห็นสีหน้าอย่างชัดเจน ทว่าท่าทางดูราวกับมีความชื่นชม เ็า และเย่อหยิ่งปะปนกันอยู่
เมื่อมองไปที่เด็กน้อยอายุห้าขวบที่มีนามว่าหยวนเป่า เด็กน้อยผู้แสนงดงามราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ องคาพยพงดงามโดดเด่นั้แ่เด็ก แต่เจียงจื่อเฮ่าในยามนี้กลับเหม่ออยู่ในภวังค์ เขารู้สึกเหมือนเห็นเงาร่างใหญ่และร่างเล็กทับซ้อนกัน เหมือนพ่อกับลูก
เจียงจื่อเฮ่าส่ายหัว รู้สึกตะลึงงัน…
เชิงอรรถ
[1] ใช้่เวลาไฟไหม้ขโมยทรัพย์สิน การเอาเปรียบคนเสียประโยชน์ไปแสวงหาประโยชน์ส่วนตน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้